สนช.ผ่าน 3 วาระรวดร่างพ.ร.บ.งบรายจ่ายปี 2559 เพิ่มเติม 5.6 หมื่นล้านเน้นขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ
สนช.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ยอด 5.6 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็น 3 ส่วน ลงทุนขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง จัดสรรให้กับเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณารับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้ชี้แจงหลักการว่า จากการประมูลคลื่น 4 จี ของกสทช.เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา รัฐบาลมีรายได้จากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิร์ท งวดที่ 1 ที่ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินแล้วจำนวน 40,290.5 ล้านบาท รายได้จาการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ท ที่คาดว่าจะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินในเดือนมีนาคมจำนวน 11,992.6 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รายได้ดังกล่าวควรนำมาพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยจะนำรายได้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.การลงทุนขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้สามารถครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทุกส่วนของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง 2. เสริมสร้างความเข้มแข็งความก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง โดยเฉพาะการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเจริญ และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการปฏิรูปเพื่อยกระดับความสามารถของประเทศในอนาคตข้างหน้า 3.จัดสรรให้กับเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เพื่อเป็นการรักษาวินัยการคลังของประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 56,000,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นจำนวนไม่เกิน 47,661,027,300 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 8,338,972,700 บาท งบประมาณทั้งหมด 5.6 หมื่นล้านบาทจะนำไปใช้ในการดำเนินการตามตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นจำนวนไม่เกิน 47,661,027,300 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เป็นจำนวน 32,661,027,300 บาท 2.เพื่อจัดสรรตามแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นจำนวน 15,000,000,000 บาท 3.นำไปเพื่อชดใช้เงินคงคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เป็นจำนวน 8,338,972,700 บาท สมาชิกสนช.ได้อภิปรายแสดงความเห็นสนับสนุนร่าง แต่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกผันผวน และตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศที่มีแนวโน้มสูง และมาตาการการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส นายกล้าณรงค์ จันทิก สมาชิกสนช. กล่าวว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกกฎหมายงบประมาณรายจ่ายงบ 5.6 หมื่นล้าน เพื่อนำไปใช้สร้างเสริมสร้างความเข้มแข็งความก้าวหน้าประเทศ แต่ตนกังวลใจในรายได้รายรับ การที่รัฐบาลมั่นใจว่าจะมีรายได้เพิ่มจากการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 5.6 หมื่นล้านบาทแน่นอน เพราะมีสัญญาเป็นหลักฐาน แต่รายรับหากพิจารณาจากข้อสมมุติฐานจากเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายตัวของจีดีพี ที่ในปี 2559 ประมาณไว้ที่ 3.0-4.0 แต่มีการประมาณใหม่เป็น 3.2-3.7 อัตราเงินเฟ้อ ประมาณในปี 2559 อยู่ที่ 1.0-2.0 และประเมินใหม่อยู่ที่ 0.1-0.6 ซึ่งในงบประมาณกำหนดรายรับปี 2559 ระบุจำนวน 2.7 ล้านล้านบาท ประมาณรายรับจะมาจากรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท และเงินกู้ 2.9 แสนล้านบาท รายรับจากภาษีน้ำมันปี 2559 ประมาณรายว่าเก็บได้ 1.6 แสนล้านบาท มากกว่ากว่าปี2558 จำนวน 1 แสนล้านบาท แต่สถานการณ์น้ำมันปัจจุบันราคาลดลงมาก และคาดว่าจะลดลงอีกนาน ดังนั้นเราจะสามารถจัดเก็บภาษีน้ำมันได้ตามเป้าหมายที่กำหนดได้หรือไม่ นายกล้าณรงค์กล่าวว่านอกจากนี้ในส่วนของภาษียาสูบและแสตมป์ยาสูบ กำหนดไว้ในปี 2559 จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลเพิ่มอัตราภาษียาสูบขึ้น แต่จะมีผลสะท้อนคือเมื่อราคาสูงขึ้นจะมีการลักลอบนำเข้าจะมีมากยิ่งขึ้น รัฐบาลมีมาตรการป้องกันแก้ไขอย่างไร และอาจจะมีจำนวนคนสูบลดลงหรือไม่ "จากการวิเคราะห์เอกสารบันทึกสรุปสาระสำคัญ ว่าปัจจัยสำคัญที่ต้องพึงระวังแนวโน้มการชะลอตัวเศรษฐกิจของจีน ความผันผวนเศรษฐกิจการเงินของโลก ทิศทางนโยบายการเก็บเงินผู้ค้าที่สำคัญ ขณะนี้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจมีปัญหาค่าเงินหยวนที่มีการเปลี่ยนแปลงลงอาจมีผลกระทบต่อไทยได้ หากเก็บไม่ได้ตามเป้าหมาย ขณะเกี่ยวกันได้เงินเพิ่มมา5.6 หมื่นล้านบาทจากประมูลคลื่นแล้วมาตั้งงบเพิ่มรายจ่ายดังกล่าว ถ้าเก็บไม่ได้จะมีปัญหากระทบต่อการตั้งงบปี 60" น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สมาชิกสนช. กล่าวว่า การจัดงบส่วนหนึ่งไปเสริมสร้างความเข้มแข็งตามแนวทางปฏิรูป ครอบคลุมมิติทั้ง 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง จำนวนเงิน 3 หมื่นล้านบาท มีการจัดสัดส่วนให้น้ำหนักไปสู่แต่ละด้านอย่างไร กรณีที่รัฐบาลใช้งบประมาณนำระบบเทคโนโลยีสื่อสารโซเชียลมีเดียลงไปในหมู่บ้าน 3 หมื่นแห่ง หรือที่เรียกว่า "หมู่บ้านบริสุทธ์ด้านสื่อสารมวลชน" ทั้งสามหมื่นหมู่บ้านนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเลยมีการดำรงชีวิตมีความสุขพอสมควร น.พ.เฉลิมชัย มองว่าหากรัฐบาลนำอินเตอร์เน็ตเข้าไปควรจะระวังเรื่องความมั่นคงยั่งยืนด้านสังคม เพราะก่อนหน้านี้มีการนำโครงการนี้ลงไปในสี่หมื่นหมู่บ้านก็พบปัญหาด้านสังคมเช่น การใช้จ่ายสิ่งไม่จำเป็น การตั้งครรภ์ในวัยอันไม่สมควร เนื่องจากมีการรับข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย "ดังนั้นหากจะนำระบบบดิจิตอล มาทำมาร์เก็ตติ้งในหมู่บ้านเพื่อค้าขายพืชผลเกษตรเพื่อความคุ้มค่ามันก็ดี แต่ผลลบอาจจะมีมูลค่ามากกว่าก็ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องจัดงบประมาณคู่ขนานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้คุ้มค่าทางบวกด้วย"น.พ.เฉลิมชัยกล่าว ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเสริมสร้างความเข้มแข็งและความก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปจำนวน 3.2 หมื่นล้านบาทหรืองบกลาง หากนับรวมกับงบกลางที่อยู่ในงบปี 59 จำนวน 4.2 แสนล้านบาท จึงอยากทราบว่าจะมีการบริหารงบประมาณดังกล่าวให้เกิดความโปร่งใสอย่างไร เพราะแม้งบกลางมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ แต่การตรวจสอบทำได้ยากและอาจทำให้ขาดวินัยทางการเงินการคลัง อีกทั้งงบในส่วนนี้ยังไม่มีการแสดงรายละเอียดของหน่วยงานที่รับผิดชอบและไม่มีแผนการใช้เงินที่ชัดเจน ซึ่งควรต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายเป็นการประชานิยม และหนี้สาธารณะเดือนธ.ค.2558 จำนวน 6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 44.4% ของจีดีพี เป็นตัวที่ชี้ให้เห็นว่าจำเป็นต้องรักษาเพดานเงินกู้พอสมควร ดังนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้มีหนี้สาธารณะสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามสมาชิกได้ลงมติรับหลักการวารแรกด้วยคะแนน 189 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และใช้กรรมาธิการเต็มสภา พิจารณาวาระ 2 โดยไม่มีสมาชิกอภิปราย จากนั้นได้ลงมติวาระ 3 ด้วยคะแนน 191 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ประกาศใช้บังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ที่มา thaitribune
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2559 | | |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 20:39:11 น. |
Counter : 223 Pageviews. |
| |
|
|
|