ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (25)

“ตามคำแนะนำของท่านผู้บังคับการกรมตำรวจแห่งมหานคร ซึ่งตัวผมเองนั้นก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงขอประกาศแต่งตั้ง สารวัตรโฮม ให้เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการควบคุมสั่งการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอันเกิดจากหิมะตกหนักโดยรอบมหานคร...อย่างแปลกประหลาด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งนี้”

ภายในห้องประชุมเงียบกริบ ถึงแม้ว่าจะมีตำรวจมารวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม โฮมแทบจะได้ยินเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของสายตา รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของความวิตกกังวลซึ่งถูกถ่ายเทมารวมกันไว้ที่ตัวเขา เขาพยายามควบคุมตัวเองให้ยืนอยู่ในท่าสบายๆ คงใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง 'ตามคำแนะนำของท่านผู้บังคับการอย่างนั้นหรือ มันคงกลับกันมากกว่า' เพราะเท่าที่เขาได้รับรู้มานั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าลินคอน ท่านผู้บังคับการคนที่ว่านี้ ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบรับคำสั่งทุกอย่างจากเขาเท่านั้น

“ส่วนหนังสือคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการนั้นจะมาถึงในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งผมขอให้คำรับรองว่าจะไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้น” พอลินคอนพูดจบ เขาก็ขยับตัวออกจากโพเดียม ถอยกลับไปยืนทางด้านหลัง แล้วปล่อยให้โฮมเข้ามาแทนที่

โฮมหวนนึกถึงการพูดคุยอย่างเร่งด่วนระหว่างทั้งสองที่พึ่งจบลง ก่อนที่จะพากันเดินเข้ามาภายในห้องประชุมแห่งนี้

“คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง” ลินคอนถาม แต่โฮมรู้ว่าเขาต้องมีแผนการบางอย่างอยู่ภายในใจเรียบร้อยแล้ว และไม่ว่าจะเสนออะไรออกไป หากมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะไม่สนใจมัน

“เราต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ภายในเมืองเอาไว้ไม่ให้เกิดการแตกตื่น แจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแปรปรวนของสภาพอากาศในครั้งนี้ออกไปเท่าที่จำเป็น โดยต้องไม่พาดพิงถึงคุณฟรอส และคุณครอสไม่ว่าในกรณีใดใดทั้งสิ้นครับ”

ลินคอนพยักหน้าช้าๆ เหมือนเป็นการรับรองข้อความเหล่านั้น เปลี่ยนมันให้กลายเป็นคำสั่งอย่างเป็นทางการในฉับพลัน “แล้วเรื่องการติดตามตัวคุณครอสล่ะ”

“ผมจะขอจัดตั้งหน่วยพิเศษ ให้มีจำนวนสมาชิกเท่าที่จำเป็น โดยมีผมเป็นผู้นำทีมครับ”

“ไม่” ลินคอนจ้องตาเขาไม่กระพริบ “ทีมที่ว่านี้จะต้องมีเพียงตัวคุณ เลขาสโนว นักฆ่าทอย กับ ผู้นำทาง คนที่ฟรอสพูดถึงเท่านั้น”

“แต่ว่า...” โฮมพยายามขัดถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะลินคอนเป็นคนแบบนี้ และตัวเขาเองก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่อาจละทิ้งนิสัยของตนเองได้โดยง่าย แต่เขาก็ได้รับรู้ถึงข้อมูลสำคัญประการหนึ่งจากคำพูดเมื่อครู่ 'ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าผู้นำทางที่ฟรอสพูดถึงนั้นเป็นใคร'

“ไม่ เรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้ช่วยรับประกันว่าโอกาสของความสำเร็จจะเพิ่มตามไปด้วย”

“...คำแนะนำบางอย่างจากคุณสโนวนั้นอาจมีความจำเป็น” ยังมีข้อมูลอีกมากที่อาจถูกซุกซ่อนอยู่ในตัวหญิงสาวผู้นี้ ที่บางทีแม้แต่เจ้าตัวเองก็อาจไม่รู้ “แต่การพาคุณทอยไปด้วยนั้น ผมว่ามันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เรากักตัวเขาเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายดีกว่าครับ”

“ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ เขาจะต้องไปด้วย” ลินคอนกล่าวอย่างรวบรัดชัดเจน โดยไม่ยอมบอกเหตุผลให้รับรู้ และโฮมคาดว่ามีโอกาสเพียงน้อยนิดที่เขาจะสามารถโน้มน้าวให้ท่านผู้ว่ายอมพูดออกมาได้

“เอ่อ...ผมยังคิดว่า เอ่อ ผมจำเป็นที่จะต้องมีผู้ช่วยอีกสักคน”

“ผมเข้าใจว่าคุณคงหมายถึง คุณ...วสันต์ หลานสาวของเอ็ดคนนั้นใช่ไหม” เป็นอีกครั้งที่ลินคอนเรียกเอดิสันด้วยคำเรียกหาอย่างเป็นกันเองให้ได้ยิน และโฮมไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองจะต้องรู้สึกอึดอัดไม่พอใจกับรอยยิ้มแปลกๆ ที่มุมปากของท่านผู้ว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ด้วย

“...ครับ” โฮมคิดว่าเขาคงต้องให้เหตุผลประกอบบางอย่างเพิ่มเติม และด้วยความประหลาดใจ เขากลับไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้เขาเสนอเรื่องนี้ออกไปนั้นคืออะไรกันแน่ “เอ่อ...คุณวสันต์มักมีความรอบรู้ในเรื่องราวแปลกๆ อย่างคาดไม่ถึง ผมจึงคิดว่าเธอมีความจำเป็นกับการปฏิบัติงานในครั้งนี้ครับ”

“ผมเข้าใจ และผมคงต้องเห็นด้วยกับคุณในเรื่องนี้” เป็นอีกครั้งที่โฮมรู้สึกไม่พอใจกับรอยยิ้มนั้น รวมถึงการที่ท่านผู้ว่าเห็นด้วยในเรื่องนี้ง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง

โฮมหยุดความคิดของตนไว้เพียงแค่นี้ ก่อนมองประสานสายตากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุม 'ตอนนี้ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน'

“เพื่อน พี่ น้อง ชาวตำรวจที่รักทุกท่าน...” เขาไม่เคยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงต้องเริ่มต้นการพูดในที่ประชุมด้วยถ้อยคำที่ฟังดูน่าขันเช่นนี้ แต่มันก็เป็นคำที่เหมาะสมอย่างน่าประหลาดในเวลาเดียวกัน

ลินคอนที่อยู่ทางด้านหลังคอยรับฟังทุกสิ่งอย่างพึงพอใจ เขายินดีที่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้เสมอ คอยเฝ้าดูให้ทุกอย่างดำเนินไป เหมือนกับในยามที่อยู่เพียงลำพังภายในห้องทำงานห้าเหลี่ยม เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ได้เห็นภาพของเมืองอันแสนสับสนวุ่นวาย ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวไปตามท่วงทำนองของจังหวะเสียงเต้นแห่งหัวใจอันแสนอึกทึกของมัน หัวใจที่เกิดจากการรวมเข้าด้วยกันของวิถีชีวิตแห่งชาวเมืองทั้งหลาย ที่มีเขาคนนี้คอยปรับแต่งอย่างระมัดระวัง

เขาหวนนึกถึงฝูงแกะที่เคยพบเจอในอดีต เด็กน้อยเอ็บกำลังยืนอยู่บนเนินเตี้ยๆ ด้านหน้าของเขาคือทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เขียวขจีกว้างไกลทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา คนเลี้ยงแกะผู้หนึ่ง กับสุนัขต้อนแกะที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีของเขาเพียงสองตัว กลับสามารถต้อนฝูงแกะจำนวนนับร้อยให้เคลื่อนไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แกะที่มีขนปุกปุยสีขาว เทา และดำ มองดูคล้ายกับหมู่เมฆที่ล่องลอยไปตามผืนดิน เมื่อแกะตัวหน้าออกเดิน แกะตัวที่อยู่ทางด้านหลังก็รีบติดตามไป โดยที่พวกมันอาจไม่รู้ หรือไม่ทันได้คิดเลยสักนิดว่ากำลังจะพากันมุ่งหน้าไปไหน หากตัวที่เดินนำหน้าคิดจะหยุด มันก็ไม่อาจทำได้โดยง่าย มันจะถูกดันให้ต้องเคลื่อนที่ต่อไปเพราะตัวอื่นๆ ที่ติดตามมาทางด้านหลัง เมื่อตัวที่เดินนำเหล่านั้นเริ่มออกนอกเส้นทาง พวกมันก็จะถูกสุนัขทั้งคู่ต้อนให้กลับเข้ามา แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นนั้น

'ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยควบคุมแกะทุกตัวในฝูง และมันไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ขอเพียงแค่จัดการกับตัวที่เดินนำหน้า กับอีกบางตัวที่ไม่ยอมเดินตามฝูงไปโดยดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว'

ภาพของมหานครที่มองเห็นผ่านทางหน้าต่างนั้น ซ้อนทับเข้ากับภาพของทุ่งหญ้า และแกะฝูงนั้นได้อย่างลงตัว 'ความวุ่นวายจะไม่เกิดขึ้น หากแกะทุกตัวยังคงก้มหน้าเดินตามกันไป'

กลไกที่แสนเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพนี้สามารถทำงานได้เพราะความลับสำคัญประการหนึ่งที่เหล่าแกะจะต้องไม่ได้รับรู้ แกะทุกตัวต่างหวาดกลัวสุนัขต้อนแกะ จนทำให้พวกมันไม่ทันได้นึกถึงความเป็นจริงบางสิ่ง ความจริงที่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย แต่แกะทุกตัวกลับละเลยไป

'มีสุนัขต้อนแกะอยู่แค่เพียงสองตัวเท่านั้น'

ถ้าแกะทั้งฝูงต่างตัดสินใจที่จะวิ่งออกไปคนละทิศละทางโดยไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ในท้ายที่สุดแม้แต่คนเลี้ยงแกะกับสุนัขต้อนแกะที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่อาจทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น 'สุนัขต้อนแกะเองก็มีความลับไม่ต่างจากแกะพวกนั้นด้วยเช่นกัน'

ลินคอนมองดูโฮมจากทางด้านหลัง และคิดว่าเขาเองก็น่าจะรู้ความลับข้อนี้

โฮมมองดูเหล่าผู้ที่สวมใส่เครื่องแบบตำรวจ เครื่องแบบที่ตัวเขาเองไม่เคยชอบใส่ และเมื่อถอดมันออก พวกเขาเองก็จะกลายเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นเดียวกัน อะไรคือสิ่งที่ทำให้เครื่องแบบเหล่านี้มีอำนาจ อะไรคือสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกเกรงกลัวต่อเครื่องแบบ มันไม่ใช่แค่เพียงกฎหมาย หรือบทลงโทษ ซึ่งเขาคิดว่าตนเองนั้นพอจะเข้าใจมันอยู่บ้าง

'มันก็คือความเชื่อรูปแบบหนึ่ง ความเชื่อที่อยู่เหนือเหตุผล'

เขารู้ดีว่าด้วยกำลังตำรวจที่มีอยู่ทั้งหมดภายในมหานครแห่งนี้ แค่ใช้รับมือกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นรายวันก็แทบจะไม่เพียงพออยู่แล้ว ดังนั้นหากเกิดการจราจลวุ่นวายขึ้นภายในเมืองจริง พวกเขาย่อมไม่อาจควบคุมสิ่งใดได้ทั้งสิ้น ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

'เพราะเมื่อความเชื่อถือนี้ล่มสลายลง จะมี หรือไม่มีตำรวจก็แทบจะไม่แตกต่างกัน'

“...ในวันพรุ่งนี้ ผมอยากให้พวกคุณทุกคนออกเดินตรวจตราให้ประชาชนทุกคนได้พบเห็น ได้รู้สึกอุ่นใจ เมื่อลูกหลานที่ตั้งตารอยังไม่ยอมเดินทางกลับมา เมื่อผู้คนที่คิดจะเดินทางออกจากเมืองในนาทีสุดท้ายก่อนถึงคืนแห่งของขวัญไม่อาจทำได้ เมื่อความวิตกกังวลของผู้คนพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ผมอยากให้พวกคุณอยู่ตรงนั้น บอกกับพวกเขาอย่างมั่นใจว่าปัญหากำลังถูกแก้ไข แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยในที่สุด”

ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดยกมือขึ้นช้าๆ อย่างลังเล และยิ่งอยากจะแทรกตัวหายไปเมื่อทุกคนต่างหันมามองเขา

“เอ่อ...ผม เอ่อ คือ ผม ผม...มีคำถามครับ” เขาพูดเสียงเบา ก้มหน้า และขยับแว่นตาหลายครั้ง

“เชิญครับ” โฮมยิ้ม

“เอ่อ แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายจริงใช่ไหมครับ ผมหมายถึง เรา...เรากำลังทำการแก้ไขปัญหานี้อยู่จริงๆ ใช่ไหมครับ”

รอยยิ้มของโฮมนั้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

“ใช่ครับ ถึงแม้ตอนนี้ผมยังไม่อาจเปิดเผยรายละเอียดให้พวกคุณทุกคนรู้ได้เพราะเป็นปฏิบัติการลับ แต่ผม และท่านผู้ว่า” เขาผายมือไปทางลินคอน “ขอรับรองว่าก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยแน่นอน”

'บิงโก' ลินคอนคิด 'นั่นคือความลับของสุนัขต้อนแกะ' แกะเกรงกลัวในเขี้ยวที่มองไม่เห็น เขี้ยวที่อยู่ในใจของแกะ เขี้ยวที่ทำให้พวกมันเกรงกลัวสุนัข แต่สุนัขต้อนแกะเองก็ต้องมีความเชื่อ เชื่อมั่นในเขี้ยว ในวิธีการ ในระบบว่าแกะจะต้องกลัว เชื่อว่ามันสามารถทำอย่างนั้นได้

'เพราะถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นเพียงแกะที่สวมใส่เครื่องแบบเป็นสุนัขต้อนแกะอยู่เท่านั้น'

#####

ทอยนั่งอยู่บนโซฟายาวตัวเดียวกันกับสโนว เพราะภายในห้องเล็กๆ แคบๆ ที่เหมือนกับห้องเก็บเอกสารนี้มีมันอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่ทั้งคู่ต่างนั่งอยู่คนละด้าน กั้นกลางไว้ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด

“เอ่อ...” ทั้งคู่พูดขึ้นเกือบพร้อมกัน ก่อนหันมามองหน้า ก้มหน้า “คุณพูดก่อนสิ” และพูดเกือบจะพร้อมกันอีกครั้ง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ทำไมคุณฟรอสถึงต้องทำแบบนี้ด้วย” เขาเอ่ยถามในที่สุด

“...มันไม่ใช่ความผิดของคุณฟรอสเลยสักนิด” เธอว่า “มันเป็นธรรมชาติของคุณฟรอส เขาคือความหนาวเย็น ไม่ใช่สิ เขาคือยุคน้ำแข็ง เมื่อปราศจากคุณครอส คุณฟรอสก็จะกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง”

“...คนที่จับตัวคุณครอสไปอาจจะรู้เรื่องนี้ และถ้ารู้จริง เด็กสาวขายไม้ขีดไฟคนนั้นต้องการอะไรกันแน่” เขาพูดขึ้นลอยๆ ไม่คล้ายจะเป็นคำถาม และไม่ได้หวังในคำตอบ

“ฉันก็ไม่รู้ แต่ถ้าเธอคนนั้นรู้จริงๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น และวางแผนทั้งหมดเอาไว้ สิ่งที่เธอต้องการนั้นก็เดาได้ไม่ยากเลย” เธอหยุดพูดไว้เพียงแค่นั้น แต่เขาก็สามารถจินตนาการต่อไปได้ไม่ยาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้ายุคน้ำแข็งย้อนกลับมาอีกครั้งในเวลานี้ 'มวลมนุษยชาติ และอารยธรรมทั้งหมดจะล่มสลายลงในทันที'

“แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ไม่มีใครสามารถฆ่าคุณครอสได้” เธอมั่นใจ

“นั่นไม่จริงเลย” เขาตำหนิตัวเองที่ตอบสนองต่อคำพูดของเธอรวดเร็วเกินไป เธอมองเขาด้วยสายตาท้าทายอย่างเปิดเผย “...ผมเป็นมือสังหาร” เสียงของเขาเบาแต่มั่นคง “...เอ่อ เมื่อครู่ผมได้ยินคุณฟรอสเรียกคุณว่า เซพ” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง

“มันเป็นชื่อเล่นที่ไม่มีใครใช้เรียกฉันมานานแล้ว” เขารู้สึกได้ว่าตัวเธอเองก็คงไม่อยากให้ใครมาเรียกด้วยชื่อนี้ และคงไม่คิดจะอธิบายอะไรเกี่ยวกับมันให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

'มันย่อมาจาก เซเว่น' 'และมันหมายถึงพวกเราทุกคน' 'พวกเราทั้งเจ็ด' 'เงียบได้แล้ว' 'พวกเราทั้งเจ็ดกับการรอคอยอันไร้ประโยชน์' 'ฉันบอกให้เงียบ' เธอเงียบเพราะไปทะเลาะกับเสียงทั้งเจ็ดภายในหัวของตัวเอง เขาที่ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลุกเดินไปที่ประตูที่ถูกปิดเอาไว้

เขาลองบิดอีกครั้ง และมันไม่ขยับเขยื้อน เขาพยายามที่จะลอง ฆ่า มันเหมือนกับที่เคยทำกับประตูเก่าแก่บานนั้น แต่เขาทำไม่ได้ พลังความสามารถที่เขาเคยมีนั้นจางหายไปหมดแล้ว 'ฉันไม่ใช่มือสังหารอีกต่อไป' เขาควรจะรู้สึกดีใจที่ความต้องการของตนเป็นจริงได้ในที่สุด แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิด มันเหมือนกับมีความความว่างเปล่า มีช่องว่างเกิดขึ้นภายในร่างของเขา

“...ฉันไม่ไว้ใจคนพวกนี้เลย” สโนวพูดขึ้นลอยๆ “และฉันไม่ชอบที่พวกเขาทำกับคุณฟรอสแบบนั้น”

“ผมเองก็ไม่ไว้ใจพวกเขาเหมือนกัน...” 'เพราะพวกเขาเป็นตำรวจ และฉันเป็น เคยเป็น มือสังหาร' เขาคิด “แต่เราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอให้พวกเขากลับมาเปิดประตูให้” เขานั่งลงที่โซฟาในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

“เรื่องนั้นก็ไม่แน่” สโนวยิ้ม และรอยยิ้มของเธอในครั้งนี้ ทำให้เขานึกถึงรอยยิ้มของปู่แจ็คจอมเสียบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


Create Date : 27 มกราคม 2557
Last Update : 27 มกราคม 2557 0:14:07 น. 0 comments
Counter : 693 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.