บอลประเพณี “ที่สิ้นมนต์ขลัง” โดย เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน เขียนถึงฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯที่สิ้นมนต์ขลังไปแล้ว โดยปกติวันบอลประเพณีถือเป็นวัน “จุฬฯ-ธรรม ศาสตร์”ครองเมือง ป้ายที่เขียนว่า “มีทหารไว้ทำไม ใครกล้าถาม”และ “มีไว้ห้าม ป้ายผ้า ผู้กล้าถือ” เป็นผลงาน “กลั่นแก่นปัญญาชน” คนธรรมศาสตร์ นึกว่า พวก นปช.เสื้อแดง สวมรอยธรรมศาสตร์ชูป้าย!? โดยสรุปก็คือ “พวกเฒ่าเที่ยงคืนน่ะ ยกประโยชน์ให้ เพราะอยู่ในวัย อีกไม่นานก็เป็นปุ๋ย” ดังนี้.....

 

บอกตรงๆ บอลประเพณี "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" เมื่อวันเสาร์ (๑๓ ก.พ.๕๙) ทำให้ต้องคิดหนัก!

ย้อนไปประมาณ ๔๐ ปี เอาเท่าที่ผมจำได้

ไม่นับอันธพาลครองเมือง ๒๔๙๙ แล้ว........

วันแข่งบอลประเพณีของทุกปี คือวัน "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" ครองเมือง!

ทุกคน-ทุกรุ่น-ทุกเพศ-ทุกวัย-ทุกจังหวัด ไม่เพียงศิษย์เก่า-ศิษย์ใหม่-ศิษย์ปัจจุบัน

รวมทั้งศิษย์ประเภท "ธรรมศาสตร์คลองด่าน" และ "จุฬาฯ-สำเหร่" ก็กินไม่ได้-นอนไม่หลับ ตื่นเต้น รอคอยไปกับเขาด้วย

ถึงวันแข่ง ตะวันยังไม่ทันเลียขอบฟ้าดี ไม่ว่าหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ตรอก-ซอก-ซอยไหน

ใครรู้ตัวว่าเป็นศิษย์สถาบันไหน ก็งัดเสื้อชุดกีฬา "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" มาใส่ เหมือนฝูงผึ้งบินออกจากรัง พรั่งพรู ปรากฏให้เห็นไปทั่วทุกทิศ

ยิ่งในกรุงเทพฯ ด้วยแล้ว.........!

รถจี๊ป รื้อประทุนออก ขับตระเวนรับเพื่อนๆ เบียดๆ อัดๆ โหนๆ ห้อยๆ เฮๆ ฮาๆ หนุ่มเหน้า-สาวสวย ฉวัดเฉวียนไปตรงนั้น-ตรงนี้ ทั่วกรุง ก่อนไก่

โหย....เห็นแล้วอิจฉาจนตาไฟไหม้

เพราะมันเท่ อ่ะ!

เชื่อมั้ย การปะทะแข้งระหว่างจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ฮิตยิ่งกว่าบอลโลก ยิ่งกว่าศึกแดงเดือด

เป็นข่าวหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ ติดต่อกันเป็นเดือน การต่อ-รอง ใครจะชนะใคร เข้มจนข้นคลั่ก

หนังสือพิมพ์แต่ละค่าย แข่งขันสืบเสาะข่าวมาเสริมสีสันแต่ละวัน หูย...บอกตรงๆ หายใจกันเป็นลูกบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

ผมเอง สถาบันดอนหอยหลอด ยังพลอยหอยเต้นไปกับเขา ตกเย็นต้องไปนั่งวิเคราะห์เกาะขวดโขงกับเพื่อนนิสิต ที่มาเป็นนักข่าวฝึกหัดอยู่พิมพ์ไทย ดินแดง ด้วยกันแทบทุกคืน

ก็ร้านเหล้ากลางแจ้ง-กลางซอยข้างจุฬาฯ ที่เป็น "จามจุรีสแควร์" ตอนนี้นั่นแหละ!

อีกไฮไลต์ที่รอคอยกัน คือการแปรอักษร และการล้อการเมือง ส่วนพวกดรัมเมเยอร์ เชียร์ลีดเดอร์ นั่นยังเป็นรอง

กิจกรรม ๒ สถาบันนี้ หล่อหลอมจากรุ่น-สู่รุ่น พัฒนาตัวมันเองสู่ขั้นเป็นประเพณี หรือวัฒนธรรมประจำชาติไปแล้ว!

ต้องพูดกันตรงๆ แข่งบอลน่ะ........

อาจอยู่ในสายเลือดจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

แต่...การล้อการเมือง และการแปรอักษรแข่งกัน-โต้กันสดๆ ระหว่าง ๒ มหาวิทยาลัย

นั่นอยู่ในสายเลือดประชาชนคนไทยยุคนั้น!

อาจถึงขั้นพูดได้ว่า.....

แต่ละช็อต-แต่ละมุก ที่สองสถาบันงัดออกมาล้อซีเรียสในสนาม นั่นคือสิ่งสะท้อน กระดอนจาก "หัวอก-หัวใจ" สังคมไทย

โดยนิสิต-นักศึกษาเป็นผู้ "กะเทาะ" ออกมาทำหน้าที่แทน

.........."มันสาแก่ใจนัก"!

ทำไมมุก "ล้อการเมือง" ของจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เมื่อ ๓๐-๔๐ ปีก่อนจึงสาแก่ใจมวลชน?

คำตอบชัดๆ-ง่ายๆ ตรงๆ คือ........

การเมืองไม่ใช่เรื่อง "หมูสามชั้น" ที่ชาวบ้านก็แล่ได้

แต่มันเหมือนเหมืองหิน-เหมืองทอง ซับซ้อน-ซ่อนเล่ห์-ลึกล้ำ ต้องอาศัยชนชั้น "สถาบันศึกษา" ใช้ปัญญาบัณฑิตสกัด

สถาบันจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ยุคก่อน ต้องยอมรับว่า แต่ละครูบาอาจารย์ ไม่เพียงถ่ายทอดวิชา-ความรู้ ให้ลูกศิษย์เป็นบัณฑิตไปสร้างตัวเท่านั้น

หากแต่ยังถ่ายทอด "จิตวิญญาณ" สู่ร่างศิษย์แต่ละคนให้เป็น "วิญญูชน" เพื่อชาติ ไปสร้างสังคมประเทศด้วย!

ดังนั้น คำว่า "วุฒิภาวะ" ของนิสิต-นักศึกษาสมัยนั้น การแสดงออกผ่านการล้อการเมือง จึงสะท้อนนามสถาบัน

โดดเด่นด้วย "มุมคิด-มุมมอง" เหนือชั้น สมองปัญญาชน.........

ต่อปัญหาและการบริหารประเทศ ผ่านรูปแบบที่เห็นแล้ว ระดับคนตื้น ฮา...ว่า "หยิก-หยอก"

แต่ระดับคนมีราก จะ "เร่าร้อน-พลุ่งพล่าน" ต่อติดความคิดปัญญาชน จนหัวใจการเมืองถีบอก

ทุกการแปรอักษร และทุกช็อตล้อ หนักในเบา-เบาในหนัก แสดงถึงแต่ละสมองของแต่ละสถาบัน กลั่นแก๊กภายใต้ "ความรับผิดชอบ" ที่ตกผลึก

และใช้ "ศาสตร์แห่งศิลป์" เป็นกรอบใส่อีกที!

ยุคนั้น ถ่ายสดเหมือนกัน...........

แต่สด "ด้วยเสียง" ทางวิทยุ กระนั้น ยังมันเข้าไส้ เดินท้ายซอยยันหัวซอย ฟังต่อเนื่องได้จบจนได้กลิ่นถุงตีนนักเตะ

ปีหนึ่ง สังคมบ้านเมือง เหมือนได้รับการปลดปล่อยครั้งหนึ่ง จากการแปรอักษรและการล้อการเมืองในสนามของ ๒ สถาบันนี้

ยุคนั้นถนอม-ประภาส "รัฐบาลทหาร" ของแท้....

แต่การล้อแบบมีศิลป์ ๓ มิติ ดูด้วยกัน บางคนบอกเย็นโล่งโปร่งสมอง บางคนบอกทั้งแสบ-ทั้งคัน

บางคนจิตวิญญาณถูกปลุก พลุ่งพล่านยิ่งกว่าสักยันต์เสือเผ่น!

แต่ด้วย "ความเหนือชั้น" ระดับปัญญาชนนั่นแหละ เจ็บนี้ ฝ่ายถูกล้อจึงต้องกัดฟันบอกว่า

ขอเก็บ...เป็น "เจ็บไว้ที่ใจ"

ขืนทำอะไร โวยวายออกไปก็...อายเค้า!

มาระยะหลังๆ อาจจะว่า นับจากพฤษภาทมิฬ ปี ๓๕ เรื่อยมา ในขณะที่สังคมโลกก้าวหน้า โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมการสื่อสาร

แต่ดูเหมือน "นิยม" ในฟุตบอลประเพณี "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" กลับ...ถอยหลัง!?

ถอยหลังจนกระทั่งเมื่อวันเสาร์ ผมเองที่ติดตามมา ๔๐-๕๐ ปี ยังไม่รู้กระทั่งว่า...วันนี้เขามีการแข่งบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

จะว่าไม่รู้ ก็จะดูดัดจริตไป ก็รู้ตามข่าว แต่รู้แบบผ่านหู-ผ่านตา แต่ไม่ผ่านใจกระหายรู้ว่า จะแข่งกันวันไหน-ที่ไหน?

จนกระทั่งมาอ่านข่าว "มติชนออนไลน์" ก่อนคุยกับท่านนี่แหละถึงรู้ว่าอะไร-เป็นอะไร ไปกันถึงไหนแล้ว

ปรากฏว่า ไม่ไปไหนถึงไหนเลย ......!

จะบอกว่า "ถอยหลัง" ก็ไม่ได้ เพราะในมุมคิด-มุมมอง ที่สะท้อนจากคน ๒ สถาบันวานซืน

เอ้า...บอกว่าเจ๋ง

แต่สิ่งที่ปรากฏ ดูแล้วมันตื้นเขิน สะท้อนตัวตนนักศึกษาและครูบาอาจารย์ที่บ่มเพาะวันนี้มากกว่า

ว่านี่...ระดับปัญญาชน หรือระดับวัวชน!?

จึงพูดไม่ได้ว่า "ถอยหลัง" เพราะข้างหลัง คือสมัยก่อนนั้น การแปร-การล้อ ทุกช็อต "ไว้ลาย" สถาบันและชนชั้นปัญญาระดับบัณฑิตผู้มีจิตวิญญาณ!

จะนำจากข่าวมติชนออนไลน์ท่อนหนึ่งมาให้ดู เขารายงานทางด้านธรรมศาสตร์ อ่านดูนะ

"สำหรับบรรยากาศภายในสนามฯ เมื่อขบวนล้อการเมืองนำโดยกลุ่ม 'อิสระล้อการเมือง 71' โดยในปีนี้ขบวนล้อการเมืองเริ่มจากขบวนมีชื่อว่า โดยหุ่นตัวแรกใช้ชื่อว่า

'อีเจี๊ยบ เลียบด่วน' ตามด้วย 'กะลาแลนด์ Ban ประชา' ต่อมา คือหุ่นล้อการเมือง 'ดาร์ธไหน โกงไวเฟร่ออออ!'

ต่อมา หุ่นล้อชื่อว่า 'ฟรีซแลนด์ ห้ามคว่ำ ห้ามเผยอ เดี๋ยวเจอกัน'

ตามมาด้วย หุ่นล้อการเมืองชื่อว่า 'ตั่วเฮียที่รัก' มาในสโลแกน 'มองซ้ายขวา หาใคร ไยไม่พบ จำประจบ พบเสี่ย เลียพี่ใหญ่ เสี่ยจับมอม ล่อเหยื่อ ด้วยรถไฟ เสี่ยจัดไป 3 ล้านล้าน สำราญพุง'

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ขบวนสุดท้ายจะออกจากสนาม เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงหน้าที่นั่งประธาน ได้มีการนำป้ายที่เตรียมไว้มาร่วมในขบวนโดยมีข้อความระบุว่า

'มีทหารไว้ทำไม ใครกล้าถาม' และ

'มีไว้ห้าม ป้ายผ้า ผู้กล้าถือ' รวมทั้งมีการแสดงสัญลักษณ์สามนิ้วปิดปากของผู้ร่วมขบวน ก่อนที่กลุ่มนักศึกษาจะรีบวิ่งออกจากสนามในที่สุด"

นี่จากข่าว ผมดูภาพล้อการเมืองประกอบ มีป้ายผ้าหลายข้อความต่อเนื่อง ป้ายนำ มีว่า

"ความมั่นคง คือกะลา ขังทวยราษฎร์"

ถ้าไม่เห็นกับตาจากภาพว่า นี่คือผลงาน "กลั่นแก่นปัญญาชน" คนธรรมศาสตร์ออกมาละก็

ต้องนึกว่า พวก นปช.เสื้อแดง สวมรอยธรรมศาสตร์ชูป้าย!?

ก็อยากบอกว่า.........

พวกเฒ่าเที่ยงคืนน่ะ ยกประโยชน์ให้ เพราะอยู่ในวัย อีกไม่นานก็เป็นปุ๋ย

แต่เลือดใหม่ "วัยหนุ่ม-สาว" วันนี้ การเรียนแต่ตัว หัวครอบด้วยกะลาเที่ยงคืน

แบบนี้...อนาคตไทย จากทรัพยากรบุคคลธรรมศาสตร์รุ่นใหม่

แล้ว...."ไทยจะได้ตื่นกันกี่โมง?"

ที่มา thaitribune




Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2559 13:27:37 น. 0 comments
Counter : 243 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.