ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก“ตู่ จตุพร”6 เดือนฐานหมิ่นประมาท“มาร์ค”สั่งฆ่าประชาชนปี 2553

ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก “จตุพร พรหมพันธุ์” 6 เดือนความผิดฐานหมิ่นประมาท “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สั่งฆ่าประชาชนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมปี 2553 สั่งปรับเงิน 5 หมื่นบาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี เผยมีอีกหลายคดีที่อภิสิทธิ์ฟ้องระหว่างอุทธรณ์และฎีกา

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มีนาคม 2559 ที่ห้องพิจารณา 710 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1008/2553 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2553 - 15 ก.พ. 2553 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง และประชาชนที่รับฟังและชมโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ที่มีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ทำนองว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชน และหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ

การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าโจทก์เป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยมสั่งฆ่าประชาชน หนีทหาร เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, 326, 332 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า ที่โจทก์หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารนั้น พยานเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ขัดแย้งกันในบางส่วน ถือว่าจำเลยติชมด้วยความสุจริต เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามความเหมาะสม

ส่วนที่จำเลยปราศรัยว่า โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีสั่งปราบปรามและฆ่าประชาชน เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเพื่อยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ได้ติชมด้วยความสุจริตใจ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ให้ลงโทษจำคุก 6เดือน ปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย

ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า ประเด็นที่นายจตุพร จำเลยปราศรัยว่านายอภิสิทธิ์ โจทก์หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร เพราะจำเลยเชื่อข้อมูลผลการสอบสวนของจเรทหารบก เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารและการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการ แม้ภายหลังโจทก์จะชี้แจงแล้วว่าได้ผ่อนผันทหารพร้อมมีหลักฐานประกอบ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ไปดำเนินการเพื่อแก้ไขรายงานผลการสอบสวนให้ถูกต้อง

นอกจากนี้ ในช่วงเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านได้ตั้งกระทู้ถามในรัฐสภา เพื่อตรวจสอบโจทก์ในประเด็นดังกล่าวในฐานะที่เป็นนักการเมืองเช่นกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทให้ยกฟ้อง

ส่วนประเด็นที่จำเลยปราศรัยเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2553 ระบุว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โจทก์มีการวางแผนจัดตั้งมวลชนมาปะทะกับคนเสื้อแดงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้อมปราบคนเสื้อแดงนั้น ในชั้นพิจารณาจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่ามีการประชุมวางแผนดังกล่าว และภายหลังก็ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่จำเลยกล่าวอ้าง คำปราศรัยดังกล่าวเกินเลยจากความเป็นจริงก็เพื่อให้มวลชนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเชื่อจำเลยและเข้าใจว่าโจทก์เป็นตนสั่งทำร้ายคนเสื้อแดง

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ทางด้านนายจตุพร ประธาน นปช.กล่าวภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ขอขอบคุณศาลที่เมตตา ศาลได้ยกฟ้องกรณีที่ตนกล่าวหานายอภิสิทธิ์เรื่องหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ส่วนที่ตนพูดเรื่องปราบปรามประชาชน ศาลก็ได้ลงโทษจำคุก6 เดือน แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้

นายจตุพรเปิดเผยว่าคดีที่ตนถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาท ขณะนี้มีทั้งหมด 6 กรณีที่ปรากฏอยู่ใน 4 สำนวน และคดีส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นอุทธรณ์และฎีกา มีทั้งยกฟ้องและให้รอการลงโทษ มีอยู่เพียง 1 คดีที่ศาลไม่รอการลงโทษซึ่งคดีนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่พระพุทธะอิสระยื่นหนังสือให้อัยการยื่นคำร้องถอนประกันในคดีก่อการร้าย ว่า ตนได้ปรึกษาทนายความแล้วคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยื่นคัดค้านคำร้องที่พระพุทธะอิสระขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาล ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวของตนในคดีก่อการร้ายปี 2553 เรื่องนี้ตนไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นสิทธิของตนที่แสดงความคิดเห็น

นายจตุพรกล่าวว่าตนไม่ได้พูดว่าพระพุทธะอิสระต้องปาราชิก เพราะตนไม่ให้ความนับถือและไม่ได้มองพุทธะอิสระเป็นพระอยู่แล้ว และไม่เคยเห็นพระที่ไหนไปเปิดโรงแรมพร้อมเรียกเอาค่าเสียหายจากโรงแรม ส่วนเรื่องที่ตนออกมาวิจารณ์ต่างๆ เพื่อปกป้องสมเด็จพระสังฆราช เพราะตนก็เคยเป็นลูกศิษย์วัดบวรฯ

นายจตุพรกล่าวว่า ในวันที่ตนไปยื่นค้านคำร้องของพุทธะอิสระนั้น ตนจะทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าในคดีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอส่งความเห็นสมควรสั่งฟ้องจำเลยกว่า 50 คน โดยได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปให้พนักงานอัยการแล้ว 30 กว่าคน แต่ที่ผ่านมาอัยการยื่นฟ้องต่อศาลไปเพียง 4 คน จึงอยากทำหนังสือสอบถามอัยการว่าผู้ต้องหาที่เหลือ เหตุใดจึงยังไม่ส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล

ทั้งนี้พระพุทธะอิสระเองก็มีคดีความเกี่ยวกับการชุมนุมถึง 9 คดี ซึ่งมีคดีที่มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต และจำเลยทั้ง4 คนที่อัยการส่งตัวฟ้องไปก่อนหน้านั้นก็เป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน ตนแค่อยากได้ความเป็นธรรม อย่างคดีก่อการร้ายของกลุ่ม นปช.ตนก็ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในคุก ก่อนจะได้ประกันตัว

ที่มา thaitribune




Create Date : 03 มีนาคม 2559
Last Update : 3 มีนาคม 2559 9:32:41 น. 0 comments
Counter : 265 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.