ซาอุฯ-รัสเซีย ส่งสัญญาณบวกไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์

รัสเซีย กับประเทศสมาชิกในกลุ่ม OPEC ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เวเนซุเอลา และกาตาร์ (ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 1 ใน 4 ของโลก) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการประชุมฉุกเฉิน ณ กรุงโดฮา กาตาร์ ในวันที่ 16 ก.พ. 2016 เพื่อคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบไว้ที่ระดับเดียวกันกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ผลิตรายหลักอื่นๆ ต้องเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวด้วย

 

ถือว่าผิดคาดของนักลงทุนซึ่งประเมินไว้ว่าจะมีการลดปริมาณการผลิตจากกลุ่ม OPEC และรัสเซีย อย่างไรก็ดี อีไอซีมองว่าข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นถึงท่าทีในการพยุงราคาน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ที่ชัดเจนขึ้น นักลงทุนค่อนข้างผิดหวังกับข้อตกลงครั้งนี้ โดยภายหลังจากที่มีรายงานข่าวการบรรลุข้อตกลงการคงปริมาณการผลิต ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 4% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักที่รับข่าวเป็นตลาดแรกปรับตัวลดลงมากกว่า 1% และค่าเงินแคนาดาซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับสภาวะตลาดน้ำมันดิบ อ่อนค่าลง 0.5% ภายใน 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบและตลาดโลกดังกล่าวไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับผลกระทบจากความล้มเหลวในการจัดประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา ในมุมมองอีไอซีจึงถือเป็นสัญญาณบวก เพราะถือเป็นการทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างกลุ่ม OPECและ NON-OPEC หลังจากเผชิญวิกฤติราคาน้ำมันตกต่ำมานานกว่า 1 ปี

การที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่ลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลงในครั้งนี้ บ่งชี้ให้เห็นถึงท่าทีในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด และกดดันผู้ผลิต shale oil ในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง แม้ราคาน้ำมันดิบในขณะนี้อยู่ต่ำกว่าต้นทุนผลิต shale oilซึ่งอยู่ที่ราว 40-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลแล้วก็ตาม แต่ปริมาณการผลิตจากกลุ่ม shale oil ลดลงน้อยกว่าคาดเนื่องจากผู้ผลิต ส่วนใหญ่ยังคงได้รับการช่วยเหลือจากภาคธนาคารในสหรัฐฯ อีกทั้งคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี การชะลอและยกเลิกการลงทุนในหลุมน้ำมัน shale oil ใหม่ๆ ของสหรัฐฯ ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบที่จะค่อยๆ ลดลงในหลุมน้ำมันเก่าจะทำให้อุปทานจากกลุ่ม shale oil ลดลงชัดเจนมากขึ้นในอีก 1-2ปี

อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนท่าทีของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดดุลงบประมาณของประเทศในกลุ่ม OPEC ที่รุนแรงกว่าคาด ดุลงบประมาณของซาอุดีอาระเบียและสมาชิกบางรายในกลุ่ม OPEC ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงจากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ โดยรายงานของ IMF ได้ประเมินว่าซาอุดีอาระเบียจะมีโอกาสล้มละลายได้ภายใน 5 ปี หากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งการเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้จะส่งผลบวกต่อเสถียรภาพและทิศทางของราคาน้ำมันดิบมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาส่วนแบ่งตลาด และสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิต shale oil ได้ต่อไป     

Implication

อีไอซีคาดราคาน้ำมันดิบในปี 2016 ยังมีความผันผวน แต่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากการเริ่มเข้าสู่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบ การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุปทานน้ำมันดิบไม่เพิ่มไปกว่าเดิมมากนัก โดยอีไอซีคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2016 ราคาน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ และจะค่อยๆ ปรับระดับสูงขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง จากการเริ่มเข้าสู่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาสถานการณ์ของกลุ่ม OPEC และรัสเซีย ว่าจะมีท่าทีในการช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีกหรือไม่

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มาก จากแนวโน้มการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านที่จะเพิ่มขึ้น และความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันดิบ ซึ่งคาดว่าอิหร่านมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบขึ้นราว 0.6-1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเพิ่มปริมาณการส่งออกอีกราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นปัจจัยเสี่ยงให้อุปทานน้ำมันดิบโลกเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้อุปสงค์น้ำมันดิบอาจจะไม่เติบโตตามที่คาดไว้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2559 11:50:54 น.
Counter : 274 Pageviews.  

ธนาคารยูโอบีรับปริญญาตรีตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2559

ธนาคารยูโอบีออกประกาศรับสมัครพนักงานตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ให้เดินเข้าไปสมัครและสอบสัมภาษณ์ได้ทันที หรือ UOB February Walk-in Interview

 

ตำแหน่งที่รับสมัคร มีดังนี้

Relationship Manger (Wealth Banking)

Personal Banker / Personal Banker Associate (เจ้าหน้าที่การตลาดประจำสาขา / ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การตลาดประจำสาขา)

Tell / Customer Services Office (English Skill)

คุณสมบัติ

วุฒิการศึกษา ระดับปริญญาตรีขึ้นไป

มีประสบการณ์ในสายงานธนาคารหรือสถาบันการเงิน 2-3 ปี

มีบุคลิกภาพดี และมีทักษะการแนะนำ ให้คำปรึกษา นำเสนอผลิตภัณฑ์ธนาคาร รักงานบริการ

มี ใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิต ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือ ใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ (Single License)

มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ (Toeic 550+)

สนใจสมัครได้ที่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ชั้น 3 อาคาร Goodwood สาธร ซอย 9 ถนนสาธรใต้ ยานนาวา สาทร,กรุงเทพมหานคร 10120  

หรือส่งประวัติสมัครงานได้ที่ recruitment@uob.co.th

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Bloomberg Market 2015

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2559 10:27:31 น.
Counter : 633 Pageviews.  

มรภ.ลำปางรับสมัครสอบพนักงานมหาวิทยาลัย 48 อัตราสมัคร 15-29 กุมภาพันธ์ 2559

มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ประสงค์จะรับสมัครบุคคล เพื่อคัดเลือกเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย (สัญญาจ้าง 1 ปี) ตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ วิชาชีพเฉพาะ และทั่วไป จำนวน 48 อัตรา

 

การรับสมัคร

ผู้สนใจขอรับและยื่นใบสมัครได้ที่งานการเจ้าหน้าที่และสวัสดิการ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี ชั้น 2 อาคารโอฬารฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ตั้งแต่วันที่ 15-29 กุมภาพันธ์ 2559    ภาคเช้าเวลา 09.00-12.00 น. และภาคบ่ายเวลา13.00-15.30 น. (เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือก

การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือก ภายในวันที่ 4 มีนาคม2559 ณ ป้ายประกาศรับสมัครงานการเจ้าหน้าที่และสวัสดิการ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง หรือโทรสอบถามได้ที่ 054-237-399 ต่อ 3826 หรือทางเว็บไซต์  www.lpru.ac.th

การสอบคัดเลือก

กำหนดการสอบคัดเลือกจะแจ้งในวันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ โดยการสอบภาคทฤษฎี/และหรือสอบภาคปฏิบัติและสอบสัมภาษณ์ รายละเอียดการสอบคัดเลือกตามเอกสารแนบท้ายประกาศรับสมัครนี้

การประกาศผลการสอบคัดเลือก

การประกาศผลการสอบคัดเลือกจะแจ้งในวันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ

รายละเอียดการเปิดรับสมัคร

//www.lpru.ac.th/news_lpru/wp-content/uploads/2016/02/news-48-2-59-150259-1.pdf

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2559 9:52:39 น.
Counter : 295 Pageviews.  

กระทรวงพาณิชย์ห้ามสินค้า 8 รายการผ่านเข้าประเทศไทยเป็นสินค้าปลอมละเมิดลิขสิทธิ์โทษจำปรับยึดสินค้า

กระทรวงพาณิชย์ห้ามสินค้า 8 รายการและสินค้าภายใต้การคว่ำบาตรของยูเอ็นเข้ามาในไทยเหตุมีผลกระทบเพียบ ใครฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับและยึดสินค้า ส่วนสินค้าเกษตรอ่อนไหวอยู่ระหว่างการออกประกาศกระทรวง เพื่อกำหนดมาตรการจัดระเบียบการผ่านแดน

 

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2558 กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศ 2 ฉบับ เพื่อกำหนดรายการสินค้าห้ามนำผ่านเข้ามาในประเทศไทย โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2559 ประกาศกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้ว ส่งผลให้สินค้า 8 รายการ ได้แก่ สินค้าปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้า, สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์, บารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า, เครื่องเล่นเกม, ช้าง,โบราณวัตถุ เทวรูปและพระพุทธรูป, สารกาเฟอีน และสินค้าที่มีมาตรการคว่ำบาตรตามมติสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ห้ามขนส่งผ่านแดนประเทศไทยอีกต่อไป

ทั้งนี้ สินค้า 8 รายการดังกล่าว และสินค้าที่มีมาตรการคว่ำบาตรตามมติยูเอ็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องห้ามนำผ่าน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ชีวิต สุขภาพ และศีลธรรมอันดีของประชาชน ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล หากผู้ใดฝ่าฝืน โดยนำผ่านสินค้าต้องห้ามนำผ่านเข้ามาในประเทศไทย จะมีโทษทั้งจำ และปรับ อีกทั้งจะถูกริบสินค้า รวมทั้งสิ่งที่ใช้บรรจุ และยานพาหนะด้วย

สำหรับสินค้าเกษตรที่มีความอ่อนไหว ที่อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกร เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ไม้ และสินค้าที่ต้องเปิดตลาดตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก (WTO) เช่น น้ำมันปาล์ม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หอมหัวใหญ่ กระเทียม นม เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่สินค้าห้ามนำเข้าหรือห้ามส่งออก และโดยหลักการควรนำผ่านได้นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณากลั่นกรองของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการที่กำกับดูแลแต่ละชนิดสินค้า เพื่อกำหนดมาตรการจัดระเบียบการนำผ่านที่เหมาะสม เช่น ต้องมีใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หนังสือรับรองสุขอนามัยพืช การกำหนดด่าน เป็นต้น

ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ และออกประกาศบังคับใช้ต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้การนำผ่านเป็นช่องทางในการลักลอบนำเข้า และส่งออกสินค้าเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ประกาศกระทรวงพาณิชย์เพื่อกำหนดมาตรการจัดระเบียบการนำผ่านสินค้าเกษตรสำคัญยังไม่มีผลบังคับใช้ การนำผ่านสินค้าสามารถดำเนินการได้ตามปกติภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากร โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกรมศุลกากรว่าด้วยการถ่ายลำและการผ่านแดนอย่างเคร่งครัด

เมื่อมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ออกมาบังคับใช้ การนำผ่านสินค้าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ประกาศกระทรวงพาณิชย์กำหนดด้วย หากผู้ประกอบการ มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำผ่านสินค้า สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 21:25:52 น.
Counter : 396 Pageviews.  

สนช.ผ่าน 3 วาระรวดร่างพ.ร.บ.งบรายจ่ายปี 2559 เพิ่มเติม 5.6 หมื่นล้านเน้นขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ

สนช.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ยอด 5.6 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็น 3 ส่วน ลงทุนขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง จัดสรรให้กับเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง

 

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559  มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณารับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้ชี้แจงหลักการว่า จากการประมูลคลื่น 4 จี ของกสทช.เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา รัฐบาลมีรายได้จากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิร์ท งวดที่ 1 ที่ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินแล้วจำนวน 40,290.5 ล้านบาท รายได้จาการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ท ที่คาดว่าจะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินในเดือนมีนาคมจำนวน 11,992.6 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รายได้ดังกล่าวควรนำมาพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยจะนำรายได้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ  

1.การลงทุนขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้สามารถครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทุกส่วนของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง

2. เสริมสร้างความเข้มแข็งความก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง โดยเฉพาะการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเจริญ และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการปฏิรูปเพื่อยกระดับความสามารถของประเทศในอนาคตข้างหน้า

3.จัดสรรให้กับเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เพื่อเป็นการรักษาวินัยการคลังของประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 56,000,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นจำนวนไม่เกิน 47,661,027,300 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 8,338,972,700 บาท

งบประมาณทั้งหมด 5.6 หมื่นล้านบาทจะนำไปใช้ในการดำเนินการตามตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นจำนวนไม่เกิน 47,661,027,300 บาท โดยมีวัตถุประสงค์

1.เพื่อจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เป็นจำนวน 32,661,027,300 บาท

2.เพื่อจัดสรรตามแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นจำนวน 15,000,000,000 บาท

3.นำไปเพื่อชดใช้เงินคงคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เป็นจำนวน 8,338,972,700 บาท

สมาชิกสนช.ได้อภิปรายแสดงความเห็นสนับสนุนร่าง แต่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกผันผวน และตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศที่มีแนวโน้มสูง และมาตาการการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส   

นายกล้าณรงค์ จันทิก สมาชิกสนช. กล่าวว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกกฎหมายงบประมาณรายจ่ายงบ 5.6 หมื่นล้าน เพื่อนำไปใช้สร้างเสริมสร้างความเข้มแข็งความก้าวหน้าประเทศ แต่ตนกังวลใจในรายได้รายรับ การที่รัฐบาลมั่นใจว่าจะมีรายได้เพิ่มจากการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 5.6 หมื่นล้านบาทแน่นอน เพราะมีสัญญาเป็นหลักฐาน

แต่รายรับหากพิจารณาจากข้อสมมุติฐานจากเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายตัวของจีดีพี ที่ในปี 2559 ประมาณไว้ที่ 3.0-4.0 แต่มีการประมาณใหม่เป็น 3.2-3.7 อัตราเงินเฟ้อ ประมาณในปี 2559 อยู่ที่ 1.0-2.0 และประเมินใหม่อยู่ที่ 0.1-0.6 ซึ่งในงบประมาณกำหนดรายรับปี 2559 ระบุจำนวน 2.7 ล้านล้านบาท ประมาณรายรับจะมาจากรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท และเงินกู้ 2.9 แสนล้านบาท

รายรับจากภาษีน้ำมันปี 2559 ประมาณรายว่าเก็บได้ 1.6 แสนล้านบาท มากกว่ากว่าปี2558 จำนวน 1 แสนล้านบาท แต่สถานการณ์น้ำมันปัจจุบันราคาลดลงมาก และคาดว่าจะลดลงอีกนาน ดังนั้นเราจะสามารถจัดเก็บภาษีน้ำมันได้ตามเป้าหมายที่กำหนดได้หรือไม่

นายกล้าณรงค์กล่าวว่านอกจากนี้ในส่วนของภาษียาสูบและแสตมป์ยาสูบ กำหนดไว้ในปี 2559 จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลเพิ่มอัตราภาษียาสูบขึ้น แต่จะมีผลสะท้อนคือเมื่อราคาสูงขึ้นจะมีการลักลอบนำเข้าจะมีมากยิ่งขึ้น รัฐบาลมีมาตรการป้องกันแก้ไขอย่างไร และอาจจะมีจำนวนคนสูบลดลงหรือไม่

"จากการวิเคราะห์เอกสารบันทึกสรุปสาระสำคัญ ว่าปัจจัยสำคัญที่ต้องพึงระวังแนวโน้มการชะลอตัวเศรษฐกิจของจีน ความผันผวนเศรษฐกิจการเงินของโลก ทิศทางนโยบายการเก็บเงินผู้ค้าที่สำคัญ ขณะนี้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจมีปัญหาค่าเงินหยวนที่มีการเปลี่ยนแปลงลงอาจมีผลกระทบต่อไทยได้ หากเก็บไม่ได้ตามเป้าหมาย ขณะเกี่ยวกันได้เงินเพิ่มมา5.6 หมื่นล้านบาทจากประมูลคลื่นแล้วมาตั้งงบเพิ่มรายจ่ายดังกล่าว ถ้าเก็บไม่ได้จะมีปัญหากระทบต่อการตั้งงบปี 60"

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สมาชิกสนช. กล่าวว่า การจัดงบส่วนหนึ่งไปเสริมสร้างความเข้มแข็งตามแนวทางปฏิรูป ครอบคลุมมิติทั้ง 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง จำนวนเงิน 3 หมื่นล้านบาท มีการจัดสัดส่วนให้น้ำหนักไปสู่แต่ละด้านอย่างไร กรณีที่รัฐบาลใช้งบประมาณนำระบบเทคโนโลยีสื่อสารโซเชียลมีเดียลงไปในหมู่บ้าน 3 หมื่นแห่ง หรือที่เรียกว่า "หมู่บ้านบริสุทธ์ด้านสื่อสารมวลชน" ทั้งสามหมื่นหมู่บ้านนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเลยมีการดำรงชีวิตมีความสุขพอสมควร

น.พ.เฉลิมชัย มองว่าหากรัฐบาลนำอินเตอร์เน็ตเข้าไปควรจะระวังเรื่องความมั่นคงยั่งยืนด้านสังคม เพราะก่อนหน้านี้มีการนำโครงการนี้ลงไปในสี่หมื่นหมู่บ้านก็พบปัญหาด้านสังคมเช่น การใช้จ่ายสิ่งไม่จำเป็น การตั้งครรภ์ในวัยอันไม่สมควร เนื่องจากมีการรับข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย

"ดังนั้นหากจะนำระบบบดิจิตอล มาทำมาร์เก็ตติ้งในหมู่บ้านเพื่อค้าขายพืชผลเกษตรเพื่อความคุ้มค่ามันก็ดี แต่ผลลบอาจจะมีมูลค่ามากกว่าก็ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องจัดงบประมาณคู่ขนานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้คุ้มค่าทางบวกด้วย"น.พ.เฉลิมชัยกล่าว

ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเสริมสร้างความเข้มแข็งและความก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปจำนวน 3.2 หมื่นล้านบาทหรืองบกลาง หากนับรวมกับงบกลางที่อยู่ในงบปี 59 จำนวน 4.2 แสนล้านบาท จึงอยากทราบว่าจะมีการบริหารงบประมาณดังกล่าวให้เกิดความโปร่งใสอย่างไร เพราะแม้งบกลางมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ แต่การตรวจสอบทำได้ยากและอาจทำให้ขาดวินัยทางการเงินการคลัง

อีกทั้งงบในส่วนนี้ยังไม่มีการแสดงรายละเอียดของหน่วยงานที่รับผิดชอบและไม่มีแผนการใช้เงินที่ชัดเจน ซึ่งควรต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายเป็นการประชานิยม และหนี้สาธารณะเดือนธ.ค.2558 จำนวน 6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 44.4% ของจีดีพี เป็นตัวที่ชี้ให้เห็นว่าจำเป็นต้องรักษาเพดานเงินกู้พอสมควร ดังนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้มีหนี้สาธารณะสูงขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามสมาชิกได้ลงมติรับหลักการวารแรกด้วยคะแนน 189 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และใช้กรรมาธิการเต็มสภา พิจารณาวาระ 2 โดยไม่มีสมาชิกอภิปราย จากนั้นได้ลงมติวาระ 3 ด้วยคะแนน 191 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ประกาศใช้บังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 20:39:11 น.
Counter : 223 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.