ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (46)

เกรทเป็นเด็กฉลาด และก็เป็นอย่างที่เฒ่าเฮฟว่า เด็กๆ มักไม่เป็นที่สนใจ ไม่ถูกสงสัย แม้แต่ในตอนที่สโนวกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหาในห้องขังก่อนที่จะต้องออกไปทำงานหาข่าวของพวกโจรสี่สิบตามที่ได้รับมอบหมาย สโนวยื่นส่งถุงใส่ผงสีเขียวที่พกติดตัวไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งไม่อาจบอกใคร เพื่อขอให้เด็กน้อยช่วยทำบางสิ่ง

“มันทำมาจากส่วนต่างๆ ของพืชหลายชนิด ให้ผสมน้ำลงไปเล็กน้อยก่อนเอาไปพอกไว้บนผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก ทิ้งไว้ครู่ใหญ่ ล้างออกให้หมด แล้วหาทางส่งให้พวกโจรกินให้ได้”

ดวงตาแวววาวของเด็กน้อยเบิกโพลง เมื่อคาดเดาออกว่าสโนวต้องการให้เธอทำอะไร

“จะให้หนู...วางยาพิษพวกเขาหรือจ้ะ” เสียงของเธอสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

“ไม่ใช่” สโนวรีบตอบ เธอไม่ได้เป็นคนโหดร้ายที่จะใช้เด็กให้ไปทำเรื่องแบบนี้ 'ใช่ เธออาจจะยังไม่ โหด ถึงขนาดนั้น' เสียงประชดประชันของคนแคระขาประจำดังขึ้นภายในหัว แต่เธอทำเป็นไม่สนใจ “แค่ทำให้หมดสติเท่านั้น และจะไม่เกิดผลในทันที ไม่จนกว่าพวกโจรจะได้กินส่วนผสมอีกอย่างในถุงนี้เสียก่อน” มันเป็นถุงอีกใบ แต่ผงภายในนั้นเป็นสีขาว

“หากพวกมันเป็นกองโจรที่ร้ายกาจจริง ก็จะต้องมีความระมัดระวังเรื่องการถูกวางยาเป็นพิเศษ แต่ที่เธอต้องทำก็แค่เอาผลไม้ที่ฉาบยาเรียบร้อยแล้วติดตัวไปด้วย อ้างว่ากำลังจะเอาไปให้ใครก็ได้ พวกมันจะต้องคิดว่าผลไม้แบบนี้ปลอดภัย และถึงแม้พวกมันจะมีการใช้สัตว์ให้ทดลองชิมดูก่อน ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกมันจะต้องหลงกลแน่”

ยกเว้นแต่แมลงตัวเล็กๆ เท่านั้น ที่อาจจะทำให้เกิดอาการชาขึ้นได้ในทันทีด้วยส่วนผสมของผงสีเขียวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ส่วนผงสีขาวถุงนี้ ให้เอาไปผสมลงในเครื่องดื่มที่ชาวบ้านทุกคนดื่มกินกันในงานฉลอง พวกมันก็จะร่วมดื่มด้วยโดยไม่สงสัย”

เกรทยิ่งทำตาโตขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่ชาวบ้านทุกคนจะต้องดื่มส่วนผสมลึกลับนี้ลงไปด้วย

สโนวชูถุงสีเขียวขึ้น “นี่อย่างเดียวจะไม่เป็นอันตราย” ก่อนชูถุงสีขาว “นี่อย่างเดียวก็ไม่เป็นอันตรายเหมือนกัน” เธอรวบทั้งสองถุงเข้าหากัน “แต่เมื่อรวมกันเข้าภายในระยะเวลาห่างกันไม่เกินครึ่งวัน พวกมันจะทำให้ตัวชา สมองหมุน จนหมดสติไปในที่สุด รับรองว่าไม่ถึงตายแน่นอน” เธอจ้องตาเด็กน้อย “ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง”

“...แอปเปิ้ล” เกรทพึมพำออกมาเบาๆ และใบหน้าของสโนวหลังจากที่ได้ยินคำๆ นี้ก็ยิ่งทำให้เธอตกใจจนเกือบจะพูดต่อไม่ถูก “...หนู หนูหมายถึง...ผลไม้ที่หนูจะใช้ จำได้ว่าที่บ้านมีแอปเปิ้ลอยู่พอดี”

สโนวได้แต่เจ็บปวดไปกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมกับคำคำนี้ 'แอปเปิ้ล' ซึ่งเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเหตุการณ์เลวร้ายครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอ 'หมดสติ แต่ยังไม่ตาย' และมันก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ภายในห้วงความคิด ที่ถึงแม้บางรายละเอียดจะจืดจางลงไปตามกาลเวลา แต่บางสิ่งกลับยิ่งคมชัดบาดลึกขึ้นกว่าเดิม 'แต่ยังไม่ตาย' จนเธอรู้สึกมั่นใจว่าถึงแม้รายละเอียดของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจะสามารถถูกลบหายไปจากความทรงจำ แต่ความเจ็บปวดก็จะยังคงติดอยู่กับตัวเธอไปจนตลอดกาล

ในโลกนี้มีผลไม้อยู่ตั้งมากมายหลายชนิด ทำไมจะต้องเป็นผลไม้ชนิดนี้ ทำไมจะต้องเป็น แอปเปิ้ล ด้วย มันคงไม่มีคำตอบ หรือถ้ามีอย่างเช่นว่า เป็นเพราะเหตุบังเอิญ อะไรแบบนั้น ก็คงไม่ทำให้เธอรู้สึกพอใจขึ้นมาได้

“ได้ไหมจ้ะ ใช้แอปเปิ้ลดีไหม” เกรทเอ่ยถามเสียงเบาจนแทบจะเป็นการกระซิบ

“...ได้สิ” สโนวหลุดออกมาจากวังวนของความคิดความหลังของตน “แอปเปิ้ลใช้ได้แน่ ฉันรับประกันได้เลย” 'รับประกันด้วยตัวเธอเองเลยทีเดียว' เสียงคนแคระเสียงหนึ่งดังขึ้น 'เงียบ' นั่นเป็นเสียงตวาดของเธอเอง

“ไป รีบไปได้แล้ว” สโนวบอก ก่อนจะย้ำกับเกรทเป็นครั้งสุดท้าย “ทำตามที่ฉันบอก แล้วทุกอย่างจะดีเอง” หนึ่งในคนแคระว่า 'แล้วเธอล่ะทำตามที่ใครบอก แล้วใครจะรับประกันว่าทุกอย่างจะดีจริง'

สโนวกับคนแคระทั้งเจ็ดของเธอนั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องขังที่ขังได้เฉพาะคนที่ไม่คิดจะก้าวออกไป จนกระทั่งคนอื่นๆ จากไปจนหมด เธอจึงออกมาข้างนอก และได้พบเจอกับแอปเปิ้ลหนึ่งลูกซึ่งเกรทแอบวางทิ้งไว้เพื่อเป็นเครื่องหมาย และเธอรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เธอหยิบมันขึ้นกัด เหมือนในวันนั้น แต่ไม่คิดจะดื่มอะไรก็ตามที่ เขา ยื่นส่งให้อีกแล้ว เธอลิ้มรสของความเจ็บช้ำที่ฉาบเคลือบอยู่บนผิวสีแดงสดอันงดงามพร้อมกับหลับตาลง 'เกรท เธอทำมันได้ดี' และโดยไม่คาดคิด เธอได้เอ่ยขอบางสิ่งกับคนแคระทั้งเจ็ดที่เบียดเสียดกันอยู่ภายในหัวของเธอ เหล่าผู้ที่พูดคุย ถกเถียง ถากถาง ค่อนแคะ และในบางครั้งก็อาจจะให้คำแนะนำที่ทั้งดี หรือร้ายกับเธออีกด้วย

เธอได้ขอในสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน 'ขอให้ฉันได้เห็นใบหน้าของพวกเธอทุกคนสักครั้งจะได้ไหม' ใบหน้าเล็กๆ ทั้งเจ็ดนั้น เป็นเหมือนกับคำตอบเล็กๆ สำหรับตัวเธอ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นคำตอบเช่นกัน

'โอเพเน เซซามี'

สโนวไม่รู้เหมือนกันว่าคำประหลาดที่เหมือนกับบทสวดพวกนี้หลุดออกมาจากความทรงจำส่วนใด ไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงต้องทำตัวเองให้ดูลึกลับเหมือนแม่มดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ต้องพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่ แต่เธอคิดว่ามันจำเป็น เธออาจออกมาบอกกับทุกคนไปตามความจริงว่าพวกโจรโดนยาที่ทำให้ตัวชาของเธอก็ได้ แต่เธอก็เลือกที่จะทำแบบนั้นแทน ด้วยเหตุผลที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจในตอนแรก

ในส่วนลึก ลึกลงไปภายใต้ความมั่นใจทั้งหมด เธออาจกลัวว่าแผนของเธอจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ดังนั้นระหว่างการถูกมองว่าเป็นจอมวางแผน กับผู้ที่มีพลังลึกลับ ตัวเลือกข้อหลังอาจช่วยคุ้มครองชีวิตเธอได้มากกว่า

พวกโจรต่างค่อยๆ ทยอยล้มลงไปทีละคนตามคาด ยกเว้นเพียงคนสุดท้ายแต่สำคัญที่สุด จอมโจรอาลีบาบา 'เขาอาจไม่ได้กินแอปเปิ้ล เขาอาจไม่ได้ดื่มเครื่องดื่ม เขาอาจไม่ชอบพวกมันอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ก็ทั้งสองอย่าง หรือบางทียาของเธออาจไม่มีผลกับร่างกายของเขา' ดูเหมือนจะมีข้อสงสัยได้อย่างมากมาย แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่เธอต้องถามอย่างแท้จริง

เธอไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตั้งแต่แรก เธอเพียงแค่ต้องการออกไปให้พ้นจากความฝันวุ่นวายนี้ ไปตามหาตัวคุณครอสให้พบโดยเร็ว แล้วจบเรื่องทั้งหมด เรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย

'ทำไมต้องเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ขึ้นด้วย' นี่ต่างหากจึงเป็นคำถามที่เธอต้องการถามมากที่สุด และส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่ต้องพบเจอกับสิ่งเลวร้ายในชีวิตที่ร้ายแรงจนเกินกว่าที่จะทำใจให้ยอมรับได้ ทำไมต้องเกิดขึ้น ทำไมต้องเป็นฉัน มันเป็นแบบนั้นเสมอ

คำถามที่คนแคระทั้งเจ็ดไม่อาจให้คำตอบกับเธอ เพราะเธอได้เห็นใบหน้าเล็กๆ ทั้งเจ็ดนั้นมาแล้ว และทั้งหมดนั้นเป็นใบหน้าแบบเดียวกัน คือใบหน้าของตัวเธอนั่นเอง คนแคระทั้งเจ็ด ที่เธอได้ยินเสียงอยู่ภายในห้วงความคิด ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเธอ มีใบหน้าที่แท้จริงเป็นตัวเธอเองทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงไม่อาจให้คำตอบในสิ่งที่เธอไม่รู้ และสิ่งที่ทั้งหมดพูดออกมานั้น ไม่ว่าเธอจะชอบ หรือไม่ก็ตาม แต่พวกมันก็คือเสียง คือความคิดของตัวเธอที่มีต่อตนเอง และสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวนั่นเอง

โศกาคิดได้บันทึกเอาไว้ในตอนต้นของหนังสือที่เขียนขึ้นด้วยลายมือเล่มนั้นว่า

'ข้าพเจ้าใฝ่หาคำตอบในทุกสิ่ง โดยเฉพาะในสิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ด้วยคำตอบเรียบง่ายที่ไม่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกพึงพอใจ คำถามอย่างเช่น สิ่งที่มนุษย์แต่ละคนจะต้องเผชิญพบในชีวิต ในช่วงชีวิต ในแต่ละปี แต่ละวัน แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที แต่ละวินาที ในทุกทุกเสี้ยววินาทีนั้นถูกกำหนดขึ้นจากสิ่งใด

เทพเจ้า โชคชะตา หรืออะไรทำนองนั้นเป็นคำตอบที่ช่วยทำให้หลายคนสงบใจลงได้ หากจะบอกว่ามันเป็นไปด้วยเหตุและผล ความเลวร้ายที่หลายคนต้องเผชิญพบในชีวิตก็ยากที่จะเข้าใจได้ว่าเขาหรือเธอได้เคยก่อเหตุอันใดไว้ จึงทำให้ต้องได้รับผลที่เลวร้ายถึงเพียงนั้น และหากจะเชื่อว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากการสุ่มค่าของแต่ละเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องแล้ว การใช้ชีวิตก็ดูจะมีคุณค่าความหมายลดน้อยลงไปกว่าเดิม

บางทีอาจเป็นความผิดของข้าพเจ้าเอง ที่ไม่สามารถยอมรับในคำตอบที่มีอยู่แล้วเหล่านั้นได้'

สโนวเชื่อว่าตนเองคิดเรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ในชั่วขณะที่ดาบของอาลีกำลังฟันลงมา แต่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเลยที่เธอจะคิดเรื่องยืดยาวทั้งหมดนี้ภายในชั่วเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายได้ทัน แต่มันก็เกิดขึ้นเช่นนั้น มันอาจเป็นความคิดที่สั้นกว่ามากมาก ที่หุ้มห่อความคิดทั้งหมดนี้เอาไว้ภายในอีกที ไม่ต่างจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นในชั่ววูบ ที่หากคิดจะอธิบายก็จำเป็นที่จะต้องขยายมันออกมาเสียก่อน

จอมโจรอาลีเชื่อมั่นในดาบของตนเสมอมา ตราบใดที่ยังคงมีดาบอยู่ในมือ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะสามารถฟาดฟันมันออกไปจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น เหมือนกับในตอนนี้ เมื่อพวกพ้องทั้งหมดล้มลงไปแล้ว และเหลือเขาเพียงลำพัง แต่ตราบใดที่เขายังคงยืนหยัดอยู่ได้ เขาก็พร้อมที่จะผลักดันทุกสิ่ง แม้แต่โลกทั้งใบนี้

“หลบ” เฒ่าเฮฟร้องลั่นพร้อมกับเริ่มออกวิ่งลากขา แต่มันก็ช้าเกินไป ร่างของสโนวกระเด็นล้มลงไปแล้ว ดอกไม้โลหิตสีแดงฉานผลิบานกระจายไปในสายลม แต่พวกมันกลับไม่ได้ไหลหลั่งออกมาจากร่างของเธอ

“วูฟ” สโนวส่งเสียงกรีดลั่น ผสานเข้ากับเสียงครวญครางราวกับเสียงหอนที่โหยหวนจากปากของคุณนายวิกเซ่น นางพยายามผลักร่างของสโนวออกไปให้พ้นจากวิถีดาบ แต่แม้แต่ความรวดเร็วของนางก็ยังคงนับว่าช้าไปครึ่งก้าว นางผลักร่างของเพื่อนออกไปได้ทัน แต่ก็กลายเป็นการเอาร่างของตนเข้ามารับดาบนี้ไว้แทน

บาดแผลยาวที่พาดอยู่กลางหลังของนางนั้นนับว่าสาหัสไม่น้อย ถึงแม้ว่ามนุษย์หมาป่าจะมีพลังชีวิตที่เข้มแข็งมากเพียงใดก็ตาม แต่มันก็ยังมีขีดจำกัด สโนวรีบหยิบผ้าคลุมของตนขึ้นมา ก่อนพลิกด้านแล้วใช้มันกดห้ามเลือดให้กับนางโดยไม่ได้สนใจกับความปลอดภัยของตนเอง

ดาบในมือของอาลีนั้นเคลื่อนมาพาดอยู่ที่บ่าจ่อเข้ากับลำคอของสโนว “จงรีบถอนมนต์ตราของเจ้า นังแม่มด ข้าเห็นแล้วว่าพวกมันยังไม่ตาย ยังคงนอนหายใจกันอยู่” อาลีพูดช้าๆ “และบอกพรรคพวกของเจ้าทุกคนด้วยว่าห้ามเคลื่อนไหว...” เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา อาลีพลันรู้ตัวว่ามีสิ่งหนึ่งได้หายไปจากลานกว้างแห่งนี้นับตั้งแต่ที่ความวุ่นวายทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น

#####

เสียงร้องประสานสูงต่ำดังสลับไปมาสะท้อนก้องไปตามซอกตึกต่างๆ ที่ตั้งอยู่โดยรอบ ร่วมกันกับการแสดงดนตรีสดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่ายจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ไฟแสงสว่างที่จัดเตรียมไว้ถูกเปิด ลานและถนนโดยรอบอาคารนคราภิวัฒน์ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลคืนกลางฤดูหนาว หรือคืนแห่งของขวัญไปเรียบร้อยแล้ว

คณะนักร้องประสานเสียงกับงานฉลอง คืออาวุธลับของผู้ว่าลินคอนที่เตรียมไว้ใช้รับมือกับฝูงชนเหล่านี้ สลับกับการขึ้นพูดของตัวเขาเองเพื่อให้ทุกคนได้รู้สึกผ่อนคลาย เพลงที่นำมาร้องนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพลงเก่าที่ไม่ได้ฟังมาเนิ่นนาน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี เนื้อหานั้นบอกเล่าถึงงานเทศกาล ความสุข ความเศร้า ชีวิต และความหวัง

ลินคอนกลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายไปกับเหตุการณ์ กับบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นมาเหล่านี้แต่อย่างใด ยิ่งดึก ยิ่งไม่มีข่าวที่เฝ้ารออยู่ เขาก็ยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเวลานั้นได้พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไหลไปดุจดั่งเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก กวาดเอาทุกสิ่งไปพร้อมกับมัน

“โอ้ ท่านผู้ว่าคะ” เสียงที่สั่นเครือจากการใช้ชีวิตมาอย่างเนิ่นนานดังทักทายขึ้นท่ามกลางเสียงของความวุ่นวาย และมันสดใส รับฟังได้ชัดเจนอย่างน่าแปลกใจ

“ครับ...คุณผู้หญิง มีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ” เขามองดูหญิงสูงอายุร่างเล็กที่แต่งกายดูดี มีไม้เท้าที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาดอยู่ในมือขวา เขาพยายามใช้ความคิดอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่อาจนึกออกว่านางเป็นใครในหมู่คนที่เขาควรรู้จัก

“คืนนี้นับเป็นคืนที่แปลกประหลาดคืนหนึ่งในชีวิตของฉันเลยทีเดียว” นางว่า และเขาเห็นด้วยอย่างที่สุด “ฉันไม่ได้เห็นผู้คนออกมาร่วมฉลองกันเป็นจำนวนมากแบบนี้มานานแล้ว นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่มหานครยังคงไม่กว้างใหญ่และแออัดถึงขนาดนี้ ฉันยังจำได้ว่ามันจะต้องมีกองไฟขนาดใหญ่ด้วย” เขาเริ่มไม่แน่ใจว่านางกำลังพูดถึงช่วงเวลาใดกันแน่ ที่ยังคงมีการให้จุดกองไฟอะไรแบบนั้นภายในเมือง

“ว่าแต่จะมีการเต้นรำด้วยไหมคะ ท่านผู้ว่า” นางถาม และเขาไม่รู้ว่านางกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นางคงเห็นจากสีหน้าของเขาจึงรีบยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวที่คงจะไม่ใช่ฟันชุดที่หนึ่ง หรือสองของนาง ก่อนที่จะเริ่มฮัมท่วงทำนองเพลงที่ฟังดูเก่าแก่พร้อมทั้งขยับร่างกายส่ายไหวไปมาโดยเริ่มจากช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เร็วขึ้น เร็วขึ้น แล้วนางก็ปล่อยมือออกจากไม้เท้า โดยที่มันยังคงตั้งอยู่ ไม่ได้เกิดจากมนต์วิเศษ แต่เป็นเพราะมันมีสามขาตรงส่วนปลายสำหรับใช้วางตั้งอยู่แล้ว

แต่มนต์วิเศษนั้นอยู่ในการเคลื่อนไหว อยู่ในจังหวะของนาง

ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา หรือยืนอยู่รอบๆ เริ่มหันมามองดูการเต้นรำของนางอย่างสนใจ มีหลายคนที่เริ่มทดลองขยับตัวตามนาง ก่อนที่มันจะค่อยๆ แพร่กระจายออกไป เหมือนหยดน้ำเล็กๆ ที่สร้างวงคลื่นให้แผ่กระจายออกไปอย่างช้าๆ แม้แต่ลินคอนเองก็ยังรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง

“โอย ฉันไม่ไหวแล้ว” นางหยุดยืนหอบหายใจ คว้าไม้เท้าเอาไว้แน่น จนลินคอนทำท่าจะเข้าไปช่วยประคอง แต่นางกลับโบกมือไล่ “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” นางสูดลมหายใจเข้าออกสองสามครั้งก่อนจะยิ้มกว้าง “ฉันทำอะไรน่าอายออกไปกันนี่”

“ไม่หรอกครับ คุณผู้หญิง” เขาทำท่าชี้ชวนให้เธอมองดูไปรอบๆ นักดนตรีที่หยุดบรรเลงกันไปชั่วครู่รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง สมาชิกที่สูงวัยที่สุดหันไปพยักหน้าให้กับคนอื่นๆ ก่อนเริ่มบรรเลงนำ คนที่เหลือต่างจับจังหวะก่อนบรรเลงตาม มันเป็นท่วงทำนองที่เก่าแก่ บทเพลงที่เก่าแก่ สมาชิกของวงนักร้องประสานเสียงที่หยุดพักไปต่างค่อยๆ กลับมายืนประจำในตำแหน่งของตนอีกครั้ง เสียงประสานค่อยๆ ดังขึ้น มันราวกับดังมาจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ช่วงที่ยังคงมีการก่อกองไฟขึ้นกลางลานกว้าง ช่วงเวลาที่มหานครอาจยังไม่เคยได้ถือกำเนิดขึ้น

ผู้คนต่างเริ่มขยับร่างกายไปมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก คนชรา มองดูราวกับเป็นสายน้ำที่กระเพื่อมไหว “เมื่อครู่คุณผู้หญิงถามผมว่าจะมีการเต้นรำด้วยหรือไม่” เขายิ้ม “ผมเองก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่าผู้คนเหล่านี้คงตอบคำถามนั้น...แล้ว” เขาเงียบไปเมื่อพบว่าตรงตำแหน่งที่หญิงชราคนเมื่อครู่ยืนอยู่นั้นว่างเปล่า ราวกับนางสามารถหายตัวไปในท่ามกลางฝูงชนที่รายล้อมอยู่โดยรอบ มือของเขาขยับไปที่ขวานข้างเอวซึ่งไม่มีอยู่โดยไม่รู้ตัว

เวลาเที่ยงคืนนั้นขยับใกล้เข้ามาทุกขณะ อย่างรวดเร็ว


Create Date : 19 กรกฎาคม 2557
Last Update : 19 กรกฎาคม 2557 23:30:59 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.