ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
ทอย (6)

ห้องโถงใหญ่ชั้นล่างของอาคารนคราภิวัฒน์ไม่ได้วุ่นวายอย่างที่ทอยคิดเอาไว้ มีพนักงานต้อนรับชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อคอยให้คำแนะนำกับผู้ที่เข้ามาติดต่อกิจธุระซึ่งมีอยู่เพียงสองสามคนเท่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่พวกเขามาถึง หรือไม่ก็เพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนนี้ก็เป็นได้

เปลวไฟในเตาผิงขนาดใหญ่ของห้องโถงเกิดจากก๊าซที่ถูกส่งมาตามท่อ ซึ่งมันก็ให้ความอบอุ่นสบาย และแสงสว่างไม่แตกต่างจากไม้ฟืนเท่าไรนัก อาคารทุกหลังในมหานครล้วนต้องมีเตาผิงทั้งสิ้น เพราะมันหมายถึงการมีปล่องไฟ และปล่องไฟคือส่วนสำคัญที่สุดในคืนเทศกาลของขวัญ

แต่ก็ใช่ว่าทุกครอบครัวในมหานครจะมีเงินจ่ายค่าก๊าซ หรือไม้ฟืนเพื่อความอบอุ่นในวันที่เหน็บหนาวได้ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูง ค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นไม่หยุด ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีปัญหา และเมืองใหญ่อย่างมหานครก็ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก

ด้านในสุดของห้องโถงเป็นบันไดโค้งหรูหรานำขึ้นไปสู่ชั้นสอง ตลอดแนวของบันไดนี้มีภาพของบุคคลสำคัญของมหานครประดับไล่เรียงกันขึ้นไป หนึ่งในนั้นย่อมต้องมีภาพของ เอ เฮช ลินคอน ผู้ว่าการของมหานครคนปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้อาจจะกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนชั้นห้าภายใน ห้องทำงานห้าเหลี่ยม ซึ่งเป็นห้องประจำตำแหน่งก็เป็นได้

“ทางนี้ คุณทอย”

โฮมเรียกเขาและพาเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง ไม่รู้ว่าวสันต์ยังคงรออยู่ที่รถ หรือหายตัวไปยังที่ใดแล้ว เขายิ้มให้กับตัวเองที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเหมือนเคย ดูเหมือนเขาจะค่อยๆ กลายเป็นคนธรรมดาได้มากขึ้นทุกที

โฮมนำเขามายังบันไดแคบๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมๆ หนึ่ง ซึ่งหลบเร้นการมองเห็นจากภายในห้องโถงได้อย่างประหลาด มีชายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่พบเห็นได้ทั่วไปนั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวเล็กๆ ที่ข้างบันไดนี้ ตอนแรกเขาทำท่าทางเหมือนกับไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น แต่กลับรีบลุกขึ้น และตรงเข้ามาหาทอยทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้

“ไม่ต้อง” โฮมกล่าวขึ้นลอยๆ ก่อนเดินผ่านชายคนนี้ขึ้นบันไดไป เขามองมาที่ทอยอีกครั้ง ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม และไม่สนใจสิ่งใดอีก ทอยจึงเดินติดตามโฮมขึ้นไป

บันไดนี้คล้ายจะถูกจัดสร้างขึ้นโดยเฉพาะ ประตูที่เปิดเข้าสู่ชั้นสอง สาม ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา บางทีอาจไม่มีใครรู้ว่าประตูเหล่านี้อยู่ตรงตำแหน่งใดในชั้นเหล่านั้นก็เป็นได้ โฮมนำเขาขึ้นไปจนถึงชั้นที่สี่ และมันยังมีบันไดต่อขึ้นไปยังชั้นที่ห้าด้วย แต่ตัวบันไดแคบลงจนต้องเดินแถวเรียงเดี่ยวขึ้นไปเท่านั้น

เขารู้ว่าชั้นที่สี่นี้คือกองบังคับการตำรวจ ส่วนชั้นห้าคือที่ว่าการมหานคร และเขาสงสัยว่าประตูข้างบนนั้นจะเปิดไปสู่ห้องที่คิดอยู่หรือไม่

ทอยมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติ หรือได้ยินอะไรแปลกๆ ทั้งสิ้น แต่เขาคิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองลงมาจากข้างบนนั้น

“มีอะไรหรือเปล่า คุณทอย” โฮมถามขึ้นเบาๆ หลังจากที่หันมาเห็นท่าทีของเขาเข้า

“ไม่มีอะไรครับ” เขาตอบไปตามปกติ

โฮมล้วงเอากระบอกสีดำยาวประมาณท่อนแขนออกมาถือไว้ จ้องหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ “รอตรงนี้สักครู่” ก่อนเดินขึ้นบันไดแคบๆ ไปอย่างระวัง โดยชี้ปากกระบอกของวัตถุนั้นไปตามทิศทางที่สำรวจมองไป

ทอยรู้ดีว่ากระบอกสีดำนั้นคืออะไร มันคืออาวุธที่มีชื่อเรียกว่า ปืน ภายในตัวกระบอกมีกลไกชุดสปริงที่รุนแรงติดตั้งเอาไว้ เมื่อกดไกมันก็จะสามารถยิง ลูกศร มีดสั้น หรือสิ่งอื่นๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ

โฮมใช้เวลาเพียงไม่นานก็รีบกลับลงมา ในมือของเขาว่างเปล่า ปืนกระบอกเมื่อครู่คงถูกเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว โฮมรีบเดินไปเปิดประตูชั้นสี่ ก้าวเข้าไป พร้อมทั้งเปิดมันค้างเอาไว้ เหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น

“เชิญ”

ทอยเหลือบมองขึ้นไปตามบันไดแคบๆ นั้นอีกครั้ง ก่อนติดตามโฮมเข้าไปภายใน

#####

ทอยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ซึ่งไร้พนักพิงภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ข้างหน้าเขาเป็นโต๊ะเก่าๆ กับเก้าอี้อีกตัวซึ่งดูน่าจะนั่งสบายกว่า ภายในห้องค่อนข้างมืดนอกจากแสงไฟสลัวที่ส่องลงมาจากบนเพดาน ผนังด้านหนึ่งของห้องเป็นกระจกเงาบานใหญ่ซึ่งจ้องตรงมายังเขา มันช่างเหมือนกับห้องสอบสวนที่ทุกคนคิดว่าควรจะเป็นเหลือเกิน ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ หรือพวกตำรวจรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องจัดมันออกมาให้เป็นแบบนี้

เขามองไปที่กระจกเงา และสงสัยว่าข้างหลังนั้นจะมีใครกำลังเฝ้าดูเขาอยู่บ้าง มันจะต้องเป็นแบบนั้น กระจกที่มองเห็นได้ทางเดียวเพื่อใช้เฝ้าดูอาการของผู้ต้องสงสัย อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างรู้ว่าห้องสอบสวนจะต้องมี

โฮมเดินเข้ามา ปิดประตู นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าตนเอง โดยพยายามให้เขาเห็นพวกมันได้เพียงบางส่วน เพื่อให้ผู้ต้องสงสัยคิดต่อไปเองว่าตำรวจรู้อะไรมากน้อยเพียงใดแล้ว

“ขอโทษที่ให้รอ” โฮมว่า

“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้ม พยายามไม่ให้มันดูเป็นมิตรมากกว่าเป็นการท้าทาย

“คุณทอย คุณเป็นมือสังหารใช่ไหม” โฮมถามพร้อมกับก้มมองภายในแฟ้ม ซึ่งคงเป็นประวัติเก่าของเขาที่ทางตำรวจมีเก็บเอาไว้ มือสังหารทุกคนจำเป็นต้องกรอกเอกสารเหล่านี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะสามารถเริ่มรับงานได้

“ผม เคย เป็นมือสังหารครับ” เขาแก้ไขคำพูดของโฮมให้ถูกต้อง

“มันเป็นกิจการในครอบครัวใช่ไหม” โฮมถามต่อ และเขาพยักหน้า ครั้งนี้โฮมจ้องตาเขาก่อนถามคำถามถัดไป “ทำไมครับ”

“ทำไม อะไรครับ” เขาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจคำถาม

“ทำไมคุณถึงลาออกจากกิจการในครอบครัวของตัวเอง คุณทอย”

“ขอโทษนะครับ แต่...พ่อของคุณเป็นตำรวจหรือเปล่า” เขาจ้องตาถามกลับไป

โฮมโน้มตัวมาข้างหน้า พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ครอบครัวของผมในแต่ละรุ่นจะต้องมีตำรวจอยู่เสมอ เท่าที่สามารถค้นย้อนกลับไปได้ ถ้านั่นจะเกี่ยวอะไรกับคำตอบของคุณ”

ทอยถอนหายใจ เขาเบื่อกับคำถามแบบนี้เต็มที

“ผมถูกเลี้ยงดูขึ้นมาอย่างมือสังหาร ทุกคนในครอบครัวล้วนเป็นมือสังหาร แต่มันก็ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องชอบ ต้องเป็นอย่างพวกเขา และนั่นคือคำตอบของผม”

“คุณเคยรับงานในฐานะของมือสังหารมาก่อนแล้ว” โฮมก้มมองแฟ้มอีกครั้ง

“ครับ” เขาตอบสั้นๆ มันเป็นความจริง แต่เขาไม่อยากนึก หรือพูดถึงรายละเอียดของพวกมันอีก

“เอาล่ะคุณทอย” โฮมปิดแฟ้ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แต่ไม่ได้ละสายตาไปจากเขา “คุณย่อมรู้ดีว่าการทำงานภายใต้สัญญาจ้างในฐานะของมือสังหารนั้นได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิด นอกจากจะถูกจับกุมได้ในขณะที่กำลังลงมือกระทำการเท่านั้น”

เขาพยักหน้า หากเป้าหมายถูกกำจัดไปแล้ว และมีการสืบพบในภายหลังว่าเป็นการลอบสังหารภายใต้สัญญาจ้างที่ถูกต้อง ตำรวจจะไม่สามารถเอาผิดกับมือสังหาร หรือผู้จ้างวานได้

แน่นอนที่ฝ่ายสูญเสียย่อมต้องไม่พอใจ แต่พวกเขาก็มีวิธีแก้ไขได้ด้วยเงินจำนวนมาก กับมือสังหารฝีมือดีอีกคน

'แล้วแบบนั้นมันจะดีหรือฮะ' ทอยตัวน้อยเคยเอ่ยถามกับปู่แจ็คเมื่อนานมาแล้ว

'มีงานเพิ่ม ก็ต้องดีกว่าไม่มีสิ' ปู่ตอบพร้อมเสียงหัวเราะ แต่ทอยยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

'ใครกันที่มีเงินพอจะจ้างพวกเรา' แม่ที่นั่งฟังเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นถามขึ้นบ้าง 'แล้วเป้าหมายของพวกเหล่านั้นเป็นใคร'

เด็กชายคิดตาม คนพวกนี้คือ ผู้มีอำนาจ ผู้ทรงอิทธิพล นักธุรกิจคนสำคัญ เหล่าบุคคลสีเทาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างผลประโยชน์ของตน กับผลประโยชน์ของคนอื่น คนที่สามารถก่อสงครามส่วนตัว หรือทำให้มันกลายเป็นสงครามของคนส่วนใหญ่ได้ถ้าจำเป็น และเป้าหมายที่พวกนี้ต้องการกำจัดนั้น ก็คือคนแบบเดียวกันนั่นเอง

'พวกเหล่านี้อาจลากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาล้มตายลงเป็นจำนวนมากเพื่อตัวเอง แต่เพราะมีพวกเรา จึงทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น'

'เชอะ' ปู่ทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งสิ่งที่แม่พูดออกมา แม่มองดูหน้าเขา และยังคงเห็นความสงสัยอยู่บนนั้น

'แล้ว...เราจะรู้ได้อย่างไรฮะ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่ถูก'

แม่ต้องหันไปค้อนปู่ที่พยายามจะกลั้นหัวเราะเอาไว้แต่ไม่สำเร็จ

'ไม่มีฝ่ายถูก หรือฝ่ายผิด' แม่ว่า เขายิ่งไม่เข้าใจ และปู่ก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้น 'พวกเราเป็นมือสังหาร เราไม่ฆ่าเพราะว่าถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว ชอบหรือไม่ชอบ เราไม่ทำแบบนั้น'

'ลองคิดแบบนี้สิ คนที่คิดใช้พวกเราจัดการกับเป้าหมายที่ต้องการเพียงคนเดียว ก็คงดีกว่าคนที่คิดจะฆ่าให้หมดทุกคนเพื่อให้บรรลุความต้องการของตนเอง' ปู่ว่า

ถึงแม้วันเวลาที่ผ่านมาจะทำให้ทอยคิดว่าตนเองเข้าใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยแน่ใจว่า ที่ตนเองคิดนั้นมันจะถูกหรือไม่

'มันไม่มีถูกหรือผิด' ถ้าปู่แจ็ครู้ก็คงต้องบอกแบบนี้

“ดังนั้นเรื่องในวันนี้คงไม่เกี่ยวกับงานในอดีตของผม” ทอยสรุป

“ใช่” โฮมว่า และรอคอยด้วยใบหน้าเรียบเฉย ซึ่งเป็นวิธีการสอบปากคำในแบบที่เขาถนัด ทำให้ผู้ต้องสงสัยไม่มั่นใจว่าเขารู้อะไร หรือไม่รู้อะไรบ้าง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาเอง

“ผมว่าเขาไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” หนึ่งในสองของผู้ที่อยู่ในห้องด้านหลังกระจกเงาเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยไม่ยอมละสายตาจากห้องสอบสวน เขาผู้นี้สวมใส่ชุดสูทสีฟ้าเรียบหรู

“เราไม่มีทางแน่ใจได้หรอกครับ” นั่นเป็นเสียงของชายอีกคน เขาตัวสูงโย่ง แถมยังสวมหมวกทรงสูงสีดำ กับเสื้อโคทยาวสีเข้ม ดวงตาทั้งคู่แข็งกร้าวไม่ยอมใคร ใบหน้าของเขาเป็นที่คุ้นเคยของทุกคน เพราะเขาคือ เอ เฮช ลินคอน ผู้ว่าการมหานครคนปัจจุบันนั่นเอง

“เสียเวลาเปล่า” ชายคนแรกพึมพำ และเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

“คุณรู้ใช่ไหม ว่าผมเชิญคุณมาด้วยเรื่องอะไร” โฮมเป็นฝ่ายหมดความอดทนลงก่อน

“ผมไม่รู้” ทอยส่ายหน้า “แต่ผมพอจะเดาได้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณครอสใช่ไหมครับ” โฮมซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ 'มาแล้ว มาแล้ว' “...หรืออาจจะเป็นคุณฟรอส ไม่ก็คุณสโนว เพราะผมพึ่งไปพบกับพวกเขามา อ้อ หรือว่าจะเป็นคุณยายที่ร้านบ้านลูกกวาด”

รอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ของโฮมหล่นหายไปทันที

“เฉพาะคุณครอสเท่านั้น” โฮมอยากจะยกมือขึ้นตบปากตัวเอง แต่ก็หยุดปากพูดออกไปแล้ว

“เป็นคุณครอสจริงๆ หรือ” คิ้วของทอยขมวดเข้าหากัน “เขาเป็นคนสุดท้ายที่ผมคิดว่าจะมีใครทำร้ายได้ลง” ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ความจริงเขาก็คิดว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับคุณครอสมาตั้งแต่แรกแล้ว

“คุณครอสถูกทำร้ายอย่างนั้นหรือ” โฮมจ้องตาถามเขากลับมา

“เอ่อ ผมเดาเอา” ทอยเป็นฝ่ายที่ต้องอึกอักบ้าง แต่เขานึกไม่ออกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณครอสได้อีก หรือไม่ก็ไม่กล้านึกถึงอะไรที่ร้ายแรงไปกว่านี้

'คุณครอสถูกฆาตกรรมอย่างนั้นหรือ' มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เขาเป็นหนึ่งในคนเก่าแก่ และไม่เหมือนกับผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า โทรล หรือคนอื่นๆ เขาไม่มีจุดอ่อน ไม่มีใครเคยบอกให้ตอกหมุดไม้ลงบนหัวใจของเขา แทงด้วยอาวุธที่ทำด้วยเงิน หรือหลอกให้ถูกแสงอาทิตย์ ไม่มีใครสามารถฆ่า ซานต้า ครอส ได้

'มันควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ' เขาเริ่มปั่นป่วน และยังมีสายตาของโฮมที่จ้องอยู่ สายตาที่บอกว่าต้องการคำอธิบายบางอย่าง

“เอ่อ...ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้คุยกับคุณครอสเมื่อเช้านี้ในห้องทำงานของเขา และดูเหมือนเขาจะไม่รับผมเข้าทำงาน...”

'เดี๋ยวสิ มันไม่ใช่แบบนี้' ทอยรู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว

“คุณครอสไม่รับคุณเข้าทำงาน แล้ว คุณโกรธเขามากไหมในเรื่องนี้” โฮมถาม และมันยิ่งทำให้ทอยรู้สึกอึดอัด

ประตูห้องสอบสวนที่ไม่ควรมีใครเข้ามาถูกผลักเปิดออก

“เข้าไปไม่ได้นะคะ” นั่นเป็นเสียงหวานๆ ของคุณวสันต์

เงาที่ยืนอยู่ตรงช่องประตูเป็นชายร่างใหญ่ในชุดสูทแบบนักธุรกิจ ที่ข้างลำคอของเขามีเงาคล้ายตะปูเกลียวขนาดใหญ่สองตัวขันติดอยู่ แต่เมื่อมองดูให้ดีแล้ว มันเป็นต่างหูรูปตะปูเกลียวขนาดใหญ่ที่เหล่าวัยรุ่นตามท้องถนนเคยให้ความนิยมในยุคสมัยหนึ่งต่างหาก

“กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้” โฮมบอก

“ขอโทษค่ะ สารวัตร” วสันต์พยายามจะดึงตัวชายคนนี้ แต่ไม่เป็นผล เขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

“ผมจะออกไปก็ต่อเมื่อลูกความของผมได้ออกไปด้วย” เจ้าของใบหน้าสี่เหลี่ยมนั้นตอบพร้อมรอยยิ้ม ที่ทำให้รอยแผลเป็นรูปตะขาบขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้คางของเขาดิ้นไปมา

“ผมชื่อสไตน์ ผมเป็นทนายความ”


Create Date : 10 สิงหาคม 2556
Last Update : 10 สิงหาคม 2556 20:51:57 น. 0 comments
Counter : 519 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.