ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
15 ธันวาคม 2556
 
All Blogs
 
ทอย (22)

“สาร...”

โฮมรีบยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ตำรวจหญิงที่ผ่านมาเจอกับกลุ่มของเขาเข้าพอดีอย่าส่งเสียงดัง เธอพยักหน้าเข้าใจ ก่อนเหลือบมองผู้ติดตามทั้งสองของเขา คิ้วของเธอยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบเห็นสโนวรวมอยู่ในกลุ่มด้วย

“สารวัตร” เธอลดเสียงให้เบาลง “ทุกคนกำลังรอสารวัตรอยู่”

“ผมรู้แล้ว แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องรีบไปสะสางก่อน” เขาเดินช้าลง และคอยมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา ทำท่าว่าไม่อยากพบเจอกับใครเพิ่มอีก

“ทุกคนกำลังรออยู่ในห้องประชุมค่ะ ท่านผู้ว่าเองก็ยังไม่มาเหมือนกัน” เธอรีบบอกเมื่อเห็นท่าทางของเขา โดยไม่ได้สงสัย หรือคิดจะถามเลยว่า เรื่องด่วน ที่เขาว่านั้นคือเรื่องอะไรกันแน่

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เขาจงใจใช้คำถามกว้างๆ ทำหน้าจริงจังเพื่อไม่ให้ถูกสงสัยในเรื่องที่ตัวเขาเองยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างเขา อันที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่เสมอจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

เธอเหลือบมองผู้ติดตามทั้งสองของเขาอีกครั้ง “ไม่เป็นไร พวกเขามากับผม พวกเขาเป็น...ผู้ช่วยพิเศษสำหรับภารกิจในครั้งนี้” เธอพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ ทำท่าเหมือนพอใจในสิ่งที่ได้ยิน และโฮมไม่รู้เลยว่าเธอกำลังเข้าใจอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

“ถนนสายหลักถูกปิด กำลังส่วนหนึ่งถูกส่งให้ไปตั้งด่านขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก และนับเป็นโชคดีที่ช่วงเวลานี้แทบจะไม่มีใครต้องการเดินทางออกไปนอกเมืองอีกแล้ว เอ่อ ยังมีกำลังอีกส่วนหนึ่งถูกส่งออกไปสำรวจตามเส้นทางสายรองรอบเมือง แต่คาดว่าก็น่าจะใช้การไม่ได้ทั้งหมดค่ะ”

โฮมต้องใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว พยายามกรองหาข้อมูลเล็กเล็กน้อยน้อยที่มีอยู่ในคำพูดของเธอออกมา ทำไมถนนที่ออกนอกเมืองถึงถูกปิด ปิดจากอะไร เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เขาตัดสินใจยิงคำถามออกไปอีกครั้งเพื่อถ่วงเวลา และเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น “แล้ว...ผู้บาดเจ็บเป็นอย่างไรกันบ้าง”

“มีสาหัสอยู่หนึ่งรายค่ะ เป็นคนขับรถส่งของชื่อ เอ่อ...เฟรเด็ก สมิธ หรืออะไรสักอย่าง ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ค่อยแน่ใจ ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลมหานคร นอกจากอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการกระแทกเข้ากับกำแพงหิมะพวกนั้นอย่างจังแล้ว เขายังมีอาการบาดเจ็บที่เกิดจากหิมะกัดอย่างรุนแรงด้วย เพราะต้องติดอยู่ในซากรถเป็นเวลานาน กว่าที่พวกเราจะช่วยกันนำร่างของเขาออกมาได้ ส่วนรายอื่นๆ ที่เหลือนั้นได้รับบาดเจ็บไม่รุนแรงอะไร ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ”

น้ำเสียงในการเล่าของเธอนั้น แทบจะทำให้ทั้งหมดรู้สึกถึงความหนาวเย็นไปด้วย 'ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะเย็นลงกว่าในตอนที่ฉันเข้ามาครั้งแรก' ทอยค่อนข้างมั่นใจ แต่ก็อาจเป็นเพราะตอนนี้เวลาค่ำลงมากแล้วก็เป็นได้ เขารู้สึกสงสัยในเรื่องทั้งหมดนี้ และจากท่าทีที่อึดอัดของสโนว เธอเองก็คงคิดไม่ต่างกัน แต่โฮมได้ขอร้องให้ทั้งสองคนเงียบเอาไว้ อย่าพูด อย่าถามอะไรกับใครทั้งนั้น

ทอยแอบมองโฮมอย่างสงสัย ถึงแม้เขาจะทำท่าทีเหมือนกับไม่แปลกใจในเรื่องประหลาดทั้งหมดนี้ แต่ทอยไม่ยอมเชื่ออย่างเด็ดขาด

ตำรวจหญิงเหลือบมองผู้ติดตามทั้งสองอีกครั้ง พร้อมกับลดเสียงให้เบาลงยิ่งกว่าเดิม แต่ทั้งสองก็ยังคงได้ยินอยู่ดี “เรานำผู้ประสบเหตุทั้งหมดไปรวมกันไว้ในหน่วยที่ตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะของโรงพยาบาล ประกาศงดเยี่ยมด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกคนถูก ร้องขอ ให้เก็บเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้เป็นความลับ” เธอยักไหล่ “ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่า มันก็แค่ช่วยถ่วงเวลาไปได้อีกสักพักเท่านั้นเอง และเราจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นเมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป”

กำแพงหิมะ มันเป็นคำที่แปลกหูสำหรับโฮม แต่กลับทำให้เกิดภาพที่ทั้งชัดเจน และขัดแย้งกันขึ้นในจินตนาการของเขา กองหิมะที่สูงท่วมเหมือนเป็นกำแพงล้อมอยู่โดยรอบจนทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และการเดินทางเข้าออกมหานครด้วยรถเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้

'แต่ด้วยปริมาณหิมะที่ตกอยู่เพียงไม่นาน กับสภาพอากาศที่เย็นไม่มากแบบในตอนนี้ จะทำให้เกิดกำแพงหิมะขึ้นได้อย่างไรกัน' นั่นเป็นสิ่งชวนสงสัยที่เขาคิดว่าถึงแม้จะถามออกไป เธอเองก็คงไม่มีคำตอบให้ 'ดังนั้น มันจึงดีกว่ามาก ที่จะไม่ถามออกไป' นั่นเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

ห้องลับซึ่งเป็นจุดหมายของโฮมรออยู่หลังทางแยกข้างหน้านี้แล้ว “คุณกลับไปรอผมที่ห้องประชุมก่อน บอกทั้งหมดว่าพอผมเสร็จธุระด่วนทางนี้แล้วก็จะรีบตามไป และ...อย่าให้ใครเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ด้วย”

“ค่ะ สารวัตร” ในแววตาของเธอยังคงมีความสงสัย แต่เธอก็เดินย้อนกลับไปโดยไม่ตั้งคำถาม 'ถ้าเป็นวสันต์ เธอต้องไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้แน่' ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงคิดถึงเธอขึ้นมาแบบนี้ และมันมีความรู้สึกเศร้าเจือปนอยู่อย่างไม่อาจเข้าใจ 'และถ้าเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรอคอยอยู่ในห้องประชุม ฉันจะต้องได้พบกับเธอโดยเร็ว' วสันต์นั้นรับฟังคำสั่ง คำเตือนของเขาเสมอ แต่เขาไม่เคยมั่นใจเลยสักครั้งว่าเธอจะทำตาม

'เพราะฉันคือ วสันต์ ผู้ช่วยของสารวัตรโฮม' เธอมักบอกกับเขาอย่างนั้นเสมอ ซึ่งเขาก็ไม่เคยแน่ใจว่าจริงจริงแล้วมันหมายความว่าอย่างไร

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะสารวัตร ตำรวจหญิงคนนั้นพูดเรื่องอะไร และคุณพาพวกเรามาทำอะไรที่นี่” สโนวถามขึ้นเบาๆ ทอยเองก็ตั้งใจรอฟังคำตอบเช่นกัน ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่ามันคงเป็นคำตอบที่ถูกโฮม ตัดแต่ง ขึ้นมา และไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ตาม

“ผมยังบอกอะไรพวกคุณมากไม่ได้” และมันเป็นคำพูดที่มีความจริงใจอย่างที่สุด “แต่ผมมีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพวกคุณทั้งสองคน” เขาพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นภายในห้องนั้นเมื่อประตูได้ถูกเปิดออก แต่มันมีมากมายเกินไป เพราะอะไรอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เขาจึงเปลี่ยนเป็นคิดถึงสิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นภายในห้องนั้นแทน ซึ่งช่วยทำให้ตัวเลือกทั้งหมดแคบลงมา

“ผมจะพาคุณสองคนไปพบกับใครบางคน” 'หรืออาจมากกว่านั้น' “ซึ่งพวกคุณควรจะรู้จัก” 'ถ้าเขาคือ แจ็ค ฟรอส อย่างที่ผมหวังเอาไว้'

ชายหนุ่มในชุดสูทสีฟ้าเรียบหรู กับดวงตาสีฟ้าพลันปรากฎขึ้นในห้องลับภายในจินตนาการของเขา จุดเด่นคือดวงตาคู่นั้นที่จะทำให้คุณนึกถึงช่วงเวลาอันแสนเหน็บหนาว นึกถึงยามที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ได้เห็นทิวทัศน์เวิ้งว้างสีขาวราวกับซากกระดูก และรู้สึกยินดีกับความอบอุ่นที่มีภายในที่พักอาศัยของตน

“ผมจะสอบถามบางอย่าง และคุณสองคนอาจช่วยโน้มน้าวให้เขาตอบผม” 'นั่นหวังว่าจะเป็นงานของสโนว' “หรืออาจช่วยเล่าเสริมรายละเอียดบางอย่าง” 'นั่นสำหรับทอย และการเผชิญหน้ากับเด็กสาวขายไม้ขีดไฟในตรอกมืดนั้น' “แต่พวกคุณต้องคอยตาม และฟังผมเสมอ อย่าพูด อย่าบอกอะไรออกไปให้มากเกินความจำเป็น พวกคุณคิดว่าพอจะทำได้ไหม”

ทอยพยักหน้า และโฮมรู้ว่านักฆ่าผู้นี้คงพอเข้าใจในสถานการณ์ สโนวเองก็พยักหน้าช้าๆ อย่างลังเล และบางทีอาจเป็นเพราะเห็นทอยทำอย่างนั้น มันคือความไม่แน่นอนที่โฮมคิดว่าเขาจำเป็นต้องเสี่ยง เพราะเธอทำงานกับคุณครอส กับฟรอส ทั้งสำนักงานแห่งนั้นมีกันอยู่เพียงสามคนเท่านั้น เธอน่าจะทำให้ฟรอสรู้สึกผ่อนคลาย และพูดอะไรออกมาได้ง่ายขึ้น มันเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจพาเธอมาด้วย

ความคิดแปลกประหลาดอย่างหนึ่งซึ่งโฮมไม่เคยมีมาก่อนหน้าพลันผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณครอส ฟรอส กับ สโนว 'ซึ่งก็คือซานต้า ครอส กับ แจ็ค ฟรอส และ สโนว...ไวท์ สโนว ไวท์ ที่ไม่มีใครรู้จัก' ที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ใช่คนเก่าแก่เหมือนกับทั้งสองด้วยหรือไม่ 'มันมีความเป็นไปได้มากทีเดียว' ถึงแม้เธอจะดูเหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป 'ที่แปลกนิดหน่อย' ก็ตาม

“สารวัตรจ้องหน้าฉันทำไมคะ”

“เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไรครับ...พวกคุณเข้าใจกันก็ดีแล้ว”

'ค่อยๆ ทีละอย่าง ทีละอย่าง อะไรที่ยังไม่สำคัญก็พักไว้ก่อน' โฮมเตือนตัวเอง 'เอาล่ะ' ประตูบานที่เขารอคอยได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว โฮมหยุดยืน โดยมีทั้งสองคนรอคอยอยู่อย่างตื่นเต้น หรืออย่างน้อยสโนวก็กำลังตื่นเต้น เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโคท กำกุญแจเมืองดอกนั้นเอาไว้ หายใจเข้าออกลึกโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วทันใดนั้น เขาก็ตระหนักถึงปัญหาสำคัญเฉพาะหน้าอย่างหนึ่งขึ้นมา

“เอ่อ...พวกคุณจะช่วยหันไปมองทางอื่นตอนที่ผมไขเปิดประตูจะได้ไหม” โฮมนึกภาพที่ตัวเองนำกุญแจดอกนั้นออกมาโดยที่มีทั้งสองคนจ้องมองอยู่ แตะมันไปที่ประตูพร้อมกับพึมพัมเบาๆ 'อาบรา คราดาบา' 'โอเพน เซซามี' 'ประตูเอ๋ยจงเปิด' หรืออาจเป็น 'ทรู แชล นอท พาส' อะไรแบบนั้น เขาสงสัยในข้อความแปลกอันสุดท้าย ซึ่งไม่รู้ว่ามันผุดมาจากไหน แต่โดยรวมแล้วก็คือเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เห็น 'พวกเขาจะคิดอย่างไรก็ไม่สำคัญ เพราะตัวฉันเองคิดไปแล้วว่ามันจะดูโง่เง่าน่าขันเป็นที่สุด' และนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

โฮมทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ “ผมจำเป็นต้องใช้วิธีการที่...ไม่ค่อยจะถูกกฎหมายนัก” สมองของเขาทำงานอย่างเต็มที่ มือที่ว่างล้วงหยิบเอาห่ออุปกรณ์เล็กๆ สำหรับใช้เปิดประตูที่เขาไม่มีกุญแจออกมาแสดง

สโนวทำตาโต ยิ้มอย่างเข้าใจก่อนทำเป็นหันมองไปทางอื่น ทอยหรี่ตาลง ก่อนทำท่าหันไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน

'เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด' โฮมคิด แต่แค่นี้ก็เพียงพอ 'แค่ทำเป็นเชื่อก็ช่วยได้มากแล้ว' เขาหยิบกุญแจเมืองออกมา มันเป็นดอกกุญแจตลกๆ ที่มีความเป็นกุญแจในสายตาของทุกคน ทั้งทั้งที่มันไม่เหมือนกับดอกกุญแจที่ใช้งานกันจริงจริงเลยสักนิด

โฮมหลับตาลง 'ความเป็นกุญแจของมันมีอยู่ในความเชื่อ และความเชื่อทำให้มันเป็นกุญแจที่เปิดได้ทุกสิ่ง'

ทอยแอบมองดูโฮมแตะดอกกุญแจที่เหมือนกับของเล่นนั้นเข้ากับประตู ได้ยินเสียง 'คลิ๊ก' ดังออกมาอย่างชัดเจน แล้วกุญแจดอกนั้นก็หายกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโคทอย่างรวดเร็ว

มันง่ายแบบนั้น ไม่ต้องมีคำวิเศษ ไม่ต้องมีประกายระยิบระยับ

“ถอยออกไปจากตรงนั้น” เสียงที่ไม่มีใครคาดดังมาจากทางแยกที่พวกเขาเลี้ยวผ่านเข้ามา ข้างในนี้เป็นทางตัน แต่ยังมีทางเดินที่ยาวเท่ากับห้องลับให้พวกเขาถอยไปได้เหลืออยู่ ในเสียงนั้นมีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ มันเป็นเสียงที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องทำตามก่อนที่จะทันได้คิดว่าเป็นเพราะอะไร สโนวก้าวถอยออกไปตามที่ถูกสั่งอย่างลืมตัว ในขณะที่ทอยเองก็เกือบจะทำอย่างนั้นด้วยเช่นกัน

โฮมถอยจากประตู แต่ไม่ได้ถอยออกไปอย่างที่ถูกสั่ง เขายืนขวางระหว่างคนทั้งสองที่ตนพามา ซึ่งเขาถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเขา กับเจ้าของเสียงที่เขารู้แล้วว่าเป็นผู้ใด

“สวัสดีครับ ท่านผู้ว่า” โฮมทักทายด้วยท่าทีปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือข้างที่เคยถือกุญแจเมืองเมื่อครู่ ย้ายมากำอยู่ที่ด้ามปืนซึ่งบรรจุมีดทั้งสองเล่มไว้พร้อมยิง แต่ยังไม่ได้ชักออกมา เขาสำรวจมองฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ลินคอนมีสิ่งที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นขวานอยู่ในมือขวา

ขวานจากการต่อสู้ในสงครามผีดูดเลือดของผู้ว่าลินคอน ขวานในตำนานที่มีผู้เคยพบเห็นของจริงอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น 'นอกจากเหล่าผีดูดเลือดที่เคยถูกมันฟันหัวจนขาดพวกนั้น'

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นสารวัตรโฮมนั่นเอง” น้ำเสียงของลินคอนเปลี่ยนเป็นเรียบลื่น แต่ยากจะคาดเดาเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด “ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่...กับสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีที่น่ารักคนนี้ ผมเลยคิดจินตนาการไปไกลว่าเป็นพวกคนน่าสงสัยกลุ่มหนึ่ง”

สโนวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คำว่า สุภาพสตรีที่น่ารัก ดูเหมือนจะดัง และไพเราะมากกว่าคำอื่นๆ จนทำให้เธอยิ้มกว้าง แต่ทอยยังคงคอยยืนกันเธอเอาไว้ 'ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาใกล้แบบนี้' แต่เขาจะบ่นไปทำไม เพราะตัวเขาเองไม่ใช่หรือที่ไม่อยากจะเป็นมือสังหารอีกต่อไปแล้ว

โฮมไม่เชื่อคำพูดพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าลินคอนต้องรู้ตัวมาแต่ไกลแล้วว่าเป็นเขา และบางทีอาจจะรู้จักทั้งสองคนที่มากับเขาว่าเป็นใครด้วยก็เป็นได้ 'ไม่สิ เขาต้องรู้แน่ๆ ต่างหาก'

“ดูเหมือนผมจะสั่งให้ทุกคนอยู่ห่างจากห้องนี้เอาไว้” ลินคอนยิ้ม 'และผมหมายรวมถึงตัวคุณด้วยนะ สารวัตรโฮม' ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมาดังๆ ลินคอนยังคงไม่ก้าวเข้ามาใกล้ เพราะเขารู้ว่าในมือของโฮมนั้นมีสิ่งใด แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือเขายังไม่แน่ใจว่าโฮมกำลังคิดจะทำอะไร

“เอาล่ะ เรื่องนี้คงต้องพักไว้ก่อน เพราะเราทั้งคู่ยังมีเรื่องเร่งด่วนรออยู่ ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องคุยกันอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะไปเข้าห้องประชุมด้วยกัน” ลินคอนเก็บขวานของเขาเข้ากับที่แขวนพิเศษที่ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับซองปืนแบบใช้คาดเอว ในขณะที่โฮมเองก็ปล่อยมือจากปืน พร้อมกับนำมือทั้งสองออกมาไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด

“...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นครับ” โฮมคิดว่าเขาคงจำเป็นต้องทิ้งเรื่องนี้ไว้ก่อนตามข้อเสนอ

ลินคอนก้าวเดินเข้ามาช้าๆ อย่างผ่อนคลาย รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าไม่ได้ลดน้อยลงเลย

โฮมจ้องดูสิ่งที่ห้อยอยู่ข้างเอวอย่างไม่อาจต้านทาน 'ขวานของลินคอน' มันเป็นสิ่งที่รบกวนความคิดของเขามากกว่ารอยยิ้มพวกนั้น 'มีความลับบางอย่างเกี่ยวกับขวานของเขาที่ไม่มีใครเคยรู้' บางตำนานเล่าว่ามันถูกหลอมขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้ผีดูดเลือดซึ่งสัมผัสเข้ากับคมของมันต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หรือไม่ก็ลุกไหม้สลายกลายเป็นควันคาวคละคลุ้ง บ้างก็ว่ามันได้อาบเลือดของผีดูดเลือดมามากเสียจนกระทั่งเมื่อมันเข้าไปใกล้กับผีดูดเลือด ก็จะเรืองแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา และยังมีอีกหลายเรื่องที่อาจฟังดูบ้าน้อย หรือมากไปกว่านี้

แล้วจู่จู่ความคิดทั้งหมดของเขาก็พลันลงตัว ขวานของวีรบุรุษจากสงครามผีดูดเลือด เอ เฮช ลินคอน ซึ่งจัดสร้างขึ้นด้วยฝีมือของยอดนักประดิษฐ์ โทมัส อัลวา เอดิสัน โฮมคิดว่าตัวเองได้ค้นพบความลับของมันแล้ว 'เพียงแต่ว่ามันอาจจะสายเกินไป'


Create Date : 15 ธันวาคม 2556
Last Update : 15 ธันวาคม 2556 19:08:46 น. 0 comments
Counter : 620 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.