วันที่ 20 มกราคม 2559 นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ควรจะเติบโตได้อย่างน้อย 3.5% เพราะรัฐบาลได้มีการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้าน และเริ่มเห็นผลเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งการลงทุนภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน เพื่อให้เกิดโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ดีขึ้นตามไปด้วย คาดว่าปีนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะขยายตัวได้ 6-7 %

“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ถือว่าเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากมาตรการต่างๆ เป็นไปในทางที่ดี”นายบัณฑูร กล่าว

นายบัณฑูรเปิดเผยว่าในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลนั้น ขณะนี้ธนาคารก็ต้องรักษาความสมดุล ระหว่างการปล่อยสินเชื่อกับสภาพเศรษฐกิจ เพื่อดูแลไม่ให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น

ส่วนปัญหาภัยแล้ง ยอมรับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่ากังวล ขณะนี้รัฐบาลกำลังสื่อสารไปยังทุกหน่วยถึงความจำเป็นในการจัดสรรการใช้น้ำ ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค เศรษฐกิจ และเกษตรกรรม ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน

สำหรับมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อเสถียรภาพการเมืองไทย มีความหลากหลาย แต่ระบบการเมืองไทยมีเหตุการณ์ไม่เป็นปกติที่ต้องมีการเข้ามาดูแล ไม่เกิดการชุมนุมประท้วง และให้เศรษฐกิจเดินได้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนมองไทยดีขึ้น สะท้อนได้จากการเดินทางมาท่องเที่ยวและการลงทุน

ความเห็นนักธนาคารเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3 -4 %

นายบัณฑูร ล่ำซำ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2559 จะเติบโต 3.5 - 4% จากปี 2558 ขยายตัว 2.8% โดยมาจากการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นต่างๆ ซึ่งจะทำให้สินเชื่อของธนาคารปีนี้ขยายตัวได้ 6-7%  ที่มองเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้านั้นเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น การลงทุนทั้งในและต่างประเทศก็ชัดเจนมากขึ้น แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะปัจจัยจากเศรษฐกิจภายนอกยังผันผวน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใกล้เคียงกัน คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-3.5% จากการผลักดันโครงการภาครัฐที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 รถไฟทางคู่ เป็นต้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่น่าจะเข้ามาช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตไปได้

แต่หากการลงทุนภาครัฐไม่ได้เกิดขึ้นในปีนี้อย่างที่คาดหวัง จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น

นายอาทิตย์ เห็นว่าสิ่งที่น่ากังวลคือ ความผันผวน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากต่างประเทศที่ทำให้กำลังซื้อของโลกอ่อนลง ปัจจัยเสี่ยงนั้นธนาคารยังคงกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆ ด้าน ทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ,ราคาน้ำมัน ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุด

นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) มองเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตได้ราว 3-4% ประเด็นสำคัญอยู่ที่การลงทุนของภาครัฐ ถ้าภาครัฐขับเคลื่อนนโยบายได้ตามที่ประกาศเอาไว้ เชื่อว่าจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ราว 4%

แต่หากภาครัฐผลักดันการลงทุนเหล่านี้ออกมาไม่ได้ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจทำได้เพียง 3%

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างพุ่งประเด็นการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศอยู่ที่การลงทุนภาครัฐ ซึ่งต้องจับตามองกันต่อไปว่านโยบายลงทุนต่างๆของรัฐจะขับเคลื่อนออกมาได้ตรงกำหนดหรือไม่ และนโยบายเหล่านั้นต้องสร้างประโยชน์ที่จับต้องได้แก่คนไทยโดยส่วนรวม

ที่มา thaitribune

Create Date : 21 มกราคม 2559
Last Update : 21 มกราคม 2559 19:43:24 น.		0 comments
Counter : 294 Pageviews.
Share Tweet