ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 
หลังการฆ่าผู้นำกลุ่มก่อการร้าย Abu Sayyaf กับ Maute








มีศพผู้ก่อการร้ายอีก 7 ศพเคียงข้าง Isnilon Hapilon กับ Omarkhayam Maute [AFP]


ผู้นำก่อการร้ายระดับสูง 2 คนของฟิลิปปินส์ที่ประกาศสวามิภักดิ์กับ
Islamic State of Iraq and the Levant (ISIL หรือ ISIS) ถูกฆ่าตายแล้ว
ตามรายงานข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำการล้อมปราบอย่างต่อเนื่องในทางตอนใต้ของประเทศ

Isnilon Hapilon ผู้นำสูงสุดของกลุ่มก่อการร้าย Abu Sayyaf
และ Omarkhayam Maute ผู้นำของกลุ่มก่อการร้าย Maute
พร้อมกับนักรบรวม 7 คนถูกยิงทิ้งเมื่อวันจันทร์นี้
หลังจากที่กองทัพฟิลิปปินส์ได้เปิดยุทธการครั้งใหญ่ในเมือง Marawi
นายพล Eduardo Ano ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้แถลงข่าวครั้งนี้

Eduardo Ano กล่าวว่าข้อมูลที่ได้รับจากหญิงตัวประกัน(อายุ 17 ปี)
ที่หลบหนีออกมาได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้บอกเบาะแสและฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย
ทำให้กองทัพสามารถระบุตำแหน่งฐานที่มั่นที่ชัดเจนของพวกก่อการร้ายได้
โดยผู้นำก่อการร้ายได้ยืนยันและตั้งใจว่าจะไม่ยอมวางอาวุธ
จากการบอกเล่าของตัวประกันที่รอดชีวิตออกมาได้
" เราจะไม่ยอมแพ้ เราจะตายด้วยการต่อสู้เท่านั้น "

Isnilon Hapilon มีค่าหัวมูลค่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากรัฐบาลสหรัฐฯ
และรัฐบาลฟิลิปปินส์ยังเสนอเงินค่าหัวเพิ่มอีก 200,000 เหรียญไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย
และเงินค่าหัวอีก 100,000 เหรียญสำหรับ Omarkhayam Maute

Eduardo Ano ยอมรับว่ายังมีผู้ก่อการร้ายอีกหลายสิบคนซึ่งมีชาวต่างชาติด้วย
ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่บางส่วนของ Marawi
และเชื่อว่ายังคงจับชาวบ้านบางคนไว้เป็นตัวประกัน

แต่การตายของ Isnilon Hapilon กับ และ Omarkhayam Maute
มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ก่อนที่การล้อมปราบจะสิ้นสุดลง
หลังจากการสู้รบที่กินเวลากว่า 5 เดือน ที่มีผู้คนเสียชีวิตกว่า 1,000 ราย
และชาวบ้านต้องอพยพหลบหนีออกจากเมืองมาถึง 600,000 คน
ทำให้เมืองประวัติศาสตร์ถูกทำลายลงแทบจมลงสู่พื้นดิน

การล้อมเมือง Marawi เริ่มต้นขึ้นเมื่อทหารและตำรวจ
พยายามที่จะปฏิบัติตามหน้าที่จับกุมตัว Isnilon Hapilon กับพรรคพวกในเดือนพฤษภาคม
แต่แทนที่ Isnilon Hapilon กับพรรรคพวกจะยอมจำนน
Isnilon Hapilon กลับหันไปร่วมมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มก่อการร้าย Maute
ทำการอาละวาดอย่างกระหายเลือดทั่วเมืองการศึกษา
ที่อยู่ท่ามกลางทะเลสาบ Lanao ที่งดงาม
ทำให้ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกใน Mindanao

เรื่องราวอื้อฉาวและชั่วร้ายของ Isnilon Hapilon
กินเวลายาวนานเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว
ในช่วงที่เป็นผู้นำสูงสุดกองโจรก่อการร้าย Abu ​​Sayyaf ในเกาะ Basilan กับ Sulu
ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวคนไปเรียกค่าไถ่
และการตัดหัวตัวประกันหลายคนที่มีทั้งชาวต่างชาติหลายคนด้วย

กองทัพฟิลิปปินส์ได้เปิดยุทธการรบกับกลุ่มก่อการร้ายนี้หลายครั้งแล้ว
ซึ่งเชื่อมั่นว่ากลุ่มก่อการรร้ายนี้ใกล้ชิดกับกลุ่มอัลกออิดะห์ al-Qaeda
แต่ Isnilon Hapilon กลับสามารถหลบหนีจากการล้อมปราบของกองทัพได้หลายต่อหลายครั้ง

Isnilon Hapilon ได้เปลี่ยนความจงรักภักดี al-Qaeda ไปให้กับ ISIL
และกลายเป็นผู้นำสูงสุดทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่แต่งตั้งตนเองขึ้นมา
ในช่วงต้นปีนี้ Isnilon Hapilon กับพรรคพวกได้ย้ายไปจังหวัด Lanao del Sur
เข้าร่วมกับกลุ่ม Maute ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ISIL
กลุ่มก่อการร้ายที่นำโดยสองพี่น้อง Omarkhayam กับ Abdullah
แต่แล้ว Abdullah กับน้องชายอีกสองคนถูกทหารยิงทิ้งในเดือนกันยายนที่ผ่านมา




นักวิจารณ์ระบุว่า การทำลายเมือง Mariwi แล้วจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดนี้ [File: Reuters]


ประวัติศาสตร์ที่อยุติธรรม


Shidik Abantas เจ้าหน้าที่กฎหมาย Mindanao State University
ใน Marawi ให้สัมภาษณ์กับ บอกกับ Al Jazeera
" ยุทธการทางทหารในวันจันทร์นี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก
ในแง่ที่ว่าเป็นการสิ้นสุดการล้อมปราบที่นี่แล้ว
เรื่องนี้จะทำให้เกิดสันติภาพจริงหรือไม่
ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นใน Mindanao
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท้องถิ่นของเรา
ไม่ได้เกิดจาก ISIS ในตะวันออกกลางเลย
ส่วนใหญ่เกิดจากความอยุติธรรมที่นี่ตั้งอดีตจนถึงทุกวันนี้ "

ในฐานะที่เป็นชาวบ้านในท้องถิ่นเขากล่าวว่า
" รู้สึกหดหู่และขุ่นเคืองใจกับการล้อมปราบและทำลายเมือง Marawi
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้
การทิ้งระเบิดทางอากาศแบบรุนแรง
และไม่ยอมรับการเจรจาต่อรองทุกรูปแบบ
(ให้จำนนแบบไม่มีเงื่อนไขทุกกรณี)
ได้นำไปสู่การทำลายล้างเมือง Marawi

การทำลายเมืองทิ้งทั้งเมือง
ยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างชาวบ้านกับรัฐบาล
รวมทั้งการยืนกรานของรัฐบาล ที่ระบุว่า
ชาวบ้านให้ความร่วมมือกับกองโจรติดอาวุธ
แม้ว่าจะมีหลักฐานเป็นศูนย์หรือไม่มีหลักฐานเลยก็ตาม
ยิ่งทำให้เรื่องแบบนี้แย่ลงไปอีก "




Battle for Marawi: Conflict takes toll on local economy


รากเง่าของความสุดโต่ง


Jay Batongbacal นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
University of the Philippines ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า
" ยุทธการในวันจันทร์เป็นการทำลายกลุ่ม Abu Sayyaf ครั้งยิ่งใหญ่
ทำให้กองกำลังติดอาวุธต้องล้าหลังไปอีกหลายปี
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่ม Abu Sayyaf จะถูกกำจัดทิ้งไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เพราะกลุ่มก่อการร้ายนี้ได้แสดงศักยภาพให้เห็นถึง
ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวได้
ตั้งแต่เกิดกลุ่มก่อการร้ายนี้ขึ้นมาในทศวรรษที่ 1990

ประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตได้แสดงให้เห็นว่า
ภัยคุกคามจะมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำก่อน
และหวนกลับมาเป็นภัยคุกคามอีกครั้งหลังจากมีผู้นำคนใหม่
ตราบเท่าที่เงื่อนไขทางสังคมและเศรษฐกิจใน Mindanao ยังไม่ดีขึ้น
กลุ่ม Abu Sayyaf ก็จะมีพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการฟื้นกลับคืนมา
(เงื่อนไขและสาเหตุที่ฟื้นตัวขึ้นมาเป็นภัยคุกคามอีกครั้ง)


ในขณะเดียวกัน นายทหารที่เกษียณอายุราชการแล้ว
ที่ขอให้ Al Jazeera ปกปิดชื่อผู้ให้สัมภาษณ์
ได้กล่าวถึงการต่อสู้ที่ยาวนานของกลุ่มกบฎว่า
" นักรบรุ่นใหม่อาจเกิดขึ้นมาอีกหลังความขัดแย้งใน Marawi
การต่อสู้และการทำลายล้างในเมือง Marawi
อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนมุสลิมรุ่นใหม่
จะต้องพิจารณาทบทวนการต่อสู้
หรือแม้กระทั่งอุดมการณ์มุสลิมสุดโต่งของ ISIL https://goo.gl/3bEobn (ไทย)

ขอบเขตของการทำลายเมือง Marawi
ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ความขัดแย้งใน Marawi ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เรื่องนี้เป็นความท้าทายอย่างรุนแรงกับรัฐบาล
และเครื่องมือที่ใช้รักษาความมั่นคงของรัฐ
และสร้างผลกระทบอย่างรุนแรง
ต่อสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในฟิลิปปินส์ "




ผู้คนหลายหมื่นคนหลบหนีการสู้รบใน Marawi : Reuters


ข้อเท็จจริงที่ว่า การกบฎได้เกิดขึ้นจริงในประเทศ
และมีตัวประกันเป็นชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์
กับการรบภายในที่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน
คือ พัฒนาการที่ร้ายแรงอย่างมาก
กลุ่มผู้ก่อการร้ายใน Marawi ไม่ใช่พวกไร้น้ำยา
แต่เป็นกองกำลังติดอาวุธที่น่าเกรงขาม
มีการจัดตั้งเป็นอย่างดีมีอาวุธครบครัน
และมีแรงบันดาลใจสูง(กล้าสู้กล้าตายตามอุดมการณ์)
ความตายของผู้นำทั้งคู่นี้และจุดจบของสงครามครั้งนี้
อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการก่อการร้ายที่อ่อนแอลงชั่วคราว
แต่ภัยคุกคามยังคงมีอยู่ต่อไปและอาจจะมีวิวัฒนาการ
ที่นำไปสู่ความรุนแรงและรุนแรงมากยิ่งขึ้น "




Philippine army struggles to dislodge Maute fighters from Marawi


จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่กว่า


Alia Fatma Macarambon นักศึกษาและชาวบ้าน
ใน Marawi ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera
" ความขัดแย้งเป็นเรื่องส่วนตัว
สงครามทำร้ายจิตใจของฉัน ทุกภาพ ทุกข่าว เตือนความทรงจำถึงภัยสงคราม
ที่ทำให้ฉันต้องร้องไห้ เพราะมันไม่ใช่เมือง Marawi ที่ฉันรู้จัก
มันทำให้ฉันเศร้ากับเรื่องที่ผู้บริสุทธิ์หลายคนถูกฆ่าตาย
ฉันมีญาติสนิทและเพื่อนที่ไม่มีบ้านอยู่อีกต่อไปแล้ว "


Ace Guro ชนพื้นเมือง Maranao ที่บ้านเกิดมาจาก Marawi ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera
" พัฒนาการครั้งล่าสุดนี้จะส่งผลให้สงครามสิ้นสุดลงโดยเร็ว ๆ นี้
แต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับชาวบ้าน
ความจริงแล้ว พวกเราบางคนคิดว่าจะไม่กลับไปอีกแล้ว
เพราะเมืองนี้ไม่ใช่บ้านเมืองอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
แต่คนเราไม่มีทางเลือกหรือย้ายไปจากเมืองนี้

รัฐบาลควรจะมีแผนการฟื้นฟูเมืองที่ชัดเจน
ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ชาวบ้านจะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาล
เราจำเป็นต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
เพื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน Marawi
จะจบลงแค่วิกฤติการณ์แค่นั้นในประวัติศาสตร์เพียงครั้งเดียว

แต่เป็นเรื่องราวความสำเร็จของการที่เราเอาชนะการก่อการร้าย
แม้ว่าพวกเราจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้าย
บ้านเรือนที่ปรักหักพังต้องได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูอีกครั้ง
แต่ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญ คือ การเยียวยาบาดแผลในใจที่เรามองไม่เห็น
จิตวิญญาณของ Maranao ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้ "


เรียบเรียง/ที่มา Al Jazeera


https://goo.gl/6MoTAL


เรื่องเล่าไร้สาระ


ปมความขัดแย้งที่มียุทธการขั้นรุนแรงคือ
การจับตัวประกันชาวคริสต์โดยกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมสุดโต่งไว้ต่อรองกับรัฐบาล
ซึ่งชาวฟิลิปปินส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
ขณะที่มีคนจำนวนมากหลบหนีออกจากตัวเมือง
ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งไม่ยอมหลบหนีออกมาด้วยเพราะห่วงบ้านเรือน
และบางคนผสมโรงปล้นทรัพย์สินบ้านเรือนที่ไร้ผู้คน
แล้วอยู่ปะปนร่วมกับพวกกองโจรก่อการร้าย
จนแทบแยกแยะไม่ออกว่า ใครคือชาวบ้านใครคือคนร้าย

ในช่วงแรกทางฟิลิปปินส์ขาดแคลนอาวุธส่วนหนึ่ง
ทั้ง ๆ ที่สหรัฐอเมริกามีฐานทัพอยู่ที่ฟิลิปปินส์
แต่ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือทางอาวุธโดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา
ทางจีนจึงได้จัดส่งอาวุธจำนวนมากให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์
พอศึกใกล้จะมีแนวโน้มว่ายุติแล้ว สหรัฐจึงส่งอาวุธให้จำนวนหนึ่ง

ใน 2-3 เดือนแรกทหารฟิลิปปินส์ยังจับทิศทางรบไม่ถูก
มีข้อมูลภายในว่าการล้อมปราบครั้งนี้ใช้ที่ปรึกษาทหารผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซีย
ที่เคยผ่านสงครามกลางเมืองในเชชเนียและซีเรียมาก่อน
เพราะความโหดสัตว์รัสเซียลอกเลียนแบบการทำสงครามของนักรบมองโกลในอดีต
กับกฎหมายซางหยางที่ปรับปรุงการปกครองของจีนในยุคโบราณ
ที่หลายชาติตอนนี้ใช้อยู่เช่น ยิว จีน เกาหลี ญี่ปุ่น คือ

ขีดเส้นตายให้คนร้ายยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไขต่อรองทุกชนิด
ขณะเดียวกันประกาศให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหลบหนีออกมาให้หมด
ใครที่ยังอยู่ในบริเวณที่จะทำการล้อมปราบให้ถือว่าเป็นพวกคนร้ายทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้หญิง คนชรา หรือคนพิการ
ใครก็ตามที่เป็นตัวประกันถ้ารอดตายได้ถือว่าโชคดีก็แล้วกัน
ใครที่ให้ที่พักพิง ช่วยเหลือคนร้าย ให้ถือว่าเป็นพวกคนร้าย
(กฎหมายอาญาไทยก็มีในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ)
ใครที่รู้ว่ามีคนร้ายมาอยู่ละแวกบ้าน ไม่แจ้งทางการให้ทราบ
ทางการสืบทราบภายหลังถือว่ามีความผิดเท่ากับคนร้าย
ดังนั้น พอถึงเส้นตายก็จะปราบปรามอย่างรุนแรง
ภายในพื้นที่เป้าหมายที่มีคนร้ายหลบซ่อนอยู่

ภายหลังศึกสงบจะมีการยึดทรัพย์ครอบครัวคนร้ายทั้งหมด
แบบทำให้เป็นคนยากจนไปเลยรวมทั้งผู้สนับสนุนทุกคนด้วย
ยิวจะใช้วิธีรื้อบ้านทำลายทรัพย์สินครอบครัวคนร้ายทั้งหมด

เมืองไทยเคยยีดที่ดินโรงเรียนปอเน๊าะที่มีผู้นำก่อการร้ายแฝงตัวอยู่
แต่มีหลายคดีที่ไม่ยึดทรัพย์เพราะเวทนาครอบครัวคนร้าย




US hostage rescue vs Russian special operation




Create Date : 17 ตุลาคม 2560
Last Update : 19 ตุลาคม 2560 22:29:27 น. 0 comments
Counter : 1916 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.