เรื่องสนุกทุกสัปดาห์ “ดึก...คืนนั้น”

"ดึก...คืนนั้น"

"คุณได้ยินฉันไหม ฉันเห็นคุณ ฉันจ้องคุณอยู่ตลอด คุณได้ยินฉันไหม อือ อือ อือ ...."  เสียงจากสายโทรศัพท์ในห้องนอนเงียบไปจนเธอต้องปล่อยเครื่องรับให้หลุดจากมือไปด้วยความตกใจ

เสียงทุ้มกังวานของหญิงอย่างผู้มีอำนาจ มันดูเหมือนว่าต้นทางของเสียงนั้นอยู่ห่างไกลมาก แต่ในความรู้สึกของเธอขณะนั้นเหมือนอยู่ใกล้ นี่เอง

เสียงหัวเราะ แหลมๆ ราวกับจะเยาะเย้ย แว่วมา ทั้งที่ฟังได้จากหูโทรศัพท์ และแม้แต่จะวางหูโทรศัพท์ไปแล้ว

หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน หลังพิงผนังห้อง ไม่กล้าเปิดไฟ เพ่งสายตาฝ่าความมืดไปทางประตูห้องนอนอย่างไม่กระพริบ ค่อยๆ เอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่พื้นมาวางบนแคร่เหมือนเดิม

มันเป็นเสียงใคร ?

เธอจำได้ว่า เมื่อสักพักใหญ่ๆ ใช้โทรศัพท์ในห้องนอนถึงเพื่อนสนิทเพื่อเตือนไม่ให้หลงลืมอุปกรณ์สำคัญที่รวมไว้ในกระเป๋าใบใหญ่แล้ว เพื่อนำไปกาญจนบุรีด้วยกัน

ทันใดนั้นเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เธอตกใจรีบขยับตัวบนเตียงถอยหลังไปชนผนังห้องอีกครั้ง ยกเท้าเข้ามาชิด จนดูเหมือนว่าจะม้วนเป็นวงกลมบนที่นอน

สายเรียกจากโทรศัพท์หลุดไป มันรำไรว่าหัวใจเธอจะหลุดลอยไปด้วยความตกใจ

เธอค่อยๆ คลานบนเตียง แล้วเอื้อมไปจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครสักคน เล่าเรื่องนี้ แต่แล้วก็ชักมือกลับ ลังเล ขยับถอยกลับไปนั่งที่เดิม แล้วฟังเสียงอย่างใจจดจ่อ

เงียบสนิท !!

พลางเธอคิดว่า ไม่น่าหาเรื่องเดือดร้อนที่มาเช่าทาวน์เฮ้าส์เดี่ยว 2 ชั้นหลังนี้ไว้เลย แรกนั้นคิดว่า การใช้เวลาตามลำพังอย่างเงียบ ไม่มีผู้ใดรบกวนแม้แต่น้อย มันต้องเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้เธอทำงานได้รวดเร็วขึ้น และที่สำคัญเป็นงานที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วยและนั่นหมายถึงว่า เธจะได้ค่าจ่างที่มากกว่าปกติด้วย

เธอค่อย คลำเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดหาเพื่อนที่สนิท

"ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด. ...." 

เธอลองอีก เสียงเหมือนเดิม วางโทรศัพท์อย่างท้อใจ เธอค่อย เอื้อมไปหยิบหูโทรศัพท์ในห้องนอนขึ้นมาถือไว้ กด 191 เรียกตำรวจ แล้วยกหูขึ้นแนบไม่มีเสียงใด รับสาย เธอลองอีก 2 ครั้ง ไม่มีเสียงใด

เธอวางหูโทรศัพท์กลับไปที่แคร่ นั่งหมดอาลัยตายอยาก มือสองข้างแนบข้างตัวมันเงียบมาก จนความกลัวเคลื่อนเข้ามาแทนที่ เสียงหายใจยังได้ยิน

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว 

คราวนี้เสียงกังวานข่มความเงียบอย่างน่าสะพรึงกลัว

เธอคว้ามาถือแล้วแนบหูอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตกใจ ขนลุกซู่แทบทิ้งโทรศัพท์ แต่แข็งใจฟังเสียงนั้น มาอีกแล้ว มาอีก

"คุณได้ยินฉันไหม ฉันเห็นคุณ ฉัน ....." เธอตกใจสุดขีด ขว้างหูโทรศัพท์ลงที่พื้นอย่างลืมตัว แล้วส่งเสียงกรีดร้องดังมากอย่างตกใจ และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

เธอคิดวางแผนอย่างรวดเร็วว่า จะเปิดประตูวิ่งออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ ค่อยๆ เดินย่องก้มตัวลงต่ำมาใกล้ประตูทางเข้าออกของห้อง แต่มาหยุดชะงักที่ประตูห้องนอน เพราะต้องลงบันไดไปชั้นล่าง เปิดประตูออกไป จึงจะถึงที่เธอจอดรถไว้ แล้วเปิดประตูรั้วเล็กๆ จึงจะออกไปตามถนนซอยได้

ชั้นล่างเป็นห้องโล่ง แต่จะมีอะไรที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่หรือไม่ ไม่อาจเดาได้

เธอค่อย เดินไปที่หน้าต่าง เหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะ อีก 5 นาทีตี 3 แล้วหรือนี่ ภายนอกมืดสนิท มีฝนตกปรอยๆ พอฟ้าแลบมองเห็นท้องฟ้าที่มีทะมึนอย่างน่ากลัวและดูเหมือนว่าความน่าสะพรึงกลัวนั้น กำลังจ้องมาที่เธออย่างไม่กระพริบตา

ทันใด มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าที่มือถือ เธอหยิบขึ้นมาจ้องที่หน้าจอ มองไม่เห็นว่าโทรมาจากที่ใด เธอไม่กล้ารับจนสายขาดไป

มีเสียงเรียกเข้ามาอีก....

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาแนบที่หู เหงื่อท่วมทั้งลำคอและใบหน้า

"ฮา ฮา ฮา ฉันเห็นคุณตลอด ฮา ฮา ........" และไม่ทันที่จะพูดจบเธอขว้างโทรศัพท์สุดแรงเกิดไปที่ผนังห้องนอน เสียงแตกกระจายลงที่พื้น

และในทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงคนเดิน อยู่บนบ้านชั้นนี้ล่ะ เสียงเข้ามาใกล้ เข้ามาใกล้

เธอนั่งลงรีบเอาหูแนบที่พื้น เสียงเดินใกล้เข้ามาแล้ว

เสียงเดินใกล้เข้ามาอีก ดูว่าเป็นเสียงแผ่วเบาเหมือนไม่ต้องการให้ใครได้ยินในที่สุด เสียงมาเงียบที่ประตู

เธอนั่งคุกเข่าที่พื้นห่างจากประตูเพียงสองวา สะกดตัวเองให้นิ่ง และแทบไม่หายใจ

ไม่มีเสียงใดๆ เธอนิ่งเงียบ ได้ยินเสียงหายใจของตัวเองจนกลั่นนิ่งไว้

และในทันใดนั้น เสียงเคาะประตูเบาๆ เธอเกือบจะโพล่งไป ว่าใครนะแต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ถึงกับหยุดชะงัก

กลัวมาก จ้องไปที่ประตู แล้วหลับตา จนมีหยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม สองแขนทอดไว้ข้างกายอย่างหมดอาลัย หูได้ยินเสียงชัดเจน

เสียงรัวที่ประตู ทันใดนั้น...ประตูเปิดออกอย่างแรง

เธอตกใจสุดขีด ร้องเสียงดัง

หญิงสาวลืมตา มองไปทางซ้ายและขวา มีญาติพี่น้องหลายคน เพื่อนสนิท และเพื่อนที่ร่วมงาน ยืนรายล้อมเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าเป็นห่วง เธอรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง ยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้กองเดินเข้าไปชิดเตียงคนไข้ พลางพูด "คุณปลอดภัยแล้วครับ" แล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป บอกเพียงสั้นๆ ว่า จะกลับไปสถานีตำรวจ

ในห้องสอบสวน มีญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานของหญิงสาวติดตามพนักงานสอบสวนไปที่สถานีตำรวจ ผู้กองหยิบกระเป๋าบรรจุอุปกรณ์การทำงานของหญิงสาวมาวางบนโต๊ะ แล้วหยิบออกจากกระเป๋าทีละชิ้น มีหนังสือเล่มใหญ่บ้างเล่มเล็กบ้างไม่น้อยกว่าสิบเล่ม

พนักงานสอบสวนหยิบขึ้นมาอ่าน

"เล่มแรก Zombie ตายไปแล้ว แต่คืนชีพได้ตามลัทธิวูดู , เล่มต่อไป Freaddy Krueger เป็นเรื่องปีศาจของสัตว์ประหลาดที่เนื้อหนังไหม้ไฟ น่าขนลุกขนพอง เล่มที่สาม Vampires ผีดิบ เป็นเรื่องของมนุษย์ที่ตายไปแล้วกลับฟื้นคืนชีพมาได้อีก

"เล่มนี้ Frankenstein เป็นหนังสือขายดีของชาวอังกฤษที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ .. 1818 อีกเล่มเป็นหนังสือสยองขวัญ The Hill Have Eyes เรื่องของมนุษย์ที่สามาระจะกลายพันธุ์ได้ อีกเล่มเป็นเรื่องของวิญญาณร้ายที่อาศัยอยู่ในปราสาทหลังใหญ่ House so Haunzted และอีกเล่มน่ากลัวมาก Angel Of Death แล้วนี่ ยังมีอีกหลายเล่ม ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน่ากลัวทั้งนั้นผู้กองวางหนังสือแล้วหันมาทางญาติพี่น้องและเพื่อนของหญิงสาว

"หมายความว่าอย่างไรครับ" เสียงญาติพี่น้องพากันไต่ถามด้วยความมึนงง

"เธอพักอยู่คนเดียว คงเครียดมากพนักงานสอบสวนบอก

"ที่แน่ๆ เธอเป็นนักเขียนนิยายประเภทสยองขวัญครับ"

ที่มา thaitribune




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2559 18:19:43 น. 0 comments
Counter : 300 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.