ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (52)

“เธอ...เอ่อ อิ่มหรือยัง”

วสันต์พยายามที่จะปั้นรอยยิ้มค้างไว้บนใบหน้า

“ยังฮะ” เสียงอู้อี้นั้นเป็นคำตอบจากเด็กชายร่างท้วมที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่บนพื้นของโถงถ้ำที่คล้ายกับเป็นห้องเล็กๆ ซึ่งถูกจุดให้สว่างด้วยแสงเรืองจากพืชแปลกๆ คล้ายมอสที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นทั่วทั้งผนัง และแม้แต่บนเพดาน กลุ่มของหินย้อยขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้องนั้นสว่างไสวมากกว่าบริเวณอื่นใด จนทำให้มองดูคล้ายกับเป็นโคมระย้าคริสตัลจากห้องโถงหรูหราที่ใดสักแห่งในมหานคร

ตรงกลางวงล้อมของทั้งสาม มีตระกร้าปิกนิกสานแบบมีฝาปิดใบโตวางอยู่ ภายในนั้นดูเหมือนจะบรรจุไว้ด้วยอาหาร ขนมนานาชนิด รวมไปถึงเครื่องดื่มที่เด็กชายชื่นชอบ ซึ่งเขาล้วงหยิบพวกมันออกมาเรื่อยๆ ก่อนส่งเข้าปาก ราวกับว่าพวกมันไม่มีวันหมด ชุดที่เขาสวมใส่อยู่มองดูคล้ายกับเป็นเสื้อยืดสีพื้น กับกางเกงขาสั้นสีเดียวกัน แต่มีบางอย่างที่ไม่ปกติเกี่ยวกับสีของพวกมัน ซึ่งวสันต์เคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้บนร่างของชายอีกคนหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับเด็กคนนี้

พวกมันเป็นสีของเม็ดทราย ซึ่งอธิบายได้ยากว่าเป็นสีอะไรกันแน่ และพื้นผิวของพวกมันก็ราวกับเป็นผืนทรายซึ่งมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับผิวหน้าของทรายที่ถูกใส่ไว้ภายในอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งภาชนะบรรจุที่เป็นแก้วนั้นก็ถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากทรายด้วยเช่นกัน นาฬิกาทรายจึงนับเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยทราย บรรจุไว้ด้วยเม็ดทราย ที่จะค่อยๆ หมุนวน ร่วงหล่นผ่านรูเล็กๆ ลงไป เพื่อใช้ในการนับวัดเวลา

ผืนทรายที่เคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลานั้นคล้ายเป็นทั้งวัตถุที่จับต้องได้ และก็ไม่เสถียรคงรูปในเวลาเดียวกัน ครอบครัวที่เรียกว่า คิง นั้นอาศัยอยู่ตรงกลางระหว่างสองสิ่งนี้

ใบหน้า และรูปร่างของ คิง ปริ้น ผู้เป็นลูกชาย ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อยจากในรูปที่บิดาของเขา คิง แซนแมน ที่ชอบให้เรียกว่า แซนแมน เคยนำออกมาให้เธอดู หรือบางทีอาจเป็นเพราะในความทรงจำของผู้เป็นพ่อแม่นั้นมักจะแตกต่างจากตัวจริงที่ลูกของพวกเขาเป็นเสมอ

โฮมปล่อยให้การเจรจากับเด็กชายผู้นี้เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยสาว เขาไม่ถนัดในการจัดการกับพวกเด็กๆ ที่นอกเหนือไปจากการฟาดสักสองสามที หรืออบรมอย่างยืดยาวซึ่งก็ไม่เคยได้ผล การแต่งงาน มีลูก และต้องเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีจึงเป็นเหมือนกับเรื่องสยองขวัญในความคิดของเขาเสมอมา

สารวัตรโฮม กับผู้ช่วยวสันต์ รอดชีวิตจากการจมน้ำตายมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นวิธีการตายที่ทรมานที่สุด หรืออย่างน้อย จนถึงตอนนี้ มันก็เป็นวิธีการตายแบบทรมานเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเคยเฉียดเข้าใกล้ ไม่นับถึงช่วงเวลาที่เขาจำต้องเผชิญหน้ากับอาวุธร้ายที่จ่อตรงมา ในชั่วขณะที่มีความตายรออยู่ห่างออกไปเพียงเสี้ยววินาที จนราวกับว่า ความตาย นั้นกำลังมายืนกระซิบเรียกหาเขาอยู่ที่ข้างหู เพราะช่วงเวลาพวกนั้นไม่เคยทำให้เขาต้องรู้สึกทรมานแบบนี้เลย

แต่ในท้ายที่สุด เหตุการณ์ก็พลิกผันกลับกลายเป็นแปลกพิลึก เมื่อเขาได้ประกบริมฝีปากกับวสันต์ เพื่อพยายามที่จะยื้อชีวิตของเธอเอาไว้อย่างไร้ความหวังในท่ามกลางสายน้ำที่ท่วมสูงจนมิด เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่แล่นขึ้นไปตามใบหน้าเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา ดีที่ไม่มีใครในที่นี้สนใจมองมาที่เขา มันนับเป็นการจูบอย่างไม่ต้องสงสัย และทั้งสองต่างก็ไม่พยายามที่จะพูดถึงมันอีก เมื่อน้ำทั้งหมดนั้นได้ไหลผ่านไปในชั่วเสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นเอง

ทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนพื้นที่เปียกนองอยู่อย่างนั้นอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ตัวว่าความตายได้ไหลผ่านไปแล้ว

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ อันน่ากระอักกระอ่วนสิ้นสุดลง วสันต์ได้เสนอให้ทั้งคู่ถอยห่างจากกัน หันหลัง แล้วพยายามทำให้เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มโชกของแต่ละคนแห้งลงมากให้ได้ที่สุด ซึ่งทำให้ต้องมีการ ถอด เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งก็นับเป็นช่วงเวลาแปลกๆ ระหว่างทั้งคู่อีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นติดๆ กัน
จากนั้นโฮมก็ได้เสนอความคิดหนึ่งขึ้น “เราไปต่อกันดีกว่า” เขายังคงไม่ไว้วางใจในตัวกู๊ดแมน มนุษย์หมาป่าอาจจะไม่ยอมหวนกลับมาช่วยถึงแม้ว่าจะทำได้ พวกเขาอาจถูกทิ้งให้ต้องติดอยู่ในถ้ำลึกลับแห่งนี้ และการนั่งรออยู่เฉยๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำแน่นอน

ทั้งคู่พากันเดินลึกเข้าไปจนกระทั่งได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เด็กชายผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งกินสิ่งที่เขาล้วงหยิบออกมาจากตะกร้าปิกนิกใบโต วสันต์รู้ได้ในทันทีว่าเธอได้พบเจอกับคนที่กำลังตามหา เหมือนกับที่แซนแมนเคยบอกกับเธอเอาไว้

'คุณจะรู้ทันที เมื่อได้พบเขา เพราะเขาคือ คิง ปริ้น ลูกชายคนเดียวของ แซนแมน'

“พวกคุณไม่ใช่ เธอ” นั่นเป็นคำแรกที่เขาเอ่ยทัก

วสันต์ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมข้อมูลของสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาผ่านคำถามทั่วๆ ไป เขาเป็นเด็กที่ขอบพูดคุย เปิดเผย ซึ่งทำให้งานของเธอง่ายยิ่งขึ้น

เธอรู้แล้วว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ที่แซนแมนห้ามไม่ให้ลูกชายข้ามมาอย่างเด็ดขาด มันเป็นสถานที่ลี้ลับที่มีแต่คนในตระกูลคิงเท่านั้นที่รู้จัก 'อย่างน้อยก็จนกระทั่งถึงตอนนี้' สองพ่อลูกทะเลาะกันในเรื่องผลการเรียนของเขาที่ตกต่ำลงกว่าเดิม แซนแมนผู้พ่อนั้นพยายามชี้ให้เห็นว่าจำนวนตัวเลขของคะแนนเหล่านั้นจะส่งผลอย่างไรกับชีวิตในอนาคต ในขณะที่แซนแมนคนลูกก็พยายามที่จะคัดค้านว่าการได้ใช้ชีวิตไปตามต้องการนั้นต่างหาก ที่มีความสำคัญมากกว่า และทั้งสองต่างก็เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคิดผิดถนัด

'ทั้งคู่ทะเลาะกัน แล้วเด็กชายก็หนีมาที่นี่ สถานที่ที่ตนถูกสั่งห้าม มันมักจบลงแบบนี้เสมอ' เธอคิด

“มันเป็นครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ได้ด้วยตัวเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมพ่อถึงห้ามไม่ให้มาที่นี่ ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก” แต่เธอไม่เชื่อว่าเขาจะคิดแบบนั้นจริง แต่เพราะเขาคงไม่อยากยอมรับว่าพ่อของตนพูดถูกมากกว่า “มันไม่มีอันตรายอะไรนอกจากเด็กผู้หญิงท่าทางเศร้าๆ คนหนึ่ง และผมไม่คิดว่าพ่อจะเป็นคนที่นำเธอมาไว้ที่นี่”

เธอไม่แน่ใจ แซนแมนคนนั้นดูเหมือนจะยังมีความลับอีกหลายสิ่งซุกซ่อนเอาไว้

“ผมยังจำคำถามแปลกๆ ที่เธอถามในครั้งแรกที่พบหน้ากันได้ดี เธอถามผมว่า ฉันเป็นใคร แทนที่จะถามว่า เธอเป็นใคร แล้วแนะนำตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น” วสันต์นึกสงสัยว่าเด็กผู้หญิงที่เขาพบนั้นจะเป็นคนเดียวกันกับสาวน้อยหมวกแดงหรือไม่ รูปกายภายนอกของเธออาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เธออาจเคยถูกกักขังอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ก่อนที่จะหนีออกไปก่อคดีด้วยการลักพาตัวคุณครอส จนกระทั่งก่อเรื่องราววุ่นวายต่างๆ ขึ้นในมหานคร ซึ่งเธอมั่นใจว่าสารวัตรโฮมเองก็คงคิดแบบเดียวกัน

“แล้วเธอยังถามผมอีกว่า ฉันจะออกไปข้างนอกได้ไหม ซึ่งผมก็ตอบไปว่า ได้ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะห้ามไม่ให้เธอไป มันทำให้เธอยิ้ม ก่อนที่จะหยิบตะกร้าใบนี้ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้” เขาชี้ไปที่ตะกร้าปิกนิกตรงหน้า “ตอนนั้นผมกำลังรู้สึกหิวอยู่พอดี แล้วในนี้ก็มีแต่ของกินอร่อยๆ ที่ผมชอบทั้งนั้นเลย” เขาล้วงมือเข้าไปภายในก่อนหยิบเอาโดนัทเคลือบน้ำตาลชิ้นโตน่ากินออกมา

“พอรู้ตัวอีกที ผมก็นั่งลงแล้วเริ่มลงมือกินมาตลอด ส่วนเธอคนนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้”

“แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมกลับไปหาพ่อของเธอ เขาเป็นห่วงเธอมากรู้ไหม” วสันต์ถาม

“ผม...” เขาตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะส่ายหน้า พร้อมกับส่งขนมที่เหลืออยู่ในมือเข้าปากแล้วพูดเบาๆ ด้วยเสียงอู้อี้ “ผมอยากให้พ่อออกตามหา มารับผมกลับไปมากกว่า”

'ถึงเขาจะเป็นลูกชายของแซนแมน แต่เขาก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง'

โฮมนั่งฟังอยู่เงียบๆ กับความสงสัยที่ว่าตะกร้าใบนั้นจะบรรจุขนม และของกินต่างๆ ได้มากมายเพียงใด เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าถ้ำแห่งนี้น่าจะเป็นห้องคุมขังประเภทหนึ่ง ประเภทที่เก่าแก่ และมีระบบป้องกันการหลบหนีที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเขาหมายถึงตัวแซนแมนผู้พ่อ ไม่ใช่เด็กชายแซนแมนคนนี้ที่ได้เผลอปล่อยให้สาวน้อยหมวกแดงหนีออกไปโดยไม่รู้ตัว

'ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวความบาดหมางระหว่างคนเก่าแก่อย่างที่ฉันกังวล แต่ใหญ่โตยิ่งกว่านั้นมาก' เขาไม่รู้ว่าเบื้องหลังระหว่างคนเหล่านี้เป็นอย่างไร ทำไมสาวน้อยหมวกแดงจึงต้องการที่จะทำลายโลกของเขา และคุณครอสเคยมีความแค้นสิ่งใดกับเธอผู้นี้มาก่อนหรือไม่ หรือว่าคุณครอสจะเป็นเพียงแค่หนทางหนึ่งซึ่งเธอใช้เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายเท่านั้น

“...พวกคุณทำอะไรกันอยู่ครับ” ทอยตัดสินใจเป็นฝ่ายส่งเสียงทักทายขึ้นก่อน วสันต์สะดุ้ง ส่วนโฮมเองก็ไม่ทันได้ระวัง แต่ก็แก้ตัวกับตนเองว่าเป็นเพราะทอยผู้นี้คือมือสังหารอาชีพ ส่วนเด็กชายนั้นเพียงแค่กล่าวพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ทำไมถึงมีคนมาเยอะจริง”

สุดท้ายทั้งหมดจึงมารวมตัวกันอยู่ภายในโถงถ้ำเพื่อปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“เราต้องรีบตามหาตัวคุณครอสให้พบเป็นอันดับแรก” สโนวยังคงยืนยันความคิดเดิม “พวกเธอตามรอยสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นต่อได้ไหม” เธอหมายถึงมนุษย์หมาป่าทั้งสอง ที่ส่ายหน้าเกือบจะพร้อมกัน

“ผม...ทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ผมแค่รู้สึกว่าถ้ำแห่งนี้มันแปลกๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นมากกว่านั้น มันเป็นสถานที่พิเศษซึ่งไม่น่าจะเข้ามา หรือออกไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว” แต่ที่พวกเขาสามารถทำได้คงเป็นเพราะว่า คิง ปริ้น ยังไม่ไปไหน

“ไม่ใช่จากที่แบบนี้ ฉันเสียใจด้วยเซฟ” คุณนายวิกเซ่นเองก็ยอมรับ ถึงแม้ว่านางอยากที่จะเอาชนะกู๊ดแมนมากเพียงใดก็ตาม

“ถ้าอย่างนั้น” สโนวหันไปทางเด็กชาย “เธอพอจะช่วยพวกพี่ได้ไหม ช่วยตามหา...เด็กผู้หญิงที่พบในถ้ำแห่งนี้” ซึ่งทั้งหมดต่างลงความเห็นร่วมกันว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับสาวน้อยหมวกแดงนั่นเอง ”ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เธอน่าจะทำได้ ในฐานะลูกชายของแซนแมน”

“ผม...ไม่แน่ใจ” เด็กชายตอบอย่างลังเล

“มันเป็นเรื่องสำคัญมาก เรื่องที่มีความเป็นความตายของผู้คนทั้งหมดบนโลกใบหนึ่งเป็นเดิมพัน” สโนวย้ำ “คุณพ่อของเธอจะต้องภูมิใจถ้าเธอช่วยพวกเราได้” เธอพยายามโน้มน้าว

“ผมไม่คิดอย่างนั้น...พ่อเคยพูดอยู่เสมอว่า โลกแห่งความฝันทั้งหลายนั้นก็เป็นเหมือนกับโลกในจินตนาการอันแสนเปราะบาง เราจึงควรใส่ใจกับความเป็นจริงตรงหน้ามากกว่า”

สโนวปิดปากของเธอไว้ได้ทัน 'แต่ความฝัน จินตนาการที่ว่านั้นมันคือความเป็นจริงสำหรับพวกฉันนะ' เธอพยายามปั้นรอยยิ้มเอาไว้ แต่มันก็เป็นยิ้มที่เยียบเย็นจนใครๆ ก็มองเห็นได้

“...ดูเหมือนว่าพวกคุณคงจะไม่ค่อยชอบความคิดของผม...”

เสียงนั้นดังขึ้นใกล้ๆ ทุกคน แต่ก็คล้ายกับจะดังมาจากสถานที่ที่แสนห่างไกล เสียงที่เหมือนกับว่ากำลังมีสายลมพัดแรง จากอากาศที่ว่างเปล่า ในที่ว่างของโถงถ้ำลึกลับ มีเม็ดทรายเริ่มไหลทะลักออกมา จากความว่าง พลังงานได้สั่นสะเทือนให้เกิดเป็นคลื่น เป็นอนุภาค รวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอะตอม ก่อเกิดเป็นวัตถุขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง หรืออาจจะเป็นในโลกแห่งความฝันก็ตามที

เม็ดทรายที่ไหลลงมาเหล่านั้นค่อยๆ ก่อรูปร่างจนกลายเป็นชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง ผมของเขาสั้น มีหนวดเคราที่ตัดเล็มไว้ให้เข้ากัน ท่าทางของเขานั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจ ชุดที่สวมใส่เป็นเสื้อแขนสั้นกับกางเกงขายาวที่ไม่ธรรมดา เพราะสีและพื้นผิวของพวกมันนั้นทำให้มองดูราวกับว่าเขาได้สวมใส่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลไว้บนร่าง

แต่มันทำให้ทอยที่รู้ตัวเป็นคนแรก และเฝ้าดูอยู่นึกไปถึงนาฬิกาทราย ในเวลาที่เม็ดทรายกำลังร่วงหล่นลงมา

“...พ่อ” เด็กชายร้องออกมาเบาๆ ก่อนที่จะรีบหนีไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังวสันต์
คิง แซนแมน ได้มาปรากฎกายขึ้นต่อหน้าทุกคนอย่างน่าประทับใจ คงมีเพียงสารวัตรโฮมเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ทำให้ไม่พอใจในตัวของแซนแมนผู้นี้

“ฉันคิดอยู่เหมือนกันว่าคุณ อาจ จะมา คุณแซนแมน” วสันต์เอ่ยทักเพราะเป็นเพียงผู้เดียวที่เคยพบกับเขามาแล้วในโลกความฝัน หรือจะเป็นโลกความเป็นจริงก็คงแล้วแต่มุมมอง ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอรู้สึกแปลกใจมากที่เขายอมเป็นฝ่ายมาหา และทำให้เธอรู้สึกดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม

“...ผมไม่ควรตามคุณมา โดยเฉพาะที่นี่ แต่ผมก็มาแล้ว ผมพึ่งรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาบอกพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาลูกชาย คนอื่นนั้นอาจไม่รู้ตัว แต่วสันต์พบว่ารูปกายภายนอกของเด็กชายกลับไปเหมือนกับในภาพที่เคยเห็นอีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะอิทธิพลจากพ่อของเขา หรืออาจเป็นเพราะตัวเด็กชายเองก็พยายามที่จะเป็นบางอย่างตามที่พ่อต้องการโดยไม่รู้ตัว

“พ่อ...” เด็กชายยังคงยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังของวสันต์ ก่อนที่สุดท้ายก็ขยับเดินออกมาเอง “ผม...ขอโทษ” เขาเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาคู่นั้นในยามที่เอ่ยออกไป

แซนแมนพยักหน้า “พ่อย่อมยกโทษให้ลูกได้เสมอ” ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ย่อตัวลงพร้อมกับกอดลูกชายที่โผเข้ามาเอาไว้ วสันต์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่โฮมกลับรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้นของเธอ

แซนแมนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับผลักร่างของลูกชายออกไปให้กับวสันต์ ก่อนที่จะยิ้มให้เธอ แล้วจึงหันไปพยักหน้าให้กับมนุษย์หมาป่าทั้งสอง ซึ่งเขาได้ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง

“...ผมไม่ควรมา ผมทำพลาด”

ทอยเป็นเพียงคนเดียวในทั้งหมดนอกจากตัวแซนแมนเอง ที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในโถงถ้ำ ทันใดนั้นแสงเรืองจากพืชประหลาดก็หรี่ลงจนเกือบจะกลายเป็นความมืดสนิท จุดดวงไฟเล็กๆ พลันสว่างวาบขึ้น พร้อมกับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้ขีดไฟ และเสียงอันคุ้นเคยของสาวน้อยหมวกแดงก็ดังขึ้น

“ช่าย เจ้าทำพลาดอีกแล้ว”

แสงสว่างเรืองภายในถ้ำหวนคืนกลับมาพร้อมกับทุกสิ่ง นอกจาก คิง แซนแมน ที่ไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป


Create Date : 31 สิงหาคม 2557
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 19:12:51 น. 0 comments
Counter : 619 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.