ภูสอยดาว ตอนสอง... สมหวังอย่างแรง และผิดหวังอย่างจัง!!
เช้าวันนั้น ผมตื่นก่อนสองขาของผมพักนึง ฮา งงดิ มันตื่นก่อนขาได้ด้วยเหรอเนี่ย อุอุ อ่ะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงนะ เป็นวันที่ตื่นแล้วไม่อยากขยับขาเลย แต่แล้ว...
บรรยากาศข้างนอกนั่น ทำให้ผมค่อย ๆ เปลี่ยนจากนอนชมวิว ลุกขึ้นมานั่งชมเพลิน แล้วมายืนชมความงามของสายหมอกป่าสนอยู่นอกเต้นท์ตั้งแต่เมื่อไหร่มะรู้
อ่านี่เราออกมายืนนอกเต้นท์ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
ใกล้ ๆ แค้มป์เราคือห้องน้ำ สต๊าฟหาทำเลได้ดีมากเดินไปห้องน้ำได้ใกล้กว่าใคร ๆ สองหลังใหญ่นั่นไม่มีใครใช้ ต่างพากันใช้บริการห้องเล็ก ๆ ด้านหลังมากกว่า เพราะอยู่ใกล้ลำธาร ทุกคนต้องอาศัยน้ำจากลำธารนี้ เอากระป๋องกระแป๋งไปก้มๆเงยๆตักน้ำ แล้วหิ้วไปใช้ในห้องน้ำ เมื่อคืนผมใช้กระป๋องใหญ่ทั้งอาบทั้งสระผมป๋องเดียวจบ สาว ๆ บางคนล่อไป 4 ป๋องอ่ะ o O"
ผมยืนสูดอากาศยามเช้า ยืนพิจารณาสภาพป่าอันสมบูรณ์ น้ำทุกหยดคือปัจจัยสำคัญที่ล่อเลี้ยงผืนป่าให้คงอยู่ ด้วยจิตสำนึกที่จะส่งต่อความงามสู่คนรุ่นต่อไปผมจึงงดอาบน้ำ 555 เพื่อโลก ............................... ......................................................ก็มัน ห น า ว นี่นา บรี๋อ
17 องศาเซลเซียส ยามสาย ๆ
A Good Idea
มีน้ำอาบ แต่ไม่มีน้ำดื่ม ! กรรมวิธีสุดเจ๋งในการให้ได้มาซึ่งน้ำดื่ม แทนการแบกน้ำดื่มขึ้นมาเป็นแพ๊ค ๆ เราแบกเจ้านี่ขึ้นมาแทน เจ้าเครื่องกรองน้ำ
แล้วก็ น้ำจากลำธารนั่นแหละ กรอกเข้าไป เราก็ได้น้ำสะอาดถูกหลักอนามัยดื่มแล้ว
photo by Noon Kuanpinit
photo by Noon Kuanpinit & Ling Noi powered by น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
มาดูหัวหน้าสต๊าฟใหญ่ของเราคุณแมวแห่งTrekkingThaiขะมักเขม้นเตรียมอาหารเช้า โอ เห็นไข่ทอดแล้วท้องร้องจ๊อก ๆ หิวมากกก
บรรยากาศหน้าแค้มป์ของเรา ผมขยับเท้าเดินทดสอบการตอบสนองของสองเท้า อาการปวดเมื่อยอ่อนล้าสุดขีดหายไปหมดแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ ว้าว! มันหายไปหมดแล้วจริง ๆ ร่่างกายกลับมาสดชื่นดั่งเดิม ไม่สิ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะจิตใจ
เฮ้ย! พี่หยีดูนั่น ยอดภูสอยดาวโผล่แล้ว! นายตั้น หัวหน้าสต๊าฟประจำกลุ่มย่อยของเรากุลีกุจอชี้ให้ดูโอกาสทอง
ผมรีบหันหลังกลับไปตามมือชื้ โผล่แล้วจริง ๆ แต่ตำแหน่งที่ยืนตรงนี้มันโดนแนวป่าสนบดบัง ผมบ่นเสียดายก่อนจะมองดูยอดภูสอยดาวหายเข้าไปในม่านหมอกอีกครั้ง
ยานพาหนะหลักรองเท้าทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ ถูกสอยมาในราคาคู่ละ 160บาทจากTrekkingThai Shop เมื่อวันออกเดินทาง ว่ากันว่านี่คือรองเท้าที่เจ๋งที่สุดสำหรับขึ้นพิชิตภูสอยดาวยามฝนชุก คุณภาพระดับ20เท่าของราคา ! ด้วยพื้นยางลายดอกยางรถยนต์ All-Terrian ย่ำหนึบ ลื่นยาก เบาสบายไม่อมน้ำ แห้งเร็วเมื่อเจอลมเจอแดด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือหน้าตาอัปลักษณ์สุด ๆ ใส่แล้วไม่เท่ห์ ขาดความมั่นใจอย่างแรงในตอนแรก แต่ยิ่งลุยยิ่งเรียกความเชื่อมั่น ภาพนี้ถ่ายตอนมันจอดสงบนิ่งอยู่หน้าเต้นท์ สภาพมอมแมมเปียกโชกเพราะไร้แดดไร้ลมลุยฝนมาตลอดวันเมื่อวาน เห็นสภาพแล้วอยากปาทิ้งไม่อยากเอาเท้าที่กำลังรู้สึกแห้งสบาย ๆ ยัดกลับเข้าไปอีกเลย รองเท้าแตะ ยานพาหนะสำรองที่ขาดไม่ได้ เตรียมไว้เลยนะครับ เท้าคุณต้องการการพักผ่อน photo by กุ้ง ตะลอน
ดอกหงอนนาค ขึ้นประปรายข้าง ๆ เต้นท์ เจ้าพวกนี้แหละตัวการที่ทำให้ใครต่อใครต้องบุกป่าฝ่าฝนปีนป่ายขึ้นมาชมกัน เพราะเค้าจะผุดบานเต็มทุ่งสนแลมันตระการตาราวสรวงสวรรค์ เค้ามีสองสี ส่วนใหญ่สีม่วงอมน้ำเงินแบบนี้ อีกสีก็คือขาว พบได้น้อยแต่เจอที่ก็ฮือฮา คว้ากล้องถ่ายกันอุตลุต
หงอนนาคขาว ราชินีแห่งราชินี
เมื่อทุ่งหงอนนาคบานสะพรั่งยึดลานสนจนสวยเด่นแต่ผู้เดียว จนน่าจะได้ฉายาราชินีแห่งดอกไม้บนภูสอยดาว และเพราะหงอนนาคขาวบานแซมอยู่เป็นส่วนน้อยจึงสวยเด่นจนต้องจัดเป็น ราชินีแห่งราชินีดอกไม้บนภูสูงแห่งนี้
สลัดไม่หลุด ในที่สุดก็ต้องหวนกลับมาใช้บริการยานพาหนะหลักอีกครั้ง พอยัดเท้าเข้าไปปุ๊บเลือดในกายก็สูบฉีด จับใจใส่เท้าลุกขึ้นพร้อมลุยต่อ โปรแกรมทั้งหมดของวันก็คือรอบเช้าลุยดงลงชมน้ำตก รอบบ่ายทอดน่องท่องทุ่งลานสน ไปกันเลยพี่น้อง
เดินลุยดงลงชมน้ำตก
photo by ชายเอ ทุ่งรังสิต
แผนที่ข้างบนแสดงให้เห็นเส้นทางท่องเที่ยวสองวง
วงเล็กด้านใต้ของแค้มป์เป็นหุบเขา เป็นเส้นทางสายน้ำตก มีน้ำตกสองแห่งคือสายทิพย์ และ หลุมพบ เส้นทางเป็นวงกลมเดินย้อนไปจุดชมวิวริมขอบผา เลยไปอีกนิดแล้วตัดดิ่งลงหุบชันเอาการอยู่ ควรมีถุงมือไปด้วย จะลงชมน้ำตกสายทิพย์นั้นพอไหว แต่หลุมพบต้องคลานสี่ขา มันยากเกินไปและช่วงที่ไปนั้นลื่นมาก อันตราย
ส่วนวงกลมใหญ่ด้านเหนือแค้มป์คือเส้นทางเดินรอบลานสนถึงจะระยะทางมากกว่าแต่เดินสบาย ๆ เดินฮัมมิวสิคกันได้เพลินอารมณ์ เส้นทางส่วนใหญ่ตัดลานสนไปตามตะเข็บชายแดนซ้ายไทยขวาลาว มีเสาหลักประเทศให้ชมด้วย เหนือสุดของเส้นทางจะเหินขึ้นเนินยาวสู่จุดสูงสุดของลานสนแล้วย้อนกลับลงมาวนเลียบผาทวนเข็มนาฬิกากลับสู่แค้มป์
คำถามยอดฮิต มีทากรึเปล่า! ไม่มีครับ มีก็น้อยมากถึงมากที่สุด ใครเจอก็ถือว่าเฮงมาก ขึ้นชื่อว่าที่ไหนเป็นป่าดิบ ชื้น และมีสัตว์ป่า ที่นั่นย่อมต้องเต็มไปด้วย ฝูงทากกระหายเลือด แต่ที่นี่ป่าก็ดิบชื้นก็สุดแสนจะชื้นยิ่งท่องเที่ยวหน้าฝนแบบนี้แต่กลับไร้เงาทาก คงก็เป็นเครื่องชี้ว่าสัตว์ป่าบนนี้เหลือน้อยเต็มทนแล้ว
น้ำตกสายทิพย์ สายน้ำนุ่มขาวกลางโตรกหินเขียวขจี พิกัด N17.7354 E100.9880
ถ้าให้ดั้นด้นขึ้นภูเพื่อมาพิชิตน้ำตกนี้ ผมคงเซย์โน มันไม่มีแรงดึงดูดใจเพียงพอ แต่ทริปภูสอยดาวคงไม่สมบูรณ์หากไม่ได้พาตัวเองมาเห็นสายน้ำขาว ๆ ก้อนหินเขียว ๆ นามน้ำตกสายทิพย์แห่งนี้ เหนื่อยแค่ไหนกว่าจะขึ้นมาถึงข้างบน อย่าเพียงได้ชมแต่ลานสน สายหมอก และทุ่งหงอนนาค เส้นทางก็ไม่ยากจนเกินไปฉะนั้นอย่าพลาดกันนะครับ ความจริงสายทิพย์ไม่ใช่เป็นน้ำตกแห่งเดียวบนนี้ บนเส้นทางน้ำสายเดียวกันตรงปลายน้ำของสายทิพย์ยังมีน้ำตกหลุมพบ สวยและใหญ่กว่าสายทิพย์ ( จากที่เสริซดูรูปในinternet ) แต่ในวันนั้นทางลงไปค่อนข้างลื่นและอันตรายมากสต๊าฟจึงตัดสินใจไม่พาลงไปกัน
เดินทอดน่องท่องลานสน
เราโชคดีในภาคเช้าสำหรับโปรแกรมลงชมน้ำตกที่ฝนไม่ตกลงมาเลย ไม่อย่างนั้นคงทุลักทุเลกันน่าดู และทันทีที่ทุกคนกลับขึ้นมาจากเส้นทางสายน้ำตก ฝนเจ้าประจำแห่งป่าภูสอยดาวก็ตกลงมาอีก ตกปรอย ๆ จนเรากลับสู่แค้มป์ หลังจากนั้นก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดบ่าย ทุกคนนั่ง ๆ นอน ๆ รอคอยเวลาฝนขาดเม็ด และแล้วเกือบสามชั่วโมงเแห่งการรอคอย บ่ายสามโมงฝนจึงหยุดตก ห้วงเวลาแห่งการเดินชมทุ่งก็มาถึง ทุ่งดอกหงอนนาคกลางสายหมอกแห่งป่าสนบนภูสอยดอย photo by กุ้งตะลอน
photo by สต๊าฟโดม แห่งTrekkingThai
ภาพประทับใจ ช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกคน
บรรยากาศรอบตัวเรายามนี้ผมว่าแม้แต่คนที่มีความทุกข์ในใจก็คงลืมทุกข์ไปได้ชั่วขณะหนึ่ง จริงนะ ใครท้อแท้ชีิวิต ใครผจญอะไรมาหนัก ๆ อยากจะหนีไปให้ไกลแสนไกลลองขึ้นมาที่นี่ บนนี้ ณ บรรยากาศแบบนี้
แม้แต่คนที่ย้ิมยากที่สุด นาทีนี้ผมก็เห็นใบหน้าเขาเปื้อนยิ้ม
มิตรภาพ เพื่อนสนิทคู่นี้ ผมก็เห็นมิตรภาพระหว่างกันเบ่งบานนน บานแล้วบานอีก ๆ เห็นมะ หัวชนกันเลย
2ภาพบนนี่ก็photo by สต๊าฟโดม แห่งTrekkingThai
ความรัก ผมเห็นมันอบอวลไปทั่วบนภูแห่งนี้ มิน่าเล่า ผมจึงเห็นหนุ่มสาวคนรักคู่แล้วคู่เล่าจูงมือเกี่ยวก้อยดั้นด้นกันขึ้นมา แม้หนทางจะลำบากเพียงไหน แต่... ........บรรยากาศที่ห่อหุ้มตัวผมอยู่เวลานี้กำลังให้คำตอบ มองดูตัวเอง ทำไมมาเดินเดี่ยวเดียวดายอยู่บนนี้ ! อ่ะก็มาเป็นสักขีพยาน มองดูแต่ละคู่เค้าอิงแอบกันแบบมีอิจฉาน่ะสิ ป๊าดดด หันมองไปทิศไหนก็เจ็บตาไปหมด วะวะเหวยๆฟ้า
^ นี่ก็photo by สต๊าฟโดม แห่งTrekkingThai มือถ่ายPortrait จริงๆ
photo by กุ้ง ตะลอน ถ่ายได้งามอย่างแร็งส์
photo by สต๊าฟโดม แห่งTrekkingThai อีกแล้วครับท่าน
มาคนเดียวก็เก็บเกี่ยวความสุขได้ และตัวคนเดียวก็เที่ยวได้ เห็นมะภาพบน นายน้ำฟ้าเดินเก็บเกี่ยวความสุขเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เดินถ่ายภาพไปอย่างมีความสุข ขอเพียงกายพร้อมใจพร้อม ( อุอุ เงินพร้อมด้วย ) ซ์ื้อทัวร์เลยครับ ทัวร์ป่าดี ๆ มีประสบการณ์ เพื่อนใหม่มิตรภาพใหม่มาหาเอาข้างหน้า
^ 3 ภาพบน photo by fonpj ฝีมือของเธอฉกาจมาก กดชัตเตอร์กลางสายฝนกระหน่ำ ยังได้ภาพออกมาเต็มไปด้วยความสวยงาม
ท้องฟ้าเป็นใจให้พวกเราแค่เพียงสองชั่วโมง ฝนสั่งฟ้าก็กระหน่ำลงมาอีก คราวนี้มันตกแบบไม่ยั้ง ตกหนักกว่าที่เคย ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดง่าย ๆ เราเพิ่งเดินเล่นมาได้เพียงครึ่งหนึ่งของระยะทางเท่านั้นเอง ฝนเทลงมาขณะที่เรากำลังไต่เนินขึ้นไปชมจุดที่สูงที่สุดของลานสน แต่เราก็สู้ฝ่าฝนเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดด้วยใจที่อยากพิชิต ใจที่อยากไปให้ถึง ถึงแล้วก็เดินย้อนกลับ ครึ่งทางที่เหลือเป็นทางเลียบหน้าผา ถ้าอากาศเปิดมันคงสวยงามมาก แต่มืดฟ้ามัวฝนมันก็สวยมีเสน่ห์ไปอีกแบบ แลดูชวนฝันดี กล้องโปรของแต่ละคนถูกเก็บลงกระเป๋า หลายคนงัดคอมแพ็คมาสู้ฝนต่อ แม้มันไม่ได้ออกแบบให้กันฝนได้ แต่ธรรมชาติตรงหน้าเวลานี้งามเกินห้ามใจ ผมเองก็ยอมสู้ พังเป็นพังกลับไปค่อยว่ากันใหม่ เสียดายที่ตัดสินใจผิดทิ้งกล้องกันน้ำไปในนาทีสุดท้ายที่แพ็คกระเป๋าออกเดินทาง แนะนำอย่างแร็งส์เลยนะครับใครมีกล้องกันน้ำพกไปเลย หรือไม่ก็เตรียมกล้องโปรของคุณให้พร้อมถ่ายภาพกลางสายฝน อาจจะเตรียมแบบโปรโดมTKT แบบนี้ก็เข้าที
ตีห้าห้าสิบ ฝนคงตกตลอดคืน ผมลืมตาขึ้นมามองออกไปนอกเต้นท์ หมอกตรึมเช่นเคย ใกล้รุ่งสางแล้ว อีกสิบห้านาทีดวงอาทิตย์จะพ้นขอบฟ้า ลืมเรื่องจุดชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นไปได้เลยสำหรับที่นี่ เพราะเบื้องตะวันออกทั้งหมดของลานสนแห่งนี้ถูกปราการทะมึนของ ยอดภูเขาสูงอันดับ 4 ของประเทศบดบังอยู่ มันตั้งตระหง่านเด่นสูงกว่าลานสนบริเวณแค้มป์ของเราขึ้นไปอีกร่วม 500 เมตร ยิ่งหน้าฝนแบบนี้หมอกจัดแบบนี้ต่อให้มีจุดชมตะวันขึ้นก็คงหมดสิทธิ์ชม วันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้าเตรียมตัวเตรียมใจอำลาภูสอยดาว หลังมื้อเช้าเราจะล้มเต้นท์เก็บของแล้วเดินลุยลงสู่เบื้องล่างตีนภูเพื่อเดินทางกลับบ้าน ส่วนหนึ่งของมิตรภาพใหม่ที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้นอกจากนี้ผมยังพบเพื่อนชาวBloggangร่วมทริปด้วยกันคนนึง โดยบังเอิญเหลือเกินที่เราเคยไปเยี่ยมเยือนทิ้งเม้นท์กันด้วย เขาคือ"ชายเอ ทุ่งรังสิต"
อำลาภูสอยดาว
วันเวลา 3วัน 2คืนกับทริปในฝัน ทริปที่รอคอยมากว่ายิี่สิบปีก็มาถึงฉากส่งท้าย สำหรับคนรักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ชอบทะเลก็ชอบภูเขา มีอยู่สองประเภทใหญ่ ๆ นี้แหละ ผมเองถ้าถูกถามว่าชอบอะไรมากกว่ากัน ตอบได้ทันทีเลยว่าภูเขา ผมหลงรักเหลี่ยมเขา มานานแล้ว และเรื้อการเดินย่ำดอยลุยภูมานานมากเช่นกัน ทริปนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการตัดสินแบบปุ๊บปั๊บ ตัดสินใจแบบเฉียบขาด แบบไม่ทันต้องคิดหน้าคิดหลัง แบบไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องคิดข้อดีข้อเสียไม่ต้องบวกลบคูณหาร ไม่ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าคุ้มค่ามั้ย ขึ้นไปทำไม ไหวรึเปล่า แค่ถามตัวเองคำเดียวว่าชีวิตนี้ฝันอยากขึ้นไปไม่ใช่หรือ ก็แล้วรอส้นteenอะไรอยู่อีกฟร่ะ รอมานานแสนนานแล้ว เลิกรอแล้วลุยเลย ลุยไปไอ้กร๊วก ! ในที่สุดผมก็พาสองเท้าของตัวเองขึ้นไปยืนบนนั้นได้
สมหวังอย่างแรง.... แต่ผิดหวังอย่างจัง!ยอดภูสอยดาว ภูเขาสูงอันดับสี่ของไทยมองได้ถนัดเพียงจากลานสนบนภูเท่านั้น ลานสนบนระดับความสูงที่ 1600เมตรเศษ มองยอดภูเขาหนึ่งในห้าของประเทศที่สูงเลยระดับ 2000เมตร เปรียบเหมือนBase Camp ที่คนไปนอนมองยอดเขาEverest หลังคาของโลก การเดินทางมาครั้งนี้ยอดภูสอยดาวกลับขึ้อายเกินไป มันซ่อนตัวอยู่แต่ในม่านหมอก ปรากฏโฉมออกมาคราใดผมก็ไม่ทันได้เห็นสักครา เพื่อนร่วมทริปต่างเห็นกันหมด เหลือเราคนเดียวให้ตายสิ เหมือนเป็นสัญญาคาใจว่าต้องมีครั้งต่อไป ถ้าเป็นไปได้ฝนหน้าผมจะกลับมาอีก ผมว่าการลุ้นให้มันเผยโฉมมันน่าตื้นเต้นและภาพที่เห็นมันก็น่าตื่นตาตื่นใจด้วย ขอเพียงได้เห็นกะตาตัวเองสักครั้งphoto by Ling Noi
ขอขอบคุณที่ติดตามชมมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ .... ฝากคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยื่ยมเยือนเรา
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา นะจ๊าาาา
photo by กุ้ง ตะลอน
.
Create Date : 28 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 1 ธันวาคม 2553 8:46:05 น. |
|
193 comments
|
Counter : 7864 Pageviews. |
|
|