ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 ธันวาคม 2556
 
All Blogs
 
ทอย (23)

ทอยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคยที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันคือความรู้สึกแปลกๆ ซึ่งเขาพบเจอในทุกครั้งที่ต้องออกไปทำงาน งานเพียงหนึ่งเดียวที่เขารู้จักนับตั้งแต่จำความได้ งานที่เขาไม่เคยคิดอยากทำ ไม่เพียงแค่นั้น ในบางครั้งความรู้สึกนี้ยังคอยติดตามมารบกวนให้เขาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ตื่นจากความฝันอันลางเลือนพร้อมกับเหงื่อท่วมตัว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นค่ำคืนอันแสนเหน็บหนาวก็ตาม

ความรู้สึกอ้างว้างอย่างที่สุดที่จะเกิดขึ้นเมื่อตัวตนของใครบางคนกำลังจะถูกตัดขาดออกจากสิ่งที่คุ้นเคย จากทุกสิ่งที่เคยเชื่อมโยงเข้ากับโลกใบนี้ ในยามที่เคียวคมกริบอันมีนามว่า ความตาย นั้นกำลังจะถูกตวัดลงมา มันคือช่วงเวลาแห่งความท้อแท้สิ้นหวัง ความวิตกสงสัย หรือแท้จริงแล้ว มันอาจเป็นโอกาสของการค้นพบอันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้

โศกาคิด ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเล่มนั้นว่า

'ผู้คนทั้งหลายมักเข้าใจว่า ชีวิตนั้นเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ที่จริงแล้วชีวิตนั้นอาจแฝงอยู่ในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น หิน ดิน ทราย น้ำ ทะเล โลก อวกาศ ห้วงจักรวาลแห่งนี้ หรือแห่งอื่นๆ ทุกสิ่งอาจเป็นหน่วยชีวิตได้ทั้งสิ้น ในทุกทุกระดับของความเป็นจริงนั้นอาจมีชีวิต หรือถ้าจะกล่าวอย่างถึงที่สุดก็คือ ความเป็นจริงนั้นเองที่มีชีวิต คือชีวิต และเมื่อมีชีวิต มันก็ย่อมหนีความตายไปไม่พ้นเช่นกัน

ความตายครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาจเป็นการตายของความเป็นจริงในทุกระดับชั้น คือการดับสิ้นลงของความเป็นจริงที่มีอยู่ทั้งหมดนั่นเอง

มันอาจฟังดูน่ากลัว แต่ใครจะรู้ ความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ที่เรารู้จักกันอยู่นี้ บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่องค์ประกอบเล็กๆ ที่ไม่สำคัญของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จนเกินกว่าที่เราจะจินตนาการไปถึงก็เป็นได้'

ทอยไม่เคยเข้าใจข้อความเหล่านี้เลย และไม่แน่ใจด้วยว่าตัวผู้เขียนเองจะเข้าใจในสิ่งที่เขียนขึ้นมานี้สักเพียงใด หรือจิตใจของผู้เขียนในช่วงเวลานั้นจะยังปกติดีหรือไม่

สิ่งเดียวที่ทอยรับรู้ได้ก็คือ ความตายกำลังจะเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ และในชั่วขณะนี้

ลินคอน ไม่รู้ว่าโฮมพาคนแปลกหน้าพวกนี้มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่หน้าห้องลับเพื่ออะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่ชอบมันเลย เขาไม่ชอบการหายตัวไปอย่างลึกลับของคุณครอส ไม่ชอบกับการที่ต้องตัดสินใจกักขังฟรอสเอาไว้ภายในห้อง ไม่ชอบข่าวร้ายที่เขาพึ่งได้รับมา และที่แย่ที่สุดก็คือ เขายังไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้ได้อย่างไร

'แต่ใครก็ตามที่คิดจะปลดปล่อยฟรอสออกมาในตอนนี้ต้องข้ามศพฉันไปก่อน'

มือของเขาขยับอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่เคยเป็นในวัยหนุ่ม เหมือนกับในสงครามผีดูดเลือดครั้งนั้น สงครามที่เขาก็ไม่เคยพอใจเช่นกัน 'สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ความเป็นจริง ขวานที่เห็นก็อาจไม่ใช่ขวาน' เขาชักขวานออกมาจากซองอย่างรวดเร็ว มือจับเข้าไปในส่วนโลหะที่เป็นหัวขวานซึ่งออกแบบมาอย่างประหลาดให้เป็นช่องเหมือนด้ามจับ พร้อมกับไกปืน ส่วนปลายด้ามขวานที่มีรูนั้นถูกชี้ตรงไปที่โฮม

โฮมไม่รู้ว่าปืนของตัวเองมาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไร 'เอดิสันซึ่งเป็นผู้ที่ประดิษฐ์ปืนขึ้นมาเป็นคนแรกจะออกแบบขวานของเขาอย่างไร' ในสงครามผีดูดเลือด คมขวาน มุมเหวี่ยง และกำลังจากแขนอาจแยกกล้ามเนื้อ กระดูกคอ แยกศีรษะของผีดูดเลือดให้หลุดออกจากร่างได้ แต่เมื่ออยู่ในระยะไกล หมุดไม้ที่ถูกยิงออกมาด้วยแรงจากสปริงอย่างแม่นยำย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า

'ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนี้' โฮมคิด แต่เขาไม่เคยนำเหตุผลของตนเองไปใช้ตัดสินการกระทำของผู้อื่น เขาเคยแต่ต้องพยายามคิดให้เหมือนกับพวกอาชญากร คิดให้ออกว่าพวกเขาจะทำอย่างไร และคำตอบนั้นก็ออกมาชัดเจน

ทั้งสองต่างเหนี่ยวไกอาวุธในมือพร้อมกัน

“พวกคุณสองคนนั่งลงคุยกันดีดี ดีกว่า”

สโนวที่สามารถรับรู้ได้ถึงความบาดหมางจากคำพูด น้ำเสียง และท่าทาง ที่ทั้งสองมีต่อกัน แต่กลับไม่ทันพบเห็นอาวุธในมือของทั้งสอง ได้ก้าวออกมายืนขวางโฮมเอาไว้ พร้อมกับปัดมือของเขาอย่างรวดเร็ว จนทำให้ใบมีดที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนนั้นขึ้นไปติดอยู่บนเพดานเหนือเป้าหมาย ปลายแหลมของใบมีดจมลึก ในขณะที่ส่วนปลายยังคงสั่นไม่ยอมหยุด

ลินคอน มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา หมุดไม้เนื้อแข็งที่เคยสามารถทะลุทะลวงหน้าอก บดขยี้หัวใจของผีดูดเลือดให้แหลกสลายในชั่วพริบตา กลับกระเด็นออกจากหน้าอกเสื้อของสโนวโดยไม่อาจทำอันตรายใดๆ เธอได้เลย

ทั้งสามคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยกเว้นเพียงสโนวเท่านั้นที่ยังคงพูดต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “การเข้าใจผิดนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งถ้าเพียงแค่พูดจากัน ได้รับรู้ความต้องการของแต่ละฝ่าย ถึงแม้บางทีความเห็นอาจยังไม่ตรงกันเสียทีเดียว แต่ก็อาจปรับเปลี่ยนจนยอมรับกันได้” พร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสองฝ่าย ที่ต่างทำได้เพียงแค่เก็บอาวุธของตนพร้อมกับความงงงัน ซึ่งยิ่งทำให้เธอเข้าใจไปว่าคำพูดของตนนั้นได้ผล

“คุณครอสมักพูดเสมอว่าการมีผู้หญิงอยู่ด้วยจะช่วยลดความรุนแรงในการเจรจาลงได้ และคุณครอสมักชื่นชมฉันในเรื่องนี้เสมอ” เธอบอกอย่างภาคภูมิใจ

ลินคอนอยากถามออกไปว่า 'คุณครอสเคยบอกด้วยหรือไม่ว่าเธอมีความสามารถในการใช้หน้าอกหยุดหมุดแหลมที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งซึ่งพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงด้วย' ซึ่งมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทั้งสามคนต่างเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นพร้อมกัน ภาพของ คุณครอส ฟรอส และสโนว ที่กำลังทำงานร่วมกันอยู่ภายในสำนักงานของร้านของเล่นแห่งนั้น ข้อสรุปที่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว หญิงสาวผู้นี้เองก็คงต้องเป็นหนึ่งในคนเก่าแก่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็พอจะมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง

แต่ทั้งหมดนี้จะด้วยเหตุใดก็ตาม มันก็ได้ทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลงได้ในแบบแปลกๆ คู่กรณีทั้งสองที่เกือบลงมือฆ่ากันเมื่อครู่ต่างมองหน้ากัน และโฮมตัดสินใจเป็นฝ่ายที่จะเดินเข้าไปหาในช่วงระยะห่างที่เหลืออยู่ พร้อมกับความสงสัยในใจ อย่าง 'ขวานของเขาจะยิงได้อีกกี่ครั้ง' กับ 'ระหว่างเราใครชักปืนได้ไวกว่ากัน'

“ผมขอโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่ง แต่ผมมีเหตุผลที่ทำให้ต้องสงสัยในการกระทำของท่านครับ” โฮมจ้องลินคอน ที่ไม่ยอมหลบสายตา

“...คุณเปิดประตูบานนั้นได้อย่างไร สารวัตร” ลินคอนถาม

“...ผมรู้จักกับคนที่สร้างขวานของท่านครับ” โฮมตอบ

ลินคอนพยักหน้าช้าๆ มันเป็นคำตอบที่สามารถไขข้อสงสัยได้หลายข้อพร้อมกัน เอดิสันเป็นเพียงหนึ่งในอีกไม่กี่คนที่มีกุญแจเมืองอยู่ในครอบครอง และรู้ว่าจะใช้งานมันได้อย่างไร รวมทั้งยังช่วยอธิบายถึงการตอบสนองอันรวดเร็วของโฮมที่มีต่อขวานของเขาด้วย 'เขาคงได้ยินเรื่องของมันมาจากเอ็ด' ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะโฮมสามารถคาดเดาเรื่องการที่มันสามารถใช้เป็นปืนได้เอง แต่ก็ยังคงเหลือปัญหาที่ต้องการคำตอบอยู่อีกหลายข้อ โฮมรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน เขาคิดจะทำอะไร สโนวอาจเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่สำคัญของเขา แต่นักฆ่าหนุ่มคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย และจะสามารถไว้ใจได้หรือไม่

ลินคอนลดเสียงให้เบาลงพร้อมกับขยับตัวนำโฮมให้เดินห่างออกมาจากกลุ่มที่เหลือ “คุณบอกว่าสงสัยในการกระทำของผม ผมเองก็สงสัยในการกระทำของคุณเช่นกัน สารวัตร” เขาแกล้งเหลือบมองไปทางสองหนุ่มสาวอย่างจงใจ “พวกคุณรู้อะไร มากแค่ไหนกันแน่”

ทั้งสองต่างเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างระมัดระวัง

ทอยก้มเก็บหมุดไม้ท่อนเล็กๆ นั้นขึ้นมาดูอย่างระวัง มันเป็นไม้เนื้อดีที่หาได้ยากในปัจจุบัน ความเก่าแก่นั้นทำให้มันแข็งเหมือนหิน และบางทีอาจแหลมคมยิ่งกว่าหอกที่ตีขึ้นจากเหล็กด้วยซ้ำ ไม่มีทางเลยที่สโนวจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็พบเห็นเพียงรอยขาดจุดเล็กๆ บนอกเสื้อของเธอเท่านั้น

เขาหมุนมันในมือไปมาอย่างใช้ความคิด ในขณะที่รอคอยโฮมกับลินคอนพูดคุยกันให้จบ แต่ในที่สุด ความสงสัยก็เป็นฝ่ายชนะ

“คุณไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยหรือครับ” เขาลองถามหยั่งเชิง

สโนวยิ้มเขินๆ “ไม่เลยค่ะ”

“เอ่อ คุณทำได้อย่างไรครับ มันน่าจะ...” เขาแสดงท่าประกอบด้วยหมุดไม้ว่ามันควรจะแทงเข้าไปในหน้าอกของเธอ เธอหน้าแดง และมันทำให้เขารู้สึกอายไปด้วยอย่างไม่มีเหตุผล

“มันเป็นเพราะ...แฟชั่น” เสียงในตอนท้ายของเธอเบาลงจนเกือบไม่ได้ยิน

“...แฟชั่น...เอ่อ...ผมไม่ค่อยเข้าใจ” ที่จริงเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

“มันเป็นแฟชั่นเก่าที่คงพ้นสมัยไปนานแล้ว แต่ฉันยังคงชอบใส่เสื้อเกราะอ่อนไว้ข้างใน และตัวนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษ มันเบามาก สามารถป้องกันอาวุธปลายแหลมได้ดี แถมยังสวมใส่สบายด้วย” คราวนี้เธอพูดเร็วติดกัน พร้อมทั้งก้มมองปลายเท้าของตัวเองไปด้วย

เขาไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่น แต่เขาก็แต่งกายโดยรวมได้ไม่แย่นัก อย่างน้อยก็ไม่มีใครเคยหันมองเขาซ้ำด้วยสายตาแปลกๆ 'ถ้าพวกเขาจะบังเอิญ เห็น ฉันได้' แต่เขาไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนใดสวมใส่เกราะอ่อนไว้โดยคิดว่ามันเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะย้อนไปเก่าแก่เพียงใดก็ตาม

'ยกเว้นแต่ในยุคของอัศวิน และ' ใช่เลย คำนั้น 'เจ้าหญิง' เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

“...มันทำด้วยโลหะที่เรียกกันว่า มิทริล คล้ายกับเงิน แต่แข็งแรง และเบากว่ามาก ถักทอได้เหมือนเส้นไหม สวมใส่สบาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้วิธีตีมันขึ้นใหม่ได้อีกแล้ว”

'เยี่ยม ตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่าเธอเป็นตัวประหลาด' เสียงที่เร็วที่สุดจากหนึ่งในเจ็ดเสียงดังขึ้นในหัวของเธอ 'เงียบ' เธอบอก 'ใช่ มันช่วยไม่ได้เพราะเธอก็เป็นแบบนี้ทุกที' อีกเสียงว่า 'ฉัน บอก ให้ เงียบ' เธอพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า เสียงหัวเราะของทั้งเจ็ดดังขึ้นพร้อมกันก่อนจะพากันเงียบหายไป แต่ก็คงไม่นาน

'ฉันทำพลาด และพูดมากเกินไปอีกแล้ว' เธอคิด และมั่นใจมากว่านี่ต้องเป็นความคิดของเธอเองแน่ ไม่ใช่จากหนึ่งในพวกนั้น เธออยู่กับพวกเขามานาน แต่ก็ไม่เคยแน่ใจว่าใครเป็นใคร หรือในบางครั้งแม้แต่จะแค่แยกแยะว่าใช่ความคิดของเธอจริงหรือไม่ก็ยากเย็นเต็มที เพราะภายในความคิดเสียงทั้งหมดนั้นแทบไม่ต่างกันเลย

เธอหันไปมองชายสองคนที่ดูเหมือนตอนนี้จะคุยกันเสร็จแล้ว และพากันเดินมาหาพวกเธอ ท่าทีระหว่างทั้งสองคนดูดีขึ้นอย่างที่เธอคาด หรืออย่างน้อยทั้งสองก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างนั้น 'พวกเขามักชอบเหวี่ยงอาวุธ หรือกำปั้นเข้าใส่กัน มันมักเป็นแบบนี้เสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร'

“ผมเล็งไปที่หัวไหล่ของคุณรู้ไหม” ลินคอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมก็เหมือนกัน” โฮมตอบ โดยไม่คิดแย้งว่าถ้าสโนวไม่เข้ามาขวาง และหากพวกเขาคนใดคนหนึ่งเล็งพลาด หรือไม่ได้เล็งไปในตำแหน่งที่ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น

เรื่องราวต่างๆ นั้นกระจ่างขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง พวกเขารู้แล้วว่าต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือการปกป้องมหานคร การหายตัวไปอย่างลึกลับของคุณครอสที่โฮมคาดว่าน่าจะเกิดจากฝีมือของเด็กสาวเสื้อคลุมแดง กับไม้ขีดไฟปริศนานั้นก่อให้เกิดปัญหา แต่ปัญหาที่ว่าไม่ได้มาจากตัวของคุณครอสเอง จากข้อมูลที่ไม่ยอมเปิดเผยที่มาของลินคอน เมื่อไม่มีคุณครอสอยู่เคียงข้าง ฟรอสจะเริ่มกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

ทุกคนต่างจดจำได้เพียงว่าฟรอสนั้นเป็นผู้ช่วยของคุณครอส แต่เขาอาจเป็นคนเก่าแก่ที่เก่าแก่มากที่สุดคนหนึ่ง เขาคือสีขาวโพลนแห่งฤดูหนาว คือหิมะ คือผู้มีดวงตาสีฟ้าเยียบเย็นแห่งน้ำแข็ง เขาคือผู้ที่จะล้างสีเขียวให้หมดสิ้น ผู้ที่จะหยุดทุกชีวิตให้หยุดนิ่งอยู่ในความเงียบงัน และเขาคงกำลังทำอย่างนั้นกับมหานครถ้าไม่ถูกสโนวบอลของลินคอนกักขังพลังเอาไว้บางส่วน

เอดิสันเชื่อว่ากระถางโบราณของเขาได้ตรวจพบพลังพิเศษบางอย่าง นั่นคือสนามพลังที่เกิดจากอำนาจของสโนวบอล มันทำให้หิมะที่ตกลงมาในตอนแรกนั้นหยุดลง เพียงแต่ว่าขอบเขตของสนามพลังที่ว่านี้จำกัดอยู่แค่เพียงพื้นที่โดยรอบของมหานครเท่านั้น อันกลายเป็นที่มาของกำแพงหิมะสูงที่ล้อมรอบเมืองเอาไว้ จนถึงเวลานี้ สถานที่แห่งอื่นต่างต้องเผชิญพบกับปัญหาหิมะตกหนักสะสม อากาศหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และเส้นทางถนนทั้งหมดล้วนถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง

ข่าวสารทำนองนี้ต่างหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกทิศอย่างไม่ขาดสาย ทั้งหมดมาหยุดอยู่ที่ลินคอน กับทีมผู้ช่วยที่เขาไว้ใจจำนวนเพียงไม่กี่คน แต่ความโกลาหลวุ่นวายของมหานครจะต้องเกิดขึ้นในที่สุด ถ้าหากปัญหาที่แท้จริงนั้นยังคงไม่ถูกแก้ไข พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเร่งติดตามหาตัวคุณครอสให้พบโดยเร็วที่สุด

โฮม และลินคอนตัดสินใจร่วมกันที่จะนำทั้งหมดเข้าไปพบกับฟรอส โดยพวกเขาหวังว่าข้อมูลจากการเผชิญหน้ากับเด็กสาวขายไม้ขีดไฟปริศนาของทอย ความเป็นคนที่รู้จักกันของสโนว ความสามารถในการสืบสวนของโฮม และข้อมูลที่ลินคอนได้รับมาจากหนังสือที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้นั้น จะช่วยให้ได้พบเบาะแสสำคัญเพิ่มเติม

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ


Create Date : 31 ธันวาคม 2556
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 23:43:18 น. 1 comments
Counter : 589 Pageviews.

 
แวะเข้ามาสวัสดีปีใหม่ค่ะ




โดย: มาโซคิส วันที่: 1 มกราคม 2557 เวลา:20:40:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.