ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กันยายน 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
30 กันยายน 2560
 
All Blogs
 
ตำนานพระนางเลือดขาว



ตำนานพระนางเลือดขาว มี 2 ตำนาน


ตำนานไทย



ยังมีร่องรอยที่วัดเจ้าแม่อยู่หัว ติดกับทะเลน้อย ที่ตำบลท่าคุระ อำเภอสทิงพระ สงขลา
เข้าทางสายชนบทเส้นทางสายใน ทางไปวัดพระโคะ (ต้นตำนานหลวงปู่ทวด)
มีทองคำของพระนางเลือดขาวหล่อ ที่นำมาขอไถ่ค่าตัวพระกุมาร
เพราะพระกุมารตกน้ำแล้วลอยน้าหายตัวไปในทะเลน้อย
ร่างพระกุมารลอยน้ำอยู่ในทะเลน้อยหลายวันจนร่างกายขึ้นเขียว
เพราะมีตะไคร่น้ำ/สาหร่ายมาเกาะตามลำตัว

พระกุมารลอยมาติดอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งแถวท่าคุระ ในทะเลน้อย
ตายายคู่หนึ่งช่วยเหลือพระกุมารขึ้นมาจากทะเล
ทั้งยังสามารถทำให้พระกุมารฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้
และเลี้ยงดูพระกุมารต่อมาเป็นเวลาหลายปี

หลังจากที่พระกุมารจมน้ำหายไป
พระนางเลือดขาวได้ส่งข้าหลวงออกติดตามพระกุมารมาโดยตลอด
จนข้าหลวงได้พบเจอพระกุมารจึงได้ทูลบอกพระนางเลือดขาว
พระนางเลือดขาวจึงเดินเรือมาที่ท่าคุระพร้อมกับบริวารจำนวนมาก
เพื่อจะขอนำพระกุมารคืนสู่พระนคร

แต่ตายายทั้งคู่ไม่ยอมคืนพระกุมารให้พระนางเลือดขาว
อ้างว่าผูกพันกับพระกุมารมาก และพระกุมารตายไปก่อนจะพบเจอแล้ว
จนต้องส่งเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสที่ชุมชมชาวบ้านนับถือตัดสินเรื่องนี้
ผู้อาวุโสของชาวบ้านจึงตัดสินให้พบกันครึ่งทางว่า
ใครที่ช่วยเหลือพระกุมารให้รอดตาย ก็เป็นพ่อแม่อีกคนของพระกุมาร
(จึงเป็นตำนานที่มาของการเป็น ผูกเกลอ คนภาคใต้ ถ้าภาคอีสานจะเรียกกันว่า ผูกเสี่ยว)
แต่พ่อแม้ที่แท้จริงของพระกุมารก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน
จึงขอให้พระนางเลือดขาวต้องไถ่ตัวพระกุมารคืน
โดยต้องนำทองคำขนาดน้ำหนักเท่ากับตัวพระกุมารมาไถ่ตัวคืน
ซึ่งในอดิตากาเลเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากในการหาทองคำขนาดนี้
พระกุมารจึงพิษฐานให้น้ำหนักตนเองเบากว่าคนปกติ
เพื่อให้พระนางเลือดขาวจะได้จ่ายค่าไถ่ตนคืนสู่พระนครได้เร็วขึ้น
และพระกุมารยังคงเคารพและนับถือตายายที่ช่วยเหลือตนให้พื้นคืนชีพว่าเป็นพ่อแม่อีกคู่หนึ่ง
บางคนว่าพระกุมารกลับมาใช้ชาติตายาย
ใช้ชาติ ภาษาถิ่นคือ การกลับมาตอบแทนบุญคุณตายาย
ซึ่งในอดีตชาติเคยผูกพันกันเป็นพ่อแม่ลูกกันมาก่อน

ต่อมา ทองคำดังกล่าวชาวบ้านที่ขอแบ่งปันไปบางส่วน
แต่พอเก็บไว้ในบ้านมักจะมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี
เลยมอบคืนให้ตายายที่เก็บพระกุมารขึ้นจากทะเล
มาหลอมรวมเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขนาดหน้าตักราว 3 นิ้ว สูง 5 นิ้ว
ซึ่งพระกุมารได้ส่งช่างหลวงมาทำพิธีหลอมพระพุทธรูปนี้
ทุกวันนี้ พระองค์นี้ยังเก็บรักษาไว้ในห้องนิรภัยของวัดท่าคุระ
ซึ่งจะเปิดให้ชมปีละ 1 วันเท่านั้น
ในพิธีตัดเหมรฺย (เหมย) กระดกลิ้นตัว ร ด้วย
โดยจัดให้มีพิธีกรรมโนราห์โรงครู ฉลองกันเจ็ดวันเจ็ดคืน

เหมรฺย ภาษาใต้ประจำถิ่น คือ การผิดคำสาบานสานกล่าว
ที่เคยบนให้ช่วยไว้ทั้งจากพระภูติผีเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
แบบพวกบนบานสานกล่าวจนมั่ว จำไม่ได้ว่าบนที่ไหนบ้าง บนไว้เรื่องอะไรไว้บ้าง
อยากจะแก้บนทั้งหมดที่ผ่านมา พิธีนี้จะแก้บนได้หมด แบบ All in One
บางท่านว่าเป็นอุบายคนโบราณที่ตั้งกฏเกณฑ์นี้ไว้
เพื่อให้ลูกหลานจะได้สบายใจที่ได้ตัดเหมรฺย
จะได้เป็นคนที่ไม่ผิดคำพูดหรือคำสาบานต่าง ๆ
กับจะได้ระมัดระวังตนไม่สาบถสาบานง่าย ๆ ในภายหน้า



Credit : //bit.ly/2xIAWUL



ตำนานพระนางเลือดขาว มีเล่าขานกันที่จะทิ้งพระ(สทิงพระ)
จะทิ้งพระมาจากคำของเขมร จะทิ้ง=ชัก/ลาก เปรี๊ยะ=พระ
เพราะวัดแถวนี้มีประเพณีชักพระทางเรือ
ซึ่งทำสืบต่อกันมานานมากแล้วตั้งแต่ในอดีต หลังวันออกพรรษา
ก่อนที่จะมีการชักพระทางรถยนต์เหมือนปัตยุตบัน
ทุกวันนี้ ยังมีหลายวัดที่ยังมีพิธีชักพระทางเรือในเขตทะเลน้อย (ทะเลสาบสงขลา)

ในภาคใต้มีร่องรอยคำเขมรตกค้าง 1,000 กว่าคำ
มีดุษฏีนิพนธ์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฉบับหนึ่งที่ค้นคว้าไว้
มีคำยืมเขมรในภาษาไทยถิ่นใต้ จำนวน1,320 คำ
ในจำนวนนี้มีอยู่ 573 คำ ที่ตรงกับคำยืมเขมร
ในภาษาไทยมาตรฐาน และมีอยู่ 394 คำ
ที่เป็นคำยืมเขมรที่ปรากฎเฉพาะในภาษาไทยถิ่นใต้
Credit : เปรมินทร์ คาระวี //bit.ly/1ScVyq9

จะทิ้งพระเป็นภาษาเขมรเดิม ยังมีชื่อ วัดจะทิ้งพระ
วัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลอาจารย์ภิญโญ อำนวย ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ปู่ท่านคือ จมื่นสุวรรณคีรีรักษ์ ทำหน้าที่ดูแลการเก็บรังนกนางแอ่น ที่เกาะสี่เกาะห้า ในทะเลน้อย
ปู่ท่านยังเป็นญาติสนิทพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เจ้าเมืองสงขลาท่านสุดท้าย ของสายสกุล ณ สงขลา

ส่วนคำว่า สทิงพระ อำมาตย์เมืองหลวงเปลี่ยนให้เอง
จากเดิมชื่อ จะทิ้งพระ แบบชื่อบ้านแปลงเมืองหลายแห่งในประเทศไทย



ถ่ายวันบุญเดือนสิบ(พิธีชิงเปรต) มีทองสูงรูปเปรตด้านหลัง ผมไปถ่ายมาหลายปีแล้ว


เคยมีป้ายเขาเปรี๊ยะวิเฮียร์ เขาพระวิหารที่ถูกแก้ไขไปแล้ว เปรี๊ยะ คือ พระ วิเฮียร์ คือ วิหาร



Credit : //bit.ly/2fFEylU




แถวภาคใต้นี้ยังมีคำว่า พัง ภาษาเขมร ซึ่งมีความหมายว่าที่เก็บน้ำ 200 กว่าแห่ง
เช่น พังโย พังเถียะ พังสนามชัย พังตรุ ฯลฯ ที่แถวอีสานก็มี ตระพังสุรินทร์

ตำนานพระนางเลือดขาว เล่าขานสืบต่อกันมานานมากในลุ่มน้ำทะเลน้อย
พัทลุง ระโนด/ระโนฏ มาจากภาษาเขมร ตะโนด แปลว่า ต้นตาล
จะทิ้งพระ นครศรีธรรมราช เพราะพระนางโปรดการสร้างวัดมาก
มีวัดหลายแห่งมากที่ในตำนานว่า พระนางเลือดขาวสร้างไว้

อนึ่ง ในสมัยโบราณช่วงฤดูน้ำหลากมาก
จะมีร่องน้ำยุคโบราณที่สามารถเดินเรือ
จากทะเลน้อยไปนครศรีธรรมาราชได้เลย
ในแผนที่โบราณมักจะเขียนว่าเป็นทางออกของทะเลน้อย
หรือทะเลน้อยเดิมเชื่อมต่อกับอ่าวไทย

พระนางเลือดขาว เวลาถูกของมีคม เข่น มีด หนาม เสี้ยนไม้ เข็ม
ถ้าบาดพระนางแล้วเลือดที่ไหลออกมาจะเป็นสีขาว
พระนางชราภาพแล้วสิ้นพระชนม์อย่างสงบ
มีพิธีพระราชทานเพลิงศพโดยพระกุมาร
ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าพระยานครศรีธรรมโศกราช
ที่พัทลุงแถวบ้านเกิดพระนาง แล้วลอยพระอังคารในทะเลน้อย





ตำนานลังกาวี




พระนางถูกพระมเหสีร่วมพระสวามีอีก 3 คน
(มุสลิมมีเมียได้ 4 คนถ้าเมียหลวงยอมให้มี) กับพระอนุชาของพระสวามี
ร่วมกันใส่ร้ายป้ายสีเธอ ด้วยข้อหาคบชู้ คิดการกบฎ
จนถูกคำสั่งให้ตัดหัวประหารขีวิต โดยรายารักษาการ ช่วงพระสวามีไปรบต่างเมือง

ก่อนที่พระนางจะถูกตัดคอ พระนางได้ขอพิษฐาน(อธิษฐาน)ว่า
ถ้าพระนางบริสุทธิ์จริง ขอให้เลือดเป็นสีขาว
พร้อมกับสาปแช่งว่า ให้หาดทรายเกาะลังกาวีเป็นสีดำ บ้านเมืองไม่เจริญ 7 ชั่วโคตร

พอเพชรฆาตตัดคอพระนาง เลือดพระนางไหลขึ้นบนท้องฟ้าทั้งหมด
ไหลขึ้นไปเป็นแนวยาวสีขาว หายวับไปกับตา
หาดทรายลังกาวีก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ บ้านเมืองก็เริ่มรกร้างไม่เจริญ
ยังมีหลุมศพพระนางฝังเคียงข้างพระสวามีที่ลังกาวี ผมเคยไปเยี่ยมชม

น้องชายพระนางเลือดขาวกลัวถูกหางเลข
(ติดร่างแหว่าร่วมมือกับพระนางไปด้วย)
เลยอพยพหลบหนีพาครอบครัวมาทางเรือลัดเลาะ
มาตามเกาะแก่งต่าง ๆ ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย
ย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะภูเก็ต
ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะลังกาวีร่วม 300 กิโลเมตร

มหาเดห์ เอาตำนานเรื่องนี้
มาติดตามทายาทพระนางเลือดขาวไปล้างคำสาป
ตามจนเจอสาวไทย ศิรินทรา ยายี
ซึ่งเธอเป็นรุ่นลูกของลืด ที่สืบเชื้อสายจากน้องชายพระนางเลือดขาว
(ลูก หลาน เหลน ลื่อ ลืบ ลืด เท่ากับ 7 ชั่วคนพอดี)
ให้เธอไปแก้อาถรรพ์ที่เกาะลังกาวี
เพราะมาเลย์ต้องการจะทำให้เกาะลังกาวี
เป็นเมือง DutyFree กับส่งเสริมการท่องเที่ยว




Credit : //bit.ly/2xRTZhq



แต่จริง ๆ แขกมาเลย์ฉลาดแบบเจ้าเล่ห์
ต้องการให้เป็นข่าวดังกับเป็นการประชาสัมพันธ์ระดับโลก
เป็นข่าวดังแบบไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ดังไปทั่วโลก
ทุกสำนักข่าวต่างแห่มาติดตามทำข่าวเรื่องนี้
เพราะข่าวลี้ลับตำนานการแก้อาถรรพ์
เป็นเรื่องที่คนทั่วไปอยากรู้อยากเห็น
กับในประเทศมุสลิมไม่ค่อยมีข่าวเรื่องนี้
เหมือนการหาเสียงของชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์
ในสมัยก่อนที่ชอบทำตนให้เป็นข่าวดัง

ศิรินทรา ยายี ทายาทพระนางเลือดขาว
เธอจบการศึกษาปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เธอแต่งงานแล้ว ตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่การท่าสนามบินภูเก็ต
เธอจัดว่าเป็นสตรีที่สวยมากจนถึงทุกวันนี้
ผมกับครอบครัวเคยไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านสามีเธอตอนวันหยุดราชการ
โดยไปกับน้าชายญาติฝ่ายภริยาที่เคยสอนเธอที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดภูเก็ต
ไปที่บ้านเดิมของเธอที่แถวหาดสุรินทร์แต่ไม่เจอเธอ
เจอปู่ของเธอเลยสอบถามเรื่องนี้
ปู่เธอเชิญให้เข้านั่งในบ้านก่อน
พร้อมกับนำรูปเธอที่ไปทำพิธีที่มาเลย์ให้ดูก่อน
แล้วบอกว่าเธอแต่งงานแล้ว ย้ายไปอยู่แถวหาดกมลา
ผมเลยตามไปจนเจอเธอคนดังในตำนาน
เหมือนคนไทยคนมาเลย์ในช่วงที่เธอเป็นข่าวดังมาก

เธอมีชื่อเรียกกันในครอบครัวเธอว่า อาชะ
คนมาเลย์ที่รู้จักเธอเพราะตำนานนี้ ชอบขอถ่ายรูปกับเธอมาก เวลาเจอเธอที่สนามบินภูเก็ต

ยังมีตำนานคนบนเกาะลังกาวีเล่าว่า หาดทรายดำ
เพราะมีการเผาข้าวสารบนชายหาดทิ้งโดยพวกนักรบฝ่ายตรงข้าม
เพื่อให้ชาวบ้านบนเกาะอดข้าวตาย ต้องหนีไปที่อื่น
แต่ผมเดินดูแล้วกับหยิบทรายขึ้นมาดู เป็นทรายดำตามธรรมชาติ
จากแร่หินชนิดหนึ่งที่บนเกาะมีอยู่มาก
น่าจะแตกกระจายและไหลลงมาบนหาดทรายจนเกิดการกัดกร่อน
เพราะทะเลฝั่งนี้น้ำขึ้นน้ำลงเห็นได้ชัดกว่าอ่าวไทยมาก
ทรายดำบนชายหาดเกาะลังกาวีไม่ใช่โคลนหรือดินเลน
บนเกาะด้านในยังมีแหล่งปูนขาวที่ผลิตปูนซีเมนต์ด้วย
มีโรงงานตั้งอยู่เคยนั่งรถยนต์ผ่านเห็นยังเปิดสายการผลิตอยู่


เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนเลือนหายไปเหมือนกรวดทรายในท้องทะเล



Create Date : 30 กันยายน 2560
Last Update : 1 ตุลาคม 2560 0:31:40 น. 0 comments
Counter : 3319 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.