ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 

เด็กเลี้ยงแกะ

กาลครั้งหนึ่ง ในมิติใดมิติหนึ่งของโลกคู่ขนานที่มีอยู่มากมายเหมือนกับเวลาที่เรานำกระจกเงาสองบานมาวางหันหน้าเข้าหากัน ภายในนั้นจะเกิดเป็นเงาสะท้อนอันไม่สิ้นสุดขึ้น เพียงแต่สำหรับโลกคู่ขนาน เงาทั้งหมดนั้นเพียงแค่คล้าย ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสียทีเดียว


ในเงาสะท้อนที่บิดเบี้ยว ในเงาสะท้อนที่ไม่อาจคาดเดา เรามีโลกอยู่ใบหนึ่งผืนป่าเขียวกว้างไกล 

ท้องฟ้า สายลม สายน้ำใสสะอาด มีปราสาท มีหมู่บ้าน มีไร่นา มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยไม้ และดิน วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เหมือนกับที่พวกเราเคยได้ยินในนิทานทั้งหลาย

เด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์ใต้เงาไม้ ฝูงแกะเดินท่องไปในทุ่งกว้าง หาเลี้ยงตัวมันเองด้วยการและเล็มหญ้าโดยไม่จำเป็นต้องมีใครคอยบอก เวลาเคลื่อนไปช้าๆ เพราะไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไปไหน

ในพุ่มไม้ทางด้านหลังของเด้กน้อยมีเงาสี่ขาก้าวออกมาช้าๆ ภายในความมืด ดวงตาของมันเป็นประกายสีแดงลี้ลับ แต่ภายใต้แสงสว่าง มันเพียงแค่ดูแวววาวเท่านั้น

เด็กเลี้ยงแกะหันมาพบกับมันเข้าพอดี "สวัสดีหมาป่า" เขาทักพร้อมรอยยิ้ม

"สวัสดีเด็กน้อย" หมาป่าไม่ได้ยิ้ม เพราะถึงแม้ว่ามันอยากจะยิ้มสักเพียงใด กล้ามเนื้อบนใบหน้าของมันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำอย่างนั้น กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ถูกมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตมากกว่า เพื่องับกรามของมันได้อย่างรวดเร็ว บดทุกสิ่งได้อย่างรุนแรง

สัตว์พูดได้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งของโลกใบนี้ที่เหมือนกับนิทานที่พวกเราคุ้นเคยกันดี

"แกะพวกนี้ดูดีจังนะ" หมาป่ามองไปรอบๆ เด็กน้อยก็มองตามไปแล้วตอบ "ใช่ ดูดีทีเดียว"

"เอาล่ะ อย่าให้เสียเวลาเลยดีกว่า" หมาป่าว่าต่อ เด็กน้อยตาเป็นประกายทันที "ดี ดี ฉันกำลังเบื่ออยู่พอดีเลย"

หมาป่านั่งลงพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด นั่นหมายถึงมันเพียงนั่งอยู่เฉยๆ เพราะการคิดนั้นอยู่ภายใน ไม่จำเป็นต้องใช้อวัยวะใดแสดงออกมาทั้งสิ้น สักครู่หนึ่งมันก็อ้าปากจนเห็นเขี้ยวขาววาววับ

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..." มันเริ่มต้น

ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า มียานพาหนะที่วิ่งได้ด้วยความรวดเร็ว แต่กลับต้องคลานต่อต่อกันไปเพราะไม่มีถนนมากเพียงพอ เทคโนโลยีเจริญรุดหน้าไปทุกวินาที ชีวิตที่เร่งรีบจนบางครั้งหลายคนไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังมุ่งไปทางไหน ทำได้เพียงแค่ติดตามคนที่อยู่ข้างหน้าไปเท่านั้น

แสงสว่างย่อมต้องก่อให้เกิดเงา แสงยิ่งสว่างเจิดจ้า เงาก็จะยิ่งมืดมิด ในเมืองใหญ่ที่เจิดจ้าทั้งในยามกลางวันและกลางคืน เงามืดก็มีอยู่ในทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ในที่ที่ไม่มีใครนึกถึง

หญิงสาวแต่งกายด้วยเนื้อผ้าเรียบร้อยตามยุคสมัย นั่นคือใช้เนื้อผ้าให้น้อยที่สุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมวิ่งออกมาจากมุมมืดของซอกตึก เสื้อผ้าที่แทบจะไม่อาจปกปิดสิ่งใดได้อยู่แล้วมีร่องรอยฉีกขาดเสียหาย ทำให้สิ่งที่ไม่อาจปิดนั้น ไม่อาจปิดยิ่งขึ้นไปอีก

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย" เธอร้องด้วยอาการตกใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหากลุ่มของนักท่องราตรีที่เดินผ่านมาพอดี

"ช่วยด้วยค่ะ มันจะทำร้ายฉัน" เธอบอกพร้อมกับสะดุดล้มลงตรงหน้ากลุ่มคนพวกนั้นพอดีผู้ชายหลายคนในกลุ่มต่างมองดูเรือนร่างของเธอด้วยสายตาอย่างเดียวกัน คนหนึ่งในกลุ่มที่มีผู้หญิงเดินควงมาด้วยถูกฟาดเข้าที่ต้นแขนอย่างจังจนต้องร้องโอดโอยออกมา

คนตัวโตพร้อมรอยสักที่แขนข้างหนึ่ง ซึ่งมีท่าทางเป็นหัวหน้าช่วยประคองเธอขึ้นมา

"ฉันให้ทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์มันไปแล้ว แต่มันก็ยังจะ มันจะ..." น้ำตาไหลรินลงมาช้าๆ เธอสะอื้นจนไม่อาจส่งเสียงพูดต่อไปได้

"ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรแล้ว" เขาปลอบเธอ และพยายามอย่างมากที่จะมองหน้าเธอเอาไว้ เพราะส่วนอื่นๆ ของร่างกายเธอทำให้เขาทำอย่างนั้นได้อย่างยากเย็น

"เฮ้ย เรื่องของผัวเมียคนอื่นไม่เกี่ยว" ชายร่างใหญ่ติดตามเธอออกมาจากซอกมุมมืดนั้นด้วยท่าทางเอาเรื่องกลุ่มนักเที่ยวเริ่มใจไม่ดี แต่หัวหน้ากลุ่มยังคงรักษาท่าทางที่เยือกเย็นเอาไว้

"จะผัวเมียหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ทำไมต้องใช้กำลังกับผุ้หญิงด้วย"

"เปล่า ฉันไม่รู้จัก ไม่ได้มีอะไรกับเขา" สาวคนเดิมรีบบอก

"หนอย" ชายคนนั้นทำท่าจะพุ่งเข้ามา แต่หัวหน้ารีบก้าวออกไปขวางเอาไว้

"อยากเจ็บตัวหรือไง" ชายคนนั้นขึ้นเสียง จ้องตากับหัวหน้า ซึ่งเป็นคนเดียวที่ดูท่าทางเอาเรื่อง ในขณะที่นักเที่ยวที่มาด้วยกัน เพียงยืนมอง คล้ายกับไม่อยากยุ่งเกี่ยว

"คุยกันดีดีได้ไหม" หัวหน้ากลุ่มเป็นฝ่ายเสนอ

"มันขโมยเงินมา แถมยังส่งข้อความนัดกับชู้ ดูในมือถือมันก็ได้" ชายคนนั้นตวาด

"ฉันเปล่า...ฉัน..." แต่เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทำท่าเหมือนไม่กล้าสบตากับใคร นักเที่ยวทั้งกลุ่มดูเหมือนจะได้คำตอบแล้ว บางทีสิ่งที่เห็นอาจแตกต่างจากสิ่งที่เป็น

"ก็ปล่อยเธอไปเถอะ" หัวหน้ากลุ่มยังไม่ละความพยายาม

"จบก็ได้" ชายคนนั้นส่งเสียงดัง "ถ้ามันคืนเงินสองพันที่เอาไปมา"

ทุกสายตาหันกลับมาที่หญิงสาว และพยายามที่จะไม่มองอย่างอื่นนอกจากหน้าของเธอ ในความเงียบมีเสียงกลืนน้ำลายของใครบางคน

"ฉัน...ไม่มีแล้ว ฉันให้ ให้...ไปหมดแล้ว" เสียงของเธอเบาลงในตอนท้าย แต่ก็ยังได้ยิน ยกเว้นชื่อของใครคนนั้น

"หนอย" ชายคนเดิมคิดจะเข้าไปให้ถึงตัวเธอ แต่หัวหน้าก็ยังขวางเอาไว้ พร้อมกับล้วงหยิบกระเป๋าเงินของตนออกมา

"สองพันนะ เลิกแล้วต่อกันก็แล้วกัน" เขายื่นส่งธนบัตรสองใบให้ชายคนนั้น ที่มองดูเขาอย่างงงๆ ในตอนแรก แต่ก็รับเงินเอาไว้พร้อมกับพูดเบาๆ

"คิดอะไรอยู่ใช่ไหมล่ะ บางทีอาจจะติดใจก็ได้นะ"

"เปล่า ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น" หัวหน้ากลุ่มตอบโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

ชายคนนั้นยิ้มกวน พร้อมกับส่ายหน้าแสดงว่าไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด ก่อนจะหันหลังแล้วเดินหายเข้าไปในความมืดเดิมนั้น หากมองดูให้ดีแล้วอาจจะได้เห็นว่าเงามืดนั้นแยกตัวออกเผยให้เห็นสิ่งอื่นที่มืดดำยิ่งกว่าความมืดทั่วไปเสียอีก

นักเที่ยวคนอื่นๆ ค่อยๆ จากไปอย่างรู้งาน เหลือเพียงหัวหน้ากลุ่มกับหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้ แน่นอนที่เขาจำเป็นต้องไปส่งเธอยังที่พักเพราะสภาพของเธอในตอนนี้อาจทำให้เกิดเหตุร้ายซ้ำซ้อนขึ้นได้ เขาถึงกับถอดเสื้อตัวนอกให้เธอสวมคลุมเอาไว้ด้วย

จากหน้าตึกที่เป็นห้องเช่าราคาถูก ขึ้นมาถึงหน้าห้องพัก เธอบอกว่ามาจากต่างจังหวัด มาทำงานในเมืองใหญ่ และพักอยู่เพียงลำพัง ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ภายใต้แสงสลัว เธอถอดเสื้อที่คลุมไว้คืนให้กับเขา เผยให้เห็นเนื้อหนังเรือนร่างที่เห็นเพียงวับแวมตลอดทางที่ผ่านมา

มันคล้ายกับเป็นการอ่านหนังสือที่ตื่นเต้นชวนติดตาม และกำลังจะมาถึงตอนสำคัญ ปริศนาที่ซ่อนไว้ได้ถูกเปิดเผยออกมา

"คุณ...จะเข้ามาก่อนไหม...พักสักครู่ แล้วค่อยกลับ" มีความกังวลอยู่ในแววตาของเธอ

ในความเงียบงันอันเย้ายวน ในความสว่างของแสงที่ส่องต้องเรือนกายของเธอ ก่อเกิดเป็นเงามืดพาดไปยังประตูที่อยู่ด้านหลัง เขาก้าวเข้าไปใกล้ๆ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอ

"มันรออยู่ในนั้นใช่ไหม"เธอสะดุ้งเฮือก ก่อนพยักหน้าช้าๆ 

"มีอาวุธไหม"เธอจ้องตาเขา ก่อนขยับปากตอบโดยไร้เสียง 'มีด' เขาพยักหน้า พร้อมกับเผยรอยยิ้มเหี้ยมให้เป็นเป็นครั้งแรก เธอกำลังจะคิดทำอะไรบางอย่าง แต่เขากลับทำได้รวดเร็วยิ่งกว่า แล้วสำหรับตัวเธอ ทุกสิ่งก็เหลือเพียงความมืดมิด

"แล้วนิทานของเราก็จบลงเพียงเท่านี้" หมาป่าจบนิทานของมันแล้ว

"ยังสิ ยังจบไม่ได้" เด็กน้อยท้วง"อ้อ ใช่ ใช่" หมาป่าหยุดคิดอีกครู่หนึ่ง "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การพูดโกหกจะทำให้คนอื่นขาดความเชื่อถือ และสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองได้ในที่สุด"

เด็กน้อยพยายามคิดตามว่ามันเป็นไปตามคติสอนใจนั้นจริงหรือไม่ ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่มีบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันไม่ค่อยพอดี ไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไรนัก

"เอาล่ะ" หมาป่าว่า "ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของเรากันล่ะ"

เด็กเลี้ยงแกะหยิบเอานาฬิกาทรายอันเล็กๆ ออกมาจากในเสื้อที่สวมอยู่ "สองรอบ" เขาว่า

"ไม่ ต้องสาม" หมาป่าต่อรอง

"ก็ได้ สามรอบ นายรู้กติกาดีแล้วใช่ไหม"

หมาป่าพยัีกหน้า 'ต้องไม่ใช่แม่ลูกอ่อน กำลังตั้งท้อง ลูกแกะ หรือตัวที่แก่มากๆ เลือกได้เพียงตัวเดียว และต้องไล่ล่าอย่างยุติธรรม' มันคิดอย่างเบื่อหน่าย

"ฉันเลือกตัวนั้น" มันพยักเพยิดไปยังแกะหนุ่มใหญ่ตัวหนึ่ง

"ดอลลี่" เด็กเลี้ยงแกะเรียกชื่อของแกะตัวนั้น ซึ่งหันมาประสานสายตากับหมาป่าอย่างท้าทาย 'ดูเหมือนฉันจะเลือกผิดเสียแล้ว' หมาป่าโอดครวญอยู่ในใจ

"ไป" เด็กเลี้ยงแกะว่าพร้อมกับพลิกนาฬิกาในมือให้เม็ดทรายเริ่มไหลลงมา หมาป่าออกวิ่ง ดอลลี่ก็เช่นกัน มันมีเวลาไล่ล่าให้สำเร็จภายในระยะหมุนนาฬิกาทรายสามรอบเท่านั้น

"เสียใจด้วยนะคุณหมาป่า นี่ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นโลกแห่งความจริง" เด็กเสี้ยงแกะพึมพำพร้อมกับมองดูอย่างสนุกสนาน




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2556
2 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2558 20:03:00 น.
Counter : 1205 Pageviews.

 

สวัสดีค่า แวะมาทักทายค่ะ
อ่านที่กระทู้แล้ว

นุ่นว่างานคุณzoi เป็นอะไรที่นุ่นคิดไม่ค่อยทันค่ะ
เหมือนจินตนาการมากๆเลย
แต่ ทอย อ่านได้สนุกดีค่า

 

โดย: lovereason 3 สิงหาคม 2556 0:18:30 น.  

 

ขอบคุณนะคร๊าบ

 

โดย: zoi 4 สิงหาคม 2556 9:35:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.