กทม.วางยุทธศาสตร์รับมือกรุงเทพฯเปลี่ยนแปลง โครงการ 100 Resilient Cities แลกข้อมูล 67 เมืองทั่วโลก

กลายเป็นความท้าทายสำหรับเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบต่อเมืองในอนาคต จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม ทำให้ขณะนี้กทม.ได้เตรียมความพร้อมในจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์” เพื่อตั้งรับและทำงานเชิงรุกในการรับสภาพความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯได้ทุกมิติ

 

 สำหรับโครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ เกิดจากมูลนิธิ “ร็อกกี้เฟลเลอร์” องค์กรวิจัยเกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จะทำงานมุ่งเน้นเรื่องแหล่งพลังงานทั้ง 5 ได้แก่ 1.พื้นฐานการอยู่รอด เช่น อาหาร น้ำและที่อยู่อาศัย 2.สุขภาพ ในเรื่องของความเหมาะสม และความเป็นธรรมในด้านระบบหรือการบริหารด้านสุขภาพ3.ภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม 4.การเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว และ5.ประกันสังคมและเศรษฐกิจ

จากการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งมูลนิธิ “ร็อกกี้เฟลเลอร์” ได้จัดทำโครงการ “100 Resilient Cities”หรือ “100RC” เพื่อช่วยเหลือเมืองต่างๆ ทั่วโลกให้มีความเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ พร้อมรับมือและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงกับปัญหาที่มากขึ้นในศตวรรษที่ 21 ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งกรุงเทพฯ ก็ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเป็นหนึ่งใน 32 เมือง จากการคัดเลือกรอบแรก ซึ่งมีเมืองทั่วโลกที่เข้าสมัครกว่า 300 เมือง จากการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3ธันวาคม 2556 ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

มาในปี 2558 ก็ได้เมืองที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 67 เมือง เพื่อร่วมเดินหน้าในกิจกรรมหลักภายใต้โครงการ“100RC” ประกอบด้วย 1.การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเป็นการเริ่มต้นโครงการ และทำความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 2.จัดหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเมือง และขับเคลื่อนให้เกิดการนำแผนไปปฏิบัติ รวมถึงการทำหน้าที่ในการประสานกับเครือข่ายประเทศสมาชิกของโครงการ “100RC” ทั้ง 67 เมือง 3.พัฒนาแผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเมือง และ4.สร้างกิจกรรมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างการ ฟื้นฟูเมืองผ่านเวทีการเป็นสมาชิกเครือข่ายระหว่างเมือง

ที่ผ่านมา กทม.ได้ดำเนินการกิจกรรมแรก ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2557 ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรไม่แสวงกำไร และสถาบันการศึกษากว่า200 คน เพื่อสร้าง “เวทีกลาง” ในการสร้างความเข้าใจเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในบริบทของเมือง ครอบคลุมศักยภาพของเมืองใน 4 มิติ 1.มิติสุขภาพและสุขภาวะ 2.มิติเศรษฐกิจและสังคม 3.มิติโครงสร้างพื้นฐาน-สิ่งแวดล้อม และ4.มิติภาวะผู้นำและยุทธศาสตร์

สำหรับกิจกรรมตามโครงการ “100 RC” ขณะนี้กทม.ได้แต่งตั้ง ดร.ศุภชัย ตันติคมน์ จากเดินเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในมิติงานต่างประเทศและความเปลี่ยนแปลงของเมือง เข้ามาเป็น “หัวหน้าเจ้าหน้าที่” ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในโครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนจัดทำแผนกลยุทธ์มุ่งพัฒนากรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีเสถียรภาพ พร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรง ฉับพลัน และความกดดันจากปัญหาเรื้อรัง อาทิ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาจราจร รวมถึงผลักดัน “แผนกลยุทธ์” ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง มีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 18 เดือน

ทั้งนี้ ทีมงานเจ้าหน้าที่ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับและประสานความร่วมมือโครงการฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 ซึ่งมีนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธาน ซึ่งมีผู้แทนจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกทม. จำนวน 29 คน นอกจากนี้บริษัท เออีคอม(ประเทศไทยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่โครงการ “100RC” คัดเลือกมา 0จะเข้ามาร่วมกันดำเนินการวางแผนการจัดทำแผนกลยุทธ์กับกทม.ด้วย

 “สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯกทม. ระบุว่า โครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดเวทีสำหรับเมืองสมาชิก 100 RC ซึ่งกทม.สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ กลยุทธ์ในการเตรียมพร้อมรับมือของเมืองกับเมืองอื่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตปัญหาต่างๆ รวมทั้งเรื่องที่กรุงเทพฯอาจมองข้าม ที่สำคัญในแผนการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ จะเป็นกรอบและทิศทางในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรองรับปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ภัยแล้ง และการรุกล้ำของน้ำเค็ม ซึ่งจะช่วยบรรเทาความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการระหว่างเกิดเหตุวิกฤตและระหว่างการฟื้นฟูเป็นจำนวนเงินมหาศาล และจะนำกรุงเทพฯ ไปสู่ความเป็นเมืองที่มีความยั่งยืน

 “ไมเคิล เบอร์โควิทซ์” กรรมการผู้จัดการโครงการ 100 Resilient Cities จากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ระบุว่า มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ได้ครบรอบการก่อตั้ง 100 ปีเมื่อปี 2556 จึงได้มีโครงการเสริมสร้างความสามารถฟื้นฟูเมือง 100 เมืองทั่วโลก ซึ่งกรุงเทพฯถือเป็นเมืองที่มีความหลากหลายและได้ประสบน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงมีความสนใจในการดำเนินงานของกทม. ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้หวังว่าจะมีการถ่ายทอดความแตกต่างในการจัดการเมืองแต่ละ แห่งให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้

 ทั้งหมดจึงเป็นแผนระยะแรกของการเริ่มต้นวางกลยุทธ์ในการรับมือกับทุกมิติของการเปลี่ยนแปลงของเมือง ซึ่งทุกฝ่ายหวังว่าจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้โครงการนี้เกิดประโยชน์ รวมถึงได้ผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเมืองกรุงเทพฯ และประเทศชาติต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 10:42:55 น.
Counter : 649 Pageviews.  

คดีหมิ่นฯ ม.112 ยิ่งสาวยิ่งลึกมีทหารสัญญาบัตร พล.ต.-พ.อ. 40-50 นายร่วมขบวน

ศรีวราห์เผยนายทหารสัญญาบัตรทั้งยศ พล.ต.- พ.อ. เกี่ยวพันคดีม. 112 กว่า 50 นาย แต่ยังขาดหลักฐานออกหมายจับยังไม่ได้ อีก 1 - 2 วันมีหมายจับเพิ่ม ประสานงาน กสทช. เชิญเอกชนที่มีส่วนตั้งเสาสัญญาณตึกใบหยกให้ข้อมูล ประวุฒิยังไม่โผล่ที่ประชุมตำรวจใหญ่ไม่มีป้ายชื่อที่นั่ง

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ ว่า ขณะนี้กองทัพยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายทหารที่กระทำความผิดตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่อาจมีการไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ขณะนี้เรื่องยังมาไม่ถึงตน

พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่าในสำนวนที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้น มีการให้การพาดพิงว่ามีนายทหารทั้งยศ พล.ต. และ พ.อ. มาเกี่ยวข้องพัวพัน 40 - 50 นาย โดยเป็นการซัดทอดกันไปมา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะสามารถออกหมายจับทหารคนใดได้

“หากพบใครกระทำผิดก็จะต้องดำเนินการทั้งหมด”รทท.รองผบ.ตร.กล่าว

อีก 1-2 วันมีหมายจับเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยืนยันว่าในสำนวนที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนนั้นจะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแน่นอน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร คาดว่า อีก 1 - 2 วันนี้จะมีความคืบหน้า

ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ว่า มีนายทหารยศ พล.ต. และ พ.อ. ที่เกี่ยวข้องและได้หลบหนีออกนอกประเทศนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของการสืบสวนต้องไปถามชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.

นอกจากนี้พล.ต.ท.ศรีวราห์เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปประสานเชิญคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนในประเด็นเรื่องการติดตั้งเสาสัญญาณสื่อสาร และจะเรียกตัวแทนของบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเสาสัญญาณติดตั้งที่ตึกใบหยกนั้น มีข้อมูลปรากฏว่า พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด ได้ย้ายเสาสัญญาณของตำรวจสื่อสารจากพื้นที่ย่านบางชัน มาติดตั้งบนอาคารตึกใบหยก ย่านประตูน้ำ เพื่อใช้ในกิจการบางอย่าง ณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำครั้งนี้ต่อไป

เผยมี 50 นายทหารร่วมคดีหมิ่น112  

ขณะเดียวกันมีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนว่า จากการสอบปากคำ นายสุริยัน หรือหมอหยอง ให้การพาดพิงผู้ที่มีส่วนพัวพันกับกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากกิจกรรมสำคัญในการผลิตเสื้อที่ใช้ในโครงการนี้ ว่าเป็นนายทหารระดับสูงยศ “พล.ต.”และ “พ.อ.”จริง โดยเฉพาะนายทหารยศ“พ.อ.” มีข้อมูลว่าได้เคลื่อนไหวผ่านจุดตรวจสะพานมิตรภาพไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก ไปตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ตุลาคม ส่วนนายทหารยศ “พล.ต.” นั้นยังอยู่ในประเทศ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเชิญตัวมาสอบปากคำ

สำหรับกรณีของนายทหารยศ พ.อ. ถือเป็นนายทหารที่มีความสนิทสนมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยพบว่าก่อนที่จะเกษียณอายุราชการเพียงหนึ่งวัน ได้เซ็นคำสั่งให้นายทหารยศ พ.อ.นายนี้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งผู้บังคับการ ก่อนที่ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน จะออกคำสั่งใหม่ให้กลับไปดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสธ.

กำชับตำรวจให้ปฏิบัติตามกฎหมายระวังความผิด

วันที่ 3 พฤศจิกายน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการในที่ประชุมบริหาร ตร.ไปยังหัวหน้าหน่วยทุกหน่วยทั่วประเทศให้ไปกำชับตำรวจในสังกัดให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และระมัดระวังเรื่องการกระทำผิดว่าด้วยความผิดต่างๆ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการแอบอ้างหรือหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หลังจากเกิดกรณีที่มีการดำเนินคดีต่อขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในช่วงที่ผ่านมาและพบว่ามีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ด้วย

สำหรับความคืบหน้าคดีแอบอ้างสถาบันฯนั้น โฆษกตร.กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนที่มี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า กำลังเร่งสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวนายทหารยศ พล.ต. และ พ.อ.เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน และมีข่าวว่าได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศนั้น กรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตรวจสอบติดตาม ส่วนกองทัพจะ ประสานมาหรือไม่นั้นเชื่อว่าหากมีการประสานมายังตำรวจก็คงประสานผ่านทางชุดสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากการสอบสวนขยายผลมีข้อมูลพาดพิงไปถึงใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่รายละเอียดยังไม่ทราบ ต้องตรวจสอบไปยังชุดสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง

ประวุฒิยังไม่โผล่ร่วมประชุมตร.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) หลังจากครบกำหนดการลาพักผ่อนในวันที่ 1 ฤศจิกายนและยังไม่ได้เข้าร่วมประชุมบริหาร ตร.เมื่อวันที่  3 พฤศจิกายนนั้นพล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่พบ พล.ต.อ.ประวุฒิเข้าร่วมประชุม ตนก็ไม่ทราบเหตุผล ท่านอาจจะแจ้งต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์แล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าพล.ต.อ.ประวุฒิเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คงมีเหตุผลส่วนตัวของท่านที่ไม่เข้าร่วมประชุมหรือไม่มาปฏิบัติราชการ ท่านอาจจะป่วยก็เป็นได้

ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับการยื่นหนังสือลาออกจากราชการของ พล.ต.อ.ประวุฒิ นั้นตนไม่ทราบ และไม่สามารถยืนยันได้ อย่างไรก็ตาม หาก พล.ต.อ.ประวุฒิขาดราชการเกิน 15 วัน นับแต่วันที่ 2 พ.ย.เป็นต้นไป ถือว่ามีความผิดทางวินัย และตามระเบียบก็ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.ประวุฒิ ยื่นหนังสือลาออกก็จะมีผลต่อเมื่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้อนุมัติและจะมีกระบวนการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ประวุฒิยังคงมาปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ล่วงหน้าอยู่ โฆษก ตร.กล่าวว่า ตนไม่ได้ข่าวอย่างนั้น ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พล.ต.อ.ประวุฒิยังคงรับผิดชอบในงานด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรในกิจกรรมไบค์ฟอร์แดด (ปั่นเพื่อพ่อ) อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการพิจารณาของ ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวบรรยากาศในห้องประชุมบริหาร ตร.ซึ่งมี พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นประธาน นั้นฝ่ายเลขานุการกำหนดที่นั่งให้แก่ผู้ร่วมประชุมทุกคน โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.จะระบุชื่อพร้อมตำแหน่งที่นั่งอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าแผนผังแสดงที่นั่งดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุที่นั่งของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ไว้ตั้งแต่แรก

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 9:58:13 น.
Counter : 488 Pageviews.  

ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแสตมป์สองเจดีย์คู่พระพุทธศาสนา ฉลอง 60 ปีสัมพันธ์การทูตไทย-ศรีลังกา

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) จับมือ กรมไปรษณีย์ศรีลังกา จัดทำตราไปรษณียากรที่ระลึกร่วมสองประเทศ (Joint Issue) ชุด "60 ปี ความสัมพันธ์ ทางการทูตไทย – ศรีลังกา" เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับศรีลังกา ตลอดจนแสดงถึงความสัมพันธ์ด้านศาสนาที่มีมายาวนานกว่า 700 ปี

 โดยนำภาพวาดศาสนสถานสำคัญ คือเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของแต่ละประเทศมาเป็นแบบแสตมป์ ได้แก่ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่จุดในประเทศไทย กับเจดีย์เชตวัน  เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และ กรมไปรษณีย์ศรีลังกา กำหนดจัดพิธีแลกเปลี่ยนแสตมป์อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และ นายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา ในวันนี้ (2 พฤศจิกายน 2558)  ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่ผู้นำศรีลังกาเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีผู้บริหารไปรษณีย์ของทั้งสองประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน

 สำหรับแสตมป์ชุดดังกล่าว มีกำหนดออกจำหน่ายพร้อมกันทั้งสองประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาของแสตมป์ไทย ชุดละ 6 บาท (1 ชุด มี 2 ดวง ชนิดราคา 3 บาท) หาซื้อได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ซองวันแรกจำหน่าย 14 บาท และแผ่นชีทที่ระลึก 16 บาท ซึ่งเป็นภาพพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ  ฉลองสมโภช 100 ปี "หลวงพ่อพระร่วงฯ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์

ส่วนแสตมป์ของศรีลังกาเป็นชนิดราคา 10 รูปี (ราว 2.50 บาท) และ 50 รูปี (ราว 12.60 บาท) ซึ่งไปรษณีย์ไทยนำมาบรรจุรวมกับแสตมป์ไทย ในแพ็กพิเศษพร้อมข้อมูลประกอบทั้งภาษาไทยและอังกฤษ พิมพ์โลโก้ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ศรีลังกา จำหน่ายในราคา 60 บาท

 ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ www.postemart.com และพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 22:13:14 น.
Counter : 314 Pageviews.  

ลงทะเบียน 'ปั่นเพื่อพ่อ' ในกรุงเทพฯ ครบ 1 แสนคนแล้ว

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานลงทะเบียนกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธ.ค. 2558 “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” วันที่ 11 ธ.ค. เวลา 15.00 น.

 

 ซึ่งรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนร่วมกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์ www.bikefordad2015.com ในวันที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 2-10 พ.ย.นี้ โดยกทม.ได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยจัดเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และลงทะเบียนด้วยตัวเองรวมจำนวน 100,000 คน 

 ล่าสุดก่อนเวลา 09.00 น. มีผู้ลงทะเบียนในกรุงเทพฯครบ 100,000 คนแล้ว โดยเว็ปไซค์ดังกล่าวระบุว่า "ขอขอบคุณที่ท่านสนใจเข้าร่วมกิจกรรมBike for Dad 2015 แต่ขณะนี้ระบบการลงทะเบียนได้รับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม ครบตามจำนวนที่ทางราชการได้วางแผนจัดขบวนจักรยานครบทุกพื้นที่แล้ว หากในอนาคตมีการเพิ่มการจัดขบวนเพิ่มขึ้นอีก จะแจ้งให้ทราบผ่านทางเว็บไซต์และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ขอเชิญพี่น้องประชาชน ได้พร้อมใจร่วมรับเสด็จฯ และชมขบวนจักรยาน ได้ตลอดแนวเส้นทางกิจกรรมปั่นจักรยาน รวมทั้งร่วมชมกิจกรรมต่างๆในวันงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น"

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 21:44:57 น.
Counter : 337 Pageviews.  

Obokata นักวิจัย STAP ถูกถอดปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ

มหาวิทยาลัยวาเซดะประกาศถอดปริญญาเอกของ Haruko Obokata ที่จบการศึกษาไปตั้งแต่ปี 2011 และโด่งดังขึ้นมาจากงานวิจัย stimulus-triggered acquisition of pluripotency (STAP) ที่ระบุถึงกระบวนการสร้างสเต็มเซลล์จากเซลล์ปกติด้วยกระบวนการที่ง่ายมาก แต่ปรากฎว่าห้องวิจัยอื่นไม่สามารถทำซ้ำงานวิจัยได้ จนกระทั่งต้องยื่นถอนรายงานวิจัยออกจากวารสาร Nature ในที่สุด

หลังมีประเด็นกับงานวิจัย วิทยานิพนธ์สมัยปริญญาเอกของ Obokata ก็ถูกสอบสวนและพบว่ามีเนื้อหาที่เหมือนกับเอกสารอื่นจำนวนมาก แถมยังมีจุดบกพร่องจนทางมหาวิทยาลัยขอให้เธอกลับมาแก้ไขภายในเวลาหนึ่งปี

Obokata ยื่นเรื่องขอขยายเวลาแก้ไขวิทยานิพนธ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ถูกปฎิเสธ ส่งผลให้ปริญญาเอกของเธอถูกถอนในที่สุด

มหาวิทยาลัยวาเซดะเป็นหนึ่งในองค์กรที่เสียชื่อจากเหตุการณ์งานวิจัย STAP ที่สร้างความเสียหายให้กับศูนย์วิจัยริเค็นอย่างหนัก และวารสาร Nature ที่ตีพิมพ์รายงานวิจัยทั้งที่มีข้อบกพร่องหลายประการ ทางมหาวิทยาลัยวาเซดะเองหลังมีการขุดงานวิจัยของ Obokata ก็พบว่ากระบวนการตรวจสอบวิทยานิพนธ์มีปัญหาเช่นกัน

ที่มา jusci




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 21:27:50 น.
Counter : 723 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.