ใบไม้เปลี่ยนสี ที่หมู่บ้านโบราณ Ouchijuku และหน้าผาหินล้านปี Tonohetsuri



ใบไม้เปลี่ยนสี..ที่

OUCHIJUKU . TONOHETSURI

อรุณสวัสดิ์ไอสึวาคามัตสึ หลังจากการลัดฟ้ามาตลอดวันเมื่อวานกว่าสิบกว่าชั่วโมง  ใครยังไม่อ่านตอน1 คลิกชมก่อนได้ ลัดฟ้าสู่ไอสึวาคามัตสึ เช้านี้เป็นเช้าวันแรก ตื่นมาในใจกลางเมืองไอสึ แพลนวันแรกนี้เราจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันที่ หมู่บ้านโบราณ Ouchijuku และปลายทางที่หน้าผาหินล้านปี Tonohetsuri ฟังดูก็โบราณย้อนยุคกันทั้งคู่ หนึ่งคือบ้านเรือนญี่ปุ่นย้อนยุค อีกหนึ่งคือธรรมชาติมหัศจรรย์ตาที่ผ่านกาลเวลามานับล้านๆ ปี  ปะปะ ไปกัน

บันทึกการเดินทาง Day2

ถ้าคุณไม่ได้เช่ารถก็ให้มาตั้งต้นกันที่สถานีรถไฟ Aizuwakamatsu Station จะมีรถไฟสาย aizu railway ไปที่นั่น

เมื่อวานหลังจากเดินทางมาถึง ก่อนออกจากสถานี เราแวะซื้อ

Aizu Gurutto Card เป็นบัตร 2 days pass ใช้ท่องเที่ยวในเมือง Aizu wakamatsu และรอบนอก อย่างเช่น ไป Kitakata , บึงน้ำ 5 สี Goshikinuma, ไปชมวัด Enzoji ที่ Aizu yanaizu, รวมทั้งใช้นั่งรถไฟไปชมหมู่บ้านโบราณ Ouchijuku กับหน้าผาหินล้านปี Tonohetsuri อย่างที่เราจะไปกันในวันนี้ สาเหตุที่ต้องซื้อก็เพราะว่า JR EAST Pass ที่เราได้มานั้นใช้ไม่ได้ในหลายๆ ที่ในดินแดนไอสึนี้นั่นเอง

** ราคาใบละ 2,670 yen ซื้อได้ที่ห้อง JR Ticket ในสถานีไอสึวาคามัตสึ เดินออกจากชานชลาแล้วเลี้ยวซ้าย จะเจอห้องขายตั๋วนี้ พนง.ออกบัตรให้เสร็จจะให้เราแจ้งวันเริ่มใช้

ตย. บัตรนี้ผมซื้อวันที่ 27 แต่แจ้งว่าเริ่มใช้ 28 ก็คือจะใช้ได้สองวันคือ 28,29 ตค. ( ตัวเลข 29 ในบัตรเป็นปีญี่ปุ่น เลข10 คือเดือนตุลา, 28 คือวันที่เริ่มใช้

เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายวันนี้

ค่าเดินทางปกติ
นั่งรถไฟไป YunokamiOnsen station   1,030 เยน
นั่งบัสไปกลับหมู่บ้านโบราณ Ouchijuku 1,000 เยน
นั่งรถไฟไป Tonohetsuri station           270 เยน
นั่งรถไฟกลับ Aizuwakamatsu               1,140 เยน
รวม 3,440 เยน

ใช้บัตร Aizu Gurutto Card
ค่าบัตร 2,670 เยน บวกค่าบัสไปกลับหมู่บ้านโบราณ 1,000 เยน รวม 3,670 เยน บัตรเก็บไว้ใช้สิทธิได้อีกหนึ่งวัน

อันที่จริงมันจะมีบัตรอีกแบบ เรียกว่า Ouchijuku One Day Pass ใช้ท่องเที่ยวสายนี้ ราคาเพียง 1,900 เยน โดยจะเที่ยวได้ทั้ง Ouchijuku และ Tonohetsuri ราคานี้รวมค่ารถบัสไปกลับไว้แล้วด้วย น่าจะคุ้มค่ากว่า Gurutto card แต่ปัญหาคือตอนนั้นผมไม่รู้ไงว่ามีบัตรแบบนี้ และตอนเขียนรีวิวนี้ก็หาข้อมูลไม่ได้อีก ไม่รู้ว่าหาซื้อได้ที่ไหน และมีเงื่อนไขอย่างไร เช่นบังคับรูทบังคับเวลาไว้หรือยืดหยุ่น


คำแนะนำจากประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ผมแวะสอบถามภายในสถานีรถไฟ  ตรงข้ามกับห้องขายตั๋ว JR Ticket ขแนะว่า ให้ไปหมู่บ้านแล้วค่อยไปหน้าผาหิน  ตามนั้นโลด ผมไม่ได้ถาม why อะไรอีกต่อไปรับแจกแผ่นพับตารางเวลารถไฟแล้วก็ก้าวเข้าสู่ชานชลาโดยยื่นบัตร gurutto ฉลุย

รถไฟสาย Aizu Railway Line ได้ยินมาว่าจะแล่นผ่านวิวขุนเขาและสายน้ำที่สวยงาม รถไฟจะออกที่ชานชลา No.5  ขึ้นสะพานลอยข้ามแพลตฟอร์ม 1 2 3 ไปลงแพลตฟอร์ม 4,5

Aizu Railway Line ตามป้ายก็คือ Aizu Tetsudo นั่นเอง เทียบทั้งชาน 4 และ 5 ดูเวลาจากแผ่นพับแล้วก็ชัวร์ว่าคันนี้แน่ๆ

รถไฟสายน่ารัก สั้นจู๋เหมือนตัวหนอน 2 โบกี้ กะจุ๋งกะจึ๋งด้วยสี 2 สี ขาวคาดเขียวคันนึง และแดงคาดเขียวคันนึง มีสัญลักษณ์วัวแดง Akabeko cow ทั้งคู่  ขึ้นตู้ไหนก็ได้ แดงก็ได้ ขาวก็ดี เราเลือกแดงสิ ชอบกว่า

รถไฟเที่ยวเช้าสุดคือ เที่ยว 6:58  ส่วนเราอย่างที่บอก วันนี้ออกสายหน่อยออกไปแล้ว 4 ขบวน มาได้ขบวนที่ออก 11:17 น. จะถึง YunokamiOnsen Station ในเวลา 11:56 ใช้เวลาเดินทาง 39 นาที มีขบวนรถไฟวิ่งกลับทั้งหมด 15 เที่ยวต่อวัน

ตารางเวลารถไฟ 15 เที่ยว ออกจาก Aizuwakamatsu ไปถึง YunokamiOnsen

แผนที่เส้นทางล่องใต้ สู่เส้นทางภูเขา รถไฟจะเลาะไประหว่างร่องภูเขาสองฟากหุบแม่น้ำ Aga River หรือแม่น้ำ Okawa อันสวยงาม ระยะทาง 25.8 กิโลเมตร ถึงสถานี YunokamiOnsen โดยสถานี Tonohetsuri ที่จะไปหน้าผาหินอยู่ถัดไปอีก 1  สถานี

เมื่อลงที่ YunokamiOnsen station แล้วก็จะต่อรถบัสเลาะหุบเขาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 5.5 กิโลสู่หุบหมู่บ้านโบราณ Ouchijuku

น้องหนอนรถไฟสาย Aizu Railway Line จะแล่นผ่าน 8 สถานี ระยะทางประมาณ 25 กิโล ใช้เวลาวิ่งประมาณ 35-40 นาที แล้วแต่ขบวน

วิวกาบขวาหน้าต่างรถไฟช่วงแล่นผ่านอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน Okawa Dam ก่อนรถไฟจะมุดอุโมงค์รถไฟหนที่ 3 ยาว 4.5 กิโล แม้จะมุดเข้าออกผลุบโผล่อุโมงค์มืดๆ อยู่เรื่อยแต่โผล่พ้นอุโมงค์ทีไรก็เป็นได้กรีดร้องในใจทุกทีกับวิวนอกหน้าต่าง

YUNOKAMIONSEN STATION 

elevation : 400 m. จากระดับน้ำทะเล

** ทริค สถานีบนเส้นทางสายนี้มักมีชื่อต่อท้ายว่าออนเซ็น ดูให้แน่ใจว่าลงถูกสถานีกันด้วย ให้แน่ใจก็ดูเวลาในตารางเวลาเป็นเกณฑ์

ออกจากสถานีแล้วไปยังไงต่อ!

หลังลงจากรถไฟแล้ว เดินออกมายืนหน้าสถานีรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย รถบัสที่บริการรับส่งไปกลับ Ouchijuku จะจอดรออยู่มองเห็นได้จากหน้าสถานี

Hirota Taxi หรือ Saruyugo Bus 

คันเขียวๆ คาดแดง แนว retro จอดรออยู่แล้วตามเวลารถไฟมาถึง เลี้ยวซ้ายออกจากหน้าสถานีเดินลงเนินมาเลย คันนี้นอกจากคนขับแล้วก็จะมีไกด์ประจำรถอีกคน คอยบรรยายนั่นนี่ระหว่างทาง แต่ซาวด์บรรยายเนี่ยภาษาปุ่นนะ

จ่ายเงินค่าบัตรโดยสาร 1,000 เยน ราคาไป-กลับ แล้วก้าวขึ้นรถได้เลย

เส้นทาง 5.5 กิโล สู่ป้ายหยุดรถปากทางเข้าหมู่บ้าน แล้วเดินต่อเข้าไปอีก 400 เมตร แต่ไม่ใช่ 400 เมตรถึงหมู่บ้านนะ หมู่บ้านหน่ะห้าสิบเมตรก็ถึง แต่สี่ร้อยเนี่ยคือท้ายหมู่บ้านตรงที่เป็นจุดเริ่มทางเดินเทรลสั้นๆ ขึ้นจุดชมวิวมุมสูง

เป็น 5.5 กิโลที่สวยมาก เลาะไปตามซอกเขาแคบๆ ย้อนลำธารสายน้ำที่ไหลจากหมู่บ้านลงไปรวมกับแม่น้ำ Okawa

ป่าสองข้างทางยามนี้งดงามจริงๆ ลำธารที่บางช่วงแลเหมือนน้ำตกเล็กๆ ก็ชวนให้อยากจอดรถลงไปเดินเลย ภายในตัวรถออกแบบเป็นรถทัศนาจรพิเศษ มีชุดเก้าอี้โดยสารบางตัวจัดผังให้หันเข้าหน้าต่างเพื่อนั่งเพลินกับวิว กระจกรถก็บานใหญ่ชมวิวถนัดตาไปพร้อมกับฟังซาวด์ญี่ปุ่นบรรยายนั่นนี่จากไกด์สาวประจำรถซึ่งตรูฟังมะรู้เรื่องเลย 555

หมู่บ้านโบราณ OUCHIJUKU

(อ่านว่า โออุชิจูกุ)

elevation 650 เมตรจากระดังน้ำทะเล

หมู่บ้านโบราณเล็กๆ ในหุบเขา อายุกว่า 300 ปี เส้นทางโบราณยุคอดีตกาลนานมาแล้ว ชุมชนแรมทางกลางไพรระหว่างทางจากดินแดน Nikko สู่ดินแดน Aizu ที่ต้องเดินทางรอนแรมผ่านขุนเขา ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยงยอดนิยมขึ้นชั้นท็อปเทนของจังหวัดฟูกุชิมะ

ที่หยุดรถรับ-ส่ง ปากทางหมู่บ้าน Ouchijuku

รถใช้เวลาแล่นมา 18 นาที ก็มาจอดตรงป้ายหน้าหมู่บ้าน จากนั้นรถก็ยูเทิร์นไปรับคนอีกฝั่งนึง ฝั่งตรงข้าม เพื่อกลับสถานี นั่นแปลว่าเดี๋ยวเราเที่ยวหมู่บ้านเสร็จเราก็กลับมาที่นี่จุดเดิมเพิ่มเติมคือข้ามถนนไปรอรถฝั่งโน้น

เดินชมหมู่บ้านกันครับ อากาศเย็นๆ ลมหนาวๆ พัดมาวื้อๆ บรื๋ย เคยเห็นภาพหมู่บ้านนี้หน้าหนาวหิมะกลบหลังคา  เห็นแล้วก็อยากมาอีกทีในตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้ก็เป็นเวอร์ชั่นที่ห้ามพลาด Ouchijuku ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ซุ้มเสาโทริอิ บ่งบอกให้รู้ว่าเลี้ยวเข้าไปทางจะพาไปสู่ศาลเจ้าชินโต

แดงมาก หลายๆ ใบกำลังเปลี่ยนจากสีส้มแก่เป็นสีแดง แสดงว่าพีคจัดละ ใกล้ปลิดใบทิ้งละ

ป่าบนเขาทั้งป่าก็เปลี่ยนสีสันกันทั่วทั้งภูเขา มีทั้งสีเหลือง ส้ม แดง และสีเขียวๆ ของป่าสน

บางมุมสงบข้างๆ หมู่บ้าน

เหลืองอะไรจะปานนั้น

ใบไม้พุ่มเตี้ยที่แดงแจ๋เหมือนสีก้านธูปตัดกับใบหญ้าที่สีอมเหลือง

อันนี้สิ่งที่อยากมาเห็น การแช่เย็นน้ำดื่ม แช่เบียร์ ด้วยการจับใส่ลังหย่อนไว้ในลำธาร เย็นธรรมชาติ ประหยัดตู้เย็น

มาดูแม่ค้าขายของกินกลางหมู่บ้าน คือไรก็ไม่รู้ คิดว่าถ้าถามไปแม่ค้าก็คงตอบว่า no english

ส่วนนี่ก็ปลาเผาเสียบไม้

เดินมาถึงท้ายหมู่บ้านจะติดภูเขา เหลือบตาไปทางซ้ายจะเห็นบันได มันคือทางขึ้นไปจุดชมวิวมุมสูงของหมู่บ้าน ใครมาแล้วไม่ขึ้นถือว่าพลาด โดยทางขึ้นทำไว้สองทาง ทางแรกแยกขวาขึ้นตรงๆ สั้นๆ ตัดเนิน ชันหน่อยแต่ร่นระยะไปสี่สิบเมตร ส่วนทางซ้ายเป็นทางค่อนข้างลาด เดินขึ้นทางไหนก็จะวกมาจ๊ะเอ๋กัน

วิวบนทางขึ้นจุดชมวิว สวยเน้าะ

จุดชมวิวมุมสูง หมู่บ้านโบราณ OUCHIJUKU

ถึงแล้ว สวย เค้าคงถางป่าบริเวณนี้ให้มุมเปิดเป็นช่อง กลายเป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปยอดฮิตไปแล้ว

เดินชมป่าไปเพลินๆ ย้อนทางเดินกลับลงไปกลางหมู่บ้าน

และก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะแวะกินมื้อเที่ยงที่เกือบลืมไปแล้ว! หิ้วท้องมาเสียไกล ขอชิมระเม็นต้นหอมเสียหน่อย เห็นใครมาก็ต้องแวะมากินกัน

บรรยากาศในร้าน

นี่ครับ หน้าตามัน ราเม็นต้นหอม ที่ใช้ต้นหอมแทนตะเกียบ อินเทรนด์มาก แต่กรีดร้องในใจอย่างโหยหวนตอนจ่ายเงิน โดนไปชามละ 950 เยน แงๆ

แผ่นพับตารางเวลาที่รับแจกมาตอนขึ้นบัส  ทำให้เรารู้ว่าต้องกลับมาให้ทันรถกี่โมง แต่ก็เกือบไม่ทันเพราะมัวเพลินเกือบลืมดูเวลา เผ่นผลุงจากร้านราเม็นต้นหอมที่กลางหมู่บ้าน กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ใช้เวลาห้อมา  5 นาที ทันรถรอบนี้พอดี กำลังวนรถกลับไปป้ายฝั่งขากลับ รีบวิ่งเลยครับ รอก่อน วู้วู้

15 นาทีเท่านั้น ขากลับทำเวลาเร็วกว่าเพราะทางลงเขา เราก็กลับมายังสถานีรถไฟ YunokamiOnsen กันอีกครั้ง สอบถามเที่ยวรถไฟขบวนต่อไปซึ่งมาจาก aizu wakamatsu station แบบเดียวกับที่เรามาเมื่อเช้า จะมาหยุดรถที่นี่ได้ความว่าต้องรออีกหนึ่งชั่วโมง!! แง่ว สาวพนง.ขายตั๋วแต่งตัวบ้านๆ ออกตั๋วด้วยนั่งขายผลไม้ในสถานีด้วย! เอ๊ะหรือเป็นเมียนายสถานี  บอกกับเราสีหน้ายิ้มแย้มว่า ไม่เป็นไรๆ มีรถไฟขบวนพิเศษนะ อีกสิบห้านาทีจะเข้ามา แต่ว่า ต้องเก็บเพิ่ม คนละ 305 เยน ผมตกลงทันที เวลานั้นจะบ่ายสามละ การรอไปถึงสี่โมงกว่าไม่ดีแน่ แม้จะมีออนเซ็นแช่เท้าฟรีๆ ยั่วใจอยู่ข้างชานชลา เพราะห้าโมงเย็นฟ้าก็มืดแล้วฤดูนี้

ระหว่างรอรถไฟ ก็มาเยี่ยมๆ มองๆ ออนเซ็นฟรีข้างสถานี เสียดายมาก ตั้งใจจะมานั่งแช่เท้านะเนี่ย อดไป

14:57 น. รถไฟ aizu line ขบวนแบบเดียวกับที่นั่งมาเมื่อเช้าก็แล่นมาเทียบชานฝั่งขากลับเมือง ไม่เกี่ยวกะเรา เรารอรางนี้  พอขบวนนี้แล่นออกไป อีกสามนาทีเราก็ได้ยินเสียงรถไฟขย่มรางฝั่งที่เรารอ ดังใกล้เข้ามา

มาแว้ววว รถไฟสายพิเศษ ที่แท้ก็รถไฟสายท่องเที่ยว หน้านายสถานีแมวเหมียว เด่นมาแต่ไกลเลย ว้าว โดดขึ้นเลือกที่นั่งทันที ไม่แน่ใจว่าบริการทุกวันหรือเฉพาะวันหยุดนะ

อันนี้เป็นตารางเวลาเดินรถปกติ (ตัวหนาคือขบวนแมวเหมียวที่แทรกมาไม่อยู่ในตารางเวลา)
Yunokamionsen station – Tonohetsuri station
0734-0739 0831-0835 0959-1003 1100-1104 1202-1206 1333-1338 1429-1434 1457-1509(ขบวนแมวเหมียว) 1542-1546 1701-1706 1740-1745 1842-18:47 1943-1948 2100-2105 2146-2151 2242-2247

คุ้มค่า 305 เยนที่จ่ายแก่รถไฟขบวนพิเศษแมวเหมียวครับ แม้ใช้เวลาวิ่งเพียง 4-5 นาที บนระยะทางเพียง 4 กิโลเมตร แต่ว่าช่วงฉึกฉักผ่านสะพานข้ามเวิ้งแม่น้ำสวยๆ รถไฟขบวนนี้ไม่ใช่แค่ชะลอความเร็วนะ มันหยุดนิ่งให้คว้ากล้องถ่ายรูปกันเลย เริดอ่า

รถไฟขบวนแมวเหมียวตกตกภายในเก๋ๆ ด้วยลายรอยตีนเหมียวเมี้ยวๆ เบาะนั่งก็น่ารักคิกคุด้วยรูปการ์ตูนและพื้นเบาะสีชมพู หน้าต่างกระจกใสบานใหญ่โปร่งตา

แผนที่หน้าผาหินล้านปี Tonohetsuri แสดงตำแหน่งสถานีรถไฟและเส้นทางเดินจากสถานีไปหน้าผาหิน ระยะทาง 500 เมตร เดินราบๆ เดินง่ายๆ ไปตามทางรถ

Tonohetsuri Station
15:09 เราก็มาถึง ชานชลาหน้าสถานีย่อย Tonohetsuri Station หูยยย ใบไม้เปลี่ยนสีนอกหน้าต่างนั่นทำให้หัวใจเราเต้นตูมตามขึ้นอีกครั้ง พีคครับพีค

เส้นทางงามๆ ของป่าเปลี่ยนสี ระหว่างทางเดินจากสถานีรถไฟไปหน้าผาหิน Tonohetsuri

หน้าผาหินล้านปี TONOHETSURI

elevation: 540 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ถึงแล้ว โอยๆ จะสวยไปไหน ยังมองไม่เห็นหน้าผา แต่ว่าป่ารอบตัวเวลานี้สวยไปหมด

หน้าผาหินล้านปี Tonohetsuri ที่ถูกสายน้ำ Okawa river กัดกร่อนเซาะจนเป็นรูปร่างหน้าตากลายหมู่เจดีย์ จนเป็นที่มาของชื่อ To แปลว่าเจดีย์  hetsuri แปลว่า หน้าผา Tonohetsuri หน้าผาเจดีย์

และที่นี่ก็คือไฮไลท์ปลายทางของ Day2 ของเราในวันนี้ มาเยือนในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามพอดี ชื่นตา

ร้านค้า ร้านขายของกินรอบบริเวณต่างพากันตกแต่งด้วยรูปรอยเท้าแมวเหมียว

ของกินไม้เสียบที่คล้ายๆ กับที่เห็นที่หมู่บ้านโบราณ ก็ยังมีให้เห็นกันที่นี่

สี่โมงเย็นกว่าๆ เราก็มายืนคอยรถไฟกันอยู่ที่สถานีย่อย Tonohetsuri station กันอีกครั้ง จวนค่ำแล้ว รอเวลารถไฟมา

ตารางเวลารถไฟกลับ aizuwakamatsu ครับ เราได้ขบวน 16:53 หน้าตาหวานอมชมพูมาเลย ใช้ Gurutto Card ฉลุยเช่นเดิมมุ่งหน้ากลับเมือง ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง จบทริป Day2 รอติดตามทริปวันต่อไปของเรานะครับ จะพาไปบึงน้ำ 5 สีด้วย Aizu Gurutto card กันอีก




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2560 13:29:32 น. 7 comments
Counter : 3869 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณMaeboon, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณhaiku


 
ภาพสวยงามสะใจมากเลยค่ะ อยากมีโอกาสไปเที่ยวแบบนี้มั่ง ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ นะคะ


โดย: Maeboon วันที่: 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา:14:19:02 น.  

 
ภาพแต่ละภาพสวย... แผนที่คุณหยี ทำแล้วดูง่ายดี...

หลังคาบ้านแต่ละหลัง คงใช้เงินทำเยอะน่าดู..

ไปญี่ปุ่น ผมว่าอึดอัด นะ ดูป้าย หรือ ตั๋วไม่ออก.. ยากเหมือนกัน


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา:14:40:51 น.  

 
น่าสนุกมาก ผมเป็นคนไม่นั่งเครื่องบิน โอกาสไปถ่ายภาพสถานที่สวยๆแบบนี้คงไม่มี


โดย: ลุงแมว วันที่: 20 พฤศจิกายน 2560 เวลา:10:48:07 น.  

 
เค้ามีตารางเวลาละเอียดเลย (ผมชอบนะ) ที่นี่ดูสวยงามจริงๆ ครับ

ราเมนใช้ต้นหอมแบบนี้เข้าใจคิดดี แต่ดูแล้วกินลำบากแย่เลย

ในภาพที่ถ่ายมามีมาสคอส (ที่เป็นการ์ตูน ป้ายสีแดง) ของรถไฟญี่ปุ่นด้วย

ที่นี่ดูแล้วฤดูกาลนี้ถ่ายภาพสวยจริงๆ ครับ ถ้าฤดูหนาวคงขาวไปหมด

เห็นแล้วรู้สึกอยากไปลุยญี่ปุ่นอีกครั้งจริงๆ ญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่เคยพอจริงๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2560 เวลา:0:17:32 น.  

 
สวยอ่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:09:45 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2560 เวลา:4:09:58 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งบันช้อมูลแหล่งท่องเที่ยวดีๆนะคะ
https://www.bloggang.com/data/h/hyee/picture/1309761265.gif


โดย: mai IP: 223.24.153.62 วันที่: 18 พฤษภาคม 2566 เวลา:11:16:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 186 คน [?]







ทำไมต้อง น้ำ ฟ้า ป่า เขา
เริ่มท่องเที่ยวไกลบ้านครั้งแรกตอนอายุได้ 12 ขวบ ไปไกลถึงเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ครั้งนั้นได้วิ่งไล่จับเมฆบนดอยปุย ก็ใจแตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชอบถ่ายภาพเพราะหนังสือถ่ายภาพท่องเที่ยวของ"ทอม เชื้อวิวัฒน์"
รักภูเขาเพราะหนังสือ "คืนสู่ภูเขา" ของดวงดาว สุวรรณรังษี
ภาพถ่ายผลงานของคุณดวงดาวในหนังสือเล่มนั้นมันสร้างแรงบันดาลใจแก่ผม ให้ผมหลงรักเหลี่ยมเขา และอยากถ่ายทอดเป็นภาพถ่าย เมื่อถึงเวลาต้องใช้นิคเนม เลยเลือกคำสั้น ๆ 4 คำที่เกี่ยวกับธรรมชาติที่เราชอบมาเป็นชื่อ น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
ความตั้งใจ: ยังมีอีกหลายภู หลายดอย ที่ยังไม่ได้พิชิต เรี่ยวแรงก็เริ่มน้อยถอยลง พักนี้ของชีวิตก็ได้แต่เที่ยวฉาบฉวย สไตล์แคมป์คาร์ ไปเรื่อย ๆ
ยังจะเดินทางต่อไป ต่อไป ... และต่อไป

รู้จักจขบ.เพิ่มเติมได้ที่บทสัมภาษณ์พิเศษ
Interview The Blogger น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2560
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 พฤศจิกายน 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.