ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
24 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
ทอย (20)

ร่างของเด็กสาวในชุดแดงเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ที่เล็งได้ง่าย แต่โฮมรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางที่จะยิงเธอได้ นอกจากว่าในมือของเธอจะมีอาวุธ และกำลังคุกคามใครสักคนให้ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า เอ่อ ก็แล้วไม้ขีดไฟ กับร่างที่กำลังจะจางหายไปบนพื้นนั่นล่ะ ความคิดของเขาเอ่ยถาม 'มันก็แค่ไม้ขีดไฟ บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือของเธอจริงๆ ก็เป็นได้' เขาพยายามจะเถียงตัวเอง ช่าย มันคงจะง่ายกว่านี้มาก ถ้าคนที่นอนอยู่บนพื้นเป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร ส่วนคนที่จุดไม้ขีดก็เป็นมือสังหารหนุ่มคนนั้นใช่ไหม คุณสารวัตรโฮมคนดี ความคิดของเขาพูดถูก ในโลกนี้คงไม่มีใครจะสามารถโกหกความคิดของตัวเองได้ นอกจากว่าคนคนนั้นจะเอาแต่หลอกตัวเองไปวันวัน

แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำตามความคิดที่น่าจะถูกต้องของตนเองได้ทุกครั้ง

ปลายของคมมีดบางเบาที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนปักจมลงไปในแผ่นหินปูพื้นเก่าแก่ ใบมีดส่วนที่เหลือยังสั่นไหวไม่ยอมหยุด ภายใต้ความเงียบของช่วงเสี้ยววินาทีที่สำคัญนี้ ก่อเกิดเป็นความรู้สึกประหลาดคล้ายกับมีบางสิ่งสั่นสะเทือนก้องอยู่ภายในรูหู

ไม้ขีดไฟขนาดเล็กจิ๋วนั้นเล็งได้ยากยิ่งกว่าร่างของเด็กสาวหลายสิบ หลายร้อย หลายพันเท่า แต่เขากลับสามารถยิงถูกหัวไม้ขีดบนพื้นได้อย่างเหลือเชื่อ

เปลวไฟดวงน้อยดับวูบลงโดยไม่อิดออด ชักชวนเอาแสงสว่างทั้งหมดภายในตรอกแห่งนี้ให้จากไปพร้อมกัน เด็กสาวส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขารีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ปืนในมือที่ยังคงเหลือใบมีดให้ยิงได้อีกครั้งเล็งตรงไปยังตำแหน่งสุดท้ายที่พบเห็นเธอ เขาตัดสินใจเสี่ยงล้วงหยิบเอาไฟฉายขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้เสมอออกมาถือไว้คู่กัน ถึงตอนนี้ปากกระบอกปืนกับวงแสงสว่างก็ขยับไปพร้อมกันไปในทุกทิศทาง

สิ่งเดียวที่เขาพบเห็นคือความมืดหนักอึ้งซึ่งเปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่าในทันทีเมื่อต้องแสงไฟ พร้อมกับกำแพงอิฐสูงที่คงไม่มีใครสามารถไต่ขึ้นไปได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเป็นฉากหลัง

เด็กสาวที่ฆ่าคนด้วยไม้ขีดไฟ พร้อมกับหายตัวไปในความมืดมิด ดูเหมือนฝันร้ายของเราจะกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว น้ำเสียงของความคิดนี้ฟังดูร่าเริงจนเกินควร 'เงียบได้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบหาทางช่วยเขาก่อน' ช่วยมือสังหาร คุณบ้าไปแล้ว มันเป็นอาชีพที่คุณแสนจะเกลียดไม่ใช่หรือ คุณสารวัตรโฮมคนดี ความคิดของเขาส่งเสียงหัวเราะกวนๆ จนเขาอยากที่จะเอาอะไรอุดปากของมันไว้ 'ถึงอย่างไรก็ต้องช่วย'

เขาพึมพำกับตัวเองออกมาดังๆ “...เพราะฉันเป็นตำรวจ”

เขานั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมกับส่องไฟไปที่เงาร่างที่ลางเลือนนั้น แต่มันกลับทำให้เขายิ่งมองไม่เห็น ราวกับร่างที่นอนอยู่บนพื้นนี้ปฏิเสธต่อความมีตัวตนภายใต้แสงสว่าง เขาจึงต้องเลื่อนวงแสงไฟออกไปทางด้านข้างจนกระทั่งเริ่มมองเห็นเงาเลือนลางนั้นได้อีกครั้ง เขายื่นมือออกไปช้าๆ คิดจะลองจับชีพจรที่ลำคอ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งพร้อมกับรีบชักมือกลับมา เมื่อไม่อาจสัมผัสถูกสิ่งใด นอกจากความรู้สึกที่คล้ายกับการจุ่มมือลงไปในสายน้ำเย็นเฉียบที่ไหลอย่างรวดเร็วรุนแรง

ฉับพลันก็มีเสียงพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับความมืดที่อยู่ตรงหน้า ปืนในมือของเขาถูกหันปากกระบอกเล็งไปอย่างรวดเร็ว นิ้วชี้วางอยู่บนไก จะขาดไปก็เพียงน้ำหนักกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้ออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างของช่องประตูซึ่งพึ่งเปิดออกมานั้น ถือของบางสิ่งที่มองดูคล้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่นำเอาส่วนต่างๆ จากรถบรรทุกมาสวมใส่แทนเสื้อผ้ายกชูอยู่เหนือศีรษะ

เด็กสาวกับไม้ขีดไฟคนนั้นย้อนกลับมาแล้ว 'การเป็นตำรวจที่ดีคือการที่ต้องคิดให้รอบคอบมากกว่าคนทั่วไป อย่าหลงไปกับเพียงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า หรือคิดว่าตัวเองเห็น ฉันอยู่ในตรอกข้างร้านของเล่น ตรงนี้มีประตูทางเข้าสำนักงานอยู่'

“ผมเป็นตำรวจ ผมสารวัตรโฮมไงครับ คุณสโนว” เขารีบลดปืน กับไฟฉายในมือลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับนำนิ้วออกพ้นจากไกปืน 'เกือบไปแล้ว' เขารู้จักเธอ เขาพึ่งคุยกับเธอเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา เธอคนนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่อีกชั่วครู่ ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหน้าประตูอย่างหมดเรี่ยวแรง

สโนวที่ได้ยินเสียงผิดปกติทางด้านนอกมาตั้งแต่ต้น หลังจากที่ได้ผ่านการโต้เถียงกับความคิดเล็กๆ ทั้งเจ็ดของเธอแล้ว ก็ตัดสินใจคว้าหุ่นตัวเดิมมาถือไว้แทนอาวุธ พร้อมกับเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันอาจจะกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอได้โดยไม่ยาก และนับเป็นโชคดีอย่างมากที่มันยังไม่ใช่ในครั้งนี้

เธอมองดูโฮม มองดูร่างของทอยที่ตอนนี้เห็นเป็นเพียงเงาจางๆ “...มันเกิดอะไรขึ้น” เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะเอ่ยปากถามออกมาได้

#####

ชั้นวางของ รอบตัวทอยมีแต่ชั้นวางของที่สูงท่วมศีรษะ ของเล่น ของเล่น และของเล่น จำนวนมากมายจัดวางอยู่บนนั้น ทอดยาวไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา ตอนนี้มันไม่ใช่แผนกของเล่นภายในห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ เซ็นทรัล เฟสติวัล ซึ่งตั้งอยู่ในย่านการค้าใจกลางเมืองหลวงอันจอแจที่มีการจราจรบนท้องถนนติดขัดตลอดกาล เมืองหลวงที่มีนามว่า กรุงเทพ หรือ เมืองแห่งทวยเทพ อย่างที่เขาเคยจำได้

'นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น'

เขามองไปรอบๆ ภายในความคิดมีความเป็นจริงสองส่วนที่แตกต่างพยายามแย่งชิงกันเพื่อที่จะเป็นเจ้าของตัวเขา ความเป็นจริงอันหนึ่งนั้นชัดเจนกว่า ตัวเขาคือพนักงานขายที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แผนกของเล่นนี้คือชีวิตส่วนใหญ่ของเขา แต่มันกลับขาดไปซึ่งรายละเอียด อย่างเช่นนอกจากการทำงานแล้วชีวิตส่วนที่เหลือของเขานั้นเป็นอย่างไร

ส่วนความเป็นจริงอีกอันนั้นเลือนลางกว่ามาก แต่กลับประกอบไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ จำนวนมากมาย ซึ่งพยายามบอกว่าเขาเป็นคนอื่น เขาเป็นมากกว่าเพียงแค่งานที่ทำอยู่ประจำทุกวัน พวกมันเหมือนกับเกิดจากทรายเม็ดเล็กๆ จำนวนมากมาย เม็ดทรายที่ติดตามมือ หรือเท้าของเราในทุกครั้งที่เดินย่ำไปบนชายหาด ทีละน้อย ทีละน้อย โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว เราก็ได้สร้างหาดทรายส่วนตัวของตนขึ้นมาจากเม็ดทรายเหล่านี้

ตุ๊กตา ตุ๊กตา ขาของเขาก้าวอย่างรวดเร็ว ตามองกวาดไปตามชั้นสินค้าที่ไม่คุ้นเคย 'ไม่เคยเห็นตุ๊กตาพวกนี้มาก่อนเลย' พวกมันเป็นตัวประหลาดรูปไข่ ศีรษะกับลำตัวกลมกลืนเป็นชิ้นเดียวกัน พวกมันมีขนสั้นๆ หลากสี หลากลวดลาย กับดวงตากลมโตที่มองตามเขาไปมาอย่างน่ากลัว

ดวงตาของตัวที่มีขนสีชมพูสลับดำเป็นลวดลายหมือนตารางหมากรุกพลันมีแสงไฟติดสว่าง ก่อนที่มันจะส่งเสียงร้องออกมาไม่เป็นภาษา น้ำเสียงของมันนั้นเหมือนพยายามดัดให้ฟังดูร่าเริง ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ และสถานการณ์ของผู้ที่รับฟังด้วย และเขาในตอนนี้คงบอกได้เพียงแค่ว่า

มันฟังดูสยองขวัญอย่างยิ่ง

ดวงตาของตุ๊กตาทั้งชั้นพลันกระพริบวูบวาบ พวกมันเริ่มส่งเสียงพูดคุยโต้ตอบเหมือนเป็นคนรู้จักที่ผ่านมาพบเจอกันเข้าโดยบังเอิญ แต่ไม่มีใครยอมฟังใคร พวกมันแข่งกันพูด ส่งเสียงดังขึ้น แข่งกันตะโกน จนเขาต้องยกมือขึ้นอุดหู มันเป็นอย่างนั้นอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนที่ทุกตัวจะเงียบเสียงลงพร้อมกัน

ตาดวงโตทั้งหมดบนชั้นพลันกระพริบประสานกันเป็นจังหวะ พวกมันทั้งหมดเริ่มร้องเพลงประสาน พร้อมกับโยกลำตัวอ้วนๆ กลมๆ เต้นรำไปมา

นั่นเป็นเวลาที่เขาตัดสินใจว่าคงจำเป็นจะต้องออกวิ่งแล้ว

แผนกของเล่นยืดยาวออกไปเกินกว่าที่มันจะเป็นจริงได้ หรือไม่เช่นนั้นเขาคงได้แต่วิ่งวนเป็นวงกลมอยู่ภายในเขาวงกตที่เกิดจากชั้นวางของ ชั้นวางที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช่ชั้นที่เขาเคยจัดเรียงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พวกมันทั้งหมดไม่ใช่ชั้นวางของเขาอีกต่อไป

โดยไม่รู้ตัว ในขณะที่วิ่งไปเขาเริ่มพบเห็นของเล่นบางชิ้น ของเล่นที่คุ้นตาซึ่งแทรกตัวอยู่บนชั้นวางท่ามกลางของเล่นที่เขาไม่รู้จัก มันเริ่มต้นจาก เครื่องมือช่างที่ทำจากพลาสติกกล่องนั้น ลูกบอล รถยนต์ของเล่น และสิ่งอื่นๆ เขาจึงเริ่มวิ่งลดเลี้ยวโดยติดตามพวกมันไป เพราะยังไม่มีความคิดอย่างอื่นที่ดีกว่านี้

#####

“เราจะทำอย่างไรดีคะ จะอุ้มเขาเข้าไปในสำนักงานก่อนก็ไม่ได้” สโนวลองดูแล้ว และความรู้สึกเมื่อมือ และแขนของเธอทะลุผ่านร่างของเขาไปนั้น มันช่างประหลาดเหลือเกิน

บางทีจูบจากเจ้าหญิงอาจจะปลุกให้เจ้าชายนิทราตื่นขึ้นมาก็เป็นได้ 'ไม่ นั่นมันไร้เหตุผลสิ้นดี' ใช่ ไม่มีเหตุผลพอพอกับเด็กสาวชุดแดง กับไม้ขีดไฟนั้น

“เอ่อ...บางทีถ้า...” เธอเงยหน้าขึ้นมองโฮมอย่างคาดหวัง จนทำให้เขาต้องกลืนคำพูดส่วนที่เหลือกลับลงไป

#####

ทอยยังคงวิ่ง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้วิ่งตามของเล่นอีกต่อไป 'ไม่' พวกมันยังคงเป็นของเล่น เพียงแต่ของเล่นพวกนี้ไม่ใช่ของเล่นอีกแล้วสำหรับเขา มีดที่ทำจากพลาสติกซึ่งรูปร่างของมันทำให้เขานึกถึงมีดที่ทำจากโลหะของจริง กับอาวุธชนิดอื่นๆ หลากหลายชิ้นที่แสนคุ้นตา

พวกมันล้วนถูกบรรจุอยู่ภายในกล่องที่เหมือนกับของเล่น แต่ก็ดูเป็นจริงเหลือเกิน

ดูเหมือนว่าเส้นทางวงกตแห่งชั้นวางของเล่นพวกนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว เขากำลังจะได้พบกับทางออกในไม่ช้า และบนเส้นทางส่วนที่เหลือนี้เอง ที่เขาพึ่งพบเห็นความผิดปกติอีกสิ่งหนี่ง มันมีเม็ดทรายตกอยู่เป็นทางมองดูเหมือนกับมีใครบางคนมาขีดเส้นเอาไว้ 'เพื่อช่วยบอกทาง แต่ฉันกลับไม่ได้ก้มลงมองตั้งแต่แรก' เขาหวนนึกถึงหญิงชราที่ไม่ชราผู้เป็นลูกค้าเมื่อครู่ 'และมันราวกับผ่านมาแล้วแสนนาน' จะใช่ฝีมือของเธอหรือไม่

ตัวเขาที่เป็นพนักงานขายของเล่นนั้นกลายเป็นส่วนที่ลางเลือนเหมือนความฝัน ในขณะที่ตัวเขาอีกคนซึ่งได้ย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ใน มหานคร เมืองใหญ่ ก็กลับกลายเป็นจริงขึ้นมาจนไม่อาจปฏิเสธได้

โดยเฉพาะสิ่งสุดท้ายที่เขาได้พบเจอตรงสุดเส้นทางวงกตนั้นทำให้ต้องแปลกใจอย่างที่สุด

#####

ทอยพลันลืมตาขึ้น มีวัตถุบางสิ่งสีขาวนวลดูนุ่มนิ่มลอยอยู่เกือบจะแนบชิดใบหน้าของเขา กับความรู้สึกแปลกๆ ที่ริมฝีปาก และกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ ลอยอบอวลอยู่ในจมูก เขารีบขยับตัวหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ถอยห่างออกมาจนอยู่ในระยะปลอดภัย พร้อมกับเร่งสำรวจสภาพความเป็นไปรอบตัว

แสงไฟที่สาดส่องออกมาจากประตูสำนักงานซึ่งเปิดอ้าทิ้งไว้ช่วยให้มองเห็นหลายสิ่ง และขับเน้นความมืดมิดที่อยู่ห่างออกไปให้ยิ่งเด่นชัดขึ้น เขายังคงอยู่ภายในตรอกแคบๆ ข้างร้านของเล่น โฮมที่นั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งมองมาทางเขาด้วยใบหน้าพิกล กับหญิงสาวในชุดขาวที่ค่อยๆ ประคองตัวลุกขึ้น พร้อมกับยกมือลูบคลำจมูกของตน ด้วยใบหน้าที่พิกลไม่แพ้กัน 'นั่นคุณสโนว' เขานึกแปลกใจ

ทอยกระพริบตาตื่นจากฝัน ความฝันที่เหมือนจริงแต่กลับจางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับทรายในกำมือ ซึ่งสุดท้ายถึงแม้จะไม่อาจไขว่คว้าสิ่งใดไว้ได้ แต่ก็จะหลงเหลือเม็ดทรายเปื้อนติดอยู่ในมือทุกครั้ง มันเป็นความฝันที่สมจริง หรือว่าความเป็นจริงที่เราเข้าใจนี้ ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงความฝันอีกชนิดหนึ่งเท่านั้น

ความฝันทั้งหมดนั้นคล้ายกับจะละลายหายไป แต่เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยึดยื้อมันเอาไว้ เพราะรู้สึกว่ามีความสำคัญบางสิ่งซ่อนอยู่ในนั้น

“...คุณทอย คุณรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” โฮมเอ่ยถาม 'ดูเหมือนเขาจะยังคงมีพลังของมือสังหารหลงเหลืออยู่' เพราะความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นั้นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่ได้ลาออกจากการเป็นมือสังหารมาแล้วพักใหญ่ 'มันน่าจะหายไปหมดแล้ว' บางทีอาจเป็นเพราะเขาคือสมาชิกของครอบครัวนักฆ่าอันเก่าแก่ก็เป็นได้

“มันเกิดอะไรขึ้นครับ” เขามีท่าทีที่ผ่อนคลายลง 'ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งในความฝัน หญิงชราที่ดูไม่ชราและฉันต้องเคยพบเห็นเธอมาก่อน' เขาไม่แน่ใจ แต่คิดว่าบางทีเธออาจจะเป็นคนเดียวกับหญิงสาวในชุดหรูหราที่เข้ามาทักสไตน์ในงานเลี้ยงบนตึกนคราภิวัฒน์คนนั้น

“ผมต้องเป็นฝ่ายที่ถามคุณมากกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น” โฮมว่า

เขาพยายามคิดทบทวน แยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นออกจากความฝัน เขาถูกดักทำร้ายโดยเด็กสาวในชุดแดงด้วยไม้ขีดไฟ และทันใดนั้นความเป็นจริงอย่างหนึ่งก็ตีเขาเข้าที่แสกหน้า

“สไตน์” เขาอุทานออกมาพร้อมกับรีบวิ่งไปที่ปากตรอก โฮมติดตามเขาไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับปืนที่เตรียมพร้อมอยู่ในมือ “คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าทำ อย่าจับต้องอะไรทั้งนั้น” เขาบอกกับสโนว

“สไตน์อาจกำลังตกอยู่ในอันตราย” เขาบอกเมื่อโฮมวิ่งตามมาทัน 'เขาวิ่งช้าลง หรืออย่างน้อยก็แค่เร็วพอๆ กับคนทั่วไปแล้ว' โฮมคิด

รถคันเล็กของสไตน์ยังคงจอดอยู่ในที่เดิม แต่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น

“ผมก็ไม่เห็นใครแล้วในตอนที่มาถึง” โฮมบอกพร้อมกับส่องไฟฉายสำรวจมองบนพื้นไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่เขาคาดว่าจะตกอยู่แถวๆ นี้

“เขาบอกจะรอไปส่งผม รถก็ยังจอดอยู่ เขาไม่น่าจะไปไหนได้” เขายิ่งรู้สึกกังวล เมื่อหวนนึกถึงเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังเดินไปยังตรอกแคบๆ นั้น 'ดูเหมือนฉันจะได้ยินเสียงจุดไม้ขีด กับความรู้สึกแปลกๆ พวกนั้น แต่ฉันกลับไม่ย้อนกลับมาดู' มันเป็นความผิดพลาดของเขา

“มาดูนี่สิ” โฮมที่หยุดยืนอยู่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะซึ่งห่างออกไปไม่ไกลร้องเรียก วงแสงไฟนั้นหยุดนิ่งอยู่บนพื้น และแทบจะไม่ต้องเดา เขาก็คิดว่าตนเองรู้แล้วว่าโฮมพบเจอเข้ากับสิ่งใด

มีไม้ขีดไฟหงิกงอที่ถูกเผาไหม้จนหลงเหลืออยู่เพียงครึ่งก้านหล่นอยู่บนพื้น


Create Date : 24 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2556 13:20:15 น. 0 comments
Counter : 666 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.