ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กันยายน 2561
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
8 กันยายน 2561
 
All Blogs
 
พลังงานสะอาดอาจทำให้ฝนตกในทะเลทรายซาฮาร่า





ส่วนหนึ่งของทะเลทราย Sahara ใกล้กับประเทศ Chad Credit : NASA




ลองนึกถึงทะเลทรายซาฮาร่า Sahara ที่เต็มไปด้วยเนินทราย
สายลมที่พัดผ่านพร้อมแสงแดดแผดเผาอย่างเจิดจ้า
จบแทบจะทนไม่ไหวพอ ๆ กับอากาศหนาวเย็นในยามค่ำคืน
ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเห็นดินแดนที่แห้งแล้ง
มีแหล่งน้ำหรือสิ่งมีชีวิตที่น้อยมากที่สุด


แต่มีคนบางคนกลับเห็นว่า
ทะเลทรายซาฮาร่ามีศักยภาพ
ในการแก้วิกฤติพลังงานที่กำลังเกิดขึ้น
และอาจจะทำให้ฝนตกในทะเลทราย
ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก


ในบทความที่ตีพิมพ์วันที่ 7 กันยายน 2018
Climate model shows large-scale wind and solar farms in the Sahara increase rain and vegetation
นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์พบว่า
การสร้างพลังงานลมและฟาร์มแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
ที่กินเขตพื้นที่ทะเลทรายซาฮาร่าจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่สามารถจัดหาพลังงานให้กับ
ยุโรป แอฟริกาและเอเซียตะวันออกกลางเท่านั้น
แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ในเวลาเดียวกัน


แม้ว่าแผงโซลาร์เซลล์จะทำให้เกิดความร้อนที่เพิ่มขึ้น
แต่ก็จะเพิ่มน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้าในพื้นที่
และพืชในพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์
ได้อย่างมากเลยจากการผลิตพลังงานสีเขียว


มีการประมาณการและคาดการณ์ว่า
การร่วมลงทุนสร้างโครงการดังกล่าว
จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำฝนในภูมิภาคนี้ได้ถึง 2 เท่า
และเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกพืชประมาณร้อยละ 20


น้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้า คือ
น้ำในลักษณะของเหลว หรือของแข็งรูปผลึก หรือของแข็งอสัณฐาน (amorphous)
ซึ่งเกิดจากก้อนเมฆบนท้องฟ้าแล้วตกลงมายังพื้นโลก
เช่น ฝน หิมะ ลูกเห็บ ฯลฯ หรือน้ำที่ตกจากฟ้าลงสู่ดิน
ไม่ว่าจะมีภาวะเป็นน้ำหรือน้ำแข็ง
เช่น ฝนละออง ฝนธรรมดา หิมะ และลูกเห็บ
ลักษณะของหยาดน้ำฟ้าดังกล่าวแล้วแตกต่างไปจาก
เมฆ หมอก น้ำค้างแข็ง และไอน้ำ หรือน้ำแข็งในรูปอื่น ๆ
ตรงที่หยาดน้ำฟ้าจะต้องตกจากบรรยากาศถึงพื้นดิน
การวัดปริมาณของหยาดน้ำฟ้าใช้เครื่องมือแบบเดียวกันกับการวัดฝน
ถ้าหยาดน้ำฟ้าที่ตกลงมาในเครื่องวัดนั้นมีลักษณะเป็นน้ำแข็ง
ต้องทำให้ละลายตัวเป็นน้ำเสียก่อนแล้ว
จึงวัดปริมาณของน้ำนั้นออกมา
ด้วยการเทียบเป็นความสูง คือ เป็นเซนติเมตร หรือเป็นนิ้ว
เช่นเดียวกับการวัดฝน
(พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2516)







ที่มา https://bit.ly/1XUDJ5j





พื้นที่สีเขียวทะเลทรายซาฮาราจะมากขนาดไหน


ทะเลทราบซาฮาราครอบคลุมพื้นที่
3.55 ล้านตารางไมล์ (9.2 ล้านตารางกิโลเมตร)
หรือประมาณ 5,750 ล้านไร่ (1 ตร.กิโลเมตร = 625 ไร่)
ในการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยได้ทดลองใช้โมเดลคอมพิวเตอร์
จำลองสถานะการณ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง
(น่าจะเป็นพวก SuperComputer เพราะมีที่ MIT)
ด้วยการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าตลอดแนวทะเลทราย
ห่างออกจากกันเป็นระยะทางต้นละราว 1 ไมล์
และครอบคลุมพื้นที่ทะเลทรายประมาณร้อยละ 20
พร้อมกับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในรูปแบบต่าง ๆ
ด้วยการติดตั้งกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ทะเลทราย
โดยบางครั้งแผงโซลาร์เซลจะติดตั้งในรูปแบบตารางหมากรุก
และในบางครั้งก็กระจุกตัวในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส






การติดตั้งกังหันลมและโซล่าร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า
ยิ่งมีขนาดเล็กยิ่งสร้างผลกระทบกับสภาพภูมิอากาศเล็กลง
แต่ทั้งนี้ยังขึ้นกับ ลักษณะภูมิทำเลและพื้นที่ในการติดตั้ง
กังหันลมและแผงโซล่าร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
ถ้าทำการติดตั้งแผงไว้ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ
จะมีผลกระทบมากกว่า 3 ทางเลือกอื่น ๆ ในทะเลทรายซาฮาร่า


เพราะพื้นที่ส่วนที่แผงโซล่าร์เซลสีดำที่ปกคลุมทะเลทราย
ทำให้มีอัตราส่วนการสะท้อนแสงแดดของพื้นผิว Albedo
มากกว่าพื้นที่ที่ไม่ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
นั่นคือ เหตุผลที่จะทำให้พื้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า
ที่ติดตั้งแผงโซล่าร์เซลจะสะท้อนแสงแดดและความร้อน
กลับขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นกว่าเดิม





วัสดุที่มีอัตราส่วนการสะท้อนแสงแดดของพื้นผิว ตามแต่ละประเภทวัสดุ Valerio Pellegrini




การเพิ่มอัตราส่วนการสะท้อนแสงแดดของพื้นผิว Albedo
ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
จะเป็นการเพิ่มน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้ามากขึ้น
แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิรอบ ๆ แผงโซลาร์เซลล์
แต่อากาศที่อุ่นขึ้นที่สะท้อนไปยังชั้นบรรยากาศ
ชั้นบรรยากาศจะมีอากาศเย็นและมีความชื้นอยู่
ก็จะเกิดควบแน่นและทำให้ฝนตกลงมาได้มากขึ้น











" ในปี 1975 Jule Charney อาจารย์ที่ปรึกษาของผม
ในการทำดุษฏีนิพน์ปริญญาเอกของผมที่ MIT
ได้เสนอกลไกการสะท้อนกลับ
เพื่อช่วยอธิบายความแห้งแล้งในเขต Sahel
สภาพการเปลี่ยนแปลงกึ่งแห้งแล้งทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า
การเลี้ยงสัตว์กินหญ้ามากเกิดไป (แพะ แกะ ในพื้นที่ทะเลทราย)
ทำให้อัตราส่วนการสะท้อนแสงแดดของพื้นผิว
ไม่เหมือนเดิมแบบสภาพเดิมในอดีตอีกต่อไปแล้ว
และปริมาณน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้าก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ยิ่งปริมาณพืชที่ลดลงมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ยิ่งมีปัญหาตามมาอย่างแรงจนกระทั่งส่งผลในทุกวันนี้


ผมเลยมีความคิดว่า ข้อเสนอแนะนี้
จะทำงานในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ด้วยการใช้ปรากฏการณ์ของแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่
เพราะจะช่วยให้เพิ่มอัตราส่วนการสะท้อนแสงแดดของพื้นผิว


ในทำนองเดียวกันฟาร์มกังหันลมผลิตไฟฟ้า
จะเพิ่มแรงเสียดทานของพื้นผิวดิน
และการลู่เข้าเข้าหากันของของอากาศ
ทำให้เกิดการกระพือของลม/การเคลื่อนไหวของลมที่เกิดขึ้น
เกิดการกระทบกระทั่งกันและทำให้เกิดปรากฏการน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้าขึ้น "
Eugenia Kalnay ผู้เขียนบทนำ รายงานวิจัยให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าว








การที่มีฝนตกมากขึ้น
หญ้าและต้นไม้จะค่อย ๆ เติบโต
ทำให้เกิดภูมิทัศน์อันเขียวขจี
ระหว่างกังหันลมและแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์
เช่นเดียวกับฟาร์มผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ค่อย ๆ ขยายตัวมากขึ้น


ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 79 เทราวัตต์ terawatts
และฟาร์มกังหันลมจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 3 เทราวัตต์
โดยไม่ผลิตก๊าซเรือนกระจกเหมือนการใช้พลังงานประเภทอื่น
นักวิจัยยังได้ระบุว่า ทั่วโลกใช้พลังงานไฟฟ้าราว 18 เทราวัตต์ในปีที่ผ่านมา


แต่การสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่
คงไม่อาจจะเกิดขึ้นในชั่วเวลาแค่เพียงข้ามคืน
ดังนั้นนักวิจัยจึงต้องโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำลองผล
เพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาการก่อสร้าง 100 ปี
และในช่วงระยะเวลา 100 ปีหลังจากที่โรงงานดังกล่าวได้สร้างขึ้นมาแล้ว





" ถ้าเราสามารถสร้างฟาร์มกังหันลมและฟาร์มโซลาร์เซลล์ได้ทันที
ผลกระทบจากชั้นบรรยากาศอาจะสังเกตได้เกือบจะในทันทีเลย
แต่ผลกระทบที่เกิดจากกลไกการตอบสนองของน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้า
อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าก่อนที่จะสามารถสังเกตเห็นได้
เพราะพืชต้องการระยะเวลาในการเจริญเติบโต (ภายในไม่กี่ปี)
ความเป็นจริงแล้ว ผลกระทบจะยิ่งมากขึ้นตามขนาดและพื้นที่ติดตั้ง
พลังงานลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งเพิ่มขึ้น "
Yan Li และ Safa Motesharrei กล่าวตอบในอีเมล





แผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝน
ที่อาจเกิดขึ้นในทะเลทรายซาฮาร่าหาก
มีการติดตั้งฟาร์มกังหันลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์





พื้นที่สีเขียวในอดีต



นี้อาจจะไม่ใช่เป็นครั้งแรก
ที่มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงทะเลทรายซาฮารา
ที่เคยเป็นพื้นที่ชุมน้ำมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


" ทะลทรายซาฮาร่า คือ แหล่งชีววิทยาที่สำคัญสำหรับมนุษยชาติ
ในแง่ของการเป็นคลังสะสมความหลากหลายทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศน์
แม้แต่ในทุกวันนี้ ภูมิภาคนี้แห่งไม่ใช่มีแค่กองมวลทราย
แต่ยังมีเทือกเขา ภูเขา แม่น้ำและทะเลสาบขนาดเล็ก
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายพันชนิด


บรรพบุรุษของเราที่รู้จักกันครั้งแรก
หลังจากที่มนุษย์เราแยกวงศ์ตระกูลออกจากลิงประเภทอื่น ๆ
Sahelanthropus tschadensis ก็พบในทะเลทรายซาฮาร่า
ในช่วง African Humid Period (ประมาณ 11,000-5000 ปีก่อน)
Sahara เคยเป็นระบบนิเวศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล
และมีความหลากหลายทางชีวภาพ
เต็มไปด้วยทะเลสาบและชาวประมง
ต่อมามันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงวัวควายและอูฐ
(พอในช่วงหลังก็เริ่มเลี้ยงแพะกันมากขึ้น
เพราะสภาพน้ำและทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ลดลงไปมาก)
Sahar เคยเป็นสถานที่ตั้งชุมทางการค้าทางบกที่กว้างใหญ่ไพศาล
ที่บริหารจัดการโดยจักรวรรดิ์ที่เคยยิ่งใหญ่มากในอดีต
Sahar คือ บทเรียนครั้งสำคัญในอดีตที่ได้สอนมนุษย์เรา
ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม " ไรท์กล่าว
David Wright นักโบราณคดี Seoul National University ได้เขียนตอบใน Email






ภาพวาดที่หน้าผาและถ้ำในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่อัฟริกาเหนือ
(a, b) ถ้ำนักว่ายน้ำ Swimmer’s Cave (Wadi Sura ทางตอนใต้ของ Egypt)
(c) เทือกเขา Ennedi massif (ทางอีสานของ Chad)
และ (d) Zolat el Hammad, Wadi Howar (ทางหนือของ Sudan)
© 2012 Nature Education All photographs courtesy of Dr. Stefan Kröpelin (University of Köln)








รายงานวิจัยของ David Wright ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว
Humans as Agents in the Termination of the African Humid Period
ได้เสนอทฤษฏีว่า นักเลี้ยงปศุสัตว์ได้ย้ายเข้ามาอยู่
ในพื้นที่ Sahara ระหว่างช่วง 8,000 ถึง 4,000 ปีก่อน
ฝูงปศุสัตว์ได้กินพืชชนิดต่าง ๆ และทำให้เกิดกระบวนการเพิ่ม albedo
เร่งการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชุ่มน้ำ Sahara กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งแห่งหนึ่ง


" ผลกระทบจากมนุษย์ที่รุกล้ำระบบธรรมชาติ
ด้วยการที่มนุษย์กับฝูงปศุสัตว์เดินทางเข้าสู่ระบบนิเวศน์
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากพื้นที่ชุ่มน้ำ
จนไปไกลเกินกว่าที่จะคาดคิดและเกิดขึ้นมา
เพราะหากไม่มีแรงกดดันจากสิ่งเหล่านั้น

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังมีประจักษ์พยาน
ที่แสดงให้เห็นถึงเวลาและสถานที่อีกครั้ง
จาก Atacama ไปยัง Mongolia และ Sahara "
David Wright ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการการศึกษาครั้งนี้





ที่มา https://bit.ly/2oXgufr




นักวิจัยยังได้เชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กับการที่ทะเลทรายขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เพราะมีการขยายตัวเติบโตขึ้นร้อยละ 10 ตั้งแต่ปี 1920


แม้ว่าผู้เขียนรายงานวิจัยล่าสุด
จะไม่ได้เขียนระบุถึงผลกระทบทางนิเวศน์อื่น ๆ
ที่อาจจะเกิดจากการติดตั้งฟาร์มกังหันลม
และพลังงานแสงอาทิตย์ในทะเลทรายซาฮาร่า
แต่พวกนักวิจัยคิดว่า ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้และรอบ ๆ ภูมิภาค


" 10% ของประชากรโลกที่มีการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
มีการการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 50% ของโลก
(ที่สร้างเรือนกระจก จากการผลิตสินค้าชนิดต่าง ๆ ที่ใช้พลังงาน)
ดังนั้น ถ้าหากประชากรที่ยากจนที่สุด 90% ของโลก
มีเป้าหมายที่จะยกระดับมาตรฐานการครองชีพ
ไปสู่ระดับชนชั้นระดับสูงที่ 10% ของโลก
ด้วยการใช้พลังงานฟอสซิลในการผลิตพลังงาน
การเพิ่มกำลังการผลิตจะเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้ถึง 5 เท่า


ดังนั้น เพื่อให้ชาวโลกสามารถเข้าถึงการพัฒนาได้
โดยไม่ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เราจำเป็นจะต้องใช้พลังงานทดแทนที่สะอาดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "
Yan Li และ Safa Motesharrei กล่าวตอบในอีเมล



โอกาสที่จะปรับเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศโดยสิ้นเชิง
จะเห็นได้ชัดจากคำถามเชิงจริยธรรม (ควรทำหรือไม่ควรทำ)

แต่ David Wright ได้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราได้ทำมาก่อนแล้ว

" มนุษย์เป็นโดยธรรมชาติ นักสร้างโดยชีพวิสัย
เราพัฒนาการเป็นนักสร้างชีพวิสัยด้วยกิจกรรมต่าง ๆ
ที่อาจจะมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เพียงหนึ่งในสองทางเลือก
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรักษาสายพันธุ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์
หรือการทำลายสายพันธุ์ให้สูญพันธุ์ไปเลย
สังคมมนุษย์ได้ทิ้งรอยเท้าทางนิเวศวิทยาขนาดใหญ่
ไว้ในพื้นที่ทะเลทรายและกึ่งทะเลทรายมาแล้ว


ในแง่ของความเต็มใจแล้ว
แน่นอน ผู้คนต่างยินดีในเรื่องนี้
เพราะสามารถที่จะสร้างโรงงานสร้างพลังงานขนาดมหึมา
ในทะเลทรายและกึ่งทะเลทรายของแอฟริกาจำนวนหลายแห่ง
แต่การกระทำดังกล่าวนี้ ก็นำไปสู่คำถามที่เปิดกว้างขึ้นว่า


การศึกษาเรื่องนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า
มันเป็นเรื่องของการมองการณ์ไกลตามการคาดการไว้
ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมากมายสำหรับโครงการดังกล่าว
ซึ่งจะต้องจ่ายมากกว่าในระบบนิเวศน์ด้วยเช่นกัน "


ทั้งนี้ การวิเคราะห์แต่
ค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ของโครงการ
ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลก
ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
แต่เงินเดิมพันที่นี่ก็สูงมากเช่นกัน
โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยู่อาศัยในภูมิภาคนี้แล้ว


" มันขึ้นอยู่กับ คนในท้องถิ่นที่จะกำหนดวิถีชีวิตตนเองว่า
พวกเขายินดีที่จะเล่นกับเดิมพันในครั้งนี้หรือไม่
เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
อาจจะมีผลกระทบแบบย้อนรอยเดิมในอดีต
ภายในระบบนิเวศวิทยาที่กว้างมากขึ้นในภูมิภาค


เพราะภายในบริบทของการเมืองศรษฐกิจอุตสาหกรรม
โครงการพัฒนาดังกล่าวมีแนวโน้ม
ที่คนในพื้นที่เพียงไม่กี่คนที่จะได้รับประโยชน์
จากการก่อสร้างโรงงานผลิตพลังงานจากลมและแสงแดด
แม้ว่าจะมีผลกระทบทางนิเวศวิทยากับพวกชาวบ้านจะรุนแรงที่สุด
(การสูญเสียพื้นที่ทำกิน/เลี้ยงส้ตว์ และภัยพิบัติจากธรรมชาติที่ไม่คาดคิด
ที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้า หรือพืชที่นำมาปลูกในพื้นที่)
ผลประโยชน์ดังกล่าวจะไหลไปสู่พื้นที่ที่มีการพัฒนาแล้วของโลก
(ผู้คนในชาติพัฒนาแล้วและมีกำลังจ่ายค่าพลังงานไฟฟ้า)
ซึ่งถือว่าไม่มีความเสี่ยงและรับผลประโยชน์จากพลังงานไปเต็ม ๆ " David Wright


ผู้เขียนงานวิจัยยังได้เสนอแนะคำแนะนำ
เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

" การใช้ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมขนาดใหญ่มีความเป็นไปได้อย่างสูงมาก
แต่ต้องมีการวางแผนที่เหมาะสมและการตัดสินใจอย่างมีวิสัยทัศน์
รวมทั้งการทำงานร่วมกันของผู้กำหนดนโยบาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และชาวบ้าน
เราหวังว่าบรรดาผู้มีบทบาทชี้นำกิจกรรมในท้องถิ่นและระดับโลก และผู้มีส่วนได้เสีย
จะหันหน้ามาร่วมงานกันและทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงขึ้นมา
นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วสำหรับการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้
ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทุกคน "
Yan Li และ Safa Motesharrei กล่าวตอบในอีเมล



เรียบเรียง/ที่มา


https://bit.ly/2Nq0dgG
https://bit.ly/2Q7Zkbb
https://bbc.in/2NUycLk









ข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/2Q7Zkbb







สภาพภูมิอากาศของฟาร์มกังหันลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์
ในทะเลทรายซาฮาร่าที่อุณหภูมิอากาศใกล้พื้นผิว (Kelvin)
และน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้า (มิลลิเมตรต่อวัน)
ผลกระทบของฟาร์มกังหันลม (A และ B) ฟาร์มสุริยะ (C และ D)
(E และ F) ตามลำดับจะปรากฏขึ้นตามภาพ
เฉพาะบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (ทดสอบ t) จะแสดงบนแผนที่
จุดสีเทาหมายถึงตำแหน่งของฟาร์มกังหันลมและ / หรือ
ฟาร์มโซลาร์เซลล์ ที่ด้านล่างของแต่ละพล็อต,
ตัวเลขหลังจาก Δ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
(น้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้าที่เกิดขึ้นเป็นเคลวินหรือมิลลิเมตรต่อวัน)
เฉลี่ยทั่วทั้งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยไปด้วยฟาร์มกังหันลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์







สหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของพื้นผิว (Rough)
กับการตอบสนองต่อพืช (Veg)
ภายใต้สภาพภูมิอากาศของฟาร์มกังหันลมในทะเลทรายซาฮาร่า
สหสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิ (A, C และ E) กับน้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้า (B, D และ F)
ที่จะปรากฏขึ้น ผลกระทบของฟาร์มกังหันลมที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพื้นผิว
และการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนของการสะท้อนแสงแดดของ
พื้นผิวในภายหลังที่มีการตอบสนองจากพืช
ที่ด้านล่างของแต่ละพล็อตตัวเลข
หลังจาก Δ แสดงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(น้ำฟ้าหรือหยาดน้ำฟ้าที่เกิดขึ้นเป็นเคลวินหรือมิลลิเมตรต่อวัน)
โดยเฉลี่ยต่อพื้นที่ที่ครอบคลุมโดยฟาร์มกังหันลม




ชีพพิสัย (niche) คือ วิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
ตั้งแต่เกิดจนตายว่ามีรูปแบบ+วิถีการดำเนินชีวิตอย่างไร
(ในทางนิเวศวิทยายังรวมหมายถึง ทรัพยากรที่สิ่งมีชีวิตนั้นๆใช้ในชีวิตด้วย)
เช่น หากินอย่างไร เมื่อไร อย่างไร อาศัยอยู่ที่ใด สืบพันธุ์อย่างไร เป็นต้น

Ecological Niche คือ ความต้องการที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง 
หรือประชากรหนึ่งใช้ในการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมหนึ่ง

Foundamental Niche  คือ ทรัพยาการต่าง ๆ ในระบบนิเวศ
ที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งจะใช้ (มากที่สุด)
ความกว้างที่สุดของทรัพยากรที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะใช้

Realized Niche คือ ความกว้างของทรัพยากรที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งใช้
เมื่ออยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น (ต้องมีการปรับตัว)

** Realize Niche จะแคบกว่า Foundamental Niche เสมอ **

Credit : https://bit.ly/2Nrf4HP




Create Date : 08 กันยายน 2561
Last Update : 9 กันยายน 2561 11:38:31 น. 0 comments
Counter : 3164 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.