ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (30)

ประตูหน้าของตึกแถวเลขที่หกหกหกเปิดอ้าออกช้าๆ ในแสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากด้านในนั้นไม่มีเงาของผู้ใดให้พบเห็น ในระหว่างนั้นมันก็ส่งเสียงดัง 'แอ๊ด' ยืดยาว ซึ่งตรงกันกับในจินตนาการทั้งของโฮมและวสันต์ที่มีเตรียมไว้ให้กับบานประตูเก่าๆ ท่าทางน่ากลัวเช่นนี้ ทั้งสองต่างจดจ่อเฝ้ารอสิ่งที่กำลังจะเกิดติดตามมาจนเกือบลืมหายใจ

การปรากฎกายของสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังบานประตู

ในวัยเด็ก ทุกคนต่างรู้ว่ามีสิ่งน่ากลัวนานาชนิดซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง ด้านหลังบานประตู หรือหน้าต่างของห้องนอนในยามค่ำคืน จนเมื่อเติบโตขึ้น จากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ ทุกคนต่างบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นจินตนาการที่เกิดขึ้นจากความหวาดกลัวที่มีต่อความมืด มรดกตกทอดที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ได้รับมาจากบรรพบุรุษที่เคยต้องใช้ชีวิตอยู่ตามถ้ำ ความกลัวที่สร้างความแตกต่างระหว่างความเป็นกับความตาย ความกลัวที่คอยย้ำเตือนอยู่ในใจเสมอว่า ในความมืดมิดนั้นอาจมีสัตว์นักล่าซุ่มซ่อนตัวรอคอยเหยื่อของมันอยู่

แต่ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ผู้ใหญ่เหล่านี้ต่างก็ต้องมีค่ำคืนที่เกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาว่า ที่จริงแล้วผู้ใหญ่หรือเด็กกันแน่ที่เป็นฝ่ายคิดถูกในเรื่องนี้

ประตูปิดกระแทกลงอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นการหักมุมของเรื่องตื่นเต้น ด้วยการไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทั้งสองหันไปสบตากัน “คุณเห็นอะไรบ้างไหม” เขาตัดสินใจกระซิบถาม เพราะคิดว่าตนเองได้พบเห็นบางสิ่ง ดูเหมือนว่าแสงสว่างที่ส่องลอดออกมานั้นเกิดการกระพริบขึ้นครั้งหนึ่ง หรือเป็นตัวเขาเองที่กระพริบตาโดยไม่รู้ตัว เขาไม่แน่ใจ เธอส่ายหน้าช้าๆ ราวกับมีความลังเลอยู่เช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น เราเข้าไปตรวจดูกัน” เขาบอกพร้อมกับขยับเดินนำออกไป “ระวังตัว...” เขาพึมพำเบาๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยค “ว้าย” เสียงร้องสั้นๆ ด้วยความตกใจของเธอก็ดังมาจากทางด้านหลัง

เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ปืนในมือชี้ตรงไปยังเงาของบางสิ่งที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า ก่อนที่สมองจะทันบอกได้ว่าสิ่งที่กำลังมองดูอยู่นั้นคืออะไร 'ไม่ใช่วสันต์' นิ้วของเขาก็ขยับเหนี่ยวไกทันที แต่ดูเหมือนว่าจะยังช้าเกินไป
กระบอกปืนหลุดลอยออกจากมือของเขา มีดเล่มแรกที่ถูกยิงออกไปไม่รู้ว่าพุ่งไปในทิศทางไหน มีบางสิ่งจู่โจมเข้าใส่แขนของเขาด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นร่างของเขาก็ถูกผลักให้ลอยกระเด็นไปทางด้านหลัง อะไรก็ตามที่กำลังลงมือจู่โจมเขาอยู่ในตอนนี้ต้องมีเรี่ยวแรงมากมายอย่างเหลือเชื่อ

ดูเหมือนว่าประตูที่เปิดออกเมื่อครู่นี้จะไม่ได้เป็นเพียงการหักมุมอย่างที่เข้าใจ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่หลังบานประตูนั้นมีตัวตนอยู่จริง การกระพริบของแสงไฟที่เห็นเมื่อครู่คงเกิดจากการที่มันเคลื่อนตัวผ่านประตูออกมาอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่อาจมองได้ทัน

“วสันต์ รีบหนีไป” เขาร้องตะโกนขึ้นสุดเสียง ก่อนแรงกระแทกอีกครั้งที่ติดตามมาจะทำให้สติของเขาดับวูบลง

#####

สโนวขับรถตำรวจโดยที่มีทอยนั่งอยู่เงียบๆ มาตลอดทาง จนกระทั่งเมื่อเธอเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นที่เขาคุ้นเคย พร้อมกับมาหยุดลงตรงหน้าที่พักของคุณนายวิกเซ่น ทั้งสองใช้เวลาในการเดินทางยาวนานมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเธอจงใจขับวนไปเวียนมา และยังพยายามเลือกใช้แต่ถนนสายเล็กๆ หรือมุดไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ เท่านั้น

“...ขอบคุณที่แวะมาส่ง” เธอคงรู้จักที่พักของเขาจากในใบสมัครงานที่กรอกทิ้งไว้ เขายังคงกล่าวขอบคุณเธอออกไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีความวุ่นวายติดตามมาอีกมากมายไม่รู้จบ พวกเขาหลบหนีจากการถูกควบคุมตัว ทั้งยังขโมยกุญแจที่ไม่ธรรมดามาด้วยดอกหนึ่ง กับไม้ขีดไฟวิเศษซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ และยังไม่นับรวมถึงรถตำรวจคันที่กำลังนั่งอยู่นี้ด้วย 'แต่ถ้าตำรวจหาตัวคุณครอสไม่ทันก่อนเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ก็จะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป' เพราะมันจะไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกนอกจากหิมะน้ำแข็งขาวโพลนที่จับเต็มผิวโลก

เธอจ้องหน้าเขา “เปล่า ฉันไม่ได้คิดจะมาส่งเธอ” ก่อนสำรวจมองไปรอบๆ อีกครั้ง ดูเหมือนจะไม่มีตำรวจซุ่มซ่อนตัวอยู่ หรือมีรถติดตามมาให้เห็น

“ดูเหมือนพวกเขาจะจงใจปล่อยให้เราหนี ไม่อย่างนั้นคงโดนสกัดจับไปนานแล้ว” เขาพูดในสิ่งเดียวกันกับที่เธอกำลังคิดสงสัยอยู่ เขารู้สึกแปลกใจกับตัวเธอในค่ำคืนนี้ ครั้งแรกที่ได้พบเจอกันตอนสัมภาษณ์งาน เธอดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวที่น่ารัก เป็นสุจริตชนคนทำงานทั่วไป แต่ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในคนเก่าแก่ หรืออย่างน้อยก็เป็นลูกหลานของพวกเขาที่ไม่อาจกลายเป็นคนธรรมดา และบางทีอาจมีอย่างอื่นมากกว่านั้น ”ว่าแต่คุณหมายความว่าอย่างไร ถ้าคุณไม่ได้คิดจะมาส่งผม แล้วคุณตั้งใจมาทำอะไรที่นี่”

คำตอบอย่างหนึ่งพลันชัดเจนขึ้น “...หรือว่า คุณมาตามหา ผู้นำทาง ที่พูดถึงเมื่อครู่” เธอนั่งนิ่ง มองออกไปเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ 'นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอขโมยไม้ขีดไฟพวกนั้นมาด้วย เธอต้องการจะตามหาคุณครอสด้วยตัวเอง' และอาจด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง ที่ทำให้ผู้ว่าลินคอนตัดสินใจที่จะไม่ส่งตำรวจออกมาไล่ล่าติดตามพวกเขา

“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าผู้นำทางอยู่ที่นี่”

“จากคำบอกใบ้ของคุณฟรอส แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจนัก...บางที ฉันอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้” เธอบอกพร้อมกับเปิดประตู แล้วก้าวลงจากรถ เขาเองก็รีบติดตามลงมาด้วย เขาพลันนึกถึงห้องที่อยู่ข้างๆ นึกถึงผู้เช่าปริศนาที่ไม่เคยพบเจอ และมั่นใจว่าเธอคงจะหมายถึงเขาคนนั้นเป็นแน่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร หรืออะไรก็ตาม

เธอก้าวนำเขาตรงไปที่ประตู และเขารู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ประตูถูกเปิดออกก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปถึง พร้อมกับเสียงทักทายที่เขาคุ้นเคย

“ในที่สุดก็กลับมาได้เสียที”

คุณนายวิกเซ่นเปิดประตูออกมาต้อนรับ นางรู้ตัวก่อนเสมอทุกครั้งเมื่อเขา หรือคนอื่นเข้ามาใกล้ ซึ่งเขาพึ่งได้รับรู้คำอธิบายจากโฮมว่าที่นางทำแบบนี้ได้นั้นเป็นเพราะว่านางเป็นมนุษย์หมาป่า ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของการแยกแยะกลิ่น กับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเรี่ยวแรงเหนือมนุษย์ ซึ่งสองอย่างหลังนี้อาจเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อนกับผลกระทบที่เกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์ คล้ายกับการเกิดปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง แต่ในกรณีของมนุษย์หมาป่า แรงดึงดูดจากดวงจันทร์ได้ทำให้แรงดึงดูดของโลกมีผลกับร่างกายของพวกเขาลดน้อยลง มันจึงเหมือนกับว่า พวกเขากำลังใช้ร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานแรงดึงดูดของโลก เพื่อต่อต้านกับแรงดึงดูดที่เทียบเท่ากับบนดวงจันทร์ ซึ่งน้อยกว่าบนโลกถึงหกเท่า นั่นย่อมทำให้พวกเขาแข็งแรงอย่างเหลือเชื่อ รวมถึงการที่ร่างกายของมนุษย์หมาป่าต่างสมบูรณ์แข็งแรง เพราะต้องมีการ วิ่ง ออกกำลังกายในยามค่ำคืนอยู่เป็นประจำ

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างกลับไปกลับมาระหว่างมนุษย์กับมนุษย์หมาป่า ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนทั้งทางโครงกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ ระบบประสาท และอาจรวมถึงระบบของอวัยวะภายในบางส่วนด้วยนั้น ยังไม่มีใครสามารถให้คำอธิบายที่น่าเชื่อถือได้

“ถึงแม้จะดึกไปหน่อยก็ตาม ว่าแต่คุณพาใคร...” หญิงสาวทั้งสองได้พบหน้ากัน และทอยรู้ในทันทีว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งคู่ต้องเคยพบ เคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ และภายใต้ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยเหมือนน้ำนิ่งของทั้งคู่นั้น เขาก็รู้ว่ากำลังมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากหลากไหลอยู่ในเบื้องล่าง

“สวัสดี คุณสโนว” นางทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจนเกินงาม “ไม่เคยนึกว่าจะได้พบเจอกับคุณอีก”

“สวัสดีเช่นกันค่ะ คุณนายวิกเซ่น” ดวงตาของเธอแวววาวไม่แพ้กับดวงตาที่ราวกับเคลือบเอาไว้ด้วยประกายสีแดงของคุณนายวิกเซ่นคู่นั้น นางขยับหลบไปด้านข้างเพื่อให้พ้นจากช่องประตู ผายมือพร้อมกับกล่าวเชื้อเชิญ “เชิญด้านในก่อนสิคะ” เพื่อให้แขกทั้งสองเข้าไปในบ้าน

เขาถือโอกาสเดินนำเธอไปนั่งที่เก้าอี้ในส่วนที่ใช้รับรองแขก ในขณะที่คุณนายวิกเซ่นเดินหายเข้าไปทางด้านใน ซึ่งเขาคาดว่านางคงจะไปชงชาออกมาต้อนรับ

“พวกคุณรู้จักกันมาก่อน” เขากระซิบถาม เธอทำท่าคล้ายกับจะส่ายหน้า แต่ในที่สุดก็พยักหน้ารับโดยไม่มีคำอธิบายอื่นใดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการบอกว่าเขาไม่ควรจะถามอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

เขาได้แต่นั่งจิบน้ำชาอยู่เงียบๆ ในขณะที่รับฟังผู้หญิงทั้งสองพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป แต่ภายใต้คำพูดธรรมดาเหล่านั้นมันเหมือนกับมีรหัสลับบางอย่าง การเชือดเฉือนบางอย่างซุกซ่อนอยู่ ซึ่งเขาไม่อาจเข้าใจได้ บางทีทั้งคู่อาจมีอดีตบางอย่างต่อกัน เขาจึงได้แต่รอคอยอยู่ว่าเมื่อไรเธอจะถามถึงผู้เช่าปริศนาคนนั้นเสียที

“เอาล่ะ ฉันขอเข้าเรื่องดีกว่า...วูฟ” เขาเห็นคิ้วของนางยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินเธอเรียกด้วยชื่อที่แปลกหู

“มีเรื่องอะไรหรือ...เซพ ฉันก็ไม่ได้คิดแต่แรกอยู่แล้วว่าเธอแวะมาหาฉันด้วยความคิดถึง” เขาได้ยินชื่อลับของสโนวที่ฟรอสเคยใช้เรียกเธออีกครั้ง คุณนายวิกเซ่นวางแก้วน้ำชาที่เคยถือเอาไว้เป็นดั่งอุปกรณ์ป้องกันตัวลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะพร้อมใจกันเหลือบมองมาทางเขา ซึ่งต้องรีบยกแก้วชาขึ้นมาจิบเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากสายตาที่เหมือนจะทำการตัดสินตัวเขา

คุณนายวิกเซ่นมองกลับไปที่เธอเป็นเชิงถาม และเธอพยักหน้าเหมือนกับเป็นการให้การรับรอง “คุณครอสถูกใครบางคนจับตัวไป” เธอกล่าวเรียบๆ

“นั่นควรเป็นหน้าที่ของตำรวจ” นางตอบช้าๆ

“สาวน้อยหมวกแดงคนนั้นได้จับตัวคุณครอสไปขังเอาไว้ใน โลกแห่งความฝัน นอกจากนั้นแล้วฉันก็ไม่รู้อะไรมากนัก”

คิ้วของคุณนายวิกเซ่นขยับสูงขึ้นอีกเล็กน้อย “ไม่ แซนแมน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น เขาไม่เคยเข้ามายุ่งกับโลกใบนี้ และก็ไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามกับโลกของเขา และเขาเป็นราชา ไม่ใช่หญิงสาวแน่นอน”

“ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องโลกความฝันพวกนั้นเลย” เธอล้วงหยิบไม้ขีดไฟวิเศษที่แอบ แบ่ง เอามาวางลงบนโต๊ะ “และเธอคนนั้นก็เกือบจะใช้สิ่งนี้พาตัวคุณทอยไปด้วยแล้ว”

คุณนายวิกเซ่นเหลือบมองมา และเขาคิดว่าตนเองต้องพยักหน้าเพื่อสนับสนุนคำพูดนี้ของเธอ เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ว่าบทสนทนานี้กำลังขับเคลื่อนไปยังทิศทางที่เขาไม่ได้คาดหมาย นางก้มมองสิ่งเล็กๆ ที่วางอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง “ฉันไม่เคยเห็น หรือได้ยินเกี่ยวกับของแบบนี้มาก่อน แต่ กลิ่นของมัน...” นางทำจมูกฟุดฟิด “ใช่ กลิ่นของมัน...ก็อาจเป็นไปได้”

“คุณฟรอสบอกว่าจะต้องมีผู้นำทาง ผู้ที่จะสามารถติดตามเหยื่อของตนไปจนสุดหล้า และนั่นจะหมายถึงใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก...” เธอจ้องหน้านาง
เขาถึงได้เข้าใจว่าจุดหมายของบทสนทนาทั้งหมดนี้คืออะไร ไม่มีผู้เช่าปริศนาที่ไหนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว ผู้นำทางที่สโนวพูดถึง ก็คือคุณนายวิกเซ่นที่เป็นมนุษย์หมาป่านั่นเอง

“ไม่ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ เสียใจด้วยเซพ” นางกล่าวอย่างไร้เยื่อใย

“วูฟ เธอช่วยได้ แต่เธอไม่ยอมช่วย” เธออ้อนวอน

“เสียใจด้วยเซพ ฉันไม่อยากยุ่งกับอะไรที่ฉันไม่รู้จัก ยิ่งถ้าใครคนนั้นสามารถจับตัวคุณครอสไปได้ ย่อมหมายความว่าต้องเป็นตัวอันตรายอย่างที่สุด ฉันเสียใจ”

“เธอรู้ไหมว่าถ้าพ้นเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ถ้าผ่านคืนแห่งของขวัญไปแล้ว โดยที่คุณครอสยังไม่กลับมา มันจะเกิดอะไรขึ้น” ดวงตาของเธอแวววาวเมื่อถามคำถามนี้

“เด็กหลายคนคงเสียใจที่ไม่ได้รับของขวัญ...” นางตอบเหมือนรู้อยู่แล้วว่ามันมีอย่างอื่นที่เลวร้ายมากกว่านั้น

“ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่ทุกคนจะต้องเสียใจในสิ่งที่ต้องได้รับ เธอก็เห็นสภาพอากาศในตอนนี้แล้วว่ามันเป็นอย่างไร บางทีเธอคงได้กลิ่นหิมะที่กำลังห้อมล้อมมหานครอยู่ในตอนนี้ด้วย” และเมื่อดูจากสีหน้าของนางก็คงเป็นเช่นนั้นจริง “จะไม่มีของขวัญ ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรอีก ไม่มีทุ่งหญ้าให้เธอได้วิ่งเล่น ไม่มีฝูงสัตว์ให้ล่า หรือแกล้งทำเป็นล่าก็ตาม จะมีก็แต่ทุ่งน้ำแข็งกว้างไกลสุดสายตา” เสียงของเธอค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพายุก่อนที่จะสงบลงอย่างฉับพลัน

“เธอจะเอาอย่างนั้นใช่ไหม”

“...มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แล้วทำไมฉันถึงต้องรับผิดชอบมันด้วย”

“เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันรู้จัก ที่จะช่วยฉันได้ ถึงเธอจะไม่อยากช่วยฉัน แต่อย่างน้อยก็ขอให้คิดถึง...”

“เธออย่าบังอาจพูดออกมาเชียวนะ” นั่นเป็นเสียงขู่คำรามของหมาป่าที่ดังออกมาเป็นภาษามนุษย์ และมันดังออกมาจากปากของนาง ใบหูทั้งคู่ของนางนั้นตั้งขึ้นมากกว่าที่เคย จมูกกับกรามก็ยื่นยาวออก ฟันเปลี่ยนเป็นเขี้ยวขาวเรียงรายเป็นทิวแถว ผม คิ้ว ขน ของนางยาว และหนาขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือดวงตาสีแดงคู่นั้น

เพล้ง แก้วน้ำชาในมือของทอยร่วงหล่นลงสู่พื้น แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ผู้หญิงทั้งสองหันมา และทอยโล่งใจที่หนึ่งในนั้นยังคงมองดูเป็น ผู้หญิง ในชั่วพริบตาร่างกายของคุณนายวิกเซ่นก็กลับคืนสู่สภาพที่เขาคุ้นเคยแล้ว

“...ขอ ขอโทษ ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเก็บกวาดให้” เขารีบพูด

นางมองดูเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง “ไม่ ไม่เป็นไรหรอกคุณทอย ทิ้งมันไว้อย่างนั้น” ท่าทางของนางคล้ายกับตัดสินใจได้แล้ว “เราต้องรีบไปกันแล้วใช่ไหม เซพ” ก่อนที่นางจะลุกเดินหายเข้าไปในห้องทางด้านใน

“...ขอบคุณ...” สโนวที่นั่งอยู่กล่าวขึ้นลอยๆ เขาไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จากคำพูดของคุณฟรอสที่ว่า 'ผู้ที่จะสามารถติดตามเหยื่อของตนไปจนสุดหล้า' นั้นอาจหมายถึงมนุษย์หมาป่า จากความสามารถในการดมกลิ่นไล่ล่าเหยื่อของพวกเขา แต่มนุษย์หมาป่านั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกแห่งความฝัน หรือว่าพวกเขาจะสามารถเดินทางเข้าออกโลกแห่งความฝันได้ด้วย

'ผู้หญิงคนนั้นที่ช่วยเราไว้ในความฝันเองก็อาจจะเป็น' แต่เขาไม่เชื่อว่าท่านหญิงจะเป็นมนุษย์หมาป่า และมันก็ถูกต้อง เพราะว่าท่านหญิงนั้นเป็นผีดูดเลือด และเขาไม่รู้ว่าผีดูดเลือดเองก็มีความสามารถในการข้ามไปมาระหว่างโลกแห่งความฝันได้เช่นกัน แต่ทั้งคู่ต่างก็มีข้อจำกัด นั่นคือพวกเขาไม่สามารถนำพาใครข้ามไป และไม่อาจอาศัยอยู่อย่างถาวรในโลกแห่งความฝันได้

คุณนายวิกเซ่นเดินกลับออกมาพร้อมกับถือหนังสือมาด้วยเล่มหนึ่ง และเขาคิดว่าบางทีมันอาจเป็นตำราเวท มันคงจำเป็นต้องอาศัยพิธีกรรมอะไรบางอย่าง เหมือนกับที่สาวน้อยหมวกแดงต้องใช้ไม้ขีดไฟพวกนี้

“ถ้าใช้ร่วมกับไม้ขีดไฟ ฉันคงสามารถพาพวกเธอข้ามไปด้วยได้” นางนั่งลง พร้อมกับวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ เขาจึงสามารถมองเห็นหน้าปก และรู้ความจริงว่ามันไม่ใช่หนังสืออย่างที่เข้าใจ แต่เป็นสมุดเล่มหนึ่ง สมุดที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเป็น

สมุดบัญชี รายรับ-รายจ่าย ประจำปี


Create Date : 09 มีนาคม 2557
Last Update : 9 มีนาคม 2557 13:50:45 น. 0 comments
Counter : 553 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.