ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2561
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 มิถุนายน 2561
 
All Blogs
 
นกเพนกวินขยายพันธุ์ในทุ่งสังหาร Falklands






หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ Falklands เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้
ระยะทางประมาณ 300 ไมล์ทางตะวันออกของชายฝั่ง Patagonian ใต้ของอเมริกาใต้
หมู่เกาะแห่งนี้มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 776 เกาะ
เป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษตั้งแต่ปี 1833
แม้ว่าอาร์เจนตินาจะยังคงอ้างว่าหมู่เกาะเหล่านี้
อยู่ในดินแดนของประเทศตนมาเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากที่ได้ประกาศเอกราชจากสเปญในปี 1816
แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะกองเรือรบยังห่างชั้นจากอังกฤษมาก
ทำให้ทั้งสองประเทศนี้มีข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะแห่งนี้กันมาอย่างยาวนาน

ในปี 1982 อาร์เจนตินาจึงได้เข้ายึดครองหมู่เกาะดังกล่าว
ทำให้เกิดสงครามระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา
ที่เรียกกันว่าสงคราม Falklands War
ในช่วงระยะเวลา 10 สัปดาห์ช่วงทำสงครามขั้นแตกหัก
ทหารอาร์เจนตินาตายจำนวน 650 คน
ทหารของอังกฤษตายจำนวน 250 คน
ชาวเกาะฟอล์กแลนด์ตาย 3 คน
ในที่สุดเกาะฟอล์กแลนด์ก็กลับเป็นของอังกฤษตามเดิม
แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือ นกเพนกวินของเกาะฟอล์กแลนด์


ในช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นช่วงเวลาที่นิยมการล่าปลาวาฬมาก
อุตสาหกรรมน้ำมันปลาวาฬกำลังเฟื่องฟูมาก
และหมู่เกาะ Falklands ก็ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะมาก
สำหรับการล่าปลาวาฬและการสกัดน้ำมันจากปลาวาฬ
โดยกระบวนการผลิตน้ำมันปลาวาฬนั้น
จะมีการตัดแยกไขมันออกจากตัวปลาวาฬ
และไขมันจะถูกต้มในน้ำเดือดเพื่อให้เหลวในถังขนาดใหญ่
ก่อนที่จะเทกรองแยกไขมันปลาวาฬออกจากน้ำที่ต้ม
แต่หมู่เกาะ Falklands ปราศจากต้นไม้
มีพืชชนิดเดียวที่นี่ที่มีมาก คือ พุ่มไม้เล็ก ๆ ที่ทนต่อแรงลม
ซึ่งแทบไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเปลืองในการทำเป็นเชื้อเพลิง


แต่เรื่องที่จัดว่าโชคดีอย่างหนึ่งของนักล่าปลาวาฬ
แต่จัดว่าเป็นโชคร้ายของพวกนกเพนกวิน
ที่เป็นทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกอย่างหนึ่งบนเกาะ
คือ การใช้น้ำมันจากไขมันของนกเพนกวินเป็นเชื้อเพลิงทดแทนต้นไม้
เพราะพวกเพนกวินมีชั้นไขมันสะสมจำนวนมากอยู่ใต้ผิวหนังของพวกมัน
ทำให้พวกนักล่าปลาวาฬรู้ดีว่าไขมันของพวกมันเป็นเชื้อเพลิงที่ทดแทนได้ดีเยี่ยม
รวมทั้งนกเพนกวินไม่ใช่เป็นพวกสัตว์นักสู้/ดุร้าย
และค่อนข้างเชื่องตามนิสัยธรรมชาติยิ่งทำให้ง่ายมากกับการจับมาทำเชื้อเพลิง
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ไฟฟืนเริ่มมอดลง
พวกนักล่าปลาวาฬก็คว้านกเพนกวินไม่กี่ตัวแล้วโยนลงในกองไฟทั้งตัวเลย


จนกระทั่งธุรกิจน้ำมันปลาวาฬต้องเลิกกิจการลงในปี 1860
เพราะมีนักวิทยาศาสตร์ผลิตไขมันจากน้ำมันปิโตรเลียมทดแทนน้ำมันปลาวาฬได้แล้ว
แต่พวกนกเพนกวินนับล้านตัวก็ถูกเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิงกว่า 300 ปีที่ผ่านมา
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ก่อนที่ชาวยุโรปจะมาถึงหมู่เกาะ Falklands
บรรดาเกาะแก่งต่าง ๆ เต็มไปด้วยกองทัพเพนกวินมากกว่า 10 ล้านตัว
แต่ตัวเลขนี้ลดลงถึง 95% เพราะการฆ่าอย่างล้างผลาญของบรรดานักล่าปลาวาฬ
และการทำประมงอย่างหนักหน่วงในช่วงหลังสงคราม Falklands สิ้นสุดลง





เมื่อ ทหารอาร์เจนตินาต้องการให้เกาะ Falklands
กลับมาในอ้อมแขนของประเทศตน
และเพื่อยับยั้งทหารอังกฤษจากการเข้ายึดครองพื้นที่บนเกาะแห่งนี้
ทหารอาร์เจนตินาจึงได้วางทุ่นระเบิดมากกว่า 20,000 ลูก
ตามบริเวณชายหาดและทุ่งหญ้าใกล้เมืองหลวงของเกาะ Falklands
แม้ว่าหลังจากสงคราม Falklands War สิ้นสุดลงแล้ว
รัฐบาลอังกฤษก็ได้พยายามกวาดล้างทุ่นระเบิด
แต่เป็นความพยายามที่ไร้ผลทั้งยังอันตรายและลำบากอย่างแรง
ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงตัดสินใจที่จะปิดกั้นบริเวณที่เป็นทุ่งสังหารที่มีกับระเบิด
โดยปิดป้ายเตือนให้ผู้คนออกให้ออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว


แต่ทุ่งสังหารที่มีทุ่นระเบิดเหล่านี้กลับกลายเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์โดยไม่ได้ตั้งใจ
เพราะสำหรับพวกนกเพนกวินมักจะมีน้ำหนักเบามากพอที่จะเหยียบทุ่นระเบิดโดยไม่ระเบิดได้
ดังนั้น พวกนกเพนกวินจึงเดินไปรอบ ๆ ในพื้นที่ทุ่งสังหารได้อย่างสบายใจ
ในการหาคู่เพื่อทำรังและเดินเตาะแตะภายในบริเวณดังกล่าวเพื่อผสมพันธุ์
ทำให้ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจำนวนประชากรนกเพนกวินจึงได้เพิ่มขึ้น
จกทุกวันนี้ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์มีนกเพนกวินกว่า 1 ล้านตัว
เขตรักษาพันธุ์ที่แปลกประหลาดแห่งนี้
ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นที่ยอดนิยม
และเหมาะสมอย่างยิ่งกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
โดยไม่จำเป็นต้องกำจัดทุ่นระเบิดออกไปอีกเลย





หมู่เกาะฟอล์กแลนด์มีคนอาศัยประมาณ 3,000 คน
แต่มีแกะราว 700,000 ตัวและยังมีสถานที่ประมงอีกหลายแห่ง
แต่มีประชากรนกเพนกวินจำนวนมหาศาลจาก 5 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
ได้แก่ Southern Rockhoppers นักกระโดดบนหินผาชาวใต้
Magellanic นักเดินเรือชื่อดัง, King ราชาอังกฤษ,
Gentoo นักสวดเสียงดัง, และ Macaroni นักแฟชั่น
ชื่อของนกเพนกวินเหล่านี้ได้มาตามพฤติกรรมและรูปร่างของพวกมัน
จำนวนประมาณการนกเพนกวินทั้ง 5 ชนิดรวมกันในตอนนี้ราว 1 ล้านตัว
จากเดิมที่มีอยู่ประมาณการ 10 ล้านตัวแต่ตายเพราะนักล่าปลาวาฬ
และการทำประมงอย่างมากหลังสงครามสิ้นสุดลง


แม้ว่าการครอบครองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ของอังกฤษ
จะเป็นเรื่องที่ปวดร้าวใจชาวอาร์เจนติน่าที่ต้องสูญเสียดินแดนไป
แต่ที่ผ่านมา ผู้นำอาร์เจนตินาก็ไม่เคยพยายามที่เรียกร้องเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่ประการใด
ในเวลาต่อมา รัฐบาลทหารซึ่งนำโดยนายพล Leopoldo Galtieri
กำล้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเพราะประชาชนไม่นิยมผลงานบริหาร
ทั้งยังมีข้อครหาในเรื่องการลักพาตัว การฆ่าผู้นำฝ่ายค้าน และการสังหารหมู่ฝ่ายซ้าย
ทำให้นายพล Leopoldo Galtieri เริ่มรู้สึกกังวลอย่างมาก ยิ่งเศรษฐกิจอาร์เจนตินาเริ่มตกต่ำลง
ความกลัวว่าจะเกิดการจลาจลอย่างรวดเร็วจากชาวบ้านที่เริ่มไม่พอใจรัฐบาลเผด็จการ
นายพล Leopoldo Galtieri จึงปลุกระดมความรักชาติด้วยการบุกยึด Falklands
ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการป้องกันการโจมตีทางทหารแต่อย่างใด
ในวันที่ 2 เมษายน 1982 อาร์เจนตินาจึงได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว
และประกาศชัยชนะเหนืออังกฤษในดินแดนหมู่เกาะ Falklands

แต่ความสำเร็จของอาร์เจนติมามีระยะเวลาที่สั้นมาก
และเป็นโชคร้ายอย่างแรงสำหรับ Leopoldo Galtieri
เพราะเจอกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Margaret Thatcher นางสิงห์เหล็ก
เจ้าของวาทกรรม การเมืองต้องเลือกข้าง คุณจะวางตัวเป็นกลางไม่ได้
เพราะถ้าคุณยืนอยู่กึ่งกลางถนน คุณมีโอกาสจะถูกรถยนต์ชนตายได้ทั้งสองข้าง


นางสิงห์เหล็กก็ไม่พอใจรัฐบาลเผด็จการทหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แม้ว่าดินแดนดังกล่าวจะไม่ใช่พื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์
และอังกฤษก็ไม่มีผลประโยชน์มากมายในดินแดนนี้เลยก็ตาม
แต่อังกฤษก็ทำการโจมตีตอบโต้กลับในเวลาต่อมา
เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและอธิปไตยในดินแดน
อังกฤษเคยมีฉายาว่า เจ้าของดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
เพราะในอดีตมีอาณานิคมตั้งแต่ทวีปออสเตรเลีย เอเซีย อัฟริกา ยุโรป และอเมริกา


ในช่วงสงครามหมู่เกาะ Falklands
อังกฤษได้ใช้เวลาเตรียมการรบและพร้อมรบไม่เกิน 2 เดือน
อังกฤษก็มีชัยเด็ดขาดเหนืออาร์เจนติน่า
พร้อมกับนำความล่มสลายให้กับรัฐบาลเผด็จการ Leopoldo Galtieri ในเวลาต่อมา





หลังจากสงครามสงบลงแล้ว
ผู้นำอังกฤษเพิ่งจะตระหนักว่าได้ใช้เงินไปหลายล้านปอนด์ในการนี้
ทั้งนี้เพื่อยืนยันสิทธิการครอบครองหมู่เกาะ Falklands
และน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ให้ประชาชนเชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการทำสงครามคราวนั้น
คุ้มค่ามาก คุ้มจริง ๆ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มยิ่งกว่า แฟลตปลาทอง
วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือ ให้หมู่เกาะ Falklands เป็นแหล่งประมง
ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงจัดตั้งเขตการประมงขึ้นมารอบ ๆ เกาะ
และเริ่มขายใบอนุญาตให้กับทุกคนตั้งแต่ชาวเกาะท้องถิ่น
ไปจนถึง บริษัทประมงขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ
แม้ว่าจะเป็นแผนการที่ดีและแสนชาญฉลาดของรัฐบาลอังกฤษ

แต่ยกเว้นสำหรับนกเพนกวินที่ต่างอาศัยปลา
ในแหล่งประมงกันเพื่อความอยู่รอด
การแข่งขันกับมนุษย์ในการแย่งชิงอาหารในบริเวณนั้น
กลับกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่า
สำหรับนกเพนกวินมากกว่าการล่าปลาวาฬในอดีต
เพราะในทศวรรษเดียวประชากรนกเพนกวินของหมู่เกาะต่าง ๆ
ลดลงจาก 6 ล้านตัวเหลือน้อยกว่า 1 ล้านตัว

ผลของสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์
และอุปทานที่ลดน้อยลงของปลา
พร้อมกับข้อเรียกร้องอย่างจริงจังเรื่องผลกระทบต่อนกเพนกวินท้องถิ่น
จึงนำไปสู่การเจรจาทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
พยายามหันหน้าเจรจาทางการทูตมากกว่าการทำสงคราม
ผลที่ตามมาทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงทำสงครามกันอีก
เพราะต้องทุ่มเททรัพยากรลงไปแบบขาดทุนกันทั้งสองประเทศ
แบบสันติภาพมีต้นทุน/ค่าใช้จ่ายโดยรวมมักจะน้อยกว่าการทำสงคราม

แม้ว่าจะมีการสำรวจการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งฟอล์กแลนด์
โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะมีน้ำมันที่มีมูลค่าราว 11 พันล้านบาร์เรลถูกฝังอยู่ที่นั่น
แต่เรื่องนี้ยิ่งเป็นข่าวดีสำหรับพวกนกเพนกวินทั้งมวล
เพราะตราบใดที่ยังมีความตึงเครียดและความขัดแย้งที่แหลมคม
ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงอยู่ แบบยังไม่ใช่มิตร ยังไม่ใช่ศัตรู
พวกนกเพนกวินบนหมู่เกาะ Falklands ก็ยังอยู่ได้อย่างสงบ

ในขณะที่ พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก
ถ้ามีน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจากสถานีขุดเจาะน้ำมัน
เรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าคือ มหันต์ภัยอย่างร้ายแรงสำหรับพวกนกเพนกวิน
เพราะพวกนกเพนกวินต้องอาศัยน้ำมันในขนของพวกมัน
เพื่อที่จะรักษาความสมดุลย์และการพยุงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อถูกกับน้ำมันดิบแล้ว พวกนกเพนกวินจะจมลงและจมน้ำตาย
หรือต้องลอยตัวอยู่บนน้ำและอดตายในที่สุด


เรียบเรียง/ที่มา


https://bit.ly/2JmfidL
https://bit.ly/2kYaQYt
https://bit.ly/2JeTDZ4


































เรื่องเล่าไร้สาระ


หนี้เลือดรอการค้นพบที่อาร์เจนตินา

สงครามสกปรก Dirty War
จากการรัฐประหารของทหารฝ่ายขวาจัดอาร์เจนตินา
มีการฆ่าพวกฝ่ายซ้ายนิยม Marxist ตายไปเป็นจำนวนมาก
ทั้งยังใช้ คุก ทหาร ศาล ตำรวจ โรงพยาบาล
เป็นสถานที่ยัดเยียดความเป็นธรรมให้กับฝ่ายตรงข้าม
ขณะเดียวกันก็นิรโทษกรรมความผิดหรืออภัยโทษพวกตน
เพื่อให้หลุดพ้นจากความผิด/การถูกลงโทษภายหลัง


ในปี 1977 เริ่มมีการประท้วงจากสตรี 14 คน
แม่บ้านที่อาชีพรับจ้างทั่วไปหรือผู้ยากไร้
ด้วยการเดินรอบจตุรัส Mayo
ตรงข้ามทำเนียบประธานาธิบดี
ใช้ชื่อกลุ่มว่า Mothers of Plaza de Mayo
เพื่อทวงถามความยุติธรรม
และถามว่าลูกของพวกตนหายไปไหน
จากการถูกจับกุมคุมขังของทหารตำรวจ

แต่รัฐบาลขวาจัดไม่พอใจอย่างแรง
จึงมีคำสั่งฆ่าแกนนำ 5 คนทิ้ง
ด้วยการโยนศพทุกคนลงในแม่น้ำจากเฮลิคอปเตอร์
แต่เรื่องนี้ยิ่งทำให้พวกแม่บ้านยิ่งไม่กลัว
กลับรวมตัวประท้วงกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
จนรัฐบาลขวาจัดเริ่มปอดแหกไม่กล้ายุ่งกับกลุ่มนี้อีก

ต่อมา มีข่าวระแคะระคายว่า
มีการนำลูกของลูกสาวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมคุมขังไปให้คนอื่นเลี้ยง
หลังจากที่แม่คลอดลูกเรียบร้อยแล้วก็จะฆ่าแม่เด็กทิ้ง
โดยมีข้อมูลจากบุรุษนิรนามแอบส่งมาให้
จึงมีกลุ่ม Grandmothers of Plaza de Mayo
ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจ DNA
เพื่อหาหลานของพวกตนเองกลับมาให้จงได้
ขบวนการนี้ใช้เวลาถึง 40 ปีแล้ว
และสามารถตามหาหลานของพวกตนคืนได้ 120 คนแล้ว


หลังการล่มสลายของระบบเผด็จการทหารในอาร์เจนติน่า
ที่มีแนวคิดบ้าคลั่ง/วิกลจริตในการนำทารกไปให้คนอื่นเลี้ยง
เพื่อกลบเกลื่อนความชั่ว/ความผิดบาปในใจของพวกตน
หรือฆ่าทารกที่เกินกว่า 2 ขวบทิ้งพร้อมกับแม่
แนวคิดนี้คาดว่าได้มาจากพวกนาซีเยอรมันนี
ที่หลายคนหลบหนีเข้าไปอยู่ในอาร์เจนตินา
โดยประกอบอาชีพต่าง ๆ บังหน้า
เช่น อดอล์ฟ ไอชมันน์ ที่ถูกยิวจับได้ที่นั่น
แล้วลักลอบพาตัวไปขึ้นศาลที่อิสราเอล
รวมทั้งมีนาซีเยอรมันบางคน
ที่ยิวฆ่าทิ้งเองในอาร์เจนตินากับในที่อื่น ๆ

หลังจากฝ่ายซ้ายได้กลับมามีอำนาจ
ตามระบอบประชาธิปไตย
โดยผลการเลือกตั้งของชาวบ้าน
ได้มีการไล่ทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา หมอ ผู้คุม
ผู้ที่มีเอี่ยวกับเผด็จการในอดีตจำนวนมาก
ให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่รัฐการ
พร้อมกับจับกุมนำตัวมาดำเนินคดีย้อนหลัง

แม้ว่าตามหลักนิติรัฐนิติธรรม
กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง
เว้นแต่ส่วนที่เป็นคุณประโยชน์
แต่ก็มีการแก้ไขกฎหมายใหม่
ให้มีผลย้อนหลังกับผู้กระทำความผิดทุกคน
ที่ก่อรัฐประหารและทำสงครามสกปรก
โดยไม่มีอายุความแบบอาชญากรสงคราม/นาซีเยอรมัน
โดยเลียนแบบกฎหมายเยอรมันนี
เพราะถือว่า พวกนี้ใช้ช่องว่างกฎหมาย
หลีกหนีความผิดของตนเอง
ด้วยการนิรโทษกรรมหรืออภัยโทษให้พวกตนเอง

จนทุกวันนี้ยังมีการตามล้างตามเช็ดคนเหล่านี้
รวมทั้งยังมีพวกบาทหลวง
ที่ทำตัวเป็นสายลับสองหน้า
โดยอาศัยคำสารภาพบาปของชาวบ้าน
ใช้เป็นข่าวสารชี้ช่องให้ทหารตำรวจไปจับกุมฝ่ายซ้าย

ทำให้พวกฝ่ายซ้ายบางคน
เกลียดชังพวกบาทหลวงมาก
เพราะเรื่องการเปิดเผยความลับ
จากคำสารภาพบาปของคนในครอบครัวตน
จนมีการจับกุมตัวบาทหลวงบางคน
มาพิจารณาพิพากษาและติดคุกเป็นจำนวนมาก

รวมทั้งการไม่ยอมรับหลักการศาสนาคริสต์
ที่ห้ามการทำแท้งหรือการหย่าระหว่างคู่สมรส
แม้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ในประเทศเขตละตินอเมริกา
จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคจำนวนมากก็ตาม
แต่ฝ่ายซ้ายต่างออกกฎหมายยกเลิกแนวคิดทางศาสนาทั้งหมด
เพราะความคับแค้นใจส่วนหนึ่งในอดีต
จากการถุกบาทหลวงบางคนทรยศในอดีต



ในช่วงสงคราม Falklands นั้น
หน่วยทหารที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันคือ ทหารกูรข่า
ซึ่งมีกิติศัพท์ขึ้นชื่อว่า ลุยไปข้างหน้าไม่มีการถอยหลัง
ตามคติและธรรมเนียมความเชื่อของพวกตน
รวมทั้งผลตอบแทนจากรายได้อาชีพนี้ดีมาก
สำหรับชาวเนปาลที่ยากจนต่างอยากมีอาชีพนี้
เพราะการเป็นทหารรับจ้างที่ผ่านการคัดเลือกจากอังกฤษ
เรียกว่ายกฐานะครอบครัวได้ทันที
ทำให้ทหารกลุ่มนี้ไม่กลัวตาย กลัวความยากลำบาก

ในตอนที่รบในสงคราม Falklands
ทางอังกฤษก็ปล่อยข่าวโฆษณาชวนเชื่อตลอดเวลาว่า
จะใช้ทหารกูรข่าเข้ารบในแนวหน้า
ซึ่งมีผลทางจิตวิทยาสงครามอย่างมาก
เพราะทหารอาร์เจนตินาที่เคยรบกับทหารพวกนี้
ส่วนมากมักจะตายแบบศพไม่สวยซักราย
เพราะถูกทหารกูรข่าฟันดับศพยับเยิน
แบบทหารกูรข่าเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ถ้าไม่ยอมจำนน
ทำให้การรบในช่วงหลัง ๆ ที่ Falklands
ทหารอาร์เจนตินาต่างพ่ายแพ้ต่อสงครามทางจิตวิทยา
จึงยอมถอดใจ/ยอมจำนนง่าย ๆ ในช่วงการรบตอนท้าย ๆ

แต่รัฐบาลอังกฤษไม่ยอมกล่าวถึง
ผลงานของทหารกูรข่าเพราะถือว่าเป็นทหารรับจ้าง
เพราะจริง ๆ แล้วอับอายกับประสิทธิภาพ
และความสามารถในการรบของทหารสัญชาติอังกฤษส่วนใหญ่
ที่ต่างปอดแหกไม่กล้าบุกยึดแนวหน้าแบบทหารกูรข่า



Create Date : 08 มิถุนายน 2561
Last Update : 8 มิถุนายน 2561 20:23:11 น. 0 comments
Counter : 1911 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.