|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทอย (34)
...นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทอยพึมพำพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ในแสงสว่างที่เข้ามารายล้อมอยู่รอบกายอย่างฉับพลัน เมื่อครู่เขายังคงนั่งอยู่ภายในห้อง ตอนช่วงเวลากลางดึกที่หนาวเหน็บ แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับมาอยู่กลางแจ้ง ภายใต้บรรยากาศยามสายที่แสนอบอุ่นสดชื่นเหมือนกับได้เดินทางออกไปพักผ่อนในชนบทอันห่างไกลจากความอึดอัดของเมือง ท่ามกลางแวดล้อมของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสีเขียวของแมกไม้ และท้องทุ่ง เขียวขจีอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ฉันได้พาพวกคุณข้ามมาสู่โลกความฝันแล้ว เขาหันไปตามเสียงตอบของคุณนายวิกเซ่น และเห็นนางกำลังช่วยพยุงร่างที่อ่อนระทวยของสโนวเอาไว้ ใบหน้าที่เคยขาวนวลของเธอกลับดูขาวซีดจนราวกับถูกถมทับไว้ด้วยหิมะที่เย็นเฉียบ และมองดูไร้ชีวิตชีวาอย่างน่ากลัว
คุณสโนวเป็นอะไรไปครับ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างไม่อาจปกปิด
...ฉันไม่เป็นไร แม้แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังให้ความรู้สึกที่เย็นเฉียบด้วย ...อาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการเดินทาง น้ำเสียงที่อ่อนล้านั้นไม่ช่วยให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเบาใจขึ้นได้เลย ทั้งหมดจึงพากันโยกย้ายเข้าไปหลบอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในบริเวณใกล้เคียงทันที
ที่นี่มันที่ไหนกันครับ และเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทอยเอ่ยถามเมื่อทั้งสองขยับออกมานั่งห่างๆ โดยปล่อยให้สโนวได้เอนหลังนอนหลับตาพักอยู่นิ่งๆ
คุณนายวิกเซ่นจึงเริ่มอธิบายถึงวิธีที่นางใช้ในการพาทุกคนข้ามเข้ามาสู่โลกความฝันนี้ วิธีการที่พวกเรา เอ่อ ฉันหมายถึง...มนุษย์หมาป่า แต่ละคนใช้อาจแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันนั่นคือเพื่อสร้าง หลุมดำ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสนามของความเป็นจริงที่แตกต่างกันสองแห่ง หรืออาจจะเรียกว่าเป็นการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมระหว่างโลกความเป็นจริง กับโลกความฝันขึ้นก็ได้
ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะมีเพียงผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นที่จะสามารถ กระโดดข้าม ไปได้ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะได้พลังจากไม้ขีดไฟวิเศษเข้ามาช่วยด้วย จึงทำให้นางสามารถนำพาทั้งหมดมาพร้อมกันได้
เขารับฟังอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองเข้าใจในสิ่งที่นางพยายามอธิบายได้ตรงตามที่นางต้องการหรือไม่
ความลับของนางคือตัวเลขชุดหนึ่ง 299,792,458 'กลุ่มของตัวเลขที่ฉันมองเห็นพวกมันเต้นระบำอยู่บนหน้ากระดาษในตอนนั้น' ซึ่งต่อท้ายด้วยหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที ซึ่งนางบอกว่า เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ภายในสนามของความเป็นจริงทุกแห่ง นางอ้างว่ามันเป็นเหมือนกับขีดจำกัดความเร็วของจักรวาล ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเคลื่อนที่เร็วไปกว่านี้ได้อีกแล้วภายในสนามของความเป็นจริงใดใด แม้กระทั่งแสง และเมื่อทำให้เกิดการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วยิ่งกว่านั้นขึ้นได้ สนามของความเป็นจริงก็จะเริ่มบางลงจนกระทั่งเกิดเป็นช่องว่างให้ข้ามไปได้
'แสงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่' เขาเถียง แต่ก็เพียงในใจเท่านั้น ตามความเข้าใจของเขา แสงก็แค่ มีอยู่ หรือ หายไป เท่านั้น การคิดถึงภาพของแสง ว่าเป็นสิ่งที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยความเร็วนั้นไม่อาจเป็นไปได้ แม้แต่แค่จะคิดว่าแสงเป็นเหมือนกับสิ่งของ เป็น วัตถุ ก็ยากที่จะทำได้แล้ว
คุณสงสัยอะไรหรือเปล่าคะ คุณทอย นางถามเมื่อเห็นสีหน้าของเขา
เอ่อ ไม่มีอะไรครับ... เขาตอบเลี่ยงไป ก่อนที่ข้อสงสัยอีกประการจะแทรกเข้ามาในห้วงความคิด เอ่อ เมื่อครู่คุณนายบอกว่า สองร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นสองพัน...สี่ร้อยห้าสิบแปดเมตรต่อวินาที เขานึกทวนอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามตัวเลขจำนวนนี้ คล้ายกับจะสามารถประทับลงไปในความทรงจำของเขาได้อย่างง่ายดาย เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ในสนามความเป็นจริงใดใด
อือ ฮึ นางพยักหน้ารับ
แล้วคุณนายทำอย่างไรเพื่อไปให้ถึงความเร็วที่มากกว่านั้น มากกว่าความเร็วแสงตามที่ได้บอกไว้ครับ เขาถามออกไปอย่างผู้ชนะ เขาพบเจอช่องโหว่สำคัญที่ทำให้คำอธิบายทั้งหมดของนางกลายเป็นเพียงคำพูดลอยๆ ไป
นางยิ้ม คล้ายกับรอคอยคำถามนี้อยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มที่ทำให้เขานึกถึงปู่แจ็คขึ้นมา ก่อนที่นางจะยกนิ้วชี้ขึ้นเคาะที่ข้างศีรษะของตน
...คุณจินตนาการมันขึ้นมาอย่างนั้นหรือครับ จินตนาการถึงสิ่งที่มีความเร็วมากกว่าแสง เขาลองเดา
นางส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้ม และนิ้วชี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน ฉันไม่ได้จินตนาการอะไรขึ้นมา แต่ตัวจินตนาการนั่นเอง ความคิด ของเรานั่นเองต่างหาก ที่มีความเร็วเหนือแสงได้ เมื่อเรารู้ถึงวิธีการที่ถูกต้อง
อนุภาคความคิด อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่เมื่อออกสู่ ด้านนอก ของสนามความเป็นจริงทั้งมวล มันสามารถถูกเร่งให้เข้าสู่อัตราความเร็วเหนือแสง พุ่งทะลุผ่านสนามความเป็นจริงทั้งมวล และวิวัฒนาการให้เกิดสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมา ความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้า ความคิดที่ไม่เคยมีใครเข้าใจได้บังเกิดขึ้น และเร่งกระบวนการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ให้ก้าวไปได้อย่างเหลือเชื่อ
'อนุภาคความคิดอย่างนั้นหรือ' มาถึงตรงนี้เขาก็ตามนางไม่ทันเสียแล้ว แต่เขาก็ยังมีความสงสัยในเรื่องอื่นอยู่อีก ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังพยายามอยากที่จะเข้าใจ 'บางที มันอาจเป็นผลกระทบที่เกิดจากอนุภาคความคิดที่ว่านั้นก็เป็นได้'
แล้วที่คุณพูดเกี่ยวกับตัวเลข... เขาพยายามนึกทบทวนถึงคำพูดของนางในตอนนั้น ช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างสับสนวุ่นวายจนไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นจริง เรื่องที่ว่า สิ่งแวดล้อมมายาซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยตัวเลข อะไรพวกนั้น คุณหมายถึงสังคมของพวกเราใช่ไหมครับ
ฉันหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมนุษย์...ตัวฉันเองในแง่นี้ และคนเก่าแก่ทั้งหลายก็ต้องถือว่าเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน และทั้งหมดนั้นมันเริ่มขึ้นจากตัวเลข นางเริ่มอธิบาย
สิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่าง ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์กับอนุภาคความคิดได้พบเจอกัน และสิ่งที่ปรากฎออกมาในลำดับแรกก็คือ ตัวเลข นั่นเอง ไม่ใช่ตัวเลขอย่างที่พวกเราเข้าใจกันในตอนนี้ แต่เป็นตัวเลขในรูปแบบของ
การรับรู้ถึง ตัวเรา การมี คนอื่น และ คนอื่นอื่น หรือการมีอยู่ของตัวตนที่มากกว่าหนึ่งนั่นเอง
มันคือจุดเริ่มต้น ชีวิตสำหรับมนุษย์จึงไม่ใช่เพียงแค่การเอาชีวิตรอด การร่ายรำไปตามความต้องการทางธรรมชาติเหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น เราเฝ้าค้นหาความหมาย เราตั้งคำถาม เราแสวงหา เราสร้างความต้องการที่แตกต่าง ความรู้สึกอันสลับซับซ้อนถูกกองสุมซ้อนกันขึ้นไปเรื่อยๆ
ภาษา ศาสนา ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สังคม การเกษตร อุตสาหกรรม ตำนาน เรื่องเล่า นิยาย วรรณคดี บทกวี สงคราม วิทยาศาศตร์ การศึกษา การค้า การแพทย์ เศรษฐกิจ ชุมชน ประเทศ การเมืองการปกครอง กับเงินตราที่ไม่อาจลืมได้ และอะไรต่างๆ อีกมากมายเท่าที่จะสามารถนึกออกนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะมีเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตข้างหน้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมมายา ความฉลาดภายนอก ที่มนุษย์ไม่อาจได้รับถ่ายทอดจากการถือกำเนิด แต่จำเป็นต้องได้รับผ่านการอบรมสั่งสอน ที่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่รวมอยู่ในนั้นด้วย มนุษย์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย เติบโต เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับมัน และไม่อาจแยกจากกันได้อีกต่อไป
อันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดจะเสมอเหมือน และทั้งหมดนั้นล้วนเริ่มต้นขึ้นจากตัวเลขทั้งสิ้น
เขายอมแพ้ คนที่นางควรจะพูดคุยด้วยนั้นสมควรเป็น โศกาคิด ผู้แต่งหนังสือที่ชวนปวดหัวเล่มนั้นมากกว่า 'ไม่แน่ว่าเธออาจจะเคยอ่านหนังสือเล่มนั้นมาก่อนแล้วก็เป็นได้' มันมีความเป็นไปได้อย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง
ดูเหมือนนางเองก็คงสามารถอ่านอาการได้จากสีหน้าของเขา จึงจบการอธิบายวกวนลงเพียงแค่นั้น
แต่ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องเตือนไว้อีกอย่าง นางทำท่าทางจริงจังขึ้นมา ที่นี่คือโลกความฝัน เมื่อเรายังอยู่ในมหานคร แต่เมื่อข้ามมาแล้ว มันก็กลายเป็นโลกของความเป็นจริง จงระวังเอาไว้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่คือความเป็นจริง เราจะไม่แค่สะดุ้งตื่นขึ้น และพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายอะไรแบบนั้น
คำพูดของนางทำให้เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตรอกแคบๆ เด็กสาวหมวกแดงคนนั้นได้ใช้ไม้ขีดไฟเพื่อนำตัวเขาไปสู่โลกความฝันแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกับดักที่เธอเตรียมไว้สำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย การทำงานอยู่ในร้านของเล่นที่เขาเชื่อว่าเป็นความใฝ่ฝันของตน มันช่างเหมือนจริง 'มันไม่ใช่แค่เหมือน แต่มันคือความเป็นจริงที่ไม่อาจสงสัยได้เลยในตอนนั้น' ทั้งที่มันเป็นเพียงโลกซึ่งสร้างขึ้นมาจากชั้นวางของที่เรียงรายสลับซับซ้อนจนราวกับเป็นเขาวงกต ของเล่นจำนวนมากมายมหาศาล กับการทำงานที่ไม่จบสิ้น
ถ้าไม่มีสตรีลึกลับคนนั้นปรากฎตัวเข้ามาช่วย เขาก็อาจจะยังคงติดอยู่ภายในโลกนั้น และอาจต้องอยู่ไปจนตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ 'มันเป็นความฝันของฉันจริงๆ อย่างนั้นหรือ' เขานึกสงสัย มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เป็นความใฝ่ฝันที่เกิดมาจากความต้องการที่มากมายของเขาในช่วงนี้
เขาคาดว่า ถ้าได้พบเจอกับเธอในช่วงเวลาอื่น โลกกับดักของเธออาจแตกต่างออกไป
คุณหมายความว่า... เขาพึมพำออกไป ไม่ได้นึกหวาดกลัวกับโลกที่กำลังอยู่ในตอนนี้ แต่นึกถึงโลกในร้านของเล่น นึกถึงการที่มันจะกลายเป็นความจริง เป็นชีวิตทั้งหมดของเขา
นางคิดไปว่าเขาคงรับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้แล้ว จึงกล่าวเสริมไปอีกว่า ระวังตัวไว้ให้ดี
...ฉันรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว สโนวพึมพำทั้งๆ ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันคงต้องขอนอนพักอีกสักครู่ แล้วเราค่อยมาดูกันว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไรดี ท่าทางอาการเวียนศีรษะของเธอจะยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร
ว่าแต่ ที่นี่มันที่ไหนกันครับ เขาเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ อย่างจริงจัง
...ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นางยอมรับ ความสามารถในการดมกลิ่นของฉันไม่ดีเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ฉันใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานเกินไป แถมยังเอาแต่หมกตัวอยู่ภายในห้อง สนใจแค่ตัวเลขในบัญชีพวกนั้น นานๆ ทีถึงจะได้มีโอกาสออกไป เอ่อ วิ่งเล่นตามฟาร์มพวกนั้นบ้าง
นางเงยหน้าขึ้นเหมือนกับพยายามจะดมกลิ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เขาลองพยายามจินตนาการว่านางแยกแยะ และรับรู้กลิ่นเหล่านั้นเป็นรูปแบบอย่างไร ต่างจากการมองเห็นมากแค่ไหน แต่เขาไม่คิดจะถาม เพราะไม่อยากได้ยินคำอธิบายอะไรที่ยากๆ อีกแล้ว
ฉันตามกลิ่นจางๆ ที่ปะปนอยู่บนก้านไม้ขีดมา เลือกเอาจากกลิ่นที่ฉันไม่คุ้นเคย กลิ่นที่ฉันแน่ใจว่าไม่ใช่เป็นกลิ่นใดๆ ที่มีอยู่ในมหานคร แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว
ทำไมหรือครับ เขาถามโดยไม่ได้หันกลับมา เพราะกำลังพยายามมองไปที่สีเขียวแถบหนึ่งซึ่งห่างออกไปทางขวามือ ซึ่งมีบางอย่างซ้อนอยู่ทางด้านหลัง เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นถนน หรืออย่างน้อยก็เป็นทางเกวียน เส้นทางคมนาคมในชนบทที่ห่างไกลอะไรพวกนั้น
มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาตามเส้นทาง พวกมันมีจำนวนมาก และรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นการพยายามไม่ให้ถูกพบเห็น
แถวนี้มีกลิ่นบางอย่างที่ฉันคุ้นเคยปะปนอยู่ด้วย นางตอบด้วยความประหลาดใจ 'มันเป็นกลิ่นที่เคยเก่าแก่มากของมหานคร กลิ่นที่จางลางเลือนแต่ก็ไม่เคยลบหายไป ไม่ว่าจะในฤดูกาลใดก็ตาม กลิ่นที่เธอให้คำนิยามว่าเป็นกลิ่นกายของมหานคร แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกลิ่นที่สดใหม่ราวกับทารกแรกเกิด' มันแปลก และทำให้นางรู้สึกสับสน เงียบกันไว้ก่อน เขาลดเสียงให้เบาลง อยู่นิ่งๆ อย่าเคลื่อนไหวมาก หรือขยับตัวเร็วเร็ว เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ถูกพบเห็นได้ง่ายขึ้น สายตากับสมองของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้สนใจกับการเคลื่อนไหวที่อาจนำมาซึ่งอันตราย มากกว่าสิ่งที่อยู่นิ่งเฉย
มีอะไร หญิงสาวทั้งสองถามขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
มีขบวนเดินทางผ่านมาตามเส้นทางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พวกเขามีท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนกับคณะเดินทางทั่วไป เราระวังไว้ก่อนดีกว่า
พวกเขามาทางทิศใต้ลม ฉันเลยไม่ได้กลิ่น นางพูดเหมือนกับเป็นการแก้ตัว เมื่อมองดูทิศที่คณะเดินทางนั้นมุ่งไป ก็คือทิศที่ต้นตอของกลิ่นมหานครที่นางคุ้นเคยนั้นโชยมา
ระวังตัวด้วย บางทีพวกเขาอาจมี... เขายังไม่ทันพูด 'หน่วยสอดแนมล่วงหน้ามาก่อน' จบ ก็เกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากทางหางตา จากหลังหมู่ไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
คมของดาบที่ทาไว้ด้วยสีดำถูกเหวี่ยงเข้าใส่เขา ผู้หญิงสอง ผู้ชายหนึ่ง เขาย่อมต้องตกเป็นเป้าหมายของการจู่โจมเป็นคนแรกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ดาบที่ปกปิดไร้ประกายแสดงถึงความหลีกเร้นไม่เปิดเผยของผู้ใช้ พวกเขาต้องเป็นกลุ่มคนนอกกฎหมายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าโลกแห่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็คงไม่แตกต่างกันมากนักกับโลกที่เขาพึ่งจากมา
การจู่โจมแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาของมือสังหารทอยเลยแม้แต่น้อย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่ใช่มือสังหารอีกแล้ว
Create Date : 13 เมษายน 2557 |
Last Update : 13 เมษายน 2557 20:58:06 น. |
|
1 comments
|
Counter : 606 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
สุขสันต์ วันสงกรานต์ ครอบครัวสำราญ เดินทางปลอดภัย
สนุกสนานเบิกบานใจ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทยกันทุกๆคนนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่แวะเยี่ยมชมกันที่บล๊อกของเราค่ะ
ห้องสมุด
เพื่อสุขภาพ
แม่ตั้งครรภ์
ทารกแรกเกิด
เด็กโต