ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (34)

“...นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ทอยพึมพำพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ในแสงสว่างที่เข้ามารายล้อมอยู่รอบกายอย่างฉับพลัน เมื่อครู่เขายังคงนั่งอยู่ภายในห้อง ตอนช่วงเวลากลางดึกที่หนาวเหน็บ แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับมาอยู่กลางแจ้ง ภายใต้บรรยากาศยามสายที่แสนอบอุ่นสดชื่นเหมือนกับได้เดินทางออกไปพักผ่อนในชนบทอันห่างไกลจากความอึดอัดของเมือง ท่ามกลางแวดล้อมของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสีเขียวของแมกไม้ และท้องทุ่ง เขียวขจีอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

“ฉันได้พาพวกคุณข้ามมาสู่โลกความฝันแล้ว” เขาหันไปตามเสียงตอบของคุณนายวิกเซ่น และเห็นนางกำลังช่วยพยุงร่างที่อ่อนระทวยของสโนวเอาไว้ ใบหน้าที่เคยขาวนวลของเธอกลับดูขาวซีดจนราวกับถูกถมทับไว้ด้วยหิมะที่เย็นเฉียบ และมองดูไร้ชีวิตชีวาอย่างน่ากลัว

“คุณสโนวเป็นอะไรไปครับ” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างไม่อาจปกปิด

“...ฉันไม่เป็นไร” แม้แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังให้ความรู้สึกที่เย็นเฉียบด้วย “...อาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการเดินทาง” น้ำเสียงที่อ่อนล้านั้นไม่ช่วยให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเบาใจขึ้นได้เลย ทั้งหมดจึงพากันโยกย้ายเข้าไปหลบอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในบริเวณใกล้เคียงทันที

“ที่นี่มันที่ไหนกันครับ และเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ทอยเอ่ยถามเมื่อทั้งสองขยับออกมานั่งห่างๆ โดยปล่อยให้สโนวได้เอนหลังนอนหลับตาพักอยู่นิ่งๆ

คุณนายวิกเซ่นจึงเริ่มอธิบายถึงวิธีที่นางใช้ในการพาทุกคนข้ามเข้ามาสู่โลกความฝันนี้ “วิธีการที่พวกเรา เอ่อ ฉันหมายถึง...มนุษย์หมาป่า แต่ละคนใช้อาจแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันนั่นคือเพื่อสร้าง หลุมดำ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสนามของความเป็นจริงที่แตกต่างกันสองแห่ง หรืออาจจะเรียกว่าเป็นการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมระหว่างโลกความเป็นจริง กับโลกความฝันขึ้นก็ได้”

ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะมีเพียงผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นที่จะสามารถ กระโดดข้าม ไปได้ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะได้พลังจากไม้ขีดไฟวิเศษเข้ามาช่วยด้วย จึงทำให้นางสามารถนำพาทั้งหมดมาพร้อมกันได้

เขารับฟังอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองเข้าใจในสิ่งที่นางพยายามอธิบายได้ตรงตามที่นางต้องการหรือไม่

ความลับของนางคือตัวเลขชุดหนึ่ง 299,792,458 'กลุ่มของตัวเลขที่ฉันมองเห็นพวกมันเต้นระบำอยู่บนหน้ากระดาษในตอนนั้น' ซึ่งต่อท้ายด้วยหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที ซึ่งนางบอกว่า “เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ภายในสนามของความเป็นจริงทุกแห่ง” นางอ้างว่ามันเป็นเหมือนกับขีดจำกัดความเร็วของจักรวาล ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเคลื่อนที่เร็วไปกว่านี้ได้อีกแล้วภายในสนามของความเป็นจริงใดใด แม้กระทั่งแสง และเมื่อทำให้เกิดการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วยิ่งกว่านั้นขึ้นได้ สนามของความเป็นจริงก็จะเริ่มบางลงจนกระทั่งเกิดเป็นช่องว่างให้ข้ามไปได้

'แสงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่' เขาเถียง แต่ก็เพียงในใจเท่านั้น ตามความเข้าใจของเขา แสงก็แค่ มีอยู่ หรือ หายไป เท่านั้น การคิดถึงภาพของแสง ว่าเป็นสิ่งที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยความเร็วนั้นไม่อาจเป็นไปได้ แม้แต่แค่จะคิดว่าแสงเป็นเหมือนกับสิ่งของ เป็น วัตถุ ก็ยากที่จะทำได้แล้ว

“คุณสงสัยอะไรหรือเปล่าคะ คุณทอย” นางถามเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ...” เขาตอบเลี่ยงไป ก่อนที่ข้อสงสัยอีกประการจะแทรกเข้ามาในห้วงความคิด “เอ่อ เมื่อครู่คุณนายบอกว่า สองร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นสองพัน...สี่ร้อยห้าสิบแปดเมตรต่อวินาที” เขานึกทวนอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามตัวเลขจำนวนนี้ คล้ายกับจะสามารถประทับลงไปในความทรงจำของเขาได้อย่างง่ายดาย ”เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ในสนามความเป็นจริงใดใด”

“อือ ฮึ” นางพยักหน้ารับ

“แล้วคุณนายทำอย่างไรเพื่อไปให้ถึงความเร็วที่มากกว่านั้น มากกว่าความเร็วแสงตามที่ได้บอกไว้ครับ” เขาถามออกไปอย่างผู้ชนะ เขาพบเจอช่องโหว่สำคัญที่ทำให้คำอธิบายทั้งหมดของนางกลายเป็นเพียงคำพูดลอยๆ ไป

นางยิ้ม คล้ายกับรอคอยคำถามนี้อยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มที่ทำให้เขานึกถึงปู่แจ็คขึ้นมา ก่อนที่นางจะยกนิ้วชี้ขึ้นเคาะที่ข้างศีรษะของตน

“...คุณจินตนาการมันขึ้นมาอย่างนั้นหรือครับ จินตนาการถึงสิ่งที่มีความเร็วมากกว่าแสง” เขาลองเดา

นางส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้ม และนิ้วชี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน “ฉันไม่ได้จินตนาการอะไรขึ้นมา แต่ตัวจินตนาการนั่นเอง ความคิด ของเรานั่นเองต่างหาก ที่มีความเร็วเหนือแสงได้ เมื่อเรารู้ถึงวิธีการที่ถูกต้อง”

อนุภาคความคิด อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่เมื่อออกสู่ ด้านนอก ของสนามความเป็นจริงทั้งมวล มันสามารถถูกเร่งให้เข้าสู่อัตราความเร็วเหนือแสง พุ่งทะลุผ่านสนามความเป็นจริงทั้งมวล และวิวัฒนาการให้เกิดสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมา ความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้า ความคิดที่ไม่เคยมีใครเข้าใจได้บังเกิดขึ้น และเร่งกระบวนการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ให้ก้าวไปได้อย่างเหลือเชื่อ

'อนุภาคความคิดอย่างนั้นหรือ' มาถึงตรงนี้เขาก็ตามนางไม่ทันเสียแล้ว แต่เขาก็ยังมีความสงสัยในเรื่องอื่นอยู่อีก ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังพยายามอยากที่จะเข้าใจ 'บางที มันอาจเป็นผลกระทบที่เกิดจากอนุภาคความคิดที่ว่านั้นก็เป็นได้'

“แล้วที่คุณพูดเกี่ยวกับตัวเลข...” เขาพยายามนึกทบทวนถึงคำพูดของนางในตอนนั้น ช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างสับสนวุ่นวายจนไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นจริง “เรื่องที่ว่า สิ่งแวดล้อมมายาซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยตัวเลข อะไรพวกนั้น คุณหมายถึงสังคมของพวกเราใช่ไหมครับ”

“ฉันหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมนุษย์...ตัวฉันเองในแง่นี้ และคนเก่าแก่ทั้งหลายก็ต้องถือว่าเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน และทั้งหมดนั้นมันเริ่มขึ้นจากตัวเลข” นางเริ่มอธิบาย

สิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่าง ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์กับอนุภาคความคิดได้พบเจอกัน และสิ่งที่ปรากฎออกมาในลำดับแรกก็คือ ตัวเลข นั่นเอง ไม่ใช่ตัวเลขอย่างที่พวกเราเข้าใจกันในตอนนี้ แต่เป็นตัวเลขในรูปแบบของ

การรับรู้ถึง ตัวเรา การมี คนอื่น และ คนอื่นอื่น หรือการมีอยู่ของตัวตนที่มากกว่าหนึ่งนั่นเอง

มันคือจุดเริ่มต้น ชีวิตสำหรับมนุษย์จึงไม่ใช่เพียงแค่การเอาชีวิตรอด การร่ายรำไปตามความต้องการทางธรรมชาติเหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น เราเฝ้าค้นหาความหมาย เราตั้งคำถาม เราแสวงหา เราสร้างความต้องการที่แตกต่าง ความรู้สึกอันสลับซับซ้อนถูกกองสุมซ้อนกันขึ้นไปเรื่อยๆ

ภาษา ศาสนา ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สังคม การเกษตร อุตสาหกรรม ตำนาน เรื่องเล่า นิยาย วรรณคดี บทกวี สงคราม วิทยาศาศตร์ การศึกษา การค้า การแพทย์ เศรษฐกิจ ชุมชน ประเทศ การเมืองการปกครอง กับเงินตราที่ไม่อาจลืมได้ และอะไรต่างๆ อีกมากมายเท่าที่จะสามารถนึกออกนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะมีเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตข้างหน้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมมายา ความฉลาดภายนอก ที่มนุษย์ไม่อาจได้รับถ่ายทอดจากการถือกำเนิด แต่จำเป็นต้องได้รับผ่านการอบรมสั่งสอน ที่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่รวมอยู่ในนั้นด้วย มนุษย์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย เติบโต เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับมัน และไม่อาจแยกจากกันได้อีกต่อไป

อันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดจะเสมอเหมือน และทั้งหมดนั้นล้วนเริ่มต้นขึ้นจากตัวเลขทั้งสิ้น

เขายอมแพ้ คนที่นางควรจะพูดคุยด้วยนั้นสมควรเป็น โศกาคิด ผู้แต่งหนังสือที่ชวนปวดหัวเล่มนั้นมากกว่า 'ไม่แน่ว่าเธออาจจะเคยอ่านหนังสือเล่มนั้นมาก่อนแล้วก็เป็นได้' มันมีความเป็นไปได้อย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง

ดูเหมือนนางเองก็คงสามารถอ่านอาการได้จากสีหน้าของเขา จึงจบการอธิบายวกวนลงเพียงแค่นั้น

“แต่ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องเตือนไว้อีกอย่าง” นางทำท่าทางจริงจังขึ้นมา ”ที่นี่คือโลกความฝัน เมื่อเรายังอยู่ในมหานคร แต่เมื่อข้ามมาแล้ว มันก็กลายเป็นโลกของความเป็นจริง จงระวังเอาไว้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่คือความเป็นจริง เราจะไม่แค่สะดุ้งตื่นขึ้น และพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายอะไรแบบนั้น”

คำพูดของนางทำให้เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตรอกแคบๆ เด็กสาวหมวกแดงคนนั้นได้ใช้ไม้ขีดไฟเพื่อนำตัวเขาไปสู่โลกความฝันแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกับดักที่เธอเตรียมไว้สำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย การทำงานอยู่ในร้านของเล่นที่เขาเชื่อว่าเป็นความใฝ่ฝันของตน มันช่างเหมือนจริง 'มันไม่ใช่แค่เหมือน แต่มันคือความเป็นจริงที่ไม่อาจสงสัยได้เลยในตอนนั้น' ทั้งที่มันเป็นเพียงโลกซึ่งสร้างขึ้นมาจากชั้นวางของที่เรียงรายสลับซับซ้อนจนราวกับเป็นเขาวงกต ของเล่นจำนวนมากมายมหาศาล กับการทำงานที่ไม่จบสิ้น

ถ้าไม่มีสตรีลึกลับคนนั้นปรากฎตัวเข้ามาช่วย เขาก็อาจจะยังคงติดอยู่ภายในโลกนั้น และอาจต้องอยู่ไปจนตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ 'มันเป็นความฝันของฉันจริงๆ อย่างนั้นหรือ' เขานึกสงสัย มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เป็นความใฝ่ฝันที่เกิดมาจากความต้องการที่มากมายของเขาในช่วงนี้

เขาคาดว่า ถ้าได้พบเจอกับเธอในช่วงเวลาอื่น โลกกับดักของเธออาจแตกต่างออกไป

“คุณหมายความว่า...” เขาพึมพำออกไป ไม่ได้นึกหวาดกลัวกับโลกที่กำลังอยู่ในตอนนี้ แต่นึกถึงโลกในร้านของเล่น นึกถึงการที่มันจะกลายเป็นความจริง เป็นชีวิตทั้งหมดของเขา

นางคิดไปว่าเขาคงรับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้แล้ว จึงกล่าวเสริมไปอีกว่า “ระวังตัวไว้ให้ดี”

“...ฉันรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว” สโนวพึมพำทั้งๆ ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ “ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันคงต้องขอนอนพักอีกสักครู่ แล้วเราค่อยมาดูกันว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไรดี” ท่าทางอาการเวียนศีรษะของเธอจะยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร

“ว่าแต่ ที่นี่มันที่ไหนกันครับ” เขาเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ อย่างจริงจัง

“...ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” นางยอมรับ “ความสามารถในการดมกลิ่นของฉันไม่ดีเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ฉันใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานเกินไป แถมยังเอาแต่หมกตัวอยู่ภายในห้อง สนใจแค่ตัวเลขในบัญชีพวกนั้น นานๆ ทีถึงจะได้มีโอกาสออกไป เอ่อ วิ่งเล่นตามฟาร์มพวกนั้นบ้าง”

นางเงยหน้าขึ้นเหมือนกับพยายามจะดมกลิ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เขาลองพยายามจินตนาการว่านางแยกแยะ และรับรู้กลิ่นเหล่านั้นเป็นรูปแบบอย่างไร ต่างจากการมองเห็นมากแค่ไหน แต่เขาไม่คิดจะถาม เพราะไม่อยากได้ยินคำอธิบายอะไรที่ยากๆ อีกแล้ว

“ฉันตามกลิ่นจางๆ ที่ปะปนอยู่บนก้านไม้ขีดมา เลือกเอาจากกลิ่นที่ฉันไม่คุ้นเคย กลิ่นที่ฉันแน่ใจว่าไม่ใช่เป็นกลิ่นใดๆ ที่มีอยู่ในมหานคร แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว”

“ทำไมหรือครับ” เขาถามโดยไม่ได้หันกลับมา เพราะกำลังพยายามมองไปที่สีเขียวแถบหนึ่งซึ่งห่างออกไปทางขวามือ ซึ่งมีบางอย่างซ้อนอยู่ทางด้านหลัง เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นถนน หรืออย่างน้อยก็เป็นทางเกวียน เส้นทางคมนาคมในชนบทที่ห่างไกลอะไรพวกนั้น

มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาตามเส้นทาง พวกมันมีจำนวนมาก และรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นการพยายามไม่ให้ถูกพบเห็น

“แถวนี้มีกลิ่นบางอย่างที่ฉันคุ้นเคยปะปนอยู่ด้วย” นางตอบด้วยความประหลาดใจ 'มันเป็นกลิ่นที่เคยเก่าแก่มากของมหานคร กลิ่นที่จางลางเลือนแต่ก็ไม่เคยลบหายไป ไม่ว่าจะในฤดูกาลใดก็ตาม กลิ่นที่เธอให้คำนิยามว่าเป็นกลิ่นกายของมหานคร แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกลิ่นที่สดใหม่ราวกับทารกแรกเกิด' มันแปลก และทำให้นางรู้สึกสับสน

“เงียบกันไว้ก่อน” เขาลดเสียงให้เบาลง “อยู่นิ่งๆ อย่าเคลื่อนไหวมาก หรือขยับตัวเร็วเร็ว” เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ถูกพบเห็นได้ง่ายขึ้น สายตากับสมองของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้สนใจกับการเคลื่อนไหวที่อาจนำมาซึ่งอันตราย มากกว่าสิ่งที่อยู่นิ่งเฉย

“มีอะไร” หญิงสาวทั้งสองถามขึ้นเกือบจะพร้อมกัน

“มีขบวนเดินทางผ่านมาตามเส้นทางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พวกเขามีท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนกับคณะเดินทางทั่วไป เราระวังไว้ก่อนดีกว่า”

“พวกเขามาทางทิศใต้ลม ฉันเลยไม่ได้กลิ่น” นางพูดเหมือนกับเป็นการแก้ตัว เมื่อมองดูทิศที่คณะเดินทางนั้นมุ่งไป ก็คือทิศที่ต้นตอของกลิ่นมหานครที่นางคุ้นเคยนั้นโชยมา

“ระวังตัวด้วย บางทีพวกเขาอาจมี...” เขายังไม่ทันพูด 'หน่วยสอดแนมล่วงหน้ามาก่อน' จบ ก็เกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากทางหางตา จากหลังหมู่ไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

คมของดาบที่ทาไว้ด้วยสีดำถูกเหวี่ยงเข้าใส่เขา ผู้หญิงสอง ผู้ชายหนึ่ง เขาย่อมต้องตกเป็นเป้าหมายของการจู่โจมเป็นคนแรกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ดาบที่ปกปิดไร้ประกายแสดงถึงความหลีกเร้นไม่เปิดเผยของผู้ใช้ พวกเขาต้องเป็นกลุ่มคนนอกกฎหมายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าโลกแห่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็คงไม่แตกต่างกันมากนักกับโลกที่เขาพึ่งจากมา

การจู่โจมแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาของมือสังหารทอยเลยแม้แต่น้อย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่ใช่มือสังหารอีกแล้ว


Create Date : 13 เมษายน 2557
Last Update : 13 เมษายน 2557 20:58:06 น. 1 comments
Counter : 606 Pageviews.

 


สุขสันต์ วันสงกรานต์ ครอบครัวสำราญ เดินทางปลอดภัย
สนุกสนานเบิกบานใจ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทยกันทุกๆคนนะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่แวะเยี่ยมชมกันที่บล๊อกของเราค่ะ

ห้องสมุด
เพื่อสุขภาพ
แม่ตั้งครรภ์
ทารกแรกเกิด
เด็กโต


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:22:05:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.