ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2561
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2561
 
All Blogs
 
ศพอาจารย์ใหญ่



" นี่เธอ โทรศัพท์หาญาติอาจารย์ใหญ่ยัง "
เสียงนิสิตสาวคนหนึ่งบอกถามเพื่อนในโรงเรียนแพทย์

" โทรแล้ว หมายเลขดังกล่าวนี้ ยังไม่เปิดให้บริการ
ส่วนอีกเบอร์ก็  ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
สงสัยพวกเราน่าจะไปตามหาที่บ้านญาติท่านนะ "
นิสิตสาวอีกคนตอบ

" ดีเหมือนกัน  ตามพวกเราอีก 2 คน
แล้วนัดไปหาญาติท่านพร้อม ๆ กันเลย "
นิสิตสาวคนแรกสรุป

เช้าวันอาทิตย์หลังจากขออนุญาตยามเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
Taxi ก็พามาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนั้น
ที่พวกนิสิตได้บ้านเลขที่ญาติอาจารย์ใหญ่
และสืบค้นจาก Google Maps ไว้ล่วงหน้าแล้ว

เสียงหมาเก่ากรรโชกดังลั่นในบ้าน
ขณะที่นิสิตสาวคนหนึ่งจ่ายเงินให้กับรถ Taxi
ส่วนอีกคนก็เดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน
อีกสองคนก็หอบพวงมาลัยและกระเช้าดอกไม้

สักพักก็มีหญิงชราท่านหนึ่งเดินออกมาถามว่า
" มาหาใครเหรอ หนู "

" มาหาญาติอาจารย์ใหญ่ชื่อ .... คะ "
เสียงใส ๆ ของนิสิตคนหนึ่งตอบ

" อ๋อ ท่านตายไปนานแล้ว มีธุระอะไรบ้าง " เสียงสตรีชราตอบ

" พวกหนูจะมาขอขมาญาติท่าน
เพราะจะเริ่มเรียนผ่าตัดศพท่านคะ
พอดีอาจารย์ท่านนี้ได้ทำเรื่องบริจาคศพไว้ที่คณะ
และมีสถานที่ติดต่อกับเบอร์โทรศัพท์แจ้งไว้คะ "
นิสิตสาวอีกคนตอบ

" งั้น เข้ามาในบ้านก่อน"
เสียงเจ้าของบ้านเชิญชวนนิสิตทั้ง 4 คน

หลังจากที่นิสิตทั้ง 4 คนได้ทำการพูดคุยจุดประสงค์ของเรื่องการมาหา
และได้ขอขมาญาติอาจารย์ใหญ่แล้ว
ก็กลับมาที่โรงเรียนแพทย์เพื่อเตรียมการเรียนกายวิภาคศาสตร์
ในบางเตียงของอาจารย์ใหญ่จะมีการขอขมาอาจารย์ใหญ่
และมีพวงมาลัยห้อยไว้ที่เตียงเป็นการแสดงความเคารพ


ในการเริ่มเรียนผ่าตัดเพื่อศึกษากายวิภาคของคน
จะแบ่งเป็นทีม ๆ ละ 4 คนร่วมมือกันทำงาน
ผลัดกันทำงานคือ คนแรกผ่าตัดชำแหละศพอาจารย์ใหญ่
ด้วยเครื่องมือผ่าตัดแบบของโรงพยาบาลที่คณะฯ ให้ยิมเพื่อการศึกษา
คนที่สองเปิดหนังสือกายวิภาคศาสตร์
ระบุชื่อเฉพาะทางการแพทย์ที่มักจะเป็นภาษาละติน/อังกฤษ
คนที่สามคอยฉีดน้ำไม่ให้ศพอาจารย์ใหญ่แห้งเกินไป
มีผลต่อการผ่าตัดและช่วยชำระล้างคราบสกปรกบางอย่าง
และคอยหยิบเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัด
คนสุดท้ายคอยยืนช่วยเหลือในการหยิบข้าวของเครื่องใช้
กับคอยป้อนขนม/น้ำดื่ม ซับเหงื่อ ให้กับคนที่ลงมือผ่าตัดศพอาจารย์ใหญ่
บางครั้งก็ป้อนขนม/น้ำดื่มให้กับเพื่อน ๆ ที่มือยังไม่ว่างอยู่

การเรียนวิชากายวิภาคศพอาจารย์ใหญ่นี้ต้องใช้เวลาเรียนรวม 1 ปี
ควบคู่ไปกับการเรียนวิชาอื่น ๆ ด้วยในโรงเรียนแพทย์





หลังจากผ่าตัดครบถ้วนกระบวนการแล้ว
นิสิตทั้งสี่คนก็เดินทางไปหาญาติอาจารย์ใหญ่อีกครั้ง


" อ้าว พวกหนูมาเยี่ยมป้าเหรอ
หายไปนานร่วมปีเลย
คราวนี้มีเรื่องอะไรจะมาบอกป้าละ " 
เสียงหญิงชราถาม


" พวกหนูจะมาเรียนเชิญคุณป้า
ไปร่วมงานพระราชเพลิงศพอาจารย์ใหญ่
และมาสอบถามว่า คุณป้าจะเก็บกระดูกไว้มั้ยค่ะ
ถ้าไม่ขอเก็บกระดูก จะได้ทำพิธีลอยอังคารคะ "
เสียงนิสิตสาวคนหนึ่งตอบคำถาม


" คงไม่ไปละ  ป้าเดินเหินไม่สะดวก
ต้องให้ลูกหลานพาไปและคนคงแน่นมาก
ทำตามคำสั่งเสียลุงก็แล้วกันให้ลอยอังคารไปเลยนะ 
ส่วนศพของป้าก็คงทำตามลุงเหมือนกันละ
แม้ว่าลูกหลานจะโต้แย้งอย่างไร  
ป้าก็ไม่ยอมซะอย่าง เพราะทำเรื่องบริจาคไว้แล้ว "
เสียงป้าตอบคำถามดังกล่าว

หลังจากพูดคุยสัพเพเหระเสร็จแล้ว
พวกนิสิตต่างลาคุณป้ากลับโรงเรียนแพทย์
เพื่อเตรียมการในวันพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่
ซึ่งมักจะเป็นพิธีใหญ่ที่เผาพร้อมกันร่วม 100 ศพ
ศพส่วนมากก็แทบจะเหลือแต่กระดูกแล้ว
เพราะอวัยวะภายในถูกชำแหละออกมาเพื่อทำการศึกษา
แล้วรวบรวมใส่ถุงดำส่งเตาเผาขยะปลอดเชื้อ
ซึ่งส่วนมากดำเนินการโดยหน่วยงานเอกชนภายนอก
ที่มักจะมารับจ้างไปจัดการในเรื่องนี้


ดังนั้น ศพอาจารย์ใหญ่ที่ญาติไม่ได้ขอรับกระดูก
ก็มักจะใส่รวมกันในโลงศพราว 2-4 ร่าง
ถ้าใส่รวมได้  แล้วก็เผารวมกันไป

ส่วนศพอาจารย์ใหญ่ที่ญาติขอมารับอัฐิ
ก็จะแยกเผาเป็นการเฉพาะรายไป

หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นในวันนั้นแล้ว
ในวันรุ่งขึ้นก็จะมีพิธีนำไปลอยอังคารต่อไป


แต่ที่มักจะเป็นปัญหาเกิดขึ้นเสมอมา
พอวันรุ่งขึ้นช่วงจะทำพิธีจะไปลอยอังคาร
ญาติผู้ตายบางรายเพิ่งจะคิดได้
มักจะมาขอรับอัฐิผู้ตาย
หลังจากวันพระราชทานเพลิงศพแล้ว


อาจารย์อาวุโสบางท่านก็ให้นักศึกษาไปหยิบเศษกระดูก
จากเตาเผาศพรวมในโลงศพเดียวกัน
(มีทะเบียนคุมรายชื่ออาจารย์ใหญ่ในการนำเข้าเตาเผา)
แล้วก็สุ่ม ๆ หยิบส่งให้เพราะไม่รู้จะแยกแยะอย่างไรแล้ว
พร้อมกับส่งให้กับญาติผู้ตายในรูปห่อผ้าขาว
บางรายก็บอกความจริงไป ก็ทำใจได้ ไม่ขอแล้ว
บางรายก็ต้องหยิบสุ่ม ๆ ส่งให้ ตามความประสงค์
เพราะแจ้งให้ทราบแล้วว่ามีการเผารวมกันไปแล้ว


ศพอาจารย์ใหญ่ไม่ใช่เป็นกันง่าย ๆ
ต้องมีหนังสือบริจาคให้โรงเรียนแพทย์
ศพที่บริจาคต้องตายตามธรรมชาติ
ถ้าตายด้วยอุบัติเหตุร้ายแรงก็ไม่รับ
เพราะต้องดองศพเป็นเวลาร่วมหนึ่งปีขึ้นไป
จึงจะผ่าตัดเห็นเส้นเอ็น เนื้อเยื่อ อวัยวะภายใน ฯลฯ

ในสถานที่ดองศพอาจารย์ใหญ่
จึงจะมีการก่ออิฐถือปูนเป็นช่องบ่อขนาดใหญ่
ใส่น้ำยาและศพอาจาย์ใหญ่ไว้ภายในหลายบ่อมาก
หลายบ่อมักจะมีการวางศพซ้อน ๆ กัน
เพราะน้ำยาที่ดองศพเข้าที่มากแล้ว


ในอดีตที่ยังมีผู้บริจาคศพเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่น้อยมาก
ทางโรงเรียนแพทย์มักจะนำศพไร้ญาติมาทำการดองไว้
เพื่อให้นิสิตนักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษากายวิภาคศาสตร์
แต่ช่วงหลังคนไทยนิยมบริจาคศพเป็นอาจารย์ใหญ่มากจนเกินพอในบางปี
ดังที่เคยตกเป็นข่าวว่า  มีการ  Export  ร่างอาจารย์ใหญ่ไปเมืองนอก
เพราะมีคนงานตรวจพบว่ามีการส่งศพดองยาที่ท่าเทียบเรือคลองเตย
โดยเฉพาะแถวตะวันออกกลางที่มักจะฝังศพทันทีภายใน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้เป็นความร่วมมือและช่วยเหลือกันในด้านวิชาการ
การขาดแคลนศพอาจารย์ใหญ่มีมากในหลายประเทศ
จนตัองมีการออกกฎหมายบังคับใช้กับผู้ตายบางราย
เพื่อนำศพมาดองรักษาไว้เป็นอาจารย์ใหญ่


การเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์
มีทั้งนิสิตนักศึกษาคณะแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช
ต้องเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ด้วย
จะได้รู้ถึงกลไกลการทำงานของร่างกายคนเรา


ผลของการที่พวกนิสิตไปขอขมาญาติอาจารย์ใหญ่
ทำให้บางครอบครัวมีความผูกพันใกล้ชิดกับพวกนิสิตบางกลุ่มมาก
มักจะโทรศัพท์สอบถามหรือแวะมาเยี่ยมเยือนตามวาระโอกาส
จนบางคนผูกพันกันประดุจญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน


ส่วนศพหลวงพ่อคุณ วัดบ้านไร่
เท่าที่ทราบคณะแพทย์ศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รักษาไว้ในห้องที่มีการตรวจสอบความปลอดภัยระดับสูง
อนุญาตให้เฉพาะอาจาย์แพทย์และนักศึกษาผู้ช่วยอาจารย์
จึงจะเข้าไปผ่าตัดเพื่อเรียนรู้ศึกษาอาการโรคคนชราได้
เพราะกริ่งเกรงกันว่าอาจจะมีคนแอบหยิบอวัยวะบางส่วนของท่านไปข้างนอก
เนื่องจากมีใบสั่งจำนวนมากจากพวกเล่นของหลายรายมาก
อยากจะเก็บไว้เป็นเครื่องรางของขลังของบูชา
หรือนำไปทำพิธีทางไสยศาสตร์
เพื่อไปทำมาหากิน/เก็บไว้บูชา


ศพของพระยาอนุมานราชธน(ยง เสฐียรโกเศศ)
ได้บริจาคโครงกระดูกของท่านให้โรงพยาบาลศิริราช
เพื่อทำหน้าที่เป็นอาจารย์ใหญ่จนกระทั่งทุกวันนี้


ส่วนอีกศพที่ถูกทางการบราซิลบังคับให้เป็นอาจารย์ใหญ่คือ
Dr.Josef Mengele  นายแพทย์และเป็นหัวหน้าผู้คุมค่ายกักกัน Auschwitz
ผู้มีความวิปริตผิดมนุษย์ชอบทดลองนักโทษด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อศึกษาทางวิทยาศาสตร์
และจับเด็กฝาแฝดชาวยิวไว้จำนวนมากเพื่อศึกษาด้านต่าง ๆ ที่อยากทดลองกับคู่แฝด
ในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้ยุติลงแล้ว ได้ทำลายเอกสารหลักฐานทั้งหมดเท่าที่ทำได้
ตามมาด้วยการทำลายโดยไม่ตั้งใจของกองทัพรัสเซียหลังยึดค่ายกักกันได้


หลังจากหนีตัวไปอยู่ที่อาร์เจนตินาและอีกหลายประเทศ
สุดท้ายตายในชื่อปลอมที่บราซิล
จนทางการเยอรมันนีกับยิวสืบสาวราวเรื่องนี้ได้
เลยจะขอนำศพกลับไปที่เยอรมันนี
แต่ทายาทผู่ตายไม่ยอมให้นำศพกลับไป
ทางการบราซิลเลยตัดปัญหาด้วยการบังคับทายาททุกคน
ให้ยินยอมให้นำโครงกระดูก Dr.Josef Mengele 
ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนแพทย์
รายละเอียดในเรื่องเชย ๆ จขกท. 
70 ปีหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว Holocaust



เขียนขึ้นจากคววมทรงจำเก่า ๆ 
จากคำบอกเล่าหลานสาว/เพื่อน
ก่อนที่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา




Create Date : 03 สิงหาคม 2561
Last Update : 3 สิงหาคม 2561 15:20:27 น. 0 comments
Counter : 1547 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.