ศาลฎีกาสั่งจำคุก 2 ปีชูวิทย์ไม่รอลงอาญาคดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิทปี 2546
ศาลฎีกาสั่งจำคุกชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 2 ปีไม่รอลงอาญาคดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิทย์ 10 ตั้งแต่ปี 2546 ศาลชี้การเปลี่ยนคำรับสารภาพไม่มีเหตุบรรเทาโทษจะต้องรับสารภาพตั้งแต่ศาลชั้นต้น เผยจำเลยขาดรวม 20 คนหนึ่งในนั้นมีพ.ท.หิมาลัย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม 2559 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย จำเลยคดีรื้อบาร์เบียร์ เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา,นายเติมตระกูล บุตรชาย และผู้ติดตาม เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อมาถึงนายชูวิทย์เดินไปไหว้พระพุทธรูปประจำศาล ด้านหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นนายชูวิทย์กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมเป็นตัวอย่างให้นักการเมืองและประชาชนทั่วไปเห็นว่าตนไม่หนี จะอยู่ตรงนี้และยอมรับคำพิพากษา แม้ว่าตนจะถอนคำให้การที่เคยปฏิเสธ มาเป็นการยอมรับสารภาพก็เป็นวิธีทางกฎหมายที่ได้สู้จนนาทีสุดท้าย ผมไม่เคยคิดแม้วินาทีเดียวที่จะหลบหนีไปนั่งจิบไวน์บนเรือยอชต์ ถ้าวันนี้จะติดคุก ถูกสื่อมวลชนนำไปพาดหัวยังไงก็พร้อม นายชูวิทย์กล่าว และว่าวันนี้ตนพร้อมที่จะฟังคำพิพากษาโดยนำพระติดตัวมาด้วย เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่าศาลอาจจะลงโทษสถานเบา นายชูวิทย์กล่าวว่า ปาฏิหาริย์อาจจะมีจริง แต่ตนก็ไม่ได้หวังขนาดนั้น เมื่อถามว่า แต่หากศาลลงโทษยืน 5 ปี แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะขออภัยโทษหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่าก็จะขึ้นรถบัสไปใช้ชีวิตนักโทษในเรือนจำตามปกติเพราะเคยเป็นมาหมดแล้วทั้งเจ้าพ่อ หัวหน้าพรรค ตนเป็นได้ทุกอย่าง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสัมภาษณ์แล้วระหว่างกำลังจะเดินขึ้นศาล นายชูวิทย์ได้ยกมือไหว้พร้อมกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ผมไม่อยู่ แล้วจะคิดถึงผม ต่อมาเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้ดำเนินการเช็คชื่อจำเลยที่มาศาล เบื้องต้นยังขาดจำเลยอีก20 คน หนึ่งในนั้น คือ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (บก.สส.) จำเลยที่ 128 ภายหลังจากนั้น ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว โดยศาลเห็นว่า แม้นายชูวิทย์จะได้ยื่นคำให้การใหม่ จากปฏิเสธมาเป็นรับสารภาพเมื่อปลายปี 2558 เพื่อขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงอาญา แต่ศาลเห็นว่าการสารภาพของนายชูวิทย์ไม่เป็นเหตุให้บรรเทาโทษได้ เพราะการรับสารภาพควรจะกระทำตั้งแต่ศาลชั้นต้น อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางส่วนจนเป็นที่พอใจและถอนฟ้องแล้ว นอกจากนี้ยังได้บริจาคที่ดินบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ให้เป็นประโยชน์สาธารณะ จึงมีเหตุบรรเทาโทษ พิพากษาแก้ให้จำคุกนายชูวิทย์ จำเลยที่ 129 เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาจากเดิมที่ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 5 ปี ส่วน พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป อดีตนายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จำเลยในคดีรื้อบาร์เบียร์ ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกคนละ 2 ปี 6เดือน โดยไม่รอลงอาญา ทั้งนี้ เสธ.แอ๊ปไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลจะออกหมายจับเพื่อนำตัวมารับโทษต่อไป เบื้องหลังคดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิท 10 คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้และกลุ่มผู้ค้า รวม 44 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัดและพวกรวม 130 คน เป็นจำเลยที่ 1-130 (คดีรื้อบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10)ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น. ของวันที่ 26 มกราคม 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็คโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 กทม. เสียหายราบเป็นหน้ากลอง เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิม เพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ ภายหลังตำรวจสืบสวนสอบสวนจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสิ้น จำนวน 131 คน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ขณะที่คดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้จำคุกนายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กับพวก รวม 66 ราย คนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และในจำนวนนี้จำเลยได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกา 44 คน ที่มา thaitribune
Create Date : 28 มกราคม 2559 |
Last Update : 28 มกราคม 2559 18:32:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 293 Pageviews. |
|
|