ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
ทอย (10)

แอนตี้ ไจแอน แจ็ค ใช้ช้อนยาวที่ทำขึ้นมาเองอย่างง่ายๆ ด้วยการใช้มีดเหลากิ่งไม้ให้ได้รูปร่างตามต้องการ คนอาหารที่อยู่ภายในหม้อสนามใบเก่าซึ่งตั้งอยู่เหนือกองไฟ มันส่งควันสีขาวลอยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นที่เขาคุ้นเคย

“อา...ถั่วกับหมูกระป๋อง ไม่มีอะไรอร่อยไปกว่าพวกเจ้าอีกแล้ว”

เขาพึมพำกับตัวเองภายใต้ซากบางส่วนของสิ่งก่อสร้างโบราณที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นที่พักชั่วคราว เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างฉับพลัน โชคดีที่เขาเตรียมตัวมาพร้อม ทั้งอุปกรณ์กันหนาว เสบียงอาหาร และของใช้จำเป็นอื่นๆ แต่มันก็ทำให้การสำรวจต้องล่าช้าลงไป

“เสียแต่ว่าพักนี้ ฉันต้องกินพวกแกบ่อยเกินไปหน่อย” เขาคนมันอีกสองสามครั้ง ก่อนยกหม้อสนามออกจากเปลวไฟ แล้วจึงหันไปหาผู้ที่นั่งรับไออุ่นอยู่ข้างกองไฟด้วยกัน

“ทศ ส่งจานของเธอมาได้แล้ว”

เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าทศยื่นจานมาโดยไม่พูดอะไร แจ็คตักถั่วกับหมูใส่ลงไปจนพูนก่อนส่งคืนให้ ซึ่งเด็กหนุ่มรับกลับไปพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณเบาๆ ส่วนตัวเขาเองก็ใช้ช้อนไม้คันเดิมตักกินจากในหม้อสนาม ทั้งคู่ต่างนั่งกินอาหารส่วนของตนไปเงียบๆ ในขณะที่กำลังตักอาหารเข้าปาก แจ็คก็แอบเหลือบมองคนนำทางของเขา เด็กหนุ่มผู้นี้มีผิวสีเข้ม ดวงตาโปนโต ผมหยิก ซึ่งล้วนแต่เป็นลักษณะเด่นของผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณหุบเขาแถบนี้

'ถ้ามีเขี้ยวยื่นยาวออกมาด้วยอีกอย่าง ก็จะคล้ายกับภาพวาดของพวกยักษ์ในตำนานเก่าแก่เลยทีเดียว และเมฆาปราสาทนี้ก็มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับยักษ์อยู่ด้วย' แต่สิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับความสนใจคือตำนานในส่วนที่เกี่ยวกับสมบัติ และทองคำอันมั่งคั่งต่างหาก

แจ็คยังคงรู้สึกแปลกใจทุกครั้ง เมื่อคิดถึงความเป็นจริงที่ว่า เนินเขาบีนกับผืนป่าโดยรอบตั้งอยู่ห่างจากมหานครไม่ไกลนัก เพียงแค่เขาเดินออกจากซากสิ่งก่อสร้างบนเนินเขาสูงเหนือผืนป่าเบื้องล่างนี้ มองผ่านอากาศที่หนาวเย็น กับหิมะที่ยังโปรยปรายลงมาไม่ยอมหยุดตั้งแต่ช่วงบ่ายไป ก็จะมองเห็นแสงไฟ และรูปร่างของเมืองที่ไม่เคยหลับแห่งนั้นได้ไม่ยาก แต่ผู้คนแถบนี้กลับมีลักษณะภายนอกที่ต่างออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนราวกับว่าพื้นที่โดยรอบถูกยกย้ายมาจากที่อันห่างไกล หรือไม่ก็ล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าก็ไม่ปาน

'สงสัยว่าหมูกับถั่วพวกนี้จะทำให้ฉันฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว' เขาตักอาหารกินอีกสองสามคำ ก่อนหันไปหยิบกล่องใบสำคัญออกมา

“ทั้งๆ ที่คิดว่าค้นพบทางเข้าเมฆาปราสาทแล้วแท้ๆ ก็ต้องมาเจอกับหิมะพวกนี้ แถมกล่องสื่อสารก็ดันเสียอีก เลยติดต่อใครไม่ได้เลย” เขาพูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบที่ยังไม่ยอมหนีหายไปไหน

กล่องสื่อสารที่ว่านี้เป็นกล่องโลหะสี่เหลี่ยมขนาดพอๆ กับกระเป๋าถือใบย่อมของสตรี ด้านหน้ามีส่วนที่เป็นแท่งกลมๆ ยื่นยาวออกมา เขารู้เพียงว่าภายในแท่งดังกล่าวนั้นมีกระจกนูนหลายชิ้นเรียงต่อกันเพื่อใช้ถ่ายภาพ มันมีฝาเล็กๆ ปิดไว้ และต้องไม่ลืมเปิดออกเมื่อจะใช้งาน นอกจากนี้ก็มีช่องลำโพง แป้นหมุนตัวเลข กับไมโครโฟนซึ่งใช้งานคล้ายกับโทรศัพท์ทั่วไป ที่ด้านหลังกล่องมีรูขนาดเล็กไว้เสียบก้านหมุนเพื่อไขลาน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ใช้ได้ไม่มีวันหมด ตราบเท่าที่มันถูกไขให้พอเหมาะ ไม่หย่อนหรือตึงจนเกินไป

ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้มันในการถ่ายทอดภาพให้กับทางสถานีโทรทัศน์ ให้สัมภาษณ์ และโทรศัพท์พูดคุยติดต่อกับสโนวที่สำนักงานร้านของเล่นซีเอฟ เพื่อแจ้งข่าวความคืบหน้าของการสำรวจให้กับคุณครอส มันยังคงทำงานได้เป็นอย่างดีจนกระทั่งเมื่อพายุหิมะเริ่มขึ้น

เขาล้วงมือเข้าไปในคอเสื้อทางด้านหน้า พร้อมกับดึงสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายกุญแจซึ่งถูกคล้องไว้รอบคอของเขาด้วยโซ่โลหะเส้นเล็ก เขาเสียบกุญแจเข้าไปในรูด้านหลังกล่องแล้วเริ่มหมุนมันช้าๆ จนกระทั่งรู้สึกถึงความตึงของขดสปริงที่พอเหมาะ เขาเสียบมันทิ้งเอาไว้ มองดูให้แน่ใจว่ามันกำลังหมุนย้อนกลับอย่างช้าๆ ซึ่งแสดงว่าลานยังคงทำงานได้เป็นปกติ ก่อนจะหมุนแป้นหมายเลขที่ต้องการ

มันเงียบสนิท ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาอย่างที่ควรจะเป็น

เขาไม่แน่ใจว่ากล่องสื่อสารมีอะไรเสียหาย หรือเป็นเพราะพายุหิมะ กับความเย็น ที่ทำให้มันไม่ยอมทำงาน เขาไม่คิดที่จะซ่อมมัน หรือแม้แต่พยายามเปิดกล่องโลหะออกด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าไม่มีทางทำได้ นอกจาก เอดิสัน ที่เป็นคนประดิษฐ์มันขึ้นมาแล้ว ในโลกใบนี้คงไม่มีใครอื่นที่จะสามารถซ่อมได้

เขาถอนหายใจ ดึงกุญแจออกเก็บใส่ไว้ในเสื้อเหมือนเดิม แล้วกินอาหารที่เหลือก่อนที่มันจะเย็น เขายังแอบเห็นด้วยว่าเด็กหนุ่มนั่งมองดูทุกสิ่งที่เขาทำอย่างสนใจ

“...ผมขอไปข้างนอกนะครับ” ทศก้มหน้าพูดเบาๆ ตามแบบของเขา พร้อมกับวางจานลง เขากินมันหมดเกลี้ยงได้อย่างรวดเร็ว

“ตามสบายเลย” แจ็คตอบ และไม่พยายามคิดว่าเด็กหนุ่มจะออกไปทำอะไร พวกเขาต้องกินถั่วกับหมูกระป๋องมาแล้วหลายมื้อ ทุกครั้งที่มี ความจำเป็นส่วนตัว เกิดขึ้น พวกเขาจะพยายามออกไปให้ห่างจากที่พัก และอยู่ใต้ลมเสมอ

“คุณแจ็ค” สักครู่หนึ่งเสียงของทศก็ดังมาจากข้างนอกห่างไปไม่ไกล “ออกมาดูอะไรหน่อยสิครับ”

เขาวางหม้อสนามลงก่อนรีบออกไปข้างนอก มีความกังวลเจืออยู่ในเสียงที่เขาได้ยิน

“มีอะไร” เขาถาม เด็กหนุ่มชี้ไปทางแสงไฟของมหานคร เขาพยายามมองแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ

“ลองดูให้ดีอีกครั้ง” ทศว่า เสียงของเขาดังขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น “ผมเคยขึ้นมามองดูเมืองแห่งนั้นทั้งกลางวัน กลางคืน ทั้งหน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว แต่มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”

เขาพยายามเพ่งดูอีกครั้งตามที่ทศบอก “มีหิมะตกอยู่ทั่วบริเวณนี้ แต่ไม่มีเหนือเมืองแห่งนั้น” เขาไม่แน่ใจ “มันเหมือนกับมีบางอย่างครอบเมืองนั้นเอาไว้โดยรอบ” เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้น หรืออาจจะไม่ สำหรับเขาแล้วบอกความแตกต่างได้ยากเหลือเกิน

“...และผมไม่ชอบเลย มันไม่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนมีพลังชั่วร้ายบางอย่างอยู่ที่นั่น”

'อะฮ่า' เขาคิดว่าตนเองพอจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ชนพื้นเมืองแถบนี้มีความเชื่อที่เก่าแก่บางอย่าง และพวกเขามองว่าความเจริญของมหานครนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดกับหลักการแห่งธรรมชาติที่พวกเขาเชื่อ เด็กหนุ่มผู้นี้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของเมืองมาโดยตลอด มองเห็นการเติบโตที่กลืนกินสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว และเขาต้องไม่ชอบสิ่งที่มันทำแน่

นั่นเป็นคำอธิบายที่เขาคิดว่าน่าจะใกล้เคียงที่สุด

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” เขาว่า “รีบกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเริ่มงานกันแต่เช้า”

“แต่...” เสียงของทศเบาลง และเขาก้มหน้าพูดเหมือนเดิมอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนเดินกลับเข้าไปด้านในตามที่ถูกสั่ง

แจ็คมองดูมหานครอีกครั้ง ก่อนจะหลบเข้าไปนอนเช่นกัน

'บางที แค่บางที ฉันเองก็เห็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับขอบโค้งลอยอยู่เหนือแสงไฟของเมืองแห่งนั้นเหมือนกัน' เขาคิดว่ามันอาจเป็นเพียงจินตนาการที่เกิดจากคำพูดของเด็กหนุ่มก็เป็นได้

#####

“ผมจะขับไปส่งที่บ้านพักของคุณนายวิกเซ่นให้” สไตน์ว่า “ถ้านั่นเป็นที่ ที่คุณต้องการไป” เขาพูดต่อเหมือนกับเชื่อว่าทอยอาจมีบางสถานที่ที่อยากไปมากกว่า

“ไปส่งผมอีกที่หนึ่งได้ไหมครับ”

สไตน์แทบไม่ต้องเดาว่าเขาอยากจะไปที่ใด

“คุณไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญให้ใครไม่ใช่หรือ” เขาบอกพร้อมกับขับรถสีเทาคันเล็กที่ขัดแย้งกับรูปร่างอันใหญ่โตของเขาออกไปอย่างช้าๆ ถึงแม้หิมะจะไม่ตกลงมาเพิ่มอีก แต่ส่วนที่ตกลงมาก่อนหน้านั้นก็ทำให้ใช้ความเร็วมากไม่ได้

“...ผมก็แค่อยากแวะไปตรวจดูอะไรบางอย่างเท่านั้น” ทั้งสองต่างรู้ว่าจุดหมายที่ไม่ได้พูดออกมานั้น ก็คือร้านของเล่นซีเอฟนั่นเอง

“ในฐานะทนายความ ผมคงต้องขอให้คุณคิดเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้ง เพราะมันอาจทำให้คุณดูไม่ดีนัก...หากมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณครอสขึ้นมาจริง” เขาพูดอย่างจริงจัง และทอยก็รู้สึกกังวลในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณครอสจริงหรือ” ทอยลองถาม

“ผมไม่รู้...แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น โดยฉพาะในมหานครแห่งนี้”

“เอ่อ คุณก็รู้จักกับครอบครัวของผม คุณคิดว่า...” ทอยไม่แน่ใจว่าตนเองอยากจะถามความเห็นอะไรจากสไตน์กันแน่ เรื่องนี้มันฟังดูบ้าบอเกินไป

“คุณสงสัยว่าอาจจะมีใครจ้างมือสังหารเพื่อมาจัดการกับคุณครอสน่ะหรือ” สไตน์พูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องทั่วไป วันนี้อากาศดีนะ สบายดีไหม อะไรแบบนั้น ทอยอ้าปากค้าง

“มันก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน” คำตอบของสไตน์ทำให้เขาคิดถึงการพบกับปู่อย่างไม่คาดฝันเมื่อตอนสาย 'ปู่แค่แวะมาเจอฉัน หรือว่า' เขาไม่อยากคิดต่อ

ภายในรถมีเพียงความเงียบ ความเงียบที่ชวนอึดอัด

“...แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น” สไตน์พูดพร้อมกับหักเลี้ยวรถไปตามทางโค้ง ทอยแน่ใจว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังร้านของเล่น

“คุณเองน่าจะรู้ดีที่สุด”

'ใช่' ทอยยอมรับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่สอดคล้องกับวิธีการทำงานของพวกเขา คุณครอสไม่จำเป็นต้องหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ

'แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร หากคิดจะฆ่า ซานต้า ครอส บางทีมันคงต้องใช้วิธีการแบบพิเศษ และการหายตัวไปนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่ว่า' การนึกถึงสิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็น 'ฉันไม่ใช่มือสังหารอีกต่อไปแล้ว และ ร่างกายนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป'

สไตน์ต้องจอดรถห่างออกมาจากหน้าร้านพอสมควรเนื่องจากปริมาณของลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย และวันพรุ่งนี้ร้านจะเปิดอีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายได้มีโอกาสหาของขวัญพิเศษสำหรับคนสำคัญของพวกเขา พอถึงช่วงบ่าย เมืองทั้งเมืองก็จะเงียบสงบลงอย่างไม่เคยเป็น เพื่อเตรียมรอรับการมาถึงของมื้อค่ำอันอบอุ่น คืนแห่งของขวัญอันแสนพิเศษ เทศกาลแห่งชีวิต ความสุข และความหวัง

“ผมอาจจะรอไปส่ง ถ้าคุณใช้เวลาจัดการกับธุระไม่นานนัก แต่ผมต้องโทรศัพท์ไปหาใครบางคนเรื่องงานก่อน”

“ขอบคุณ” ทอยตอบพร้อมกับมองไปทางร้านของเล่น แต่ที่จริงเขากำลังมองดูตรอกแคบๆ มืดๆ นั้นต่างหาก “ผมคงใช้เวลาไม่นาน”

“และ...” สไตน์บอกไล่หลังมาเบาๆ “ผมคงไม่ต้องเตือนว่า ให้มีคนพบเห็นคุณน้อยเท่าไรก็ยิ่งดี คุณคงเข้าใจ มันเป็นคำแนะนำในฐานะทนายความ”

ทอยพยักหน้าพร้อมกับเดินห่างออกไป และสไตน์ก็เห็นว่าเสื้อโคทสีดำของเขาไม่ใช่สีดำเหมือนที่เคยเป็น มันเป็นสีเทาที่เปื้อนไปด้วยเงาต่างๆ ของสิ่งที่อยู่รอบๆ กาย ร่างของเขาค่อยๆ กลืนหายไปกับสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว

สไตน์อดตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะได้พบอะไรที่ด้อยไปกว่านี้จากครอบครัวมือสังหารเก่าแก่ และดีใจที่ค่าจ้างของพวกเขานั้นแพงอย่างมหาศาลจนคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจใช้บริการได้โดยง่าย ซึ่งบางทีอาจเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการก็เป็นได้

เขาหันกลับมาสนใจธุระของตน มีตู้โทรศัพท์สาธารณะตั้งอยู่ใกล้ๆ นั้นพอดี เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท หยิบเหรียญเงินแวววาวออกมา เขาหมุนมันด้วยนิ้วอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับเดินตรงไปที่ตู้

'เธอเป็นใครกันแน่ เธอรู้จักฉันดี ดีจนเกินไป ดีจนไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญเธอเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้กันแน่'

เขาผลักประตูแล้วก้าวเข้าไปในตู้ ยกหูโทรศัพท์ หยอดเหรียญ หมุนหมายเลขที่เธอบอกไว้ เขาจำตัวเลขต่างๆ ได้ด้วยการเชื่อมโยงมันเข้ากับภาพบางอย่าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องจด ไม่ต้องมีหลักฐาน และไม่เคยลืม

หญิงสาวผู้มีแววตาลี้ลับที่ตั้งใจรอพบกับเขาในงานเลี้ยงบนชั้นสองของตึกนคราภิวัฒน์ เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะต้องผ่านมาในเวลานั้น เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับอายุของเธอ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะคิดให้มันมากเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็ยังดูน้อยเกินไป และทั้งหมดนั้นมันขัดกันกับรูปร่างภายนอกของเธออย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้

สไตน์ได้ยินเสียงรับสาย เขารีบยืนตรงโดยไม่รู้ตัว

“สวัสดีครับ ผม...” แล้วเสียงของเขาก็ขาดหายไปเพียงแค่นั้น


Create Date : 08 กันยายน 2556
Last Update : 8 กันยายน 2556 11:58:35 น. 1 comments
Counter : 630 Pageviews.

 
สวัสดีค่า ^^
มาลงชื่อก่อนค่ะ
เดี๋ยวดีกๆค่อยไปอ่านที่กระทู้ค่า


โดย: lovereason วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:19:12:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.