ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
ทอย (2)

ทอยเดินออกจากอาคารที่ตนพึ่งผ่านการสัมภาษณ์งานมาเมื่อครู่ ทางประตูเล็กๆ ที่อยู่ในตรอกแคบๆ ด้านข้าง บานประตูนั้นแทบจะกลมกลืนเป็นผืนเดียวกันกับกำแพง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางบางส่วนของท่อเก่าๆ ที่มีน้ำหยดไหลเป็นทาง กลุ่มมอสสีเขียวคล้ำตามรอยชื้น ขึ้นซ้อนทับอยู่บนซากบรรพบุรุษของพวกมันเอง และเงามืดภายในนี้ที่ดูเหมือนจะไม่เคยจากไปไหน

หากไม่รู้มาก่อนว่ามีประตูอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่อาจหาพบได้โดยง่าย

เขาก้าวช้าๆ ตรงออกไปสู่ถนนใหญ่ย่านใจกลางเมืองซึ่งมีรถยนต์จำนวนมากวิ่งสวนกันไปมา ความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่เขารู้สึกได้ในทันทีก็คือเสียง ก่อนที่จะรู้สึกถึงสายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านมาด้วยซ้ำ

เสียงที่ทุกคนในเมืองต่างต้องได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กลับไม่เคยรู้ตัว มันเป็นการรวมเข้าด้วยกันของเสียงที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งจาก มนุษย์ สัตว์ และเครื่องจักรกลนานาชนิด เสียงที่เขาตั้งชื่อให้ว่า

เสียงหัวใจของเมืองที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง

ด้านในตรอก กับข้างนอกนี้แทบจะเป็นโลกสองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายในตรอกเงียบๆ อันเก่าแก่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเคารพยำเกรง ความเชื่อที่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ และน้ำตา ความหวาดกลัวแต่ครั้งโบราณ ในขณะที่ด้านนอกกลับเต็มไปด้วยความรวดเร็ว เปลี่ยนแปลง วุ่นวายสับสนจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

เขาเดินเลี้ยวไป และได้พบกับด้านหน้าของอาคารเดียวกันนี้ ซึ่งมีการประดับประดาตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามด้วยสีสันฉูดฉาด เพื่อดึงดูดให้เหล่าลูกค้าตัวน้อยลากพาผู้ปกครองซึ่งเป็นเจ้าของเงินสดในกระเป๋าให้ติดตามเข้าไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภายในหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ขนาบอยู่ทั้งสองข้างของประตูหน้าเป็นพื้นที่สำหรับใช้จัดแสดงสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ลูกบอล ตุ๊กตา ม้าไม้ หุ่นยนต์ เกม หรือของเล่นอะไรก็ตามเท่าที่คุณจะนึกออก รวมถึงสิ่งที่คุณอาจนึกไม่ออกล้วนมีอยู่ในที่นี้

เหนือบานประตูขึ้นไปเป็นป้ายชื่อร้านซึ่งประกอบไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวที่เด็กทุกคนต่างจดจำได้จนขึ้นใจ

C F

'ซีเอฟ คือ ความสุขของทุกคน' นั่นเป็นสิ่งแรกที่จะถูกนึกถึง อักษรตัวซีที่กลมมนนั้นเป็นสีแดงเข้ม ตัดขอบด้วยสีเขียวสด และมีขนาดใหญ่กว่า ในขณะที่ตัวเอฟซึ่งดูเป็นเหลี่ยมมุมนั้นเป็นสีฟ้าใส มีขนาดเล็กกว่าไม่มากนัก แต่ด้วยการเหลือบมองครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ทุกคนก็สามารถรับรู้ถึงความจริงในข้อนี้ได้ทันที

ซีเอฟเป็นชื่อร้านของเล่นที่เก่าแก่ที่สุด ดีที่สุด เป็นร้านที่ทุกคนต่างต้องนึกถึงเสมอเมื่อความหนาวเย็นมาเยือน เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงสิ้นปี เมื่อเทศกาลของขวัญใกล้จะมาถึง พ่อแม่ปู่ย่าตายาย และเด็กๆ ทุกคนต่างต้องเคยซื้อ หรือได้รับของเล่นที่มาจากร้านแห่งนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ซีเอฟนี้ย่อมต้องย่อมาจากชื่อของ คุณครอส กับ คุณฟรอส อย่างไม่ต้องสงสัย

ในยามสายเช่นนี้ร้านขายของเล่นยังคงไม่เปิดให้บริการ แต่ถึงอย่างนั้นที่หน้าตู้กระจก ก็ยังมีผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา แวะเวียนหยุดยืนดูสินค้าแห่งความสุขเหล่านี้อยู่ไม่ขาด

เขากระชับเสื้อกันหนาวให้เข้าที่ ก่อนเดินไปที่ป้ายรถประจำทางซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล นั่งรอคอยอยู่ไม่นาน รถเมล์สาย 666 ซึ่งจะนำเขากลับสู่ที่พักในปัจจุบันก็มาถึง เขาก้าวผ่านประตูขึ้นไป หยอดค่าโดยสารลงในเครื่องเก็บเงินตามจำนวน พนักงานขับรถหันมายิ้มให้เขานิดหนึ่ง เขายิ้มตอบไปด้วยความไม่เคยชิน ก่อนเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ว่างทางมุมด้านในสุด

มีคนอยู่บนรถประจำทางไม่มากนัก และทุกคนรวมถึงคนขับต่างไม่อาจจดจำว่าเขาได้ขึ้นมา และโดยสารไปในรถเมล์คันเดียวกันกับทุกคน

เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง กระจกหม่นๆ นั้นช่วยกั้นไม่ให้ความหนาวเย็นของอากาศจากภายนอกแทรกเข้ามา รวมกับเครื่องทำความร้อนที่ใช้ผลพลอยได้จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ช่วยทำให้ภายในตัวรถอบอุ่นสบายขึ้น

ดูเหมือนทุกวันนี้ความหนาวเย็นจะกลายเป็นเพียงความไม่สะดวกสบายเก่าๆ ที่จำเป็นต้องถูกควบคุม หรือกำจัดทิ้งไปอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น

เขามองดูภาพเมืองที่วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ ผู้คนที่เป็นปัจเจกนั้นค่อยๆ เลือนหายไปในฉากทางด้านหลัง ต้นไม้ สิ่งของ อาคารสถานที่ต่างๆ มองดูไม่ชัดเจน กลายเป็นกลุ่มเม็ดสีที่พร่าเลือน เหมือนกับคราบน้ำมันที่ลอยปะปนอยู่บนผิวน้ำซึ่งถูกกวนแต่ไม่มีวันเข้ากันได้

โศกาคิด นักปรัชญาโบราณผู้หนึ่งเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักของเขาหรือเธอว่า (ไม่มีใครมั่นใจว่าผู้แต่งนั้นเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรืออะไรกันแน่ เพราะในหนังสือมีการใช้สรรพนามเรียกหาตัวเองอย่างสับสน รวมถึงมีการใช้คำว่า Id(อิด), Ego(อีโก้) และ Super Ego(ซุปเปอร์ อีโก้) ซึ่งไม่มีใครแน่ใจว่าพวกมันหมายถึงสิ่งใดกันแน่)

ความจริงแล้วในโลกของเรานี้ ยังมีโลกต่างๆ อีกมากมายซ้อนทับกันอยู่เป็นชั้นๆ จนไม่อาจแบ่งแยกออกจากกันได้ ในทุกที่ว่าง ในทุกโอกาส ในทุกการกระทำ ในทุกการตัดสินใจ ล้วนก่อให้เกิดโลกเหล่านี้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่อง โลกทั้งหมดนั้นต่างใช้ กาลอวกาศ และสถานที่เดียวกันในการสำแดงออก นั่นก็คือจักรวาลหนึ่งเดียวแห่งนี้ เพียงแต่ผู้ที่เฝ้าดูนั้น จะสามารถรับรู้ได้ถึงโลกที่อยู่ในระนาบเดียวกันกับตนเท่านั้น

โลกทั้งหมด ทั้งที่คล้าย หรือแตกต่างกันมากเพียงใด ต่างก็ยังคงเป็นโลกใบเดียวกัน ดังนั้นมันจึงส่งผลประทบถึงกันเสมอ และในบางครั้งเมื่อเกิดการ เหลื่อมซ้อน ระหว่างโลกเหล่านี้ขึ้น ก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่อาจอธิบายได้ขึ้นมา

โบราณสถานเก่าแก่ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ภาษาโบราณที่ไม่เหมือนใคร อารยธรรมแปลกๆ ที่ไม่น่าจะมีอยู่ เรื่องเล่าขาน สัตว์ประหลาด เทพเจ้าจำนวนมากมาย ประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยวสับสน ล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดจากการเหลื่อมซ้อนกันของโลกต่างๆ เหล่านี้ทั้งสิ้น

มีน้อยคนนักที่เคยได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมีอยู่เพียงเล่มเดียวในโลก หนังสือที่เขียนขึ้นด้วยลายมือพิเศษเฉพาะตัวของโศกาคิดเอง และมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่คิดตั้งข้อสงสัย ส่วนที่เหลือนั้นไม่แม้แต่จะเสียเวลาสนใจความเป็นไปได้ของมันด้วยซ้ำ

งานเก่าครั้งหนึ่งทำให้เขามีโอกาสได้ไปพบเจอกับเจ้าของคนสุดท้ายของหนังสือประหลาดเล่มนี้เข้า และหลังจากนั้นมันก็ไม่มีโอกาสได้พบเจอกับเจ้าของคนใหม่อีกต่อไป

นั่นเป็นส่วนหนึ่งในงานของเขา

เขายังคงนั่งมองออกไปนอกกระจก และได้เห็นเงาของตึกสูงจำนวนมากมายที่ไม่เคยมีอยู่ใน มหานคร แห่งนี้ หมู่ตึกสูงเสียดฟ้าที่ประกอบไปด้วยโลหะ และกระจกจำนวนมาก ถนนสายกว้างอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอ รถยนต์ทั้งสองล้อ สี่ล้อ หกล้อ สิบล้อ หรือมากกว่านั้น รถยนต์ในรูปแบบที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง

ผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลเดินสับสนไปมาอยู่ริมถนน มากจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่สำคัญทุกคนต่างเอาแต่ก้มหน้า มองดูหน้าจอของอุปกรณ์ชิ้นสี่เหลี่ยมภายในมือของตนเหมือนกันหมดทุกคน

แล้วภาพของโลกอื่นที่ซ้อนทับเข้ามานั้นก็หายวับไป

'มันก็แค่ความคิดฟุ้งซ่านของฉันเท่านั้นเอง'

ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย ป้ายรถประจำทางใกล้ที่พักซึ่งเขาต้องบังคับตัวเองให้มาใช้บริการอยู่เป็นประจำ ที่ต้องบังคับก็เป็นเพราะมันขัดกับความคุ้นชินของร่างกายเขา

อย่าใช้เส้นทางเดิม อย่าไปสถานที่เดิม อย่าทำอะไรซ้ำๆ เป็นประจำ

'ฉันเลิกทำงานนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป' เขาย้ำเตือนตัวเอง และไม่ลืมที่จะกดปุ่มเพื่อให้คนขับรถเมล์จอดที่ป้าย ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นเท่าไร แต่เขายังจำครั้งหนึ่งที่เคยยืนรออยู่ตรงหน้าประตู แต่คนขับกลับวิ่งเลยป้ายไป เพียงเพราะไม่รู้ตัวว่าเขายืนรออยู่ตรงนั้น 'ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน'

พอรถเมล์จอดนิ่ง เขาก็ก้าวเดินลงจากรถ 'จ๊อก' ท้องของเขาส่งเสียงเตือนให้รู้ว่าตั้งแต่เช้าเขายังไม่ได้รับประทานอะไรเลย ความตื่นเต้นเรื่องงานใหม่ทำให้เขากินอะไรไม่ลง

เขาจำได้ว่าห่างออกไปไม่ไกลนักมีร้านขายอาหารที่เคยแวะไปกินมาแล้วหลายครั้ง เขาก้าวออกไปในทิศทางนั้น ในขณะที่ลึกลงไปร่างกายกลับพยายามบอกให้เขาเดินอ้อมไปใช้เส้นทางอื่น เส้นทางที่หากมีผู้สะกดรอยตามมาจะคาดไม่ถึง

เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่เหมือนกับอาคารอื่นๆ ส่วนใหญ่ในมหานครแห่งนี้ เมื่อมองดูจากภายนอกก็ไม่ได้แตกต่างจากร้านอื่นๆ แต่ภายในถูกตกแต่งด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร บนผนังกำแพงทุกด้านนั้นเต็มไปด้วยห่อขนมนานาชนิดแขวนประดับตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดาน จนแทบจะทำให้เข้าใจไปว่าเป็นร้านขายขนม แม้แต่บนโต๊ะอาหารที่มีอยู่เพียงห้าตัวก็ยังมีขนมห่อวางอยู่ด้วย ซึ่งขนมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ขาย หรือรับประทานแต่อย่างใด

อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือเตาอบที่ก่อขึ้นจากอิฐทนความร้อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็นมาในชีวิต ซึ่งตอนที่เขาก้าวเข้าไป ก็กำลังมีคนสองคนยืนคุยกันอยู่ที่หน้าเตานี้ หนึ่งในนั้นคือคุณยายในชุดดำซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ส่วนอีกคนเป็นชายชราร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยธรรมดา

“ลองมาดูตรงนี้สิ มองเข้าไปข้างใน พิซซ่าที่อบกำลังจะได้ที่แล้ว สีของมันช่างสวยงาม กลิ่นหอมฉุยเลยทีเดียวเชียว อิ อิ อิ”

ชายชราขยับเข้าไปใกล้ประตูเตาอบที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ไอความร้อนจากภายในถูกท่อที่ซ่อนไว้ทางด้านบนนำพาออกไป จึงทำให้เขาไม่ทันได้ตระหนักถึงความร้อนที่อยู่ตรงหน้า

เขาเดินเงียบๆ ไปนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งโดยไม่ได้ละสายตาจากสิ่งน่าสนใจที่กำลังดำเนินไป การ เดินเงียบๆ ของเขา คือการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่ง ไปสู่อีกจุดหนึ่งโดยไม่ก่อให้เกิดเสียงดังเกินกว่าเสียงทั่วไปที่ดังอยู่ภายในสถานที่แห่งนั้น และโดยไม่ผ่านเข้าไปในมุมของการมองเห็นจากสายตาของผู้ใดทั้งสิ้น

“ช่างน่าสนใจ” ชายชราพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้เขานั่งอยู่ทางด้านหลังและมองเห็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน คุณยายขยับตัวอย่างรวดเร็ว เกินกว่าขอบเขตของร่างกายที่น่าจะทำได้ ขาขวายื่นขัดออก สองมือผลักไปที่ด้านหลังของชายชราสุดแรง

“อิ อิ อิ...อิ”

ร่างของชายชราล้มคว่ำไปข้างหน้า พุ่งเข้าไปในเตาอบอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่คุณยายคาดหวัง เป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ชายชราผู้นี้กลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่า ตอนนี้เขามายืนอยู่ทางด้านหลังของคุณยายที่กำลังงงงัน หากเขาแค่เพียงผลักมือออกไปเบาๆ คนที่จะเข้าไปอยู่ในเตาอบพร้อมกับพิซซ่าก็จะกลายเป็นคุณยายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ขอบคุณ คุณผู้หญิงที่กรุณาให้ผมได้รับชมสิ่งที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง” ชายชราพูดพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ

ใบหน้าของคุณยายบิดเบี้ยวไปอย่างชั่วร้ายแวบหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นรอยยิ้มหวานเยิ้มราวขนม

“ด้วยความยินดี อิ อิ อิ” แต่เสียงหัวเราะครั้งนี้ฟังดูฝืนเต็มทน

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอกลับไปนั่งรอพิซซ่าที่โต๊ะดีกว่า”

“อิ อิ อิ” คุณยายหัวเราะเสียงดัง แต่ดวงตาไม่ได้หัวเราะเลย

ชายชราหันกลับมา ก่อนเดินช้าๆ มาที่โต๊ะซึ่งเขานั่งอยู่ ไม่รู้ว่ามีไม้เท้าที่ทำจากไม้เรียบๆ อันหนึ่งวางพิงเก้าอี้ว่างอยู่ตั้งแต่เมื่อไร เขามั่นใจว่าไม่เคยมีมันอยู่ก่อนหน้านี้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อมีชายชราผู้นี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เขารีบลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวคำทักทายอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับหัวหน้า”

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ คุณทอย คุณลาออกจากงานไปแล้วจำไม่ได้หรือ ดังนั้นฉันจึงไม่ใช่หัวหน้าของคุณอีกแล้ว”

“เอ่อ...สวัสดีครับ ปู่แจ๊ค” เขารีบเปลี่ยนทำทักทายใหม่ ชื่อนี้ทำให้เขาคิดถึงแจ๊คอีกคนที่อยู่ในข่าวเมื่อเช้า แอนตี้ ไจแอน แจ็ค ผู้ที่คิดว่าตนกำลังจะได้ค้นพบทางเข้าสู่เมฆาปราสาทอันแสนลึกลับ

“ใช่แล้ว” ชายชรายิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ซี่ “ไม่มีหัวหน้า มีแต่ แจ๊คจอมเสียบ ปู่แก่ๆ ของหลานคนนี้เท่านั้น”

'ปู่แอบสะกดรอยตามผม' นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง เพราะปู่รออยู่ภายในร้านก่อน และเขาเดินตามเข้ามาเอง มันจึงไม่ใช่การสะกดรอยอย่างเด็ดขาด

“...ปู่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ” เขาถามอย่างไม่ค่อยพอใจ ทั้งในเรื่องที่ถูกติดตาม และที่สำคัญกว่านั้นคือการที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด ข้อหลังนี้เองที่ทำให้เขาหงุดหงิดเหลือเกิน

“เรากินไปคุยกันไปดีกว่า ปู่สั่งฟิซซ่าหน้าที่หลานชอบเอาไว้แล้ว”

รอยยิ้มฟันหลอ ของปู่แจ๊คจอมเสียบยิ่งบาดลึกเข้าไปในใจของเขาหนักกว่าเดิม


Create Date : 14 กรกฎาคม 2556
Last Update : 14 กรกฎาคม 2556 20:42:00 น. 1 comments
Counter : 558 Pageviews.

 
แวะมาทักทายค่ะ
เดี๋ยวคืนนี้จะไปอ่านที่กระทู้ค่า ^^


โดย: lovereason วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:06:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.