62 .. เหล็กหุ้มใจ หรือ ใจหุ้มเหล็ก
บล็อกเรื่องนี้ ป้านำมาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ค่ะ
หลังจากรถยนต์โดนรถมอเตอร์ไซค์ฝากรอยแผล เพื่อนผมคนนั้นก็สรุปให้ฟังว่า ความใจดี มีราคาที่เราต้องจ่าย
เหตุการณ์เมื่อเธอจะเลี้ยวซ้ายขับชิดขอบทาง เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า 60 เมตรก่อนเลี้ยวตามกฎจราจร ด้วยความเร็วแค่ 20 กม.ต่อชั่วโมง เพราะไม่ค่อยคุ้นทาง ทันใดรถมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งแซงซ้ายขึ้นมา
รถยนต์เพิ่งปลดป้ายแดง ซวยแล้ว ถูกมอเตอร์ไซค์ชนโครมที่ด้านซ้ายเข้าให้ โชคดีที่ขับมาช้าๆ คนขับมอเตอร์ไซค์จึงไม่ล้มกลิ้งด้วยแรงบวกจากรถยนต์ให้คนขับสายพันธุ์เนื้อหุ้มเหล็กต้องบาดเจ็บ
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ ยื่นหน้ามาบอกว่า ผมผิดเองครับแต่รถไม่เป็นไรครับ แล้วก็ออกรถไป แต่เสียงชนทำให้เธอไม่แน่ใจ พอเลี้ยวรถเสร็จจอดดูความเสียหายแล้ว จากที่คิดว่าไม่เป็นไร คงขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าฟาดเคราะห์กันไปนั้น ก็จำต้องไล่กวดตามรถมอเตอร์ไซค์มาเพื่อคุยกันใหม่ โชคดีที่คู่กรณีเจอด่านตรวจเรียกอยู่พอดี
หนุ่มนักซิ่งแมงกะไซค์ บอกว่า กำลังรีบเพราะต้องไปประชุม ไม่ทันมองว่ารถจะเลี้ยว ก็เลยเร่งความเร็วแซงซ้ายขึ้นมาเต็มๆ ถามถึงใบขับขี่ พ่อหนุ่มนักซิ่งบนถนนสาธารณะบอกว่า ไม่มี ไม่รู้ว่าจะมีทำไม เพราะเวลาโดนตำรวจจับ ก็ให้ยึดบัตรประชาชนไว้แทน ที่ผ่านมาก็ใช้ได้เหมือนกัน
คนฟังก็อึ้ง เพราะแค่นึกถึงบรรดานักขับขี่ที่ไม่รับรู้กฎจราจร ขึ้นรถก็ขับออกไป แล้วพอเกิดเหตุขึ้นมาก็คร่ำครวญ นึกถึงจำนวนคนขับไร้ใบขับขี่ ไม่ต้องมีกฎจราจรให้ปฏิบัติ รู้จักแต่ไฟเขียวไฟแดงเกลื่อนถนน
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันภัย หนุ่มนักซิ่งยกความดีให้ตัวว่า ผมก็ดูอยู่ว่า รถพี่เป็นอะไรหรือเปล่า ผมไม่นิยมชนแล้วหนี! แต่เมื่อพนักงานประกันภัยมาถึง ถามเหตุการณ์ ถ่ายรูปเสร็จสรรพ ก็แจ้งว่านักบิดเป็นฝ่ายผิด! แบบนี้เขาเรียกว่ามอเตอไซค์แทงซ้าย! และประเมินค่าซ่อม ซึ่งมีจุดเสียหายหลายจุด ทั้งกันชน บานประตูหน้าหลัง และกiะโปรงหน้า ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท เมื่อมีตัวคนผิดชัดเจน ทางบริษัทประกันก็จะต้องเรียกค่าเสียหายจากคนขับที่เป็นฝ่ายผิด
หนุ่มออฟฟิศนักซิ่งเริ่มหน้าเสีย บอกว่าไม่มีเงิน
พนักงานของบริษัทประกันรถยนต์แนะว่า ถ้าหนุ่มนักซิ่งไม่มีใบขับขี่ ก็ต้องไปตกลงกันที่โรงพักต่อหน้าคุณตำรวจจราจร ซึ่งแน่นอนว่าต้องเสียค่าปรับก่อน แถมยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในภายหลังด้วย
จะจ่ายได้ไง? ก็ผมไม่มีตังค์เลย มอเตอร์ไซค์เริ่มโวย แถมยังบอกว่า ผมคิดว่าไม่ต้องเสียเงิน เพราะรถเขามีประกัน และคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก
ส่วนพนักงานประกัน บอกด้วยความเห็นใจว่า ผมก็ใช้มอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ขับรถเก๋ง แต่เวลาขับรถแล้วชน อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็ก ผมอยู่ในวงการประกัน ขับรถต้องระวังมาก แต่ถ้าพี่เขา(เจ้าของรถยนต์)จะช่วย ก็แล้วแต่พี่เขาจะตกลง
มุขเดิมแต่ได้ผล โชคดีของแมงกะไซค์ คนขับรถยนต์เป็นหญิงใจดี เธอพยายามช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนขับมอเตอร์ไซค์ ด้วยเห็นว่า อย่างน้อยคราวหน้าเขาจะได้ชนแล้วไม่หนี
ทางออกคือ เจ้าของรถก็เลยจะรับสมอ้างแทน ทีนี้ตามระเบียบของบริษัท ถ้าไม่มีคู่กรณี คนเอาประกันก็ต้องจ่าย 2,000 บาท แถมถ้าประวัติการชนไม่ดี แถมเจ้าหน้าที่ยังแจ้งว่า เบี้ยประกันรถยนต์ปีหน้าที่จะได้ลดราคาลง 20 - 25% คิดคำนวณดูราว 7,000 บาท ก็จะชวด และต้องมา กรอกคำให้การที่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า เธอเป็นฝ่ายผิด
ราคาที่คนขับรถยนต์ต้องจ่ายความใจดี เพื่อลดจำนวนตีนผี ชนแล้วหนี ดูจะแพงเกินไปเสียแล้ว
ส่วนนักบิดแมงกะไซค์ หลังจากคิดสะระตะบวกลบราคาของการชนแล้ว คือ ค่าซ่อมก็อยู่ราว 5,000 บาท สู้จ่าย 2,000 บาทดีกว่า ว่าแล้วสิงห์แมงกะไซค์บอก พี่ช่วยรับว่าเป็นคนผิดหรือบอกว่าหาตัวคู่กรณีไม่เจอ จะได้ไหม? แล้วผมจะจ่าย 2,000 บาทให้แทน ว่าแล้วก็โทรศัพท์ขอยืมเงินจากเพื่อน
ท้ายสุดคนขับรถยนต์เจ้าทุกข์ ซึ่งเสียทั้งงานที่นัดหมายไว้ และอาจต้องเสียประวัติกับบริษัทประกันด้วย ก็ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอของนักบิด ผมเลยปลอบใจเธอว่า เธอทำถูกแล้ว แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าในวันข้างหน้า นักซิ่งแมงกะไซค์คนนี้ จะไม่เป็นหนึ่งในพวกชนแล้วหนี
แต่พอเพื่อนของหนุ่มแมงกะไซค์ขับรถเก๋งมาถึง อย่างไม่รู้เหนือใต้ ก็โวยว่า แผลนิดเดียวไม่ถึง 2,000 บาทหรอก แล้วชนอย่างนี้ มอเตอร์ไซค์ไม่น่าจะผิด แถมบอกเพื่อนว่า อย่าเพิ่งรับอะไร จากนั้นก็โทรศัพท์ปรึกษาตำรวจฝ่ายตน
นี่มาแบบผู้ชำนาญการ เล่นกับช่องว่างของกฎหมาย
คนขับรถยนต์ที่เป็นเจ้าทุกข์ตัวจริง เพราะทั้งเสียเงิน เสียงาน และเสียประวัติ นิ่งฟังสักพัก เธอก็หมดความอดทน บอกเรียบๆ ว่า โอเค งั้น ไปโรงพักแล้วกัน
นักขับแมงกะไซค์หนุ่มต้นเรื่องผู้ชักเสียดายเงิน คงฉุกคิดได้ว่า เรื่องจริงเป็นไง เพิ่งรู้แล้วว่างานนี้ยาวแน่ รีบตัดบทเพื่อนผู้ไม่รู้ (เรื่อง) แต่ชอบชี้ (นิ้วสั่ง) ว่า เพื่อนผมเขาไม่รู้เรื่อง เพื่อกลับไปยังข้อตกลงเดิม
หลังจบเรื่อง ถามเธอว่าทำไมถึงช่วย
เธอบอกว่า ถ้ามีคนเดือดร้อนเพราะไม่มีเงินจ่ายจริง เธอก็ไม่สบายใจ ตัวเธอก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่เธอก็ไม่อยากให้อีกหน่อยมีแต่คนชนแล้วหนีเพิ่มขึ้นอีกคน ทั้งไม่อยากให้ชีวิตใครต้องเดือดร้อน ทุกวันนี้คนเราก็มีความทุกข์มากอยู่แล้ว ดูแล้ว คนขับแมงกะไซค์ก็คงไม่ได้มีเงินเดือนมาก
ผมว่าเธอคิดถูก แต่ผมไม่แน่ใจว่า ฝ่ายสองหนุ่มต้นเหตุ จะสรุปบทเรียนตัวเองว่ายังไง อีกหน่อยมึงชนแล้วหนีดีกว่า หรือจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง
เธอไม่ได้เล่าว่า ไม่มีคำขอบคุณสักคำหลุดจากปากคู่กรณี แต่เจ้าหน้าที่ประกันสรุปเรื่องว่า มันโชคดีครับที่เจอพี่
ป้าได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์มาเพียงแค่นี้ค่ะ แม้จะเป็นเรื่องเครียดๆ
แต่ป้าคิดว่า อาจจะเป็นข้อมูลเพื่อเป็นอนุสติเตือนใจท่านอื่นได้
.........อ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร ขอเชิญแบ่งปันนะคะ.........
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 05 สิงหาคม 2552 |
|
146 comments |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2559 19:35:33 น. |
Counter : 17528 Pageviews. |
|
|
|