|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทอย (49)
ชั่วขณะหนึ่งแห่งการหยุดนิ่งของเหตุการณ์ภายในลานกว้าง เกรทที่ซ่อนตัวอยู่กับพี่ชาย กำลังเกิดความรู้สึกสับสนกับการตัดสินใจเรื่องผีดูดเลือดเพื่อนใหม่ของตนที่ได้ทำลงไปเมื่อครู่ หลังจากที่ความแน่วแน่ ความเชื่อมั่นอันทรงพลังนั้นได้จางหายไปจนหมด ราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก็เหลือทิ้งไว้เพียงความลังเล ความไม่แน่นอนที่จะติดค้างอยู่ภายในใจไปตราบนานเท่านาน จนกว่าเธอจะได้เรียนรู้ถึงวิธีจัดการกับมัน หรือไม่ก็เลิกคิดถึงมันไป
แต่แล้วเธอก็พลันนึกถึงเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้อง 'แกนของแอปเปิ้ลที่ถูกกินไปมีอยู่สิบเอ็ดชิ้น' ซึ่งตัวเลขที่ว่ากลับมีความหมายบางอย่างขึ้นมา
'พวกโจรมีทั้งหมดสิบสามคน' เธอทำการลบเลขอย่างรวดเร็ว ต้องมีอยู่สองคนที่ไม่ได้กินแอปเปิ้ล คนหนึ่งย่อมเป็นตัวจอมโจรอาลีเอง แต่อีกคนนั้นเป็นผู้ใดกัน โจรที่เคยนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆ กับร่างของคุณนายวิกเซ่นพลันผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับได้ยินคำถามจากภายในใจของเกรท ดาบสีดำสนิทในมือนั้นฟาดฟันเข้าใส่ทอยอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วทอยสมควรถอยหลบออกมาให้พ้นจากรัศมีของดาบนี้แล้วจึงค่อยลงมือตอบโต้ แต่น่าเสียดายที่ด้านหลังของเขาคือสโนว กับคุณนายวิกเซ่น เขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันยกเคียวเก่าๆ ในมือด้ามนั้นขึ้นต้านรับเอาไว้ทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่ง ซึ่งทำให้ไม่อาจใช้การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในชั่วขณะของมือสังหารที่จะทำให้เขาได้เปรียบออกมา
โจรผู้นั้นจึงใช้แรงผ่านทางดาบกดร่างของทอยเอาเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว
ไม่ว่าเจ้าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม รีบยอมแพ้ต่อหัวหน้าแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นจะต้องตายเป็นคนแรก โจรผู้นี้นับว่าประเมินความสัมพันธ์ของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่พูดก็ไม่ยอมละความสนใจไปจากร่างของทอยเลย เมื่อเป็นเช่นนี้จอมโจรอาลีจึงค่อยๆ ขยับเข้ามาหาพรรคพวกของตน ในขณะที่กู๊ดแมนก็จำเป็นต้องยอมถอยห่างออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทีอ่อนล้าของมนุษย์หมาป่าที่เคยพยายามปกปิดเอาไว้นั้นค่อยๆ เปิดเผยออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นบ้างแล้ว
เยี่ยมมาก จอห์น เจ้าแกล้งทำเป็นต้องมนต์นอนหลับได้เยี่ยมมาก มันฟังดูเหมือนจะเป็นคำชื่นชม แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกในทางตรงข้ามกับผู้ที่ถูกกล่าวถึงได้เช่นกัน
เจ้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปใช่ไหม อาลีคล้ายถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ จอห์นซึ่งได้ติดตามหัวหน้าโจรผู้นี้มาจนนานพอที่จะรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้หัวหน้าจะเลือกเดินในหนทางใด 'หากไม่อยากตาย ก็ต้องฆ่าให้ได้มากที่สุด ฆ่าจนกว่าพวกที่เหลือจะยอมแพ้หนีไปเอง'
จอห์นพยักหน้าช้าๆ
ดี... อาลีพุ่งความสนใจทั้งหมดกลับไปที่อสุรกายอีกครั้ง ตอนนี้เขาดูออกแล้วว่าร่างกายของมันได้ถูกใช้งานจนเกินขีดจำกัดไปแล้ว รออีกเพียงไม่นานมันก็ต้องล้มลงไปเอง แต่เขาย่อมไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้น การสังหารอสุรกายจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับอาลีบาบาหัวหน้ากองโจรสี่สิบ พร้อมกับเรื่องราวของการกวาดล้างหมู่บ้านแห่งนี้จนราบ ความหวาดกลัวของผู้คนนับเป็นอาวุธชิ้นสำคัญของเขา
'และอาจดียิ่งกว่า ถ้าในตำนานนั้นจะเล่าขานกันไปว่าเป็นฝีมือของข้าเพียงลำพัง' ซึ่งเขาคิดว่าคงทำให้เป็นแบบนั้นได้ไม่ยากนัก
จอมโจรอาลีนั้นเคยเป็นเพียงโจร เป็นขโมย เป็นคนผู้หนึ่ง และไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น เขาเคยไร้ตัวตน จนกระทั่งได้ค้นพบเส้นทางซึ่งไม่มีสิ่งใดนอกจากตัวของเขา หนทาง สิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า กับดาบในมือที่เขาต้องทุ่มเทชีวิตทั้งหมดลงไปเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาอาจหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดในค่ำคืนนี้ แต่เขามีเพียงดาบที่จะใช้สำหรับตอบสนอง โดยไม่พะวงสนใจในพวกพ้อง บางทีอาจไม่สนใจแม้แต่ตัวเองก็เป็นได้
บางคนอาจแสวงหาเป้าหมายบางอย่างให้ชีวิต บางคนอาจต้องการแค่บางสิ่งเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป และคนส่วนใหญ่คิดว่าตนเองมีเป้าหมาย แต่กลับใช้ชีวิตเลื่อนลอยได้อย่างเป็นปกติสุข
จอมโจรอาลีพลันรู้สึกถึงอันตราย เขาสัมผัสได้ถึงสายลมแหลมคมที่กำลังพุ่งมาจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เฉียบขาด เต็มไปด้วยพลัง และความมุ่งมั่นตั้งใจ อุปสรรคที่ไม่คาดฝันได้เข้ามาขัดขวางหนทางเดินของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนในค่ำคืนนี้ ดาบที่รวดเร็ว เพลงดาบนางแอ่นหวนคืนถูกนำออกมาใช้อีกครั้ง
ดาบของจอห์นที่แทงเข้ามาถูกนางแอ่นหวนคืนปัดออกไปให้พ้นจากเป้าหมาย ซึ่งแม้จะบั่นทอนกำลังใจของจอห์นลงไป แต่ก็ไม่ได้มากเกินกว่าที่เขาคาดหมายจากหัวหน้าผู้เก่งกาจคนนี้ ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงฝีมือของจอมโจรอาลีได้ดีเท่ากับผู้ที่อยู่ในกองโจรสี่สิบ ซึ่งมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยที่ต้องจบชีวิตลงภายใต้คมดาบของหัวหน้าผู้นี้เอง
ข้ามีชื่อว่าจอห์น พวกเจ้าทุกคนจงฟังให้ดี เขาตะโกนเสียงดังโดยไม่ยอมละสายตาจากอาลี ถ้ายังไม่ยอมร่วมมือกันกำจัดมัน พวกเจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือ...ถ้าหากจะมีใครรอดชีวิตจากมันผู้นี้ไปได้นะ
เขาไม่คิดจะร่วมเส้นทางกับกองโจรสี่สิบไปจนชั่วชีวิต โดยเฉพาะเมื่อมีหัวหน้าอย่างจอมโจรอาลีผู้นี้ เขาคิดถึงเมื่อกลางวัน ยามที่เหม่อมองข้ามแม่น้ำกว้าง ใช้สายตาสำรวจดูผืนดินอันอุดมสมบูรณ์เหล่านั้น เขาไม่รู้ว่าเด็ก หญิงตัวเล็กๆ ที่นำแอปเปิ้ลของแม่มดซึ่งเขาไม่ได้กินมาให้จะพูดถูกหรือไม่ ตอนแรกเขาแกล้งทำเป็นนอนนิ่งเหมือนโจรคนอื่นๆ แล้วคิดว่าทุกอย่างอาจจะสำเร็จลงได้โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย และเขาก็ยังคิดอะไรวุ่นวายอีกหลายอย่างในขณะที่แกล้งนอนอยู่นั้นด้วย
มันมีเพียงคนเดียว และไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้กับคนจำนวนมากพร้อมกันได้ เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด นักดาบผู้นี้อาจสามารถทำได้ พวกเราจะต้องร่วมแรงร่วมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่การที่มีคนมากขึ้นย่อมหมายถึงโอกาสที่จะมากตามไปด้วย
เขาเคยนึกฝันถึงโอกาสที่จะแยกตัวจากกองโจรสี่สิบได้อย่างปลอดภัย เมื่อครู่นี้เองเขาก็ยังคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีอยู่ จนกระทั่งการลงมือของเขาล้มเหลว แต่เมื่อเริ่มไปแล้วเขาก็ไม่อาจถอยกลับได้ จงมองดูดวงดาวบนขอบฟ้าทางทิศเหนือนั่น แต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย นั่นคือดวงดาวแห่งความกล้าหาญ...และความถูกต้อง
'หรืออาจจะเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ถิ่นที่พวกเจ้าเดินทางไปถึง แต่มันจะมีอยู่เพียงดวงเดียว ที่จะอยู่ตรงนั้นเสมอ และในช่วงเวลานี้ของปีมันจะมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด' มันเป็นหนึ่งในอีกหลายเรื่องที่เขาคิดอยู่ในขณะที่แกล้งนอนอยู่ และเขาก็พูดมันออกมา
จงลุกขึ้นมาร่วมกันต่อสู้ เขาตะโกนก้อง อย่ายอมให้ใครเข้ามาข่มขู่คุกคาม มาตักตวงพืชผล มาเข่นฆ่าพวกเจ้าแบบนี้ มีเสียงตะโกนตอบรับดังกลับมา ชาวบ้านที่เคยเกาะกลุ่มกันอยู่ในตอนแรกต่างขยับเข้ามาพร้อมกับท่อนฟืนซึ่งลุกติดไฟ พร้อมกับที่ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งซึ่งแตกกระจายหนีไปในตอนแรกนั้นก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาวุธ ซึ่งก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำไร่ไถนานั่นเอง
แสดงให้พวกโจรทั้งหมดได้เห็น ให้พวกมันได้รับรู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีกฎว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด ไม่ให้มีพวกโจรที่ไหนกล้าเหยียบย่างเข้ามาภายในหมู่บ้านแห่งนี้อีกต่อไป
คุณนายวิกเซ่นพยายามฝืนตนเองให้มองไปที่กู๊ดแมนซึ่งกำลังนั่งหลบหอบลิ้นห้อยอย่างหมดเรี่ยวแรง และไม่คิดถึงในสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่
วงล้อมของชาวบ้านนั้นค่อยๆ บีบแคบเข้ามาอย่างช้าๆ จอห์นเองก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย และเป็นส่วนที่อาลีให้ความสนใจมากที่สุด อาลียังคงมีท่าทีหนักแน่นเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ศัตรูรู้สึกแย่ และเขาก็รู้เรื่องนั้นดี
'คนทรยศจะต้องตายเป็นคนแรก' อาลีตั้งใจอย่างนั้น และเมื่อเริ่มมีคนตาย ฝูงชนก็จะตอบสนองได้สองแบบ หนึ่งคือยิ่งรุมกันเข้ามา หรือไม่ก็วิ่งหนีจากไป ซึ่งหากมีชาวบ้านเลือกคำตอบแรกเป็นจำนวนมาก เขาก็อาจจะไม่รอดชีวิต แต่ในเมื่อมันยังไม่เกิดขึ้น และเขายังคงสามารถทำให้ศัตรูรู้สึกแย่ได้ เขาก็จะทำเป็นไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อไป
อาลีเหลือบไปเห็นท่าทางแปลกๆ ของคุณนายวิกเซ่น และมันสะกิดเขาเข้าอย่างจัง เขาต้องนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญให้ออกก่อนที่จะสาย แต่มันคืออะไร มีสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น และเวลาก็กำลังจะหมดลง
อาลีเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขึ้นภายในใจ
วงล้อมพลันหยุดการเคลื่อนไหว และก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จอห์นก็พุ่งออกไปพร้อมกับใช้ดาบแทงเข้าใส่ร่างที่กลางวงนั้นล้อมจนมิด ร่างที่ยืนนิ่งไม่ยอมตอบโต้ จบตำนานของอาลีบาบากับกองโจรสี่สิบในหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล โดยที่ด้านหลังของอาลีนั้นมีของสิ่งหนึ่งจมลึกติดอยู่ มันเป็นเคียวด้ามยาวเก่าๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใด
คุณนายวิกเซ่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ทอยก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมของตนราวกับไม่เคยหายไปไหน
คุณทอย ไหนคุณบอกว่าสู้เขาไม่ได้ นางเอ่ยถามในขณะที่สโนวพึ่งเดาได้ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผมสู้เขาไม่ได้ ไม่มีทางเลย ทอยฝืนยิ้ม ...แต่ผมเป็นมือสังหารอาชีพครับ คุณนาย เขาตอบออกไปอย่างนั้น แต่การหายตัวอย่างสมบูรณ์แบบที่เขาพึ่งทำได้เป็นครั้งที่สองในชีวิตนั้นกำลังค่อยๆ จางหายไปจากร่าง และเขาเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไปเขาคงไม่อาจทำมันได้อีก
พวกโจรที่เหลือถูกชาวบ้านช่วยกันจับมัดอย่างแน่นหนาเพื่อรอทำการตัดสิน ในขณะที่ร่างของจอมโจรอาลีก็ถูกนำออกไปจัดการตามความเหมาะสม หลุมศพจะถูกขุด และเขาจะถูกกลบฝังตามสมควร งานฉลองยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพัก เนื่องจากอาหารที่จัดเตรียมมายังคงเหลืออยู่ และไม่มีใครต้องการที่จะทิ้งพวกมันให้เสียเปล่า จอห์นได้แนะนำตัวเองอีกครั้ง และด้วยการให้คำมั่นสัญญาอย่างแข็งขัน เขาก็ได้รับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อีกฟากของฝั่งแม่น้ำตามต้องการ
...คุณทอย...มันเกิดอะไรขึ้น นายอำเภอแฟรงที่พึ่งถูกเย็บแผลตรงใต้คางทำให้พูดได้ไม่ค่อยถนัดนัก แต่มีบางอย่างในตัวเขา ในแววตา ในน้ำเสียงนั้นที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
เอ๋...เจ้า...เจ้าเป็นใครกัน เฒ่าเฮฟที่เคยเป็นห่วงเป็นใยนายอำเภอมาโดยตลอดกลับเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ และยิ่งทำให้คนอื่นๆ ที่ล้อมวงอยู่งงงันมากขึ้น
คุณไม่เป็นอะไรแล้ว...คุณสไตน์ ผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังเอง ทอยไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมตนเองจึงรู้สึกคุ้นหน้านายอำเภอผู้นี้ตั้งแต่แรกพบ ตัวอักษรเอฟ ในชื่อของ เอฟ เค สไตน์ นั้นคงย่อมาจาก แฟรง นั่นเอง รอยแผลที่ใต้คางนั้นกลายสภาพเป็นแผลเก่าไม่ใช่บาดแผลสดที่พึ่งถูกเย็บเรียบร้อย รวมถึงแผลเป็นในตำแหน่งอื่นๆ ด้วยที่ค่อยๆ ปรากฎขึ้น จะยกเว้นก็แค่เครื่องแต่งกาย กับต่างหูรูปตะปูเกลียวที่เป็นเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของทนายความสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่ขาดหายไป
คุณถูกสาวน้อยหมวกแดงจู่โจมด้วยความฝันในขณะที่กำลังจอดรถรอผมอยู่ เธอส่งคุณมาที่นี่ ในสถานที่ ช่วงเวลาที่คุณมีความสนใจเป็นอย่างมาก มหานครก่อนที่จะกลายมาเป็นมหานคร วันเวลาที่กฎหมายได้เริ่มต้นขึ้น หรืออาจจะเป็นโลกความฝันที่ต่างออกไปซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลยตามที่คุณนายวิกเซ่นยืนยันว่ามันไม่ใช่อดีตก็เป็นได้
...จอห์น เวย์ สไตน์พึมพำสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
ใช่ จอห์น เวย์ กับกองโจรสี่สิบ และเรื่องราวที่ไม่ได้บอกเล่าเอาไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ ว่าจอห์นนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของกองโจรสี่สิบ และทำการหักหลังอาลีหัวหน้าของตนเองเพื่อที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้
ถ้าผมยังคงอยู่ในความฝัน...แล้วจอห์นล่ะ เขาอยู่ที่ไหน ผมอยากพบ อยากคุยกับเขาสักครั้ง สไตน์ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น เขาตื่นขึ้นแล้ว และชาวบ้านทุกคนต่างก็ลืมเขาไปจนหมดสิ้น หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีนายอำเภอมาก่อน จนกระทั่งจอห์น เวย์เดินทางมาถึง จัดการกับกองโจรสี่สิบเพียงลำพัง แล้วกลายเป็นนายอำเภอคนแรกที่ริเริ่มการใช้กฎหมาย อีกทั้งยังได้นำตรารูปดาวมาใช้เป็นเครื่องหมายแห่งความยุติธรรม และกล้าหาญด้วย
ความจริงนั้นน่าผิดหวัง และห่างไกลจากสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ ต่างจากที่เข้าใจเป็นอย่างมาก ทอยอยากให้คุณนายวิกเซ่นพูดถูก ที่นี่ควรเป็นโลกในความฝันที่ไม่เกี่ยวข้องกับอดีตของมหานคร แล้วปล่อยให้ความจริงยังคงงดงามอยู่ภายในความทรงจำเช่นเดิม
ผมก็ยังอยากพบกับเขาอยู่ดี สไตน์ยืนกราน อย่างน้อยเขาก็ยังโน้มน้าวให้ชาวบ้านทุกคนเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา เขายิ้มผืนผืน เรื่องง่ายๆ ที่ตัวผมเองกลับไม่เคยนึกถึง ผมมัวแต่คิดว่าจะช่วยเหลือคนพวกนั้นอย่างไร แต่กลับไม่เคยนึกเลยว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้พวกเขาเข้าใจและยืนขึ้นสู้ด้วยตัวเองบ้าง
เมื่อเขาพอใจแล้ว เขาก็จะตื่นขึ้นเอง เพราะตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าที่นี่เป็นโลกในความฝัน คุณนายวิกเซ่นหมายถึงสไตน์ที่ตอนนี้แยกไปร่วมพูดคุยกับจอห์น เวย์ที่อาจจะไม่ใช่จอห์น เวย์คนนั้น
เราคงไปได้แล้วใช่ไหม สโนวว่า ฉันหมายถึงเรื่องของที่นี่ก็จบแล้ว และบาดแผลของเธอก็...
ใช่ มันปิดแล้ว แต่เธอคงยังขยับตัวมากไม่ได้ กู๊ดแมนตอบขึ้นแทนนาง และตั้งใจแสดงความไม่พอใจให้เห็น ให้ฉันพาพวกเขาไปดีกว่าไหม เขาที่ตอนนี้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์พร้อมกับหาเสื้อผ้ามาใส่เรียบร้อยแล้วเสนอ พวกชาวบ้านต่างไม่กล้าเข้าใกล้เขา ซึ่งทำให้หวนนึกถึงในสมัยก่อน ตอนที่มนุษย์หมาป่ายังคงถูกหวาดกลัว และเกลียดชัง หรือที่จริงแล้วก็ยังคงมีอยู่แม้แต่ในโลกปัจจุบันที่เขาพึ่งจากมา เพียงแต่ถูกซ่อนเร้นมากขึ้นเท่านั้น
คุณเองก็แทบจะไม่มีแรงเหลือแล้ว นางว่า ยังคงไม่ยอมมองหน้าพูดคุยกับเขาตรงๆ เหมือนเดิม
จะอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้รีบหน่อย ฉันไม่แน่ใจว่าสารวัตรโฮมกับผู้ช่วยของเขาจะเป็นอย่างไร หรือทำอะไรได้บ้างไหม และเวลาของเราคงใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว สโนวพยายามที่จะพูดให้ฟังดูดีที่สุด แต่เธอก็รู้ตัวว่าทำไม่สำเร็จ
เสียงเพลงของงานเทศกาลพลันดังขึ้น การเต้นรำที่เคยจบลงไปแล้วก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เฒ่าเฮฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มของผู้ที่มาจากต่างแดนพยายามขยับตัวตามนักเต้น แต่เพราะขาข้างที่โดนธนูเข้าที่เข่านั้นจึงทำได้ไม่ดีนัก
พวกเจ้ารู้ไหมว่างานเต้นรำกลางฤดูร้อนนั้นไม่ได้เป็นการเต้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับผลการเก็บเกี่ยวที่ดีเท่านั้น สโนวพลันรู้สึกไม่ค่อยดีกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน มันยังเป็นการเต้นเพื่อเรียกหาฤดูหนาวอีกด้วย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยชอบมันก็ตาม แต่เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างสมดุลแห่งฤดูกาล
พอฟังแล้วสโนวก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะได้ยินเลย
Create Date : 11 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 11 สิงหาคม 2557 20:05:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 618 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|