ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (24)

มีข้อมูลที่อยู่ใน 'บันทึกแห่งมหานคร' สมุดลึกลับที่เก่าแก่อย่างไม่น่าเชื่อซึ่งตกทอดสืบต่อกันมาเล่มนั้นอีกมาก ที่ลินคอนยังไม่อาจถอดรหัส แปล หรือทำความเข้าใจพวกมันได้ แม้ว่าจะได้ทุ่มเทเวลา และความพยายามมากมายให้กับการค้นคว้ามาเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตาม แต่หากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ เขาก็รู้ว่าตนเองนั้นมีหน้าที่สำคัญประการหนึ่งที่จำเป็นต้องทำ นั่นคือการจดบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นลงไป

'ป้อนตัวอักษร ข้อความ เรื่องราว ที่คงเป็นเหมือนอาหารแสนโอชะให้กับหน้าว่างเปล่าที่หิวกระหายพวกนั้น' ภาพในจินตนาการของเขาพลันบิดเบี้ยว มันมีโต๊ะทำงาน ตัวเขา หรืออาจเป็นเจ้าของสมุดบันทึกในรุ่นก่อนๆ กำลังนั่งอยู่ใต้แสงเทียนริบหรี่ มีเพียงมือเท่านั้นที่เคลื่อนไหวเพื่อขีดเขียนเรื่องราว แปรเปลี่ยนความทรงจำในสิ่งที่พวกตนได้ประจักษ์ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ ตัวอักษร สื่อความหมายไปถึงผู้ที่สามารถทำความเข้าใจ 'เลี้ยงดูให้มันเติบโตขึ้น ด้วยการสอดแทรกบางส่วนจากโลกแห่งความเป็นจริงของเราเข้าไป ทำให้สิ่งที่เคยเกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้ว สามารถดำรงค์คงอยู่ต่อไปภายในสมุดเล่มนั้น'

สมุดถูกปิด แสงเทียนดับมืด ผู้บันทึกสูญหาย ทั้งหมดถูกกลืนกินไปโดยสิ่งที่ถูกเรียกโดยมนุษย์ว่า ความตาย 'แต่ไม่ว่าเวลาในโลกภายนอกนี้จะผ่านพ้นไปนานสักเพียงใด เหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็จะเป็นเหมือนกับเรื่องราวอื่นๆ ที่ได้เคยถูกบันทึกเอาไว้ก่อนหน้า มันจะสามารถเกิดขึ้นได้อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกครั้งที่มีใครบางคนเปิดมันออกอ่าน เพียงแต่ว่ามันจะไม่เหมือนเดิม ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าสัญลักษณ์ ตัวอักษร หรือสื่อภาษาที่ใช้จะซับซ้อนก้าวหน้าสักเพียงใด ก็ไม่อาจนำพาสิ่งที่สิ้นสุดลงแล้วให้กลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์' เขาไม่รู้ว่าความคิดประหลาดๆ พวกนี้ผุดขึ้นมาจากซีกใดในสมอง หรือจากภายในจิตใจส่วนใดกันแน่

เป็นอีกครั้งที่ โศกาคิด ได้เขียนบางสิ่งที่คล้ายกันนี้เอาไว้เช่นกัน

'ความเป็นจริง นั้นใหญ่โตเกินไป จนน้อยคนนักที่จะสามารถเห็นมันทั้งหมดด้วยการมองในครั้งเดียว เราจึงจำเป็นต้องกวาดตาไปรอบๆ และเมื่อเราคิดว่าได้เห็นทั้งหมด มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราเห็นได้เพียงเฉพาะส่วนหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อเราละสายตาไปจากส่วนนั้นเพื่อมองดูส่วนถัดไป ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น มันก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกัน

ความเป็นจริงที่แต่ละคนรับรู้ได้จึงเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ละคนต่างมองเห็นความเป็นจริงที่ในบางความเชื่อเรียกว่าเป็น มายา ความเป็นจริงของแต่ละคนที่ไม่ใช่ความเป็นจริงทั้งหมด

แม้แต่ในตอนนี้ ตอนที่ท่านกำลังอ่านข้อความ กำลังคิด กำลังทำความเข้าใจในสิ่งที่ฉันเขียนขึ้น มันคล้ายกับว่าท่านกำลังเข้ามานั่งอยู่ภายในจิตใจ อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ข้อความทั้งหมดนี้ได้ถูกเขียนขึ้น แต่ ฉัน ในความคิด ในจินตนการของแต่ละท่าน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นตัวฉันที่แท้จริงไปได้ และแม้แต่ตัวฉันเองในขณะที่ย้อนกลับมาอ่านข้อความทั้งหมดนี้อีกครั้ง ก็จะกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมายาเช่นกัน'

ตัวอักษรในตอนช่วงท้ายนั้นไม่สวยงามเรียบร้อยเหมือนกับส่วนอื่นๆ ที่เขียนอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้ เนื้อความก็ชวนให้มึนงงสับสนกว่าที่เคย ไม่มีใครแน่ใจว่าโศกาคิดตั้งใจจะทิ้งให้พวกมันมีสภาพเป็นเช่นนี้อย่างจงใจหรือไม่

“เชิญครับ ท่านผู้ว่า” โฮมผายมือให้ลินคอนเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องลับด้วยตัวเอง โดยมีทอยกับสโนวยืนรออยู่ใกล้ๆ ทางด้านหลัง

“คุณปลดล็อคมันแล้วใช่ไหม” ลินคอนถามในขณะที่ยื่นมือออกไป

“เอ่อ...ก็ ครับ” โฮมพึมพำ ทั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้เพียงครู่เดียว เขายังคงมีความมั่นใจในเรื่องกุญแจเมืองดอกนั้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

ลินคอนออกแรงผลักเพียงเบาเบา ประตูบานนั้นก็เปิดอ้าออกอย่างง่ายดาย โฮมถึงกับเผลอถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัวเมื่อได้รู้ในที่สุดว่ากุญแจเมืองกับความเชื่อมั่นเมื่อครู่ของเขานั้นใช้ได้ผลจริง แต่ลินคอนกลับไม่ได้ก้าวเข้าไปในทันที เขาหยุดยืนนิ่งราวกับว่าภายในห้องกำลังเกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์บางอย่าง หรือมีบางสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน อีกสามคนที่เหลือต่างพากันเขยิบเข้ามาดูใกล้ๆ

สิ่งแรกที่โฮมรับรู้ได้ก็คือความเย็นเยียบที่ลอยผ่านออกมา ทุกสิ่งภายในห้องที่มองเห็นผ่านช่องประตูนั้นยังคงเป็นอย่างที่เขาเคยจำได้ เพียงแต่ตอนนี้พวกมันถูกชั้นบางๆ สีขาวของสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นน้ำแข็งเคลือบทับอยู่จนทั่ว ไม่มี แจ็ค ฟรอส ให้พบเห็น จะมีก็เพียงร่างของบางสิ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับสโนวบอลลูกนั้นที่ปราศจากร่องรอยการเคลือบทับของน้ำแข็งอย่างน่าประหลาดใจ

'นั่นต้องไม่ใช่ แจ็ค ฟรอส' โฮมมั่นใจ ร่างนั้นไม่มีทางที่จะเป็นชายคนที่เขาเคยพูดคุยด้วยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่ามันจะมีดวงตาสีฟ้า กับสิ่งที่มองดูคล้ายกับชุดสูทสีฟ้าคลุมอยู่บนร่างที่คล้ายมนุษย์ก็ตาม

“สวัสดีค่ะ คุณฟรอส”

สิ่งนั้นสามารถขยับส่วนที่น่าจะเป็นศีรษะหันมาทางสโนว ส่วนที่คล้ายริมฝีปากเปิดอ้าออกพร้อมกับส่งเสียงได้อย่างไม่น่าเชื่อ “โอ้ ว่าไง เซพ” น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบ และชวนให้เกิดความรู้สึกราวกับว่ามีใครนำก้อนน้ำแข็งมาถูไปมาบนใบหู

'นี่คือฟรอสอย่างนั้นหรือ' ทั้งลินคอน และโฮมต่างหันมามองหน้ากัน แลกเปลี่ยนความสงสัยผ่านแววตานั้น ร่างที่เห็นมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีบางสิ่งสีขาวขุ่นปกคลุมอยู่ตัว มันมองดูคล้ายกับขนปุยของหมีขั้วโลก โฮมคิดว่ามันอาจจะเป็นชั้นเคลือบของน้ำแข็ง เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องนี้ก็เป็นได้

“คุณดูสบายดีนะคะ”

“ข้าไม่เคยได้รู้สึกสบายตัวแบบนี้มานานแล้ว” ร่างนั้นตอบพร้อมกับทำท่าที่ทอยคาดว่าอาจจะเป็นการขยิบตาก็เป็นได้ 'นั่นคล้าย แต่ดูอารมณ์ดีกว่าคุณฟรอสที่ฉันจำได้' เขาคิด

สโนวเป็นผู้ก้าวนำเข้าไปภายในห้อง ก่อนที่คนอื่นๆ จะติดตามเข้าไป โดยเริ่มจาก ลินคอน โฮม และปิดท้ายด้วยทอย โชคดีที่ทุกคนต่างยังคงสวมใส่เสื้อโคทของตนเอาไว้ เพราะเมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องนี้ ลมหายใจของพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นควันสีขาว และแทบจะจับตัวแข็งในอากาศได้ในทันที

ทอยใช้บางส่วนของชายเสื้อโคทรองไว้ก่อนแตะมือกับด้านในของประตูที่มีชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่อย่างระวัง และเมื่อลินคอนพยักหน้า เขาจึงปิดมันลง

“พวกเจ้ายังหาครอสไม่พบ นั่นเป็นข่าวดีสำหรับข้า” ร่างนั้นพูดอย่างร่าเริง มันเป็นความร่าเริงที่เสียดแทงเข้าไปในหัวใจของผู้ที่รับฟัง ลินคอนยังจำได้ถึงท่าทีร้อนรนก่อนหน้านี้ของฟรอส ที่เร่งให้ตามหาตัว คุณ ครอส 'ที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ครอส' ให้พบโดยเร็ว 'รูปร่างของเขาในตอนนี้มองดูคล้ายกับยักษ์น้ำแข็ง เพียงแต่มีขนาดตัวเท่ากับมนุษย์' และเขาไม่อยากคิดว่าในท้ายที่สุดแล้ว ฟรอสอาจจะกลายเป็นยักษ์น้ำแข็ง ที่มีขนาดตัวอย่างที่ยักษ์ควรจะเป็น

ลินคอนยิ่งเข้าใจในสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ ว่าทำไมฟรอสจึงเคยเป็นหนึ่งในคนเก่าแก่ที่น่ากลัวที่สุด

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะคุณฟรอส เราต้องหาคุณครอสพบแน่ คุณก็รู้ คุณครอสไม่เคยพลาดเทศกาลของขวัญมาก่อน” แต่น้ำเสียงของสโนวกลับฟังดูไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกับถ้อยคำที่ใช้

“ข้า...” ทอยมองเห็นความลังเล มองเห็นประกายของความอบอุ่นชั่วแวบหนึ่งในแววตาสีฟ้าใสที่เป็นเหมือนกับหัวใจของน้ำแข็งทั้งปวงคู่นั้น “...แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป” ร่างนั้นขยับได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันเหมือนกับว่าน้ำแข็งเกิดการละลายตรงส่วนข้อต่อเพื่อให้มันเคลื่อนที่ได้ ก่อนจะแข็งตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนราวกับมันไม่เคยละลายมาก่อน เหมือนกับรูปสลักน้ำแข็งทั้งก้อนที่เคลื่อนไหวได้โดยไม่เกิดการแตกหัก

“ข้ารู้สึกเบื่อกับความวุ่นวายสับสน มีความเปลี่ยนแปลงมากเกินไป รวดเร็วเกินไป ตัวเลขต่างๆ สับสนจนเกินไป ทุกสิ่งในโลกนี้ควรเรียบง่ายอย่างที่มันเคยเป็น เหลือเพียงแค่สีขาว ตัวเลขศูนย์ และความสงบนิ่งชั่วกาล”

ทอยไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมฟรอสจึงเปรียบเทียบความวุ่นวายต่างๆ ในความคิดของตนเข้ากับตัวเลข บางทีมันอาจเป็นความสนใจของฟรอสเอง และทำให้เขากลายมาเป็นเสมียนของร้านของเล่นซีเอฟก็เป็นได้ เพราะเป็นงานที่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับตัวเลขต่างๆ ตัวเลขที่ทวีจำนวนได้มากมายไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นในทางบวก หรือลบ

ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นต่างมีจุดเริ่มต้น หรือจุดจบร่วมกัน ศูนย์ คือศูนย์กลางของทุกสิ่ง

ลินคอนจินตนาการไปถึงโลกที่มีเพียงสีขาวโพลน โลกที่มีเพียงน้ำแข็ง มันเป็นโลกที่แสนสงบเงียบ และเกือบจะไร้ชีวิต ที่เคยเรียกกันว่า ยุคน้ำแข็ง นั่นเอง และความคิดนี้คงจะทำให้เขาตัวสั่น ถ้าตัวของเขาไม่ได้กำลังสั่นอยู่แล้วในตอนนี้

โฮมเริ่มเล่าถึงเบาะแสต่างๆ ที่เขาค้นพบ ซึ่งฟรอสไม่แสดงทีท่าสนใจใดๆ จนกระทั่งเขาได้พูดถึงเด็กสาวขายไม้ขีดไฟที่ทำให้ทอยหลุดหายเข้าไปในความฝัน ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญสำหรับการหายตัวไปอย่างลึกลับของคุณครอสในครั้งนี้

“โลกแห่งฝัน” ฟรอสพึมพำ มันเป็นเหมือนเสียงแตกร้าวบนผิวบางๆ ของน้ำแข็ง ที่โฮมเชื่อว่าตนอาจกำลังยืนอยู่โดยไม่รู้ตัว “...ไม่ ข้าไม่สน มันไม่เกี่ยวกับข้าอีกแล้ว” ฟรอสหันกลับไปที่โต๊ะ มองดูสโนวบอลที่ภายในมีแบบจำลองของตึกนคราภิวัฒน์แห่งนี้บรรจุอยู่

ทอยมองตามด้วยความประหลาดใจ ภายในสโนวบอลที่คงถูกตั้งทิ้งไว้มานานแล้ว เกล็ดสีขาวอันเป็นตัวแทนของหิมะยังคงร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง ถมทับตัวตึกให้จมหายไปบางส่วน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นถึงสภาพของมหานครแห่งนี้ที่ควรเป็นหากปราศจากพลังพิเศษของวัตถุชิ้นนี้

“ผมเข้าใจว่าคุณคงมีข้อมูลบางอย่าง” โฮมลองถามนำ แต่ฟรอสยังคงไม่สนใจ

“คุณฟรอส ฉันรู้ว่าคุณยังคงเป็นห่วงคุณครอสอยู่ ช่วยเราด้วยนะคะ” สโนวช่วยพูดด้วยอีกแรง

“...ไม่ เซพ ข้าไม่สนใจอีกแล้ว” ฟรอสก้มหน้าพึมพำ

ลินคอนที่เอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่ได้ก้าวย่างกลับเข้ามาภายในห้องนี้เอ่ยขึ้นช้าๆ “ไม่คุณฟรอส คุณยังใส่ใจพวกเราอยู่” ฟรอสเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันมาทางเขา ดวงตาสีฟ้าใสนั้นแทบจะสามารถแช่แข็งหยุดหัวใจของเขาได้ในทันที แต่มันไม่ได้มีความเกลียดชังอยู่ในนั้น ไม่ได้มีความเกลียดชังต่อผู้ที่พยายามกักขังตัวเขาเอาไว้ภายในห้องเล็กๆ นี้

'มันเป็นเรื่องตลก ไม่มีใครสามารถกักขัง ยุคน้ำแข็ง เอาไว้ได้ด้วยของเล่นเล็กๆ เพียงชิ้นเดียวแบบนี้' ลินคอนบอกกับตัวเอง “คุณจะทำลายมันเมื่อไรก็ได้ใช่ไหม ผมหมายถึงสโนวบอลลูกนั้น พลังของมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณเลย แต่ที่คุณทำก็เพียงแค่นั่งมองดูมันเท่านั้น” ฟรอสหันกลับไปมองสิ่งที่ถูกกล่าวถึง คล้ายกับกำลังพยายามคิดหาคำตอบให้กับตัวเองในเรื่องนี้เช่นกัน

“คุณยังคงสนใจพวกเราอยู่ ดังนั้น ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ผมคิดว่าเรายังความหวังเหลืออยู่”

ฟรอสยังคงนั่งนิ่ง ก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงดังราวกับสายลมพัดกลางทุ่งน้ำแข็งเดียวดาย “...ไม้ขีดไฟ ที่พวกเจ้าพบนั้นคือกุญแจ...แต่ยังขาดผู้นำทาง ผู้ที่จะสามารถติดตามเหยื่อของตนไปจนสุดหล้า กับใครอีกคนที่...” แล้วคำพูดของฟรอสก็หยุดลงเพียงแค่นั้น แต่ลินคอนก็มองตามสายตาสีฟ้าคู่นั้นไปโดยไม่ยอมพลาด

“เอ่อ ถ้าคุณจะช่วยพูดให้มันกระจ่างชัดกว่านี้...” โฮมกล่าว แต่ยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดโดยฟรอส “จงออกไปซะ ข้าต้องการความสงบ”

“พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ” ลินคอนเป็นผู้ตัดสินใจเมื่อคิดว่าคงไม่อาจได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากยักษ์น้ำแข็งตนนี้อีกแล้ว

“แล้วพบกันนะคะ คุณฟรอส” สโนวว่า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อทุกคนหันหลังกำลังจะก้าวออกจากประตู เสียงของฟรอสก็พลันดังขึ้น “ข้าไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว...เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ผ่านพ้น เราจะได้พบกัน...เป็นครั้งสุดท้าย” นั่นเป็นเสียงที่ทุกคนไม่อยากได้ยิน มันเหมือนกับเสียงเริ่มต้นของการถล่มครั้งใหญ่ของหิมะปริมาณมหาศาลจากบนยอดเขาสูง หรือไม่ก็เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหน้าบางๆ ที่เป็นน้ำแข็งนั้นแตกทะลุตกลงสู่ผืนน้ำเย็นเฉียบเบื้องล่าง

ประตูบานเดิมถูกปิดลงอีกครั้ง และโดยไม่ลังเล ลินคอนรีบล้วงกุญแจเมืองของตนออกมาพร้อมกับทำการปิดมันเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน

“...มันจำเป็น ผมเป็นผู้ว่า ผมต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้” ถึงแม้ตัวเขาเองก็คิดว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่มีความจำเป็นอีกแล้วก็ตาม

“แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อดีครับ” โฮมถาม

“ตอนนี้ผมกับคุณคงต้องหาทางรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้ก่อน ทำให้ตำรวจ ทำให้เมืองแห่งนี้ยังคงตั้งอยู่ในความสงบต่อไป เพราะความวุ่นวายจากฝูงชนที่แตกตื่นนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างสุดท้ายที่เราต้องการ” โฮมพยักหน้าเห็นด้วย “หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องรีบหาหนทางติดตามตัวคุณครอสให้พบโดยเร็วก่อนที่จะถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้”

ลินคอนหันมาหาทอยกับสโนว และเขาจ้องมองสโนวอย่างมีความหมาย “นั่นรวมถึงพวกคุณทั้งสองคนด้วย และผมไม่ต้องการได้ยินคำปฏิเสธ ผมจะจัดห้องพักให้พวกคุณอยู่ด้วยกันชั่วคราวในขณะที่ผมกับสารวัตรโฮมไปเข้าร่วมการประชุมด่วน และจะต้องไม่มีการหลบหนีเกิดขึ้น”

ลินคอนยกชูกุญแจเก่าๆ ดอกเมื่อครู่ให้ทั้งคู่เห็น ในขณะที่มันสะท้อนประกายอย่างแปลกตา


Create Date : 12 มกราคม 2557
Last Update : 12 มกราคม 2557 13:56:46 น. 0 comments
Counter : 556 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.