นิราศน์เมืองกาญจน์ @ สุสานพันธมิตรดอนรัก, พระปฐมเจดีย์ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
| | | | 27 กรกฎาคม 2552 : พระปฐมเจดีย์ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และความทรงจำในกาญจนบุรี
วันนี้ตั้งใจให้เวลาไหลเอื่อย เลื้อยชมสวนสวยของ Jolly Frog Backpacker Restaurant ในยามเช้าสวยเอาการ ด้านหน้าจะเป็นร้านอาหารนานาชาติ ด้านในทำเป็นห้องพักสองชั้นสามหลัง และแพพักริมน้ำติดกับแม่น้ำแควใหญ่
ที่นี้ไม่รับจองล่วงหน้าต้องเปิดห้องวันต่อวัน หากสะโหลสะเหล๋มายามวิกาล ก็ต้องวัดดวงเอา จะว่าไปคืนละ 290 บาท ทั้งห้องพัก วิวทิวทัศน์ ไม่รวมอาหารเช้า (ก็สมควร) ถูกเหลือเชื่อ++
อำลาอาลัยกาญจนบุรี ด้วย สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก ที่ฝั่งร่างและเถ้ากระดูกทหารที่พลีชีพในสงครามโลกครั้งที่ 2 บนเนื้อที่กว่า 17 ไร่ เป็นที่พักพิงสุดท้ายของร่างทหารเชลยสงคราม 6,982 หลุม ที่เสียชีวิตจากการสร้างทางรถไฟสายมรณะ
ไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่บอกให้อยู่ในความสงบ 6,982 หลุม เบื้องหน้าทำเอาปิดปากเงียบสนิท กวาดสายตา 360 องศา เป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ที่เข้ามาไว้อาลัย ณ สุสานแห่งนี้
สุสานสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากประเทศในเครือจักรภพมากกว่า 5,000 คน จากฮอลันดาประมาณ 1,800 คน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เนื่องจากสภาวะขาดอาหารอีกประมาณ 300 คน
ภาพคนนั่งเหม่อมองนิ่งสงบหันหน้าไปทางหลุมฝั่งศพเป็นเวลานานสองนาน ทำฉันสะท้านหัวใจขึ้นมาดื้อ ๆ ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้เป็นต้องได้แอบเสียน้ำตา ไม่ใช่เพราะร่างที่อยู่ใต้ดินหกพันกว่าหลุมเบื้องหน้า แต่เป็นภาพคนนั่งเศร้าบนพื้นดิน ณ สุสานทหารพันธมิตรดอนรักแห่งนี้ต่างหาก ที่ทำเอาฉันปวดเบ้าตาขึ้นมาไม่รู้ตัว
..ลาก่อนเหล่าวิญญาณทหารกล้า ลาก่อนเมืองป่าฝนและสงคราม จะว่าไปการเดินทางในกาญจนบุรีครั้งนี้ครบเครื่องที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ และเรือยนต์ เดินทางเหนื่อยล้าแค่ไหนไม่รู้สึกท้อและเบื่อ กลับรู้สึกเก็บเกี่ยวความใคร่รู้ใคร่เห็นในกาญจนบุรียังไม่เต็มที่ เห็นทีจะต้องกลับมาซ้ำอีกระลอก
มุ่งสู่กรุงเทพมหานครผ่านนครปฐม ไม่ลืมแวะกราบนมัสการ พระปฐมเจดีย์ ซึ่งกำลังบูรณะ ร่วมทำบุญรอบองค์ปฐมเจดีย์ ขอพรขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย ไหน ๆ ก็มาแล้วเดินชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ที่อยู่บริเวณด้านหน้าซะหน่อย แต่ใช้เวลาดูเพียงผ่าน จำต้องจากทั้งที่ใจยังอ้อยอิ่งเพราะต้องทำเวลา
ร้านกุ้งอบภูเขาไฟนครปฐม มื้อเที่ยงจุดนัดหมายระหว่างฉันกับลูกน้ำ เพื่อนเก่าคนสนิทสมัยเรียนที่เชียงใหม่ แต่ต้องมาทำงานและตั้งรกรากอยู่นครปฐม เจอะหน้าค่าตาถามสารทุกข์สุกดิบพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาเดินทางต่อ
พี่ตายังโทรถามไถ่ อยากให้น้องแวะกราบไหว้ หลวงพ่อพูล ที่วัดไผ่ล้อม แต่ด้วยมีนัดกับ หนุงหนิง เปื้อนสาวคนแป้ที่พลาดร่วมก๊วน ที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ จำต้องทำเวลาให้ทันนัดหมาย ไว้ค่อยมาแวะกราบไหว้วันหลัง เสียดายจัง เฮ้อ++
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จักรวาลทัศน์ของคนตะวันออก สร้างขึ้นจากความคิดและจิตนาการของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ที่ต้องการจะรักษาของโบราณที่ท่านสะสมไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย ช้างเอราวัณเป็นช้างบนสวรรค์มีสามเศียร ความสูงของช้างรวมอาคาร 43.60 เมตร เฉพาะตัวช้างสูง 26 เมตร กว้าง 12 เมตร ยาว 39 เมตร
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่งคือชั้นใต้ดินหรือบาดาล (นาคพิภพ) จัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาและการก่อสร้างและจัดแสดงโบราณวัตถุ ชั้นที่สองภายในอาคารทรงโดมหรือโลกมนุษย์ จัดแสดงโบราณวัตถุทั้งจากตะวันตกและตะวันออก การตกแต่งภายในเป็นการผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ
ส่วนชั้นที่สามภายในบริเวณท้องช้างหรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ส่วนผนังและเพดานตกแต่งด้วยภาพเขียนสีฝุ่นรูปสุริยะจักรวาล ส่วนพื้นที่รอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม้ในวรรณคดี รวมทั้งพันธุ์ไม้หายากต่าง ๆ และประดับประติมากรรมลอยตัวรูปสัตว์หิมพานต์
ปล่อยให้หนึ่งหนุ่มกับสองสาวสวยเดินชมสวน ฉันกับน้องเต็นท์ขอหลบลมร้อน รับแอร์เย็นฉ่ำในตัวช้างสามเศียร ชมประติมากรรมที่สวยสดงดงามตระการตา พร้อมเจ้าหน้าที่คอยอธิบายความเป็นมาและคุณค่าของวัตถุโบราณแต่ละชิ้น จากชั้นล่างไปจนถึงชั้นบนสุด เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ด้วยความสุข สนุก และอ่อนเพลีย
ไหน ๆ มาก็มาถึงที่ ปรี่เข้าร้านของที่ระลึกซะหน่อย สองสามชิ้นติดไม้ติดมือฝากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่อยู่ข้างหลัง น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัวฉันได้ช้างสามเศียรคริสตันไว้วางประดับบนโต๊ะทำงานเพื่อเป็นศิริมงคล ด้วยสัญญลักษณ์สัตว์คู่บ้านคู่เมืองล้านนาไทย ช้างธรรมดาซะที่ไหน ตั้งสามเศียรก่อนนะเออ
แวะรวมกล้องโหลดภาพที่อาพาตเม้นส์ของน้องโหน่งชายหนุ่มสุดหล่อ ที่อาสาเป็นเจ้าภาพมื้อเย็นวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าสามคืนสี่วันที่ตะบึงตะบันในกาญจนบุรี 4 กล้อง 3,000 กว่าภาพ มิน่า..รู้สึกนิ้วชี้ขวามันสั้นกว่าปกติ
ก็อีตอนกดชัตเตอร์ไม่รู้สึก เพราะใจมันนึกถึงแต่ภาพที่อยู่ข้างหน้า นิ้วชี้มือขวาก็ทำงานโดยอัตโนมัติ ตอนที่จัดกระเป๋าโหลดภาพ พักการทำงานของนิ้ว เพิ่งจะมารู้สึกตัว
ปิดทริปนี้ที่ บึงช่อน สวนอาหารบนบึงเลี้ยงปลา ดูจากพื้นที่ร้านอาหารสงสัยจำนวนพนักงานคงหลักร้อย อาหารสุดอร่อยแต่สวาปามได้ไม่มาก วิญญาณกุ้งอบที่นครปฐมยังตามมาหลอกหลอน ปูนิ่มผัดกระเทียมยังไม่ออกจากร่าง และจากคดีความติดตัวแต่ละคน มื้อนี้จึงเน้นลับฝีปากสะสางกัน มากกว่าเน้นรับประทานอาหาร ก่อนที่จะจากลากันชื่นมื่น ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ขอบคุณ ลูกน้ำ ที่อุตส่าห์แวะเอาของฝากจากนครปฐมมาให้ ขอบคุณ น้องโหน่ง ที่เอื้อเฟื้อสถานที่อาบน้ำอาบท่าแถมยังเลี้ยงข้าวมื้ออร่อย ขอบคุณ หนุงหนิงเปื้อนสาวคนแป้ จีพีเอสรุ่นลิมิเต็ด ที่พลาดท่าร่วมเที่ยว แต่ก็ยังอุตส่าห์บอกทางและแวะมาทักทายพร้อมส่ง ขอบคุณ พี่ตา พี่ขวด ไกด์กิตติมศักดิ์แห่งกาญจนบุรี ที่ดูแลน้องนุ่งดีสุดยอด
ขอบคุณ มิ่งมิตรเด็กเทพ หมวยจัง มากเป็นพิเศษ บริการรับส่งร่วมก๊วนเที่ยวท่องไปทุกทริปทุกที่ ไม่มีเสียงบ่น (ให้ได้ยิน) ซักแอะ ทั้งที่โดนโขกสับสลับกันสับโขกตลอดการเดินทาง ก็ยังกัดฟันแข็งใจไม่คิดจะทิ้งขวางเพื่อนลงกลางทางสักครั้ง
ไว้เพื่อนมาเชียงใหม่คราวหน้า สัญญาว่าจะเคลียร์งานพาเพื่อนเที่ยว จะไม่ทิ้งไม่ขว้าง ปล่อยให้คว้างเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จะทะนุถนอมเพื่อนอย่างเต็มที่ รี้ไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ว่าแต่ว่าทริปหน้า ที่ไหนต่อดีละเพื่อนเอ๋ย....
| | | | |
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
34 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2553 15:43:21 น. |
Counter : 2817 Pageviews. |
|
|
|
ขอสุมาตวยเตอะ ตี้ไผ๋เข้ามาแล้ว
ขะเจ้าบะได้แวะไปทักทาย อู้จ๋าตวย
ขะเจ้าขอหายตั๋วไปซัก 4 - 5 วัน
ไว้ปิ๊กมาเมื่อใด จะไปรายงานตัว
พร้อมเอาบุญและภาพสวย มาฝากเจ้า
ขอให้มีความสุขมายมายกันทุกคนนะคะ