|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
18 พฤศจิกายน 2565
|
|
|
|
ฮูปแต้มสิมวัดสระบัวแก้ว อำเภอหนองสองห้อง
เป็นภาพที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2557
หยิบมาค้น อ่าน ย่อ สรุป เขียน ทำรูป ใช้เวลาว่างที่มี 4-5 เดือน
มาชมกันค่ะ
วัดสระบัวแก้วตั้งอยู่บ้านวังคูณ ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น
เดิมเป็นสิมของวัดนี้น้ำทำด้วยไม้ อยู่ในหนองด้านทิศใต้ของวัด ต่อมาได้ผุพังลง
ราวปี พ.ศ. 2474 พระครูวิบูลย์พัฒนานุยุต (หลวงปู่ผุย) เจ้าอาวาสจึงสร้างขึ้นใหม่บนบก
นำรูปแบบมาจากสิมวัดบ้านยาง ต.บัวมาศ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
เป็นสิมอิฐถือปูน ขนาด 3 ห้อง หลังคาเกิดชำรุด เสียหาย จากพายุ และฟ้าผ่าหลายครั้ง
ชาวบ้านจึงให้เปลี่ยนรูปทรงของหลังคาใหม่ เป็นหลังคาซ้อนสองชั้น มีเสารับปีกนกคลุมคลุมโดยรอบ
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2475
ได้ขุดสระเอาดินถมบริเวณที่จะสร้างสิม เกิดเป็นสระบัวขนาดใหญ่ จึงได้ชื่อวัดว่า วัดสระบัวแก้ว
บันไดทางขึ้นสู่สิม เป็นบันไดสิงห์ - มีสิงห์หมอบซ้ายขวา
ด้านหน้าสิงห์เป็นรูปปั้นคนนั่งห้อยเท้า ฝีมือของหลวงพ่อผุย
ช่างแต้มผนังด้านนอกมีชื่อว่า จารย์ทองมา, จารย์น้อย และจารย์ดี
เหนือช่องประตูเป็นภาพราหูอมจันทร์
กรอบประตูเป็นลายประจำยามก้ามปู - ยามอยู่ประจำเพื่อป้องกันภัย
มีขาต่อกันเหมือนก้ามปู ถัดออกไปเป็นลายก้านขด
ไม้กรอบประตูเป็นบานเปิดเข้าข้างใน
ราหูกำลังใช้มือทั้งสองข้างจับหัวพระจันทร์เข้าปาก
ด้านขวาของราหูเป็นเทวดานุ่งเตี่ยว ด้านซ้ายเป็นนางลอยนุ่งซิ่นนั่งเหาะอยู่
ด้านใน
ด้านหลังพระประธาน ภาพพุทธปรินิพพาน
ซ้ายและขวาเป็นรูปหม้อดอก และพระพุทธเจ้าด้านละสี่องค์
ด้านหน้าพระประธาน พระพุทธเจ้าประทับบนโพธิบัลลังก์
ใต้บัลลังก์ด้านหนึ่งเป็นพระแม่ธรณีบีบมวยผม
อีกด้านหนึ่งเป็นบุคคลชายถือกอหญ้าน่าจะเป็น พราหมณ์โสตถิยะถวายหญ้ากุศะปูรองที่ประทับ
ขวามือพระพุทธเจ้า มารกำลังเข้ามาทำร้าย ช้างชูอาวุธ
มุมล่างขวามือ พระเจ้าสุทโธทนะ และ พระนางสิริมหามายา - เริ่มต้นพระพุทธประวัติ
ผนังด้านข้างถัดออกไป เป็นตอนประสูติ
ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวฑูต 4 คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต
ออกบวช - มีเทวดาอุ้มเท้าทั้งสี่ของม้ากัณฐกะ
ทรงประทับริมแม่น้ำ นายฉันนะ ถือชฎา
ซ้ายมือ มารแสดงเคารพถือดอกบัวด้วย ช้างหมอบทำความเคารพ
กลาง พราหมณ์ 4 ตน ?
ด้านล่างเป็นเรื่องสินไซ
ท้าวกุดสะราด มีน้องสาวชื่อนางสุมนทา มีมเหสีชื่อนางจันทา
นางสุมนทาถูกท้าวกุมภัณฑ์อุ้มเหาะไปเป็นมเหสี
ท้าวกุดสะราดออกบวชเพื่อคิดตามไป แต่เจอลูกสาวเศรษฐี 7 คน จึงลาบวชนำมาเป็นสนม
นางจันทาคลอดลูกเป็นสีโห (หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์) นางลุนสนมคลอดลูกเป็นสังข์ทอง (หอยสังข์) และ สินไซ (คน)
โหรทำนายว่ากาลกิณี จึงไล่ทั้งแม่และลูกออกจากเมือง
สนมอีกหกนางคลอคลูกเป็นโอรสหกองค์ - ท้าวกุดสะราดใช้ให้ไปตามนางสุมนทา
โอรสทั้งหกหลอก สินไซ สังข์ทอง กับสีโหไปแทน
สินไซช่วยนางสุมนทากลับมาได้ มีดราม่าต่ออีกนิดที่ทำให้ท้าวกุดสะราดสั่งให้จับท้าวทั้งหก แม่ทั้งหก หมอโหร หมอเสน่ห์ ไปคุมขัง
จบด้วยสินไซครองเมือง
สีโห (หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์),สินไซ (คน) และ สังข์ทอง (หอยสังข์)
ออกเดินทางไปพบ
ด่านที่ 1 สู้กับซวง - งูใหญ่
ขวา โอรสอีก 6 องค์ของพญากุศราช
ภาพบนปฐมเทศนา
ภาพล่าง สังข์ทองเนรมิตตนเป็นเรือพาสินไซไปตามนางสุมนทา
ด่านที่ 2 สินไซสู้กับยักษ์กันดาร ฟันคอยักษ์ขาดไป
ภาพบน ?
ภาพล่าง ด่านที่ 3 สินไซสู้กับช้างหลายแสนตัว เมื่อแพ้ก็ยอมให้ขี่คอพาไปส่งจนสุดเขตแดน
ผนังด้านนอก เป็นเรื่องพระลัก-พระลาม ฉบับลาว
ภาคแรกเป็นภาคที่นางจันทาพี่สาวของท้าวพะลามท้าวพะลักถูกท้าวราพพะนาสวนจับไป
เริ่มที่ภาพที่สามผนังด้านทิศเหนือด้านล่าง วนมาทางตะวันออกคือข้างประตูทางเข้า
แล้วไปต่อที่ภาพที่สามผนังด้านทิศเหนือด้านบน วนมาด้านประตูทางเข้า
พรหมชายหญิงลงมากินง้วนดินแล้วกลับสวรรค์ไม่ได้ ตั้งเมืองชื่อเมืองอินทะปัตถะ
มีลูก 101 คน ต่างออกไปตั้งเมืองในชมพูทวีป - ทวีปที่มีต้นชมพู่
คนสุดท้องให้ครอง เมืองอินทะปัตถะ ชื่อ ตับบอระเมสวน + นางพรหมสังกา > ทัตตะรัตถะ และ วิรุฬหก
ให้วิรุฬหก(น้อง) ครองเมืองอินทะปัตถะ ... ทัตตะรัตถะ ออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อจันทบุรีสีสัตตะนาค
มีพรหมอีกตนมาเกิดไม่ยอมให้แถนปั้นร่าง เกิดมาจึงมีตัวกลมมนเหมือนหินลับมีด มีแขนขาสั้นโผล่ออกมาชื่อว่าลุนลู่ เป็นลูกขุนนาง
พระอินทร์สงสารพาไปปั้นร่างใหม่สุดท้ายได้เบ้าพระอินทร์
มาเกิดเป็นลูกพญาวิรุฬหก เจ้าเมืองอินทะปัตถะ ชื่อ ราพพะนาสวน
ราพพะนาสวน ท้ารบข่มขู่พญาทัตตะรัตถะ-ลุง-จนยอมมอบนางจันทาให้อยู่กินเป็นชายาที่เมืองอินทปัตถะ
พระมารดานางจันทาเสียใจจึงอธิษฐานขอคนมีบุญมาช่วย ได้ลูกคือพระลาม(ตัวเขียว)และพระลัก พระอินทร์ส่งม้ามนีกาบมาให้
พระลามพระลักตามนางจันทากลับมาได้
ราพพะนาสวน ขอขมา มาสู่ขอนางจันทาไปอยู่ด้วย ไปสร้างเมืองใหม่ชื่อเมืองลงกา
ผนังด้านทิศเหนือห้องที่สามจากประตูทางเข้า
ภาพล่าง
ขวา เขียนว่าอินทะปัตถะนคร กษัตริย์ในวังหันหน้าหาบุคคลสองคน
ไม่อยากเดาเพราะอ่านที่เขาเขียนกำกับไว้ไม่ออก
แต่น่าจะเป็นตอนเริ่มต้น
ภาพบน ขวา เขียนว่ามาชุบตัว - พระอินทร์ชุบตัวให้ราพพะนาสวน
กลาง เข้าในว่าเป็นจุฬามณีเจดีย์ที่บรรจุ พระจุฬา (จุก) กับ พระเมาลี (มวยผม) ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์
ใต้เจดีย์ รูปตัวเขียวหน้ายักษ์อุ้มหญิงตรงกลาง - ท้าวราพพะนาสวนอุ้มนางจันทาเอามาเป็นมเหสี
ซ้าย ราพพะนาสวนรบพระลามพระลัก
ภาพล่าง ริมฝั่งแม่น้ำ มีบุคคลใส่ชฎา ชาย หญิง นั่งเรือมีคนพายไป
ภาพกลาง
ขวามีบุคคลรัศมีรอบเศียร อยู่ในปราสาท มีบุคคลหญิง ซ้ายเป็นชายสามคน
ซ้ายเป็นภาพคลอดลูก
เดานะ ท้าวทัตตะรัตถะ + วิสุทธิโสดา > นางจันทา
ภาพบน
ราพพะนาสวนเนรมิต เสือโคร่ง เสือเหลือง ราชสีห์ ปลาสม่อยอานนท์ ปลาบึก ปลาซวย พระลักพระลามและม้ามนีกาบปราบได้หมด
ท้าวราพพะนาสวนขอให้พญานาคมาช่วย - ตายเกลื่อน
ขอพญาครุฑจากปราสาทไม้งิ้วมาช่วย - ตายเกลื่อน ติดเกาะแก่งเกิดลี่ผี
ภาพล่าง บุคคลใส่ชฎาในเรืออุ้มเด็ก 2 คน
ภาพกลาง
ขวา ท้าวราพพะนาสวนยกกองกำลังมาข่มขู่พญาทัตตะรัตถะผู้เป็นลุง
ซ้าย ให้ยกนางจันทาไปอยู่กินด้วย - อุ้มสาวไปด้วย
ภาพบน
ก็ยังเป็นการสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งยักษ์ ตายเกลื่อน สุดท้ายยอมแพ้
ราพพะนาสวนไหว้พระลามพระลัก
ภาพล่าง
พระลักพระลามขี่ม้ามนีกาบไปนำต้วนางจันทากลับมา แต่ไม่ถูกขัดขวางเพราะท้าวราพพะนาสวนหลับไปสามเดือน (พอตื่นก็ย้อนไปภาพ N-2 บน)
ภาพบน
พระลามพระลัก นางจันทา นั่งมาบนผาสาดแก้ว(ปราสาทแก้ว) บนเรือเหาะที่เนรมิตเข้าเมือง
เขามาหดสรงพระลัd พระลาม ให้ครองเมือง - อภิเษก
ต้อนรับอย่างอบอุ่น
ภาพล่าง
พระลามพระลัก ที่นั่งในปราสาทน่าจะเป็นทางจันทา
ถ้ัดมาเป็นภาพท้าวราพพะนาสวนจัดขบวน ขันคำขันเงินมาขอขมาพะลามพะลักและสู่ขอนางจันทา
ภาพบนสุด
ในภาพเชียนว่า แห่นางคำซาวกับนางแอกไค้ไปส่งพระลามพระลักแล
ทั้งสองนางเป็นธิดาเจ้าเมืองขอม ในเรื่องตอนจะจบภาคนางจันทาก็ไปรับมาอยู่ด้วย
จะเห็นภาพคนหาบผู้หญิงสองคน
ภาคหลังเป็นภาคที่นางสีดาคู่ของพะลามท้าวพะลักถูกท้าวราพพะนาสวนจับไป
ห้องที่ 1 ทิศใต้
ภาพบน
กำเนิดนางแพงสี สังคีบ และพะลีจัน (นางแพงสี+พระลาม มีลูกคือหุนละมาน)
ฤๅษีตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในถ้ำใกล้ต้นนิโครธมาสองกัป
อยากมีเมียจึงขูดขี้ไคลเสกเป็นหญิงชื่อว่านางไค มีธิดาชื่อนางแพงสี
เวลาฤๅษีไปหาผลไม้จะเอาหินมาเสกปิดปากถ้ำ > รูปขวา
พระอาทิตย์มาเห็นและแอบฟังคาถา > เหนือต้นไม้
แอบเข้าไปสมสู่กับนางไคทุกวันจนนางไคได้ลูกชายฝาแฝด
ฤๅษีตั้งชื่อว่า สังคีบ และ พะลีจัน
ฤๅษีได้สอนวิชาให้พี่น้องทั้งสอง > รูปกลาง
ขณะสอนควายจ่าฝูงชื่อทอระพีไปหากินใกล้กับฤๅษีสอนคาถา
รู้จักคาถาสรรพหลีก คืออยู่ยงคงกระพัน+หลีกพ้นอันตรายทั้งปวง > รูปควาย
สังคีบ+พะลีจันเรียนจบและเก่งกว่าฤๅษี
ฤๅษีสงสัยจึงพาลูกทั้งสามไปโยนทะเล
อธิษฐานว่าถ้าใครเป็นลูกตนให้ว่ายน้ำกลับมาหา
ถ้าไม่ใช่ให้ว่ายน้ำเลยไป
มีนางแพงสีว่ายกลับมาคนเดียว > ซ้ายสุด
ภาพกลาง
ท้าวราพพะนาสวนไปขอเรียนวิชากับพระอินทร์
พระอินทร์เอาธนูให้ท้าวราพพะนาสวน
ท้าวราพพะนาสวนปลอมเป็นพระอินทร์ไปสมสู่นางสุชาดา > รูปในปราสาท
ภาพล่าง
มีรูปฤาษี พะลัก พะลาม ม้ามนีกาบ
ห้องที่ 2 ทิศใต้
ภาพบน
ท้าวสังคีบและท้าวพะลีจัน ว่ายน้ำเกาะมหาสมุทร จึงตั้งเป็นเมืองกาสี
กล่าวถึงควายทรพี จ่าฝูง เมื่อมีลูกตัวเมียจะเลี้ยงไว้ ตัวผู้จะฆ่าเพราะกลัวถูกแย่งเป็นจ่าฝูง
มีนางควายตัวใหญ่สุดในฝูงท้องจึงออกอุบายขอเรียนวิชาจากทรพี
แอบไปออกลูกในถ้ำ ได้ลูกตัวผู้ชื่อ ทรพี จูเนียร์
เมื่อจูเนียร์โตจึงเล่าความชั่วร้ายของพ่อใและ สอนมนต์สรรพหลีกให้เก่ง เพื่อจะได้ฆ่าทรพีซีเนียส์
ชอบตรงนี้
โดยให้ฝึกขวิดหวาย ผลมะขามป้อม และก้อนขี้ของตนก่อนตกถึงพื้น
และให้คอยวัดรอยเท้า จนในที่สุดฆ่าพ่อได้
แล้วเที่ยวอาละวาดไปจนถึงเมืองกาสี
ท้าวสังคีบและท้าวพะลีจัน+นางกตตะราชมเหสีท้าวสังคีบซึ่งกำลังท้องแก่ออกไปสู้ทรพี > รูปกลาง
นางกตตะราชถูกขวิดกระเด็นไปทำให้คลอดลูกแฝดในสนามรบชื่อชาตาพระยา + กัลละหาพระยา จึงเอารกขว้างไปที่เขาทรพีทำให้วิชาเสื่อมลงหน่อย
ไม่มีใครแพ้ชนะ
ทรพีชวนท้าวสังคีบไปรบในถ้ำ ท้าวพะลีจันจึงเอาหินปิดปากถ้ำให้ท้าวพะลีจันเฝ้าไว้ > ภาพซ้ายสุด
ภาพกลาง
เพราะนางสุชาดาจะแก้แค้นจึงมาเกิดเป็นลูกท้าวราพพะนาสวน
พิกพีทายว่าจะฆ่าพ่อ จึงให้นำไปลอยแพ > ในรูปกลางซ้าย
แพลอยไปถึงฤาษี เก็บเอามาเลี้ยง มีข่าวถูกปล่อยเล่าลือว่าสวย
ท้าวราพพะนาสวนมาขอ แต่ยกศรไม่ขึ้น
ฤาษีก็ใจดีเสกรากไม้สมุนไพร เป็นรูปเหมือนนางสีดาชื่อนางสุทโทให้ไปเป็นภรรยา
ในเรือ ท้าวราพพะนาสวน นางจันทาและนางสุทโท
ภาพล่าง
พระลาม พระลักขี่ม้ามนีกาบ บุคคลหญิงอุ้มลูก 2 คน
ห้องที่ 3 ทิศใต้
ภาพบน
ท้าวสังคีบฆ่าทรพีได้ตอนเกิดฝนตกพอดี เลือดทรพีกับน้ำฝนจึงใส
ท้าวพะลีจันเข้าใจผิดจึงไม่เปิดปากถ้ำ
ท้าวสังคีบเอาหัวทรพีขว้างใส่หินปากถ้ำออกมาได้
ถึงเมืองกาสี จึงเอาดาบไล่ฟันท้าวพะลีจัน
ท้าวพะลีจันหนีมาถึงเกาะที่พระลักพระลามและม้ามนีกาบอาศัยอยู่
พระลามพระลักมาอาบน้ำเจอพะลีจันนั่งร้องไห้ไห้จนขี้ตาพอกเป็นจอมปลวกพูนถึงคอ
พระลามให้กลับไปปรับความเข้าใจ แต่ท้าวสังคีบไม่คุย รบอย่างเดียว
นางกตตะราชถูกปลายดาบท้าวพะลีจันทิ่มตาบอดทั้งสอง
พะลีจันขอพระลามช่วย พระลามจึงแผลงศรไปถูกเท้าท้าวสังคีบ
พระลักดึงศรไว้ไม่ให้ทะลุเข้าหัวใจ
แต่สังคีบยอมตายพระลามจึงให้พระลักปล่อยศรเข้าไปเสียบหัวใจของท้าวสังคีบสิ้นชีวิต
ภาพกลาง
พระรามมาขอนางสีดา
พระรามยกศรได้
พระลามพระลักพานางสีดาไป
ท้าวราพพะนาสวนเนมิตกวางทอง พระลามไปตาม
นางสีดาได้ยินเสียงกวางเป็นเสียงพระลาม ให้พระลักไปช่วย
พระลักฝากนางสีดาไว้กับนางธรณี
ท้าวราพพะนาสวนจับนางสีดาก็ร้อน จึงเนรมิตโง่นหินเป็นรูปคนไปอุ้มนางสีดาแต่ยกไม่ชึ้น
พระลักเจอพระลาม
พระลามว่านางธรณีจะช่วยอะไรได้ นางธรณีจึงปล่อยนางสีดา
โง่นหินก็เอานางสีดาไป
ภาพล่าง
มีภาพชุดพระลาม พระลัก ม้ามนีกาบ 4 ชุด
ห้องทิศตะวันตกด้านทิศใต้
ภาพบน
พระลามจึงจัดทัพเคลื่อนไปบนสะพาน - ไปลงกา
ขวาสุดเป็นลูกทั้ง 9 ของนางสุทโท - สู้กับพระราม
พระลามพระลักนำทัพ
ซ้ายสุดมี ชิวหา ลูกนางสุทโทกับท้าวราพพะนาสวน กำลังแลบลิ้นเป็นสะพานหลอกให้ทหารเดินข้าม เพื่อจะพลิกลิ้นให้ตกน้ำ
ภาพกลาง
พระลามมีกรรม ต้องกินผลมะเดื่อแล้วกลายเป็นลิงไปสามปี
พระลักและม้ามนีกาบเนรมิตปราสาทอยู่รอ
นางแพงสีหลงทางมากินผลมะเดื่อกลายเป็นลิงด้วย
พระลาม + นางแพงสี > หุนละมาน
ภาพล่าง
พระลามพระลัก ม้ามนีกาบ กับกระบือ และกับยักษ์สองผัวเมีย
ห้องทิศตะวันตกด้านทิศเหนือ
ขวามือ หุนละมานเอาหินไปทำสะพาน ธิดาพญานาคมารื้อออกเพราะปิดทาง
หุนละมานและพี่น้องทั้ง 4 มาพบและจีบลูกพญานาคทั้ง 4 ได้เป็นภรรยา
ต่างมีลูกคือ นางมัจฉา + หุนละมาน > ท้าววลุยี นางจำปาดอกแก้ว+ท้าวควันเท่าฟ้า > อัคคีทะนา นางผ่านแผ้วดอกคำ+ท้าวชาตาพระยา >คำภาแก่กล้า นางคำตันอุ่นหล้า+ท้าวกัลละหาพระยา >ท้าวยอดฟ้าครองสวรรค์
พญาปัตตะหลุมเห็นพระลามบัญชาการทัพ คิดว่าพระลามเป็นต้นเหตุของสงคราม
จึงร่ายมนต์ใหัหลับทั้งค่าย กำบังตัวจับพระลามไปขังในคอกเหล็กเมืองบาดาล
ท้าวสี่พี่น้องไปช่วยเหลือพระลามสำเร็จและขังพญานาคปัตตะหลุมไว้ในคอกเหล็ก
หลานทั้งสี่ของพญานาค - ท้าววลุยี ท้าวอัคคีทะนา ท้าวคำภาแก่กล้า และท้าวยอดฟ้าครองสวรรค์มาช่วยได้
ท้าวสี่พี่น้องจึงเกิดการต่อสู้กันเป็นคู่ๆ
แผลงศรไปมาแต่กลับกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้บูชาให้พ่อ และขนมนมเนยให้ลูก
ซักถามกันและกัน จึงได้รู้ว่าเป็นบิดาและโอรสของกัน
ซ้ายสุด ท้าวราพพะนาสวนให้สี่ขุนนางออกรบกับทัพพระลามพระลัก
กลางขวา?
ล่างขวา ?
ครึ่งล่างซ้ายเป็นรูปพระมาลัยโปรดสัตว์นรก
ทำไมจึงมีฮูปแต้มเรื่องพระลักพระลาม สินไซ บนผนังสิม
เพราะทั้งสองเรื่องเป็นชาดก
คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2565 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2565 16:19:06 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1070 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณSleepless Sea, คุณtoor36, คุณRain_sk, คุณกะว่าก๋า, คุณผู้ชายในสายลมหนาว |
โดย: หอมกร วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:21:21:13 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:31:26 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:45:21 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:55:47 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:04:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:20:02:59 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:23:48:45 น. |
|
|
|
โดย: ทั่นขุน (Rain_sk ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:8:16:16 น. |
|
|
|
| |
|
|
tuk-tuk@korat |
|
|
|
|
|