สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558  ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐตกลงอย่างเงียบๆเพื่อที่จะช่วยเหลือประเทศโอมานกลบเกลื่อนข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อจะได้ไม่ให้โอมานอายชาวโลก ถือเป็นการให้รางวัลแก่พันธมิตรที่สนิทของสหรัฐในประเทศอ่าว

เจ้าหน้าที่เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าการเข้าไปแทรกแซงของกระทรวงการต่างประเทศกระทำต่อเจ้าหน้าที่ของตัวเองกรณีข้อมูลของประเทศโอมานที่ระบุว่ามีการบังคับใช้แรงงานและมีการค้ามนุษย์ซึ่งขัดต่อความพยายามที่สภาคองเกรสสหรัฐดำเนินการ  ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวเห็นได้ว่าฝ่ายบริหารรัฐบาลโอบามาได้นำการทูตขึ้นมาเหนือปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยเห็นความสำคัญของประเทศพันธมิตรในอ่าวมาก่อนอื่นใด

รายงานข่าวเปิดเผยว่าหลายสัปดาห์ก่อนที่กระทรวงการต่างประเทศจะพิมพ์รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี ( Trafficking in Persons =TIP) ที่ปรึกษาระดับสูงของนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับรายงานของสำนักงานการทูตตะวันออกกลาง กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเป็นอิสระเพื่อต่อสู้กับการค้ามนุษย์และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เมื่อเดือนเมษายน 2558 สำนักงานตะวันออกใกล้ (Near Eastern Affairs bureau)และสำนักงานอิสระที่ชื่อว่า the Office to Monitor and Combat Trafficking in Persons มีมติร่วมกันว่าประเทศโอมานจะถูกลดเกรดลงจาก“เทียร์ 2” ลงมาเป็น “เทียร์ 2 ที่ต้องจับตาเฝ้ามอง” (Tier 2 Watch List) หรืออยู่เหนือกว่าระดับที่รัฐบาลสหรัฐจะแซงชั่นได้ 1 อันดับ “ รอยเตอร์ได้เห็นด้วยตาจากการบันทึกภายในของสำนักงานทั้งสองแห่ง” รอยเตอร์ระบุ

รายงานระบุว่าประเทศโอมาน ไม่ได้ทำอะไรมากนักในการยกระดับแก้ปัญหาแรงงานคนต่างชาติรวมทั้งแรงงานในประเทศของตน

เมื่อถึงเดือนมิถุนายนที่รายงานนี้จะต้องถูกตีพิมพ์ ปรากฎว่าที่ปรึกษาของนายจอห์น แคร์รี่ ได้ยึดเอกสารทั้งหมด 382 หน้าเก็บไว้ “มีโอมานประเทศเดียวที่ถูกยับยั้งไว้” เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศผู้รับผิดชอบก็ได้รับคำตอบว่ารายงาน Oman TIP ที่จัดทำจะต้องทำข้อมูลให้ถูกต้องและเป็นตามวัตถุประสงค์เท่าที่จะเป็นไปได้ 

การจัดทำรายงานประจำปีรวมทั้งจัดอันดับประเทศที่เรียกว่า TIP นั้นข้อมูลที่นำมาจัดจะมาจากสถานทูตสหรัฐประจำประเทศนั้นๆ,เจ้าหน้าที่จากต่างประเทศ,กลุ่มเอ็นจีโอและองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งข้อมูลการค้ามนุษย์เข้าไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ

ประเทศโอมาน เป็นประเทศเล็กๆแต่ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐจึงหมือนกับการได้รับการยกเว้นจัดอันดับด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเข้ามาแทรกแซง 2 หน่วยงานที่จัดอันดับไปแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากกับการกระทำครั้งนี้ 

รายงาน TIP ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมหรือพิมพ์ล่าช้าไป 5 สัปดาห์และทำให้ประเทศโอมานยังรักษาระดับ  Tier 2 ไว้ได้

รายงานข่าวเปิดเผยว่านายจอห์น แคร์รี่ จะเข้ามาปกป้องโอมานเมื่อเกิดปัญหาการค้ามนุษย์ อีกทั้งเขายังมีสายสัมพันธ์อันดีกับนายยูซูฟ บิล อลาวี รัฐมนตรีต่างประเทศโอมาน ดังนั้นจึงไม่ต้องการเห็นโอมานถูกลดเกรด

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการลดเกรดของโอมาน แต่ยอมรับว่ารัฐมนตรีแคร์รี่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเรื่องการจัดอนดับ TIP “ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเท่านั้นที่เป็นผู้จัดทำรายงาน”

จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2558 พบว่าเกรดที่ได้รับการจัดของกระทรวงการต่างประเทศเรียกว่าจำนวนมากถือเป็น “การจัดอันดับเฟ้อ”(grade inflation) หรือไม่ได้จัดเกรดตามความเป็นจริง  โดยเฉพาะประเทศที่งานทางการทูตจะต้องได้รับการระมัดระวังเช่นประเทศมาเลซีย,จีน,คิวบา,อูเบกิสถานและเม็กซิโก ประเทศเหล่านี้กลับได้รับเกรดเหนือความเป็นจริงตามที่ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงการต่างประเทศด้านสิทธิมนุยชนให้คำแนะนำ กล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นการนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรายงานประจำปี

นายบ๊อบ เมเนนเดซ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตและกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐ ยอมรับว่ารายงานประจำปีนี้เต็มไปด้วยการเมืองที่แย่ไปกว่าเรื่องสิทธิมนุษยชน จะเห็นได้ชัดก็กรณีประเทศโอมานที่สมควรจะถูกลดเกรด 

ในกรณีมาเลเซียจะเห็นได้ชัดเมื่อรอยเตอร์เคยรายงานว่าไม่แตกต่างไปจากประเทศไทยโดยยกกรณีของโรฮีนจา  แต่เหตุที่มาเลเซียได้รับเกรดจากเทียร์ 3 มาเป็น “เทียร์ 2 ที่ต้องจับตาเฝ้ามอง”เป็นเพราะมาเลเซียเป็นหนึ่งใน 12 ประเทศที่สนับสนุนกลุ่มหุ้นส่วนการค้าแปซิฟิก ( PTT) หากลดเกรดมาเลเซียก็จะทำให้มาเลเซียไม่อาจเข้าร่วมกลุ่มได้ ส่วนกรณีของคิวบาก็เช่นกัน เมื่อสหรัฐหันมาสถาปนาทางการทูตกับคิวบา จึงทำให้คิวบาที่เคยถูกสหรัฐกดตลอดมาได้รับเกรดดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

โอมานประเทศโซ่ข้อกลาง

ประเทศโอมานถือว่าเป็นประเทศพันธมิตรที่สหรัฐไว้ใจ ตั้งอยู่ที่ปลายคาบสมุทรอาระเบียน มีประชากร 4 ล้านคน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในภูมิภาคเพื่อช่วยลดปัญหาข้อขัดแย้ง ถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีของตะวันออกกลางและยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับประเทศตะวันตก 

เมื่อปี 2012 สุลต่านกาบูส์ ผู้ปกครองโอมานทำหน้าที่ลับๆติดต่อให้สหรัฐกับอิหร่านได้พบกันที่เมืองมัสกัต(Muscat) ทำให้สหรัฐและอิหร่านได้เจรจากันอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1979 ที่เกิดการปฏิวัติโลกอิสลาม การพบปะกันนำมาซึ่งการเจรจราข้อตกลงปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐและประเทศตะวันตกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา  ข้อนี้ถือเป็นความสำเร็จในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลบารัค โอบามา

โอมานยังทำอีกหลายอย่างอาทิเช่นในปี 2011 ช่วยประกันตัวชาวอเมริกัน 3 คนที่ไปปีนเขาและถูกจับโดยอิหร่าน,ช่วยเจรจาปล่อยตัวประกันชาวอเมริกันในเยเมน,ช่วยเป็นทูตเจรจาปัญหาซีเรีย

ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่าการค้ามนุษย์ของโอมานยังมีอยู่มาก เหยื่อมาจากหลายประเทศประกอบด้วยอินเดีย,ปากีสถานและบังคลาเทศ บรรดากลุ่มค้ามนุษย์จะระดมคนเหล่านี้เข้ามาในโอมาน,มีการยึดพาปสอร์ตโดยนายจ้างและถูกทารุณทางร่างกาย

ประวัติโอมานกับการค้ามนุษย์

รอยเตอร์รายงานอ้างอิงจากวิกิลีคส์เปิดเผยว่าเมื่อปี 2008 โอมานถูกลดเกรดลงเหลือ Tier 3 และสหรัฐต้องการให้โอมานแก้ปัญหา  เป็นเหตุให้โอมานประกาศตัดขาดการติดต่อกับสหรัฐรวมทั้งขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย 

ในปีนี้ก็เช่นกันสหรัฐให้เวลาโอมาน 60 วันในการแก้ปัญหา เริ่มจากเดือนธันวาคม 2557 เมื่อกระทรวงการต่างประเทศโอมานได้สั่งให้ชาวโอมานดำเนินการเรื่อง“ใบทำงาน”แก่ชาวต่างด้าวหรือลูกจ้างเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐไม่ต้องการลดเกรดของโอมานเพราะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น จากนั้นกรุงมัสกัตก็เสนอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ“ทางการทูต”ก่อนที่จะถูกลดเกรด

ในที่สุดรายงาน TIP ของเจ้าหน้าที่ผู้จัดทำก็ส่งไปยังชั้น 7 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ อันเป็นชั้นที่นายจอห์น แคร์รี่และที่ปรึกษาระดับสูงนั่งทำงานกัน  โดยรายงานที่เสนอให้จอนห์น แคร์รี่ รับทราบมีดังนี้

“โอมานทำงานไม่ประสบผลสำเร็จในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ใช้ความพยายามเล็กน้อยจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษากฎหมายเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมทั้งยังไม่มีความพยายามป้องกันเหยื่อ” เป็นรายงานจากปีที่ผ่านมา 

ตามรายงานระบุว่า “โอมานยังเป็นจุดหมายปลายทางและเป็นทางผ่านที่นำทั้งชายและหญิงจากประเทศเอเชียใต้และแอฟริกาตะวันออก เพื่อนำมาบังคับใช้แรงงานไปจนถึงการนำมาค้าทางเพศ”

แต่โอมานก็ “มีความพยายามอย่างยิ่ง”ที่จะทำให้ได้มาตราฐานขั้นต่ำ อาทิเช่นการลงมือสอบสวนคดีการค้ามนุษย์ลดเหลือ 5 จาก 6 จากปีก่อนหน้าและนำตัวผู้ค้ามนุษย์มาลงโทษได้เหลือ 2 จาก 5 ของปีก่อนหน้า”

(ข่าวนี้รายงานโดย Jason Szep, Matt Spetalnick และ Yara Bayoumy)

ที่มา thaitribune

Create Date : 22 ธันวาคม 2558
Last Update : 22 ธันวาคม 2558 20:40:38 น.		0 comments
Counter : 299 Pageviews.
Share Tweet