tuk...tuk more than one or cannot run
<<
พฤศจิกายน 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
18 พฤศจิกายน 2565

ฮูปแต้มสิมวัดสระบัวแก้ว อำเภอหนองสองห้อง







เป็นภาพที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2557

หยิบมาค้น อ่าน ย่อ สรุป เขียน ทำรูป ใช้เวลาว่างที่มี 4-5 เดือน

มาชมกันค่ะ






วัดสระบัวแก้วตั้งอยู่บ้านวังคูณ ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น

เดิมเป็นสิมของวัดนี้น้ำทำด้วยไม้ อยู่ในหนองด้านทิศใต้ของวัด ต่อมาได้ผุพังลง

ราวปี พ.ศ. 2474 พระครูวิบูลย์พัฒนานุยุต (หลวงปู่ผุย) เจ้าอาวาสจึงสร้างขึ้นใหม่บนบก

นำรูปแบบมาจากสิมวัดบ้านยาง ต.บัวมาศ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

เป็นสิมอิฐถือปูน ขนาด 3 ห้อง หลังคาเกิดชำรุด เสียหาย จากพายุ และฟ้าผ่าหลายครั้ง

ชาวบ้านจึงให้เปลี่ยนรูปทรงของหลังคาใหม่ เป็นหลังคาซ้อนสองชั้น มีเสารับปีกนกคลุมคลุมโดยรอบ

ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2475

ได้ขุดสระเอาดินถมบริเวณที่จะสร้างสิม เกิดเป็นสระบัวขนาดใหญ่ จึงได้ชื่อวัดว่า วัดสระบัวแก้ว








บันไดทางขึ้นสู่สิม เป็นบันไดสิงห์ - มีสิงห์หมอบซ้ายขวา

ด้านหน้าสิงห์เป็นรูปปั้นคนนั่งห้อยเท้า ฝีมือของหลวงพ่อผุย

ช่างแต้มผนังด้านนอกมีชื่อว่า จารย์ทองมา, จารย์น้อย และจารย์ดี






เหนือช่องประตูเป็นภาพราหูอมจันทร์

กรอบประตูเป็นลายประจำยามก้ามปู - ยามอยู่ประจำเพื่อป้องกันภัย

มีขาต่อกันเหมือนก้ามปู ถัดออกไปเป็นลายก้านขด

ไม้กรอบประตูเป็นบานเปิดเข้าข้างใน








ราหูกำลังใช้มือทั้งสองข้างจับหัวพระจันทร์เข้าปาก

ด้านขวาของราหูเป็นเทวดานุ่งเตี่ยว ด้านซ้ายเป็นนางลอยนุ่งซิ่นนั่งเหาะอยู่






ด้านใน

ด้านหลังพระประธาน ภาพพุทธปรินิพพาน






ซ้ายและขวาเป็นรูปหม้อดอก และพระพุทธเจ้าด้านละสี่องค์






ด้านหน้าพระประธาน พระพุทธเจ้าประทับบนโพธิบัลลังก์

ใต้บัลลังก์ด้านหนึ่งเป็นพระแม่ธรณีบีบมวยผม

อีกด้านหนึ่งเป็นบุคคลชายถือกอหญ้าน่าจะเป็น พราหมณ์โสตถิยะถวายหญ้ากุศะปูรองที่ประทับ

ขวามือพระพุทธเจ้า มารกำลังเข้ามาทำร้าย ช้างชูอาวุธ

มุมล่างขวามือ พระเจ้าสุทโธทนะ และ พระนางสิริมหามายา - เริ่มต้นพระพุทธประวัติ






ผนังด้านข้างถัดออกไป เป็นตอนประสูติ

ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวฑูต 4 คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต

ออกบวช - มีเทวดาอุ้มเท้าทั้งสี่ของม้ากัณฐกะ

ทรงประทับริมแม่น้ำ นายฉันนะ ถือชฎา








ซ้ายมือ มารแสดงเคารพถือดอกบัวด้วย ช้างหมอบทำความเคารพ

กลาง พราหมณ์ 4 ตน ?

ด้านล่างเป็นเรื่องสินไซ

ท้าวกุดสะราด มีน้องสาวชื่อนางสุมนทา มีมเหสีชื่อนางจันทา

นางสุมนทาถูกท้าวกุมภัณฑ์อุ้มเหาะไปเป็นมเหสี

ท้าวกุดสะราดออกบวชเพื่อคิดตามไป แต่เจอลูกสาวเศรษฐี 7 คน จึงลาบวชนำมาเป็นสนม

นางจันทาคลอดลูกเป็นสีโห (หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์) นางลุนสนมคลอดลูกเป็นสังข์ทอง (หอยสังข์) และ สินไซ (คน)

โหรทำนายว่ากาลกิณี จึงไล่ทั้งแม่และลูกออกจากเมือง

สนมอีกหกนางคลอคลูกเป็นโอรสหกองค์ - ท้าวกุดสะราดใช้ให้ไปตามนางสุมนทา

โอรสทั้งหกหลอก สินไซ สังข์ทอง กับสีโหไปแทน

สินไซช่วยนางสุมนทากลับมาได้ มีดราม่าต่ออีกนิดที่ทำให้ท้าวกุดสะราดสั่งให้จับท้าวทั้งหก แม่ทั้งหก หมอโหร หมอเสน่ห์ ไปคุมขัง

จบด้วยสินไซครองเมือง






สีโห (หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์),สินไซ (คน) และ สังข์ทอง (หอยสังข์)

ออกเดินทางไปพบ

ด่านที่ 1 สู้กับซวง - งูใหญ่

ขวา โอรสอีก 6 องค์ของพญากุศราช






ภาพบนปฐมเทศนา

ภาพล่าง สังข์ทองเนรมิตตนเป็นเรือพาสินไซไปตามนางสุมนทา

ด่านที่ 2 สินไซสู้กับยักษ์กันดาร ฟันคอยักษ์ขาดไป






ภาพบน ?

ภาพล่าง ด่านที่ 3 สินไซสู้กับช้างหลายแสนตัว เมื่อแพ้ก็ยอมให้ขี่คอพาไปส่งจนสุดเขตแดน






ผนังด้านนอก เป็นเรื่องพระลัก-พระลาม ฉบับลาว

ภาคแรกเป็นภาคที่นางจันทาพี่สาวของท้าวพะลามท้าวพะลักถูกท้าวราพพะนาสวนจับไป

เริ่มที่ภาพที่สามผนังด้านทิศเหนือด้านล่าง วนมาทางตะวันออกคือข้างประตูทางเข้า

แล้วไปต่อที่ภาพที่สามผนังด้านทิศเหนือด้านบน วนมาด้านประตูทางเข้า

พรหมชายหญิงลงมากินง้วนดินแล้วกลับสวรรค์ไม่ได้ ตั้งเมืองชื่อเมืองอินทะปัตถะ

มีลูก 101 คน ต่างออกไปตั้งเมืองในชมพูทวีป - ทวีปที่มีต้นชมพู่

คนสุดท้องให้ครอง เมืองอินทะปัตถะ ชื่อ ตับบอระเมสวน + นางพรหมสังกา > ทัตตะรัตถะ และ วิรุฬหก

ให้วิรุฬหก(น้อง) ครองเมืองอินทะปัตถะ ... ทัตตะรัตถะ ออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อจันทบุรีสีสัตตะนาค

มีพรหมอีกตนมาเกิดไม่ยอมให้แถนปั้นร่าง เกิดมาจึงมีตัวกลมมนเหมือนหินลับมีด มีแขนขาสั้นโผล่ออกมาชื่อว่าลุนลู่ เป็นลูกขุนนาง

พระอินทร์สงสารพาไปปั้นร่างใหม่สุดท้ายได้เบ้าพระอินทร์

มาเกิดเป็นลูกพญาวิรุฬหก เจ้าเมืองอินทะปัตถะ ชื่อ ราพพะนาสวน

ราพพะนาสวน ท้ารบข่มขู่พญาทัตตะรัตถะ-ลุง-จนยอมมอบนางจันทาให้อยู่กินเป็นชายาที่เมืองอินทปัตถะ

พระมารดานางจันทาเสียใจจึงอธิษฐานขอคนมีบุญมาช่วย ได้ลูกคือพระลาม(ตัวเขียว)และพระลัก พระอินทร์ส่งม้ามนีกาบมาให้

พระลามพระลักตามนางจันทากลับมาได้

ราพพะนาสวน ขอขมา มาสู่ขอนางจันทาไปอยู่ด้วย ไปสร้างเมืองใหม่ชื่อเมืองลงกา

ผนังด้านทิศเหนือห้องที่สามจากประตูทางเข้า

ภาพล่าง

ขวา เขียนว่าอินทะปัตถะนคร กษัตริย์ในวังหันหน้าหาบุคคลสองคน

ไม่อยากเดาเพราะอ่านที่เขาเขียนกำกับไว้ไม่ออก

แต่น่าจะเป็นตอนเริ่มต้น

ภาพบน
ขวา เขียนว่ามาชุบตัว - พระอินทร์ชุบตัวให้ราพพะนาสวน

กลาง เข้าในว่าเป็นจุฬามณีเจดีย์ที่บรรจุ พระจุฬา (จุก) กับ พระเมาลี (มวยผม)
ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์

ใต้เจดีย์ รูปตัวเขียวหน้ายักษ์อุ้มหญิงตรงกลาง - ท้าวราพพะนาสวนอุ้มนางจันทาเอามาเป็นมเหสี

ซ้าย
ราพพะนาสวนรบพระลามพระลัก






ภาพล่าง ริมฝั่งแม่น้ำ มีบุคคลใส่ชฎา ชาย หญิง นั่งเรือมีคนพายไป

ภาพกลาง

ขวามีบุคคลรัศมีรอบเศียร อยู่ในปราสาท มีบุคคลหญิง ซ้ายเป็นชายสามคน

ซ้ายเป็นภาพคลอดลูก

เดานะ ท้าวทัตตะรัตถะ + วิสุทธิโสดา > นางจันทา

ภาพบน

ราพพะนาสวนเนรมิต เสือโคร่ง เสือเหลือง ราชสีห์ ปลาสม่อยอานนท์ ปลาบึก ปลาซวย พระลักพระลามและม้ามนีกาบปราบได้หมด

ท้าวราพพะนาสวนขอให้พญานาคมาช่วย - ตายเกลื่อน

ขอพญาครุฑจากปราสาทไม้งิ้วมาช่วย - ตายเกลื่อน ติดเกาะแก่งเกิดลี่ผี






ภาพล่าง บุคคลใส่ชฎาในเรืออุ้มเด็ก 2 คน

ภาพกลาง

ขวา ท้าวราพพะนาสวนยกกองกำลังมาข่มขู่พญาทัตตะรัตถะผู้เป็นลุง

ซ้าย ให้ยกนางจันทาไปอยู่กินด้วย - อุ้มสาวไปด้วย

ภาพบน

ก็ยังเป็นการสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งยักษ์ ตายเกลื่อน สุดท้ายยอมแพ้

ราพพะนาสวนไหว้พระลามพระลัก






ภาพล่าง

พระลักพระลามขี่ม้ามนีกาบไปนำต้วนางจันทากลับมา แต่ไม่ถูกขัดขวางเพราะท้าวราพพะนาสวนหลับไปสามเดือน (พอตื่นก็ย้อนไปภาพ N-2 บน)

ภาพบน

พระลามพระลัก นางจันทา นั่งมาบนผาสาดแก้ว(ปราสาทแก้ว) บนเรือเหาะที่เนรมิตเข้าเมือง

เขามาหดสรงพระลัd พระลาม ให้ครองเมือง - อภิเษก

ต้อนรับอย่างอบอุ่น






ภาพล่าง

พระลามพระลัก ที่นั่งในปราสาทน่าจะเป็นทางจันทา

ถ้ัดมาเป็นภาพท้าวราพพะนาสวนจัดขบวน ขันคำขันเงินมาขอขมาพะลามพะลักและสู่ขอนางจันทา

ภาพบนสุด

ในภาพเชียนว่า แห่นางคำซาวกับนางแอกไค้ไปส่งพระลามพระลักแล

ทั้งสองนางเป็นธิดาเจ้าเมืองขอม ในเรื่องตอนจะจบภาคนางจันทาก็ไปรับมาอยู่ด้วย

จะเห็นภาพคนหาบผู้หญิงสองคน






ภาคหลังเป็นภาคที่นางสีดาคู่ของพะลามท้าวพะลักถูกท้าวราพพะนาสวนจับไป

ห้องที่ 1 ทิศใต้






ภาพบน

กำเนิดนางแพงสี สังคีบ และพะลีจัน (นางแพงสี+พระลาม มีลูกคือหุนละมาน)

ฤๅษีตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในถ้ำใกล้ต้นนิโครธมาสองกัป

อยากมีเมียจึงขูดขี้ไคลเสกเป็นหญิงชื่อว่านางไค มีธิดาชื่อนางแพงสี

เวลาฤๅษีไปหาผลไม้จะเอาหินมาเสกปิดปากถ้ำ > รูปขวา

พระอาทิตย์มาเห็นและแอบฟังคาถา > เหนือต้นไม้

แอบเข้าไปสมสู่กับนางไคทุกวันจนนางไคได้ลูกชายฝาแฝด

ฤๅษีตั้งชื่อว่า สังคีบ และ พะลีจัน

ฤๅษีได้สอนวิชาให้พี่น้องทั้งสอง > รูปกลาง

ขณะสอนควายจ่าฝูงชื่อทอระพีไปหากินใกล้กับฤๅษีสอนคาถา

รู้จักคาถาสรรพหลีก คืออยู่ยงคงกระพัน+หลีกพ้นอันตรายทั้งปวง > รูปควาย

สังคีบ+พะลีจันเรียนจบและเก่งกว่าฤๅษี

ฤๅษีสงสัยจึงพาลูกทั้งสามไปโยนทะเล

อธิษฐานว่าถ้าใครเป็นลูกตนให้ว่ายน้ำกลับมาหา

ถ้าไม่ใช่ให้ว่ายน้ำเลยไป

มีนางแพงสีว่ายกลับมาคนเดียว > ซ้ายสุด






ภาพกลาง

ท้าวราพพะนาสวนไปขอเรียนวิชากับพระอินทร์

พระอินทร์เอาธนูให้ท้าวราพพะนาสวน

ท้าวราพพะนาสวนปลอมเป็นพระอินทร์ไปสมสู่นางสุชาดา > รูปในปราสาท






ภาพล่าง

มีรูปฤาษี พะลัก พะลาม ม้ามนีกาบ






ห้องที่ 2 ทิศใต้






ภาพบน

ท้าวสังคีบและท้าวพะลีจัน ว่ายน้ำเกาะมหาสมุทร จึงตั้งเป็นเมืองกาสี

กล่าวถึงควายทรพี จ่าฝูง เมื่อมีลูกตัวเมียจะเลี้ยงไว้ ตัวผู้จะฆ่าเพราะกลัวถูกแย่งเป็นจ่าฝูง

มีนางควายตัวใหญ่สุดในฝูงท้องจึงออกอุบายขอเรียนวิชาจากทรพี

แอบไปออกลูกในถ้ำ ได้ลูกตัวผู้ชื่อ ทรพี จูเนียร์

เมื่อจูเนียร์โตจึงเล่าความชั่วร้ายของพ่อใและ สอนมนต์สรรพหลีกให้เก่ง เพื่อจะได้ฆ่าทรพีซีเนียส์

ชอบตรงนี้

โดยให้ฝึกขวิดหวาย ผลมะขามป้อม และก้อนขี้ของตนก่อนตกถึงพื้น

และให้คอยวัดรอยเท้า จนในที่สุดฆ่าพ่อได้

แล้วเที่ยวอาละวาดไปจนถึงเมืองกาสี

ท้าวสังคีบและท้าวพะลีจัน+นางกตตะราชมเหสีท้าวสังคีบซึ่งกำลังท้องแก่ออกไปสู้ทรพี > รูปกลาง

นางกตตะราชถูกขวิดกระเด็นไปทำให้คลอดลูกแฝดในสนามรบชื่อชาตาพระยา + กัลละหาพระยา จึงเอารกขว้างไปที่เขาทรพีทำให้วิชาเสื่อมลงหน่อย

ไม่มีใครแพ้ชนะ

ทรพีชวนท้าวสังคีบไปรบในถ้ำ ท้าวพะลีจันจึงเอาหินปิดปากถ้ำให้ท้าวพะลีจันเฝ้าไว้ > ภาพซ้ายสุด






ภาพกลาง

เพราะนางสุชาดาจะแก้แค้นจึงมาเกิดเป็นลูกท้าวราพพะนาสวน

พิกพีทายว่าจะฆ่าพ่อ จึงให้นำไปลอยแพ > ในรูปกลางซ้าย

แพลอยไปถึงฤาษี เก็บเอามาเลี้ยง มีข่าวถูกปล่อยเล่าลือว่าสวย

ท้าวราพพะนาสวนมาขอ แต่ยกศรไม่ขึ้น

ฤาษีก็ใจดีเสกรากไม้สมุนไพร เป็นรูปเหมือนนางสีดาชื่อนางสุทโทให้ไปเป็นภรรยา

ในเรือ ท้าวราพพะนาสวน นางจันทาและนางสุทโท






ภาพล่าง

พระลาม พระลักขี่ม้ามนีกาบ บุคคลหญิงอุ้มลูก 2 คน






ห้องที่ 3 ทิศใต้






ภาพบน

ท้าวสังคีบฆ่าทรพีได้ตอนเกิดฝนตกพอดี เลือดทรพีกับน้ำฝนจึงใส

ท้าวพะลีจันเข้าใจผิดจึงไม่เปิดปากถ้ำ

ท้าวสังคีบเอาหัวทรพีขว้างใส่หินปากถ้ำออกมาได้

ถึงเมืองกาสี จึงเอาดาบไล่ฟันท้าวพะลีจัน

ท้าวพะลีจันหนีมาถึงเกาะที่พระลักพระลามและม้ามนีกาบอาศัยอยู่

พระลามพระลักมาอาบน้ำเจอพะลีจันนั่งร้องไห้ไห้จนขี้ตาพอกเป็นจอมปลวกพูนถึงคอ

พระลามให้กลับไปปรับความเข้าใจ แต่ท้าวสังคีบไม่คุย รบอย่างเดียว

นางกตตะราชถูกปลายดาบท้าวพะลีจันทิ่มตาบอดทั้งสอง

พะลีจันขอพระลามช่วย พระลามจึงแผลงศรไปถูกเท้าท้าวสังคีบ

พระลักดึงศรไว้ไม่ให้ทะลุเข้าหัวใจ

แต่สังคีบยอมตายพระลามจึงให้พระลักปล่อยศรเข้าไปเสียบหัวใจของท้าวสังคีบสิ้นชีวิต






ภาพกลาง

พระรามมาขอนางสีดา

พระรามยกศรได้

พระลามพระลักพานางสีดาไป

ท้าวราพพะนาสวนเนมิตกวางทอง พระลามไปตาม

นางสีดาได้ยินเสียงกวางเป็นเสียงพระลาม ให้พระลักไปช่วย

พระลักฝากนางสีดาไว้กับนางธรณี

ท้าวราพพะนาสวนจับนางสีดาก็ร้อน จึงเนรมิตโง่นหินเป็นรูปคนไปอุ้มนางสีดาแต่ยกไม่ชึ้น

พระลักเจอพระลาม

พระลามว่านางธรณีจะช่วยอะไรได้ นางธรณีจึงปล่อยนางสีดา

โง่นหินก็เอานางสีดาไป






ภาพล่าง

มีภาพชุดพระลาม พระลัก ม้ามนีกาบ 4 ชุด






ห้องทิศตะวันตกด้านทิศใต้






ภาพบน

พระลามจึงจัดทัพเคลื่อนไปบนสะพาน - ไปลงกา

ขวาสุดเป็นลูกทั้ง 9 ของนางสุทโท - สู้กับพระราม

พระลามพระลักนำทัพ

ซ้ายสุดมี ชิวหา ลูกนางสุทโทกับท้าวราพพะนาสวน กำลังแลบลิ้นเป็นสะพานหลอกให้ทหารเดินข้าม เพื่อจะพลิกลิ้นให้ตกน้ำ






ภาพกลาง

พระลามมีกรรม ต้องกินผลมะเดื่อแล้วกลายเป็นลิงไปสามปี

พระลักและม้ามนีกาบเนรมิตปราสาทอยู่รอ

นางแพงสีหลงทางมากินผลมะเดื่อกลายเป็นลิงด้วย

พระลาม + นางแพงสี > หุนละมาน






ภาพล่าง

พระลามพระลัก ม้ามนีกาบ กับกระบือ และกับยักษ์สองผัวเมีย






ห้องทิศตะวันตกด้านทิศเหนือ






ขวามือ หุนละมานเอาหินไปทำสะพาน ธิดาพญานาคมารื้อออกเพราะปิดทาง

หุนละมานและพี่น้องทั้ง 4 มาพบและจีบลูกพญานาคทั้ง 4 ได้เป็นภรรยา

ต่างมีลูกคือ
นางมัจฉา + หุนละมาน > ท้าววลุยี
นางจำปาดอกแก้ว+ท้าวควันเท่าฟ้า > อัคคีทะนา
นางผ่านแผ้วดอกคำ+ท้าวชาตาพระยา >คำภาแก่กล้า
นางคำตันอุ่นหล้า+ท้าวกัลละหาพระยา >ท้าวยอดฟ้าครองสวรรค์

พญาปัตตะหลุมเห็นพระลามบัญชาการทัพ คิดว่าพระลามเป็นต้นเหตุของสงคราม

จึงร่ายมนต์ใหัหลับทั้งค่าย กำบังตัวจับพระลามไปขังในคอกเหล็กเมืองบาดาล

ท้าวสี่พี่น้องไปช่วยเหลือพระลามสำเร็จและขังพญานาคปัตตะหลุมไว้ในคอกเหล็ก

หลานทั้งสี่ของพญานาค - ท้าววลุยี ท้าวอัคคีทะนา ท้าวคำภาแก่กล้า และท้าวยอดฟ้าครองสวรรค์มาช่วยได้

ท้าวสี่พี่น้องจึงเกิดการต่อสู้กันเป็นคู่ๆ

แผลงศรไปมาแต่กลับกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้บูชาให้พ่อ และขนมนมเนยให้ลูก

ซักถามกันและกัน จึงได้รู้ว่าเป็นบิดาและโอรสของกัน

ซ้ายสุด ท้าวราพพะนาสวนให้สี่ขุนนางออกรบกับทัพพระลามพระลัก






กลางขวา?






ล่างขวา ?






ครึ่งล่างซ้ายเป็นรูปพระมาลัยโปรดสัตว์นรก






ทำไมจึงมีฮูปแต้มเรื่องพระลักพระลาม สินไซ บนผนังสิม

เพราะทั้งสองเรื่องเป็นชาดก

คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า












Create Date : 18 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2565 16:19:06 น. 11 comments
Counter : 1070 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณSleepless Sea, คุณtoor36, คุณRain_sk, คุณกะว่าก๋า, คุณผู้ชายในสายลมหนาว


 
ดูเก่าแก่มากเลยค่ะพี่น้อย



โดย: หอมกร วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:21:21:13 น.  

 
ภาพสีซีดจางหายไปดุแล้วน่าใจหาย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปหายสูญหายไปตามกาลเวลาแน่นอน


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:22:22:17 น.  

 
มาชมภาพจิตรกรรมฝาผนังสิมวัดสระบัวแก้วด้วยครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:31:26 น.  

 
ภาพจิตรกรรมฝาผนังทรงคุณค่า
น่าอนุรักษ์มากค่ะพี่ตุ๊ก

ขอบคุณพี่ตุ๊กที่พาชมนะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:45:21 น.  

 
เก็บรายละเอียดในส่วนของภาพจิตรกรรมฝาผนังมาเยอะเลยครับ อาจเป็นเพราะความเก่า และสี ภาพบางส่วนเลยมองแล้วคล้ายภาพแบบวาดเล่นๆ เลย ถ้ามีการซ่อมแซมน่าจะดีครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:55:47 น.  

 
อุ๊ย สมองเบลอยังไม่ดึกเสียหน่อย
ทำไมไปปนกับพี่น้อยที่อยู่อเมริกาไปได้
ขออภัยอย่างสูงค่ะพี่ตุ๊ก



โดย: หอมกร วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:04:06 น.  

 
สวัสดีครับ

มาชมมาเที่ยววัดด้วยครับ
ภาพจิตรกรรมฝาผนังสวย และดูเก่าแก่มากครับ
ข้อมูลและเรื่องราวประกอบ ละเอียดมาก ปรบมือให้เลยครับ
ขอบคุณที่แวะไปนะครับ



โดย: Sleepless Sea วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:18:13:26 น.  

 
ภาพวาดสวยมากครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:20:02:59 น.  

 
ขอบคุณกำลังใจค่ะพี่ตุ๊ก



โดย: Sweet_pills วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:48:45 น.  

 
ขอบคุณครับผม


โดย: ทั่นขุน (Rain_sk ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:8:16:16 น.  

 
เมื่อหกปีก่อนไปงานผีตาโขน
ได้ไปวัดโพธิ์ชัย นาแห้ว เลย
เจอสิมที่มีการเขียนภาพไว้ด้านนอก

คนภาคกลางอย่างผมนี่ งงเลย
เค้าไม่กลัวฝนสากโดนภาพเลยหรือ
เค้าว่าเขียนเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย

อยากแกะเหมือนกัน แต่ดูยากนะ
เนื่อเรื่องเราก็ไม่คุ้น


โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:9:48:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tuk-tuk@korat
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 148 คน [?]




งานหลักคืองานอดิเรก

10 บล็อกล่าสุด


What I Did For Love - Josh Groban ... ความหมาย


วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง



Oh, Pretty Woman - Roy Orbison ... ความหมาย


I Will Whisper Your Name - Michael Johnson ... ตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 349


เชียงใหม่ - วัดสันทรายหลวง อำเภอสันทราย



In Dreams - Roy Orbison ... ความหมาย



ลำปาง - วัดพระธาตุหมื่นครื้น ... อย่างฉุกละหุก ตะพาบหลักกิโลเมตรที่ 348



For Lovin' Me - Gordon Lightfoot ... ความหมาย


เชียงใหม่ - วัดสันทรายมูล อำเภอสันทราย


When I Dream - Crystal Gayle ตะพาบหลักกิโลเมตรที่ 347 ติดเป็นนิสัย















ของแต่งบล็อกจาก
ป้าเก๋า "ชมพร"
คุณญามี่
คุณ Rainfall in August
ขอบคุณค่ะ

[Add tuk-tuk@korat's blog to your web]