John of Leiden ประกาศตัวเองเป็นหัวหน้า แล้วแต่งตั้งตนเองให้เป็นราชันย์พร้อมกับมีราชสำนัก ด้วยการแต่งกายให้เหมือนกับเป็นกษัตริย์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น New Jerusalem แต่ในขณะเดียวกันกับสั่งให้สาวกต้องเปลือยกาย เพื่อเตรียมรับการเสด็จมาของพระเจ้าในครั้งที่ 2 (ศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระเจ้าจะมาโปรดโลกอีกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของโลกเช่นกัน)
จากนั้น John of Leiden ก็มีภรรยาหลายคน โดยมีภริยาถึง 16 คน โดยสั่งว่านี่คือ ราชโองการ การลงโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดเล็กน้อย กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญและง่าย ๆ ขณะเดียวกันประชาชนก็เริ่มอดอยาก และเสบียงอาหารต่างลดน้อยถอยลงไปจากเดิมมาก
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไปปีเศษ Prince-bishop Franz von Waldeck กับพวก ก็กลับมายึดเมืองคืนจากพวกกบฎได้สำเร็จ ด้วยความร่วมมือจากกองทัพศาสนาจักรโรมันคาทอลิก (แบบชนะเป็นราชา แพ้เป็นชี้ข้า)
แม้ว่าในระหว่างที่ถูกปิดล้อม John of Leiden ก็สถาปนาตนเป็นผู้เผยพระวจนะ พร้อมกับมีราชโองการต่าง ๆ มากมายว่า อาสาสมัครผู้หิวโหยและจงรักภักดี ถ้ารอดตายจากการถูกปิดล้อมครั้งนี้ จะได้รับรางวัลมากมายทั้งในโลกนี้กับโลกหน้า พร้อมกับคำขวัญ Gottes macht is myn cracht พระเจ้ามอบพลังให้กับข้า
หลังจากที่ Bernhard Knipperdolling ทนเห็นการทรมาน John of Leiden แล้วก็พยายามจะฆ่าตัวตาย ด้วยปลอกคอที่รัดคอ ด้วยการรั้งคอให้สำลัก แต่เพชฌฆาตรีบมัดตัวนักโทษกับเสาหลักประหารให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษฆ่าตัวตายได้สำเร็จ
ศพทั้งสามคนจะถูกจับมัดและขังอยู่ในกรงขนาดโลงศพจำนวน 3 ใบ ที่แขวนลงมาจากยอดโบสถ์ St. Lambert's Church ทิ้งซากให้เน่าเปื่อนจนเหลือแต่โครงกระดูกกินเวลานานถึง 50 ปี ก่อนนำกระดูกไปฝังในสถานที่ลับ/สุสานคนอนาถา ทกวันนี้ กรงทั้งสามลูกก็ยังแขวนอยู่ ณ ที่เดิม
Photo: rogiro/Flickr
. มุมมองที่มีต่อ John of Leiden ในการครองเมือง Münster คือ การตั้งตนเป็นผู้ปกครองที่มีหลายเมีย ด้วยโองการว่า สตรีใดยังไม่แต่งงานตามหลักศาสนาคริสต์ (ต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีซึ่งกันและกันต่อหน้าผู้สอนศาสนา) จะต้องยอมรับคำขอแต่งงานของ John of Leiden ทันที ทำให้ตามประวัติศาตร์ว่ามีภริยาถึง 16 คน โดยมีรานี Divara van Haarlem เป็นมเหสีหลวง แต่ Elisabeth Wandscherer ถูกตัดหัวทิ้ง ข้อหาเป็นกบฏต่อ John of Leiden
แต่เรื่องราวของ John of Leiden Karl Kautsky กับหนังสือเรื่อง Communism in Central Europe at the Time of the Reformation บันทึกหมายเหตุที่เห็นใจกับกลุ่ม Anabaptist ว่า ภาพลักษณ์กลุ่ม Anabaptist ในเมือง Münster ส่วนใหญ่แต่งเสริมเติมแต่งจากพวกศัตรูของ Anabaptists เพราะพวก Anabaptists ต่างยอมสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม ระบอบการเมืองประชาธิปไตย และการใช้ชีวิตแบบชุมชน(คอมมูน) ในยุคสมัยของ John of Leiden
อนึ่ง อังกฤษก็แยกนิกายออกมาก่อนในปี 1534 เป็น Church of England เพราะ กษัตริย์ Henry VIII ไม่พอพระทัยที่พระส้นตปาปาไม่ยอมให้พระองค์หย่าขาดจากภริยา เลยตั้งนิกายขึ้นมาใหม่ไม่ขึ้นกับพระสันตปาปา และให้ราชอาณาจักรมีอำนาจเหนือศาสนจักร ก็เป็นผลพวงมาจากการตีความคัมภีร์ไบเบิล ที่มีคนแปลมาเป็นภาษาอังกฤษในการตีความ แม้ว่าจะมีคนแปลหลายท่านแต่ที่ได้รับเกียรติคือ John Wycliffe ในปี 1382 ทั้งนี้ อังกฤษแยกตัวออกมาเป็นอิสระ ก็คาดว่า ได้แนวคิดจากการแยกศาสนจักรออกจากพระสันตปาปา แต่ก็นำมาสู่สงครามศาสนาภายในประเทศในเวลาต่อมา