เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2559 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเกษตรกรชาวสวนยางเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยราคายาง กิโลกรัมละ 50-60 บาท ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องและรู้สึกไม่สบายใจหากพี่น้องเกษตรกรจะออกมาชุมนุมกดดันรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและไม่ใช่หนทางที่แก้ปัญหาได้จริง

ทั้งนี้รัฐบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจ่ายเงินชดเชยตามที่ร้องขอเพราะเมื่อคิดเป็นมูลค่ารวมแล้วอาจต้องใช้เงินถึง 140,000 ล้านบาท

นอกจากนั้นยังเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุวนเวียนไม่รู้จบรัฐบาลยังมีภาระที่ต้องดูแลเกษตรกรกลุ่มอื่น ๆ ทั้งชาวนา ชาวสวน ชาวไร่อีกกว่า 70 ล้านคน จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรเปิดใจรับฟังและแก้ไขปัญหาร่วมกัน นายกฯ ขอความร่วมมือพี่น้องชาวสวนยาง ไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยยืนยันว่าจะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้

นัดแต่งดำไล่ 'บิ๊กฉัตร-เชาว์'พ้นเก้าอี้ ซัดแก้ยางเหลว  

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม นายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯ พรรคเพื่อไทย ในฐานะนายกสมาคมชาวสวนยางภาคอีสาน กล่าวถึงปัญหาราคายางตกต่ำในขณะนี้ ว่า เท่าที่มีการหารือและประเมินร่วมกับแกนนำชาวสวนยางทั้งหมด พบว่าปัญหาหลักไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างเดียว ที่มีผลทำให้เป็นปัญหาต่อการส่งออกยาง และทำให้ราคายางตกต่ำ แต่เกิดจากความผิดพลาดของนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการยางในประเทศของระดับผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ และรัฐบาล

นายธีระชัยกล่าวว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีการผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.การยางแห่งชาติขึ้น เพื่อจะมีการแก้ปัญหายางทั้งระบบ แต่เมื่อมี พ.ร.บ.ยางฯ ออกมาอย่างเป็นทางการ กลับไม่มีการดำเนินการออกกฎระเบียบให้เสร็จสิ้นภายใน 120 วัน โดยสิ้นสุดไปแล้วในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 ขณะเดียวกันไม่มีการตั้งคณะกรรมการบริหารการยางแห่งประเทศไทย(บอร์ด กยท.)ที่ชัดเจน และไม่มีตัวแทนเกษตรกร เข้าไปมีส่วนรวมในการตัดสินใจนโยบายใด ๆ

จากนั้นเมื่อพ้น 120 วันแล้ว พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ จึงได้มีการตั้งนายเชาว์ ทรงอาวุธ ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ กยท.ชั่วคราว และตำแหน่งรักษาการนั้น ไม่ควรจะเซ็นสัญญาซื้อขายยางใด ๆ ที่เป็นผลผูกพัน และเป็นปัญหาต่อเกษตรกรสวนยางทั้งประเทศ เนื่องจากเงื่อนไขการเซ็นสัญญาต้องมีคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนเกษตรกร เพราะมีส่วนได้เสีย แต่บอร์ดชั่วคราวในขณะนี้ไม่มีตัวแทนของเกษตรกรเลย

นายธีระชัย กล่าวอีกว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในตอนนี้ รมว.เกษตรฯ และรัฐบาล ต้องปลดออกทั้งหมด และหาผู้บริหารชุดใหม่ที่มีฝีมือเข้ามาบริหารแทน เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ยาง ฯ ในมาตรา 49 ที่ระบุให้มีการสรรหาตัวแทนบอร์ด กยท.และผู้ว่าฯ กยท.ตัวจริงให้ชัดเจน ไม่ใช่พยายามลากเรื่อง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ รมว.เกษตรฯต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นปัญหาจะบานปลาย

“ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เพราะ กยท.ไม่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกร แต่กลับเป็นนายหน้าค้าความจนกับเกษตรกร แทนที่ตัวเองจะเป็นเสือตัวที่ 6 ทำธุรกิจแข่งขันกับ 5 เสือ ที่คุมวงการธุรกิจยางมายาวนาน แต่ทุกวันนี้ กยท.ทำหน้าที่เป็นคนหาตลาดให้กับเอกชน และทำให้ภาคเอกชนมากดราคารับซื้อในประเทศ ผมไม่เข้าว่าใจมี กยท.ไว้เพื่ออะไร เพราะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา หากทำอย่างนี้ไม่ต้องมี กยท.ดีกว่า”นายธีระชัยกล่าว

อดีตรสช.เกษตรฯกล่าวว่าจากนี้ไปกลุ่มเกษตรกรสวนยาง จะรวมตัวเคลื่อนไหวขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเร็วที่สุด เพราะขณะนี้เกษตรกรมีความเดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง หากนายกฯ ใช้คนที่มีความเข้าใจความเป็นอยู่เกษตรกรอย่างถ่องแท้จะสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องได้ โดยแกนนำยางอีสาน และภาคใต้ จะประชุมวันที่ 13 มกราคมนี้ ที่โรงแรมดิเอมเมอร์รัล รัชดา อย่างแน่นอน

“พวกเราเกษตรกรไม่กลัวโดนจับ แต่กลัวไม่มีเงินส่งลูกเรียนมากกว่า”นายธีระชัยกล่าว

แหล่งข่าวจากการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)เปิดเผยในวันที่ 11 มกราคมนี้กลุ่มสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจ กยท.มีการนัดแต่งชุดดำ เพื่อขับไล่ รมว.เกษตรฯ และนายเชาว์ ออกจากตำแหน่ง ที่บริหารงานผิดพลาดจนราคายางตกต่ำ ทำให้ภาพลักษณ์เป็นผู้ร้ายในสายตาเกษตรกรสวนยางทั้งประเทศ และประท้วงคัดค้านไม่เห็นด้วย กรณีที่นายเชาว์ไปเซ็นขายยางให้กับบริษัทชิโนเคม ที่เป็นการเอื้อให้กับตลาดเอกชน และกดราคาในประเทศ ทำให้เป็นปัญหาต่อเกษตรกรโดยรวม

นอกจากนี้ยังเห็นว่าขณะที่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความจริงใจที่จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ยาง ฯ ในการออกกฎระเบียบรองรับหน่วยงาน กยท.ที่ตั้งโดยการยุบรวม 3 หน่วยงานมาไว้ที่เดียวกัน คือ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง องค์การสวนยาง และสถาบันวิจัยยาง ทำให้การบรรจุลูกจ้างใน กยท.มีปัญหา การเกลี่ยบุคลากรจาก 3 หน่วยงานในตำแหน่งต่างๆ ยังเกิดปัญหาต่อเนื่อง ส่งผลให้การออกเงินเดือนยังมีความล่าช้าอย่างมาก

แหล่งข่าวระบุอีกว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ที่พล.อ.ฉัตรชัย จะเรียกแกนนำเกษตรกรสวนยางทุกกลุ่มมาประชุมเรื่องแก้ไขปัญหาราคายางเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่แกนนำส่วนใหญ่ปฎิเสธมาร่วม เพราะรู้ว่าแค่เรียกมาขู่ไม่ให้เคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้มีมาตรการแก้ไขจริงด้านราคาตามข้อเรียกร้องให้ช่วยรับซื้อกิโลกรัมละ50-60 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุดกลุ่มแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานกลุ่มฯ ได้นัดหารือ พร้อมแถลงการณ์มีมติสนับสนุนและเข้าร่วมกิจกรรมกับทุกเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ  เพื่อร่วมต่อสู้ให้กับเกษตรกรสวนยางที่ประสบความเดือดร้อนในรอบ 100 ปี จากราคายางตกหนัก ทำให้ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ จากที่ผ่านมาทางกลุ่มเคยประกาศเขตภัยพิบัติราคายางตกต่ำมาแล้ว ในขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ก็ยังแก้ปัญหาด้านราคาไม่ได้

ดังนั้นแนวร่วมกู้ชีพฯ จะเข้าร่วมประชุมแกนนำสวนยางภาคใต้ ที่ จ.ตรัง ในวันที่12 ม.ค.นี้ และเรียกร้องให้ราคายางพาราที่กิโลกรัมละ 60 บาท หากรัฐบาลทำไม่ได้ พร้อมจัดชุมนุมใหญ่ นอกจากนี้เสนอให้พล.อ.ฉัตรชัย ทบทวนการทำงานของ นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ และนางจินตนา ชัยยวรรณการ ผู้ช่วย รมว.เกษตรฯ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหายางและสร้างความแตกแยกให้กับเกษตรกร.

ที่มา thaitribune

Create Date : 10 มกราคม 2559
Last Update : 10 มกราคม 2559 15:14:09 น.		0 comments
Counter : 247 Pageviews.
Share Tweet