ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 มกราคม 2562
 
All Blogs
 
สงครามกำจัดนกกระจอกบ้านของจีนในอดีต







The Great Sparrow campaign documentary


1.





ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 ของประเทศจีน
มีการโฆษณาชวนเชื่อด้วยภาพต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ด้วยการปิดป้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ
ตามโรงเรียนเด็กประถม-มัธยม ฯลฯ ทุกหนทุกแห่ง
เช่น ภาพเด็กชายล่านกกระจอกแบบการละเล่นกีฬา
ภาพโฆษณาชวนเชื่อหลายภาพเหล่านี้
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ที่เป็นวาระแห่งชาติ
ทั้งนี้ เพื่อกำจัดศัตรูพืชที่ต้องรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายของ
โรคระบาดของพืชและโรคระบาดของสัตว์ที่มีผลกระทบต่อคนจีน
ศัตรูสี่ตัวที่ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อทำการกำจัด ได้แก่
ยุง หนู แมลงวัน และนกกระจอก
ด้วยเหตุผลสรุปที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฆ่า
เพราะพวกศัตรูสี่ตัวเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบ
ต่อการระบาดของเชื้อโรคและการขาดแคลนอาหารของคนจีน


นก เป็นสัตว์ตัวแรกสุดที่เป็นตัวการสร้างปัญหา
การขาดแคลนธัญพืช พืช และผลไม้
เพราะพวกนกจิกกินพืช ผลไม้ และธัญพืช
ความคิดที่ไร้สติเรื่องนี้ คือ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับห่วงโซ่อาหาร
ทำให้เกิดความไม่สมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง
และด้วยนโยบายที่รัฐบาลเข้าใจผิดในเรื่องนี้
จึงส่งผลกระทบด้านอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง
ทำให้เกิดเหตุการณ์ทำลายห่วงโซ่อาหาร
ซึ่งทำให้ประชากรตายไปถึง 50 ล้านคนภายในเวลา 3 ปี
(แค่ 6.25% ของประชากรจีน 800 ล้านคนเอง
จีน อินเดีย มักจะประกาศการตายของประชาชนชาติตนเอง
ด้วยตัวเลขเป็น % จะได้ดูว่าจำนวนไม่มากเกินไป)


The Great Sparrow Campaign วาระแห่งชาติโครงการรณรงค์กำจัดนกกระจอก
เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ยิ่งใหญ่กว่าโครงการ Great Leap Forward
โครงการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่
ซึ่งริเริ่มโดยประธาน เหมาเจ๋อตง ในปี 1958
เพื่อเปลี่ยนประเทศเกษตรกรรมส่วนใหญ่ในอดีต
ให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่เจริญรุ่งเรือง
ผ่านกิจกรรมทางอุตสาหกรรมที่รวดเร็วและการสั่งสมยาวนาน
ด้วยการควบคุมการเกษตรจากศูนย์กลางอำนาจจากส่วนกลาง
และด้วยการสร้างอำนาจการผูกขาดโดยรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว
ในการกระจายกำลังการผลิตอุตสาหกรรม
และกระจายการทำไร่ไถนาและทำสวนทั่วทั้งประเทศจีน
ในยุคนั้น จีนจะมีมาตรฐานเวลาเดียวกันทั่วประเทศ
แม้ว่าอีกฟากหนึ่งของประเทศจะยังมืดอยู่ก็ตาม
ซึ่งผิดกับสหรัฐอเมริกาที่มีเวลาตามเขตพื้นที่ของประเทศ


ประธานเหมาเจ๋อตง ได้มีคำสั่งให้ยกเลิกกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนบุคคล
ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตกเป็นของรัฐทั้งหมด
กรรมกรชาวนาทุกคนจึงตกเป็นคนงาน/ไพร่รัฐทั้งหมดเช่นกัน
ทั้งยังมีคำสั่งให้ทำไร่ทำนาทำสวนในที่ดินกรรมสิทธิ์รวมของชุมชนทุกหมู่บ้าน
ชาวไร่ชาวนาชาวสวนจำนวนมากถูกไล่ออกจากที่ดินดั้งเดิมของบรรพบุรุษ
และชาวไร่ชาวนาชาวสวนต้องรับคำสั่งให้ร่วมทำงานในโครงการต่าง ๆ เช่น
โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การผลิตเหล็กและเหล็กกล้า
ด้วยการนำหม้อไห กะทะ เศษเหล็ก โลหะต่าง ๆ มาหลอมขึ้นมาใหม่
เพื่อทำการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าแข่งขันกับโซเวียตรัสเซีย และชาติตะวันตก
เพราะแนวคิดเพ้อฝัน/มโนว่า จีนเคยเป็นแหล่งผลิตกะบี่ที่ยอดเยี่ยมในวรยุทธ์
และเคยผลิตอาวุธปืนใหญ่ในอดีตมาก่อนหลายชาติในยุโรป


ในเวลาเดียวกันนั้น เหมาเจ๋อตง ได้เปิดตัวโครงการรณรงค์
ปลุกใจให้รักชาติด้วยเป้าหมายกำจัดพวกสัตว์ที่แพร่กระจายโรค ซึ่งมี ยุง หนู แมลงวัน
และเหมาเจ๋อตงได้หยิบยกตัวการสำคัญที่สุด คือ นกกระจอกบ้าน
ที่เชื่อว่าเป็นศัตรูที่สำคัญในการกัดกินธัญพืช
ที่คณะที่ปรึกษาของเหมาเจ๋อตง ได้คำนวณออกมาว่า
นกกระจอกบ้านตัวเดียวจะกินข้าวถึง 4.5 กิโลกรัมในแต่ละปี
และนกกระจอกบ้าน 1 ล้านตัวที่ถูกฆ่าตาย
จะมีอาหารเพียงพอสำหรับประชากรถึง 60,000 คน



2.



Eurasian tree sparrow (Passer montanus) Credit : hedera.baltica / Flickr



3.






มีเพียงชาวบ้านเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ที่ตระหนักถึงผลของการรบกวนสมดุลตามธรรมชาติ
ที่จะส่งผลร้ายต่อระบบนิเวศของชาติ
และแม้ว่าพวกเขาจะคัดค้านก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
เพราะในตอนนั้นเหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำรัฐที่มีอำนาจสูงสุด
มักเชื่อมั่นในความคิดตนเองสูงมาก
แบบทำตัวดื้อตาใสไม่ยอมรับฟังความคิดใคร
และรอบข้างเต็มไปด้วยลูกสมุนคอยพยัก
พวกบริวารที่ชอบเอื้อนเอ่ยให้คนบ้ายอว่า
ดีครับพี่ ชอบครับนาย เหมาะสมครับท่าน
ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วย
เพราะต่างกลัวว่าจะต้องไปนอนสงบสติอารมณ์ใต้รากหญ้าคา


เรื่องนี้ เติ้งเสี่ยวผิง สรุปบทเรียนภายหลังพัฒนาจีน
แบบให้จบง่าย ๆ ว่า เหมาเลวสาม ดีเจ็ด เจ๊ากันไป
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เหมาเจ๋อตง
และมีการชำระประวัติศาสตร์จีนใหม่
เพราะท่านและแกนนำหลายคนที่โด่งดังในอดีต
ต่างก็เคยร่วมวงอไพบูลย์ในช่วงนั้นด้วย


“ เหมาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกสัตว์เลย
เขาไม่ต้องการคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแผนการที่เขาคิด
หรือการรับฟังผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเขาตัดสินใจว่าควรกำจัดศัตรูสี่ตัว
พวกมันก็จะต้องถูกกำจัด "
Dai Qing หนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน ให้สัมภาษณ์กับ BBC


มีการล่าสังหารนกกระจอกบ้าน แบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ด้วยการทำทุกวิธีทุกหนทุกแห่งอย่างไม่น่าเชื่อเลย
ทำทุกวิธีที่ทำได้เพื่อฆ่านกกระจอกบ้าน
ที่ได้รับคำบัญชามาจากเหมาเจ๋อตง
พวกนกกระจอกบ้านจะถูกยิงตกลงมาจากท้องฟ้า
รังนกกระจอกบ้านจะถูกทำลายรื้อทิ้ง
มีการทุบไข่นกกระจอกบ้านทิ้ง
และลูกนกกระจอกบ้านจะถูกฆ่าตายทุกตัว
มีการวางแหอวนลอบในสถานที่ต่าง ๆ
เพื่อดักจับนกกระจอกบ้านมาฆ่าทิ้ง
ฝูงนกกระจอกบ้านที่บินหนีออกไปอยู่ตามชนบท
ก็จะถูกวางยาพิษด้วยอาหารและน้ำที่ผสมยาพิษ
ทำให้เกิดหางเลขเคราะห์กรรม
ก็ไปตกที่นกประเภทอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน


เรื่องที่เลวร้ายและโหดร้ายมากที่สุด คือ
การทำให้พวกนกกระจอกบ้าน ต่างเหนื่อยล้า/อ่อนล้า
ชาวบ้านต่างถูกปลุกระดมมวลชนให้ออกมาจากบ้านพัก
ด้วยการตีหม้อ ไห กะทะ อะไรก็ได้ ในสถานที่โล่ง
ใต้ต้นไม้ต่าง ๆ ที่นกกระจอกบ้านบินไปหลบอยู่
ด้วยการสร้างเสียงอึกทึกครึกโครม
เพื่อคุกคามฝูงนกกระจอกบ้าน
จนฝูงนกกระจอกบ้านที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว
จำต้องบินวนเป็นวงกลมไปมา
ด้วยความหวาดกลัวที่จะลงมาพักด้านล่าง
จนกระทั่งพวกนกกระจอกบ้านต่างล้มตายลงไป
เพราะความอ่อนเพลียจากการบินโดยไม่ได้หยุดพัก



4.




5.



6.






แต่ก็มีนกกระจอกบ้านบางตัวที่บินเข้าไปหลบภัย
ในเขตพื้นที่ของสถานทูต/กงศุลต่าง ๆ ภายในประเทศจีน
ที่สถานทูตโปแลนด์ในกรุงปักกิ่ง
หน่วยรักษาความปลอดภัยสถานทูตโปแลนด์
ไม่ยอมให้ชาวจีนเข้าไปในเขตพื้นที่ของสถานทูต
เพื่อเข้าไปกำจัดนกกระจอกบ้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่สถานทูด
ฝูงชนชาวจีนต่างรายล้อมรอบสถานทูตโปแลนด์
และตีกลองตีฆ้องร้องเป่าส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
อย่างพวกคนบ้าคลั่งเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
สุดท้าย คนในสถานทูตโปแลนด์ต้องใช้พลั่ว เสียม บุ้งกี๋
ตักพวกนกกระจอกบ้านที่ตายแล้วไปทิ้งด้านนอกสถานทูต


ชาวบ้านหลายล้านคนต่างเข้าร่วมในโครงการวาระแห่งชาติ
อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างไร้ความเมตตาปราณี
มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้รายงานว่า
นกกระจอกบ้าน 194,432 ตัวถูกฆ่าตายภายในวันเดียว


" ในตอนเช้าของวันที่ 13 ธันวาคม
โครงการทำสงครามกำจัดนกกระจอกบ้าน
ได้เริ่มต้นขึ้นบนท้องถนนสายใหญ่และสายเล็ก
ธงแดงกำลังโบกปลิวสะบัดอยู่ทุกหนทุกแห่ง
บนอาคาร ในสนามหญ้า พื้นที่โล่ง ถนน และทุ่งนาในชนบท
ต่างเต็มไปด้วยหุ่นไล่กาจำนวนมากมาย
ยาม นักเรียนโรงเรียนประถมและมัธยม คนงานของรัฐบาล
คนงานในโรงงาน ชาวนา และ กองทัพปลดแอกประชาชน
ต่างตะโกนคำขวัญ ทำสงครามกำจัดนกกระจอก

ในเขต Xincheng พวกเขาทำหุ่นไล่กาได้มากกว่า 80,000 ตัว
และธงสีสันสดใสกว่า 100,000 ผืนในชั่วเวลาข้ามคืน
ชาวเมืองแถวถนน Xietu เขต Xuhui และชาวเมืองแถวถนน Yangpu เขต Yulin
ยังได้ผลิตหุ่นไล่กาที่ชักให้เคลื่อนไหวไปมาได้จำนวนมาก
ในเมืองและนอกเมือง กำลังแรงงานเกือบครึ่งหนึ่ง
ต่างระดมกันจัดตั้งเป็นกองทัพทำสงครามกับนกกระจอกบ้าน
ในขณะที่ผู้เฒ่าและพวกเด็ก ๆ ต่างอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
คนงานโรงงานในเมืองต่างมุ่งมั่นทำสงครามกับนกกระจอกบ้าน
และต่างให้คำมั่นสัญญาว่า จะรักษากำลังการผลิตไว้คงเดิม
ในสวนสาธารณะ สุสาน และโรงเรือนเพาะชำ มีผู้คนน้อยมาก
มีการตั้งเขตปลอดภัยเพื่อยิงนกกระจอกบ้าน 150 แห่ง
โดยทีมปืนไรเฟิล Nanyang Girls Middle School
ที่ผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการยิงนก
พลเมืองต่างเข้าร่วมต่อสู้กับสงครามกำจัดนกกระจอก
ประมาณ 20.00 น. ของคืนนี้คาดว่า
จะมีฆ่านกกระจอกบ้านได้ทั้งสิ้น 194,432 ตัว "



7.




8.






เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าร่วมให้มากที่สุด
จึงจัดให้มีการแข่งขันขึ้นมาระหว่าง
คนงานของรัฐบาลกับเด็กนักเรียน
ด้วยการมอบใบรางวัลประกาศ คำชมเชย/วาทกรรมสวยหรู
แบบเพื่อพรรค เพื่อประชาชน มุ่งมั่นรับใช้ประธานเหมาเจ๋อตุง
รางวัลจะมอบให้กับ ใครก็ตามที่ส่งหางหนูจำนวนมาก
ซากแมลงวัน ซากยุง และนกกระจอกบ้านตาย
การเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงกลายเป็นกีฬาอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้พวกเด็กนักเรียนเข้าร่วมด้วยความกระตือรือร้น


ในเวลาอีก 3 ปีต่อมา สัตว์สี่ตัวที่ตายอย่างสาสมคือ
นกกระจอกบ้านประมาณ 1,000 ล้านตัว หนู 1,500 ล้านตัว
แมลงวัน 100 ล้านกิโลกรัมและยุง 11 ล้านกิโลกรัม
ถูแม้ว่าวาระแห่งชาติในการกำจัดศัตรูสี่ตัว
จะประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากและผลร้ายที่ตามมาในเวลาต่อมา


ผลกระทบทางตรงจากโครงการรณรงค์กำจัดสี่ศํตรู ตามวาระแห่งชาติ
คือ ความอดอยากครั้งยิ่งใหญ่
ส่ิงที่เห็นได้ชัดคือ หายนะของชาวจีน
ที่กลายเป็นผลพวงจากความคับแค้น
เพราะฝูงนกกระจอกบ้านกินพวกแมลงมากกว่าธัญพืช
เมื่อสายพันธุ์นักล่าหลักหายไปแล้ว
ส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารก็หายไปด้วย


ฝูงแมลงต่างสร้างความเสียหายให้กับพืชหลายชนิด
และทำให้ผลผลิตข้าวลดลง
เพราะฝูงแมลงต่างกัดกินข้าวได้สะดวกขึ้น
ฝูงตั๊กแตนก็กระจายไปทั่วประเทศ
รวมถึงปัญหาทางนิเวศวิทยาที่เกิดขึ้นตามมา
จากการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่
ซึ่งรวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าอย่างกว้างขวาง
เพื่อเอาไม้ไปทำฟืนใช้ถลุงเหล็กและเหล็กกล้า
และมีการใช้สารพิษและยาฆ่าแมลงกันอย่างผิด ๆ


เมื่อเหมาเจ๋อตงประกาศยกเลิกการรณรงค์กำจัดสี่ศัตรู
เพราะยอมเชื่อผู้เชี่ยวชาญ Chinese Academy of Sciences
แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะนกกระจอกบ้านเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว
โดยเหมาเจ๋อตงได้เปลี่ยนจากนกกระจอกบ้านเป็น ตัวเรือด แทน
และแก้ไขปัญหานกกระจอกบ้านขาดแคลนในหลายแห่งมาก
ด้วยการนำเข้าจากสหภาพโซเวียตรัสเซีย
แต่ก็ยังขยายพันธุ์ได้ไม่มากเพียงพอ
ในระหว่างเวลานั้น ประชากรจีนจำนวนถึง
20 ถึง 50 ล้านคนต่างเสียชีวิตเนื่องจากความอดอยาก


เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองในครานั้น
ได้ทำหน้าที่เป็นบทเรียนสำหรับมนุษยชาติ
ให้ตระหนักว่าเรื่องเลวร้ายจะสามารถเกิดขึ้นได้
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ
ด้านห่วงโซ่อาหารบางส่วน






แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ยอมเรียนรู้กัน
ในปี 1998 โครงการรณรงค์ในรูปแบบคล้ายกัน
ก็มีการเปิดตัวใน ฉงชิ่ง
ภาพโฆษณาชวนเชื่อที่มีคนพบเห็นที่
มหาวิทยาลัยเกษตรตะวันตกเฉียงใต้
ได้สั่งให้ชาวบ้านร่วมกัน กำจัดศัตรูทั้งสี่
ด้วยการแทนที่นกกระจอก ด้วยแมลงสาบ
ได้แก่ แมลงสาบ หนู ยุง แมลงวัน


ในปี 2004 ก็มีการโครงการรณรงค์กำจัดศัตรูอีกครั้ง
ด้วยความพยายามกำจัด ชะมดเชียง 10,000 กว่าตัว
เพื่อหยุดยั้งการการแพร่ระบาดของไวรัสโรคซาร์ส
แม้ว่าจะไม่พบพยานหลักฐานใด ๆ ที่เชื่อมโยง
ระหว่างชะมดเชียงกับกับไวรัส แต่ประการใดเลย


จากบทความของ BBC ยังระบุว่า
เจ้าหน้าที่รัฐยังวางแผนที่จะเปิดตัววาระแห่งชาติ
โครงการรณรงค์รักชาติเพื่อสุขภาพ
โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ หนู กับ แมลงสาบ
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโครงการรณรงค์กำจัดนกกระจอกบ้าน
ของประธานเหมาเจ๋อตุง ที่ล้มเหลวในคราก่อน


ความเข้าใจผิดว่า มนุษย์สามารถพิชิตธรรมชาติ
คือหนึ่งในปรัชญาที่ท้าทายที่สุดของเหมาเจ๋อตุง
หนึ่งในปรัชญาที่ทิ้งมรดกพิษ/มลภาวะไว้ในประเทศจีน
วาทกรรมของเหมาเจ๋อตุงที่โด่งดังที่สุดใน 1958
" ทำให้ภูเขาสูงต้องค้อมหัวลง
ทำให้แม่น้ำต้องยอมสยบ "


ประเทศจีนยังคงทำลายธรรมชาติ
ด้วยการหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
และไม่หยุดยั้งความเสื่อมโทรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมายของประเทศจีนมีมากมาย
นับตั้งแต่ มลภาวะ การตัดไม้ทำลายป่า
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ


อนึ่ง แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ
เพื่อลดมลภาวะ เช่น งดรับซื้อขยะอุตสาหกรรมมา Recycle
การลดละเลิกโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน การลดใช้ถ่านหิน
การขยายเขตพื้นที่ป่าไม้ในเขตพื้นที่เสื่อมโทรม/ทะเลทราย
แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาพอสมควร
เพราะจำนวนประชากรที่มากมายส่วนหนึ่ง
กับมีการทำลายมานานหลายปี/สะสมมานานแล้ว


หมายเหตุ

แมลงวัน มีส่วนช่วยผสมเกสรดอกไม้ เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหาร
หนอนแมลงวันช่วยกำจัดเศษซากสัตว์/เศษอาหาร
บางประเทศใช้หนอนแมลงวันรักษาบาดแผลคนไข้
หนอนแมลงวันช่วยในการบอกระยะเวลาชัณสูตรพลิกศพว่าตายมากี่วันแล้ว

ยุง เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหาร(รวมทั้งลูกน้ำ) และช่วยผสมเกสรดอกไม้
และใช้ในการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ด้านแมลงวิทยา

แมลงสาบ ในจีนเป็นส่วนหนึ่งของตำรับยาแผนโบราณ
แมลงสาบยังช่วยในการกำจัดขยะพวกเศษอาหารจำนวนหนึ่ง
และแมลงสาบบางส่วนยังมาทำเป็นแหล่งโปรตีนอาหารสัตว์

แมลงเหล่านี้อยู่ที่การบริหารจัดการ
แบบจัดให้อยู่ถูกที่ ถูกทาง ก็จะได้ประโยชน์


เรียบเรียง/ที่มา


https://bit.ly/2RhnDHT
https://bit.ly/2QD30Ro
https://bit.ly/2H7AoA0
https://bit.ly/2FlsgJE
https://bit.ly/2AyZ2UD





9.



10.



11.



12.




13.



14.



15.



16.



17.




18.



19.



20.



21.



22.








Create Date : 11 มกราคม 2562
Last Update : 11 มกราคม 2562 23:15:30 น. 2 comments
Counter : 2410 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณSweet_pills, คุณpeeamp, คุณอุ้มสี


 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ค่ะคุณ ravio


โดย: Sweet_pills วันที่: 14 มกราคม 2562 เวลา:0:27:11 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Diarist ดู Blog
nongmalakor Travel Blog ดู Blog
ตะลีกีปัส Diarist ดู Blog
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
แมวเซาผู้น่าสงสาร Health Blog ดู Blog
โอน่าจอมซ่าส์ Hobby Blog ดู Blog
auau_py Review Food Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog

น่ากลัวจริงๆ เลยนะคะคนจีน
โหวตความรู้ให้เลยค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 18 มกราคม 2562 เวลา:21:53:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.