ตะลอนเกาหลีปลายฤดูใบไม้ผลิ 6วัน 10เมือง ตอนที่ 1 Paju, Gimpo, Ansan, Suwon, Yongin
บล็อกนี้มีเสน่ห์ที่เลย์เอาท์ หากชมผ่านมือถือโปรดคลิกสู่โหมด Desktop Version เพื่อความว้าวในการรับชม จุ๊บุ๊ๆ
ตะลอนเกาหลีใต้ 6วัน 10เมือง!!จัดเต็มมาก สำหรับทริปแรกรู้จักเกาหลีใต้ของนายน้ำฟ้า ตะลอนซะคุ้มเบย ทริปนี้เกิดขึ้นปลายพค. ถือเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ย่างเข้าต้นซัมเมอร์ อากาศก็เย็นๆ ในช่วงเช้าๆ และค่ำๆ นอกนั้นก็มีร้อนบ้างตามกำลังแรงของแดด เมืองแรกที่มาก็คือนี่เลย ลงเครื่องบินปุ๊บก็บึ่งมานี่ Skin Anniversary N37° 42.808' E126° 41.229'ณ เมือง PAJU ห่างจากสนามบินมา 55 กิโลเมตร
ฉันมาทำอะไรที่นี่ เค้าพามามาร์กหน้า มีเอาเครื่องมือมาตรวจแยกประเภทผิวหน้าแล้วก็เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม จากนั้นก็สาธิตทดลองทำจริงกันเลย นอนให้ทำเพลินเกือบชั่วโมง เผลอหลับไปตื่นอีกทีหน้าปิ๊ง ดูสิครัช หน้านายน้ำฟ้าก็ใส แต่ไม่อยากโชว์เดี๋ยวหนุ่มสองคนนี้จะดูหมอง 5555
เราใช้บริการสายการบิน Thai AirAsia X เครื่องบิน Airbus A330-300 บินไป-กลับวันละเที่ยว จากดอนเมือง-โซล DMK-ICN ออก 1:55 น. ถึงปลายทาง 9:10 น. ระยะเวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง ( เวลาที่เกาหลี + 2 ชม. จากไทย) เที่ยวกลับจากโซล-ดอนเมือง ICN-DMK ออก 11:15 น. ถึงดอนเมือง 14:50 น. ทุกวัน * ตารางบินนี้เป็น Summer Schedule ** มีบริการเสริมสั่งจองอาหารล่วงหน้าออนไลน์ เมนูอาหารไทยเพียบๆ เช่น ข้าวกระเพราไก่ ข้าวเหนี่ยวไก่ย่าง ผัดไทยกุ้งสด ฯลฯ
ออกจากสกินแอนนิเวอร์ซารี่ก็แวะนี่เลย ใกล้กัน + ใกล้เที่ยง เราแวะเข้าห้องสมุด เข้ามาทำไม! เข้ามากินข้าวเที่ยงครับ สุดห้องสมุดเป็นห้องอาหาร dining Noeul เมือง Paju เนี่ยเค้ามีสมญาว่าเมืองแห่งหนังสือ ห้องสมุดเยอะมาก (ทำไมไม่เรียกห้องหนังสือ สงสัยมาตั้งแต่เด็กแระ) สำนักพิมพ์ชื่อดังต่างๆ ก็อยู่กันในเมืองนี้
นี่เป็นเส้นทางท่องเที่ยววันแรกของเรา
อิ่มแล้วก็ออกจากเมือง Paju มุ่งหน้าลงมาทางกรุงโซล แล้วไปแวะเที่ยวชมแหล่งช๊อบปิ้งขนาดใหญ่ Hyundai Premium OutletN37° 35.881' E126° 47.206'ณ เมือง GIMPO เป็นช๊อบปิ้งเอาท์เลตขนาดใหญ่ของอาณาจักรฮุนได ร้านสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกมากมาย และก็แปลกใจแต่ละร้านที่เห็นป้ายเซลกระหน่ำ เขาก็ไม่ได้เบียดกันเข้าร้านแบบบ้านเรา เขาจัดให้ต่อคิวกัน แถมที่แปลกกว่านั้นคือให้เดินเข้าไปช๊อปในร้านทีละราย คือใครจูงกันมาสองคนก็เดินเข้าไปสองคน ใครมาคนเดียวก็เข้าไปคนเดียว แล้วก็ช๊อบเสร็จถึงจะให้คิวต่อไปเข้าร้าน!! บร๊ะเจ้า ตอนเดินในร้านท่ามกลางคนขายและสายตาคนต่อคิวคงรู้สึก VIP แถมกดดันมาก 555 การเดินทางจากโซลนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีเดวา และนั่ง bus สาย 16 ต่อมาถึงเลย หรือจากตัวเมือง Gimpo ก็นั่งบัสสาย 16 มาได้เช่นกัน
Ansan Starlight VillageN37° 20.365' E126° 51.831'ออกจากเอาท์เลตก็มุ่งหน้าลงใต้ ปลายทางคืนนี้เราจะพักที่เมือง Suwon เมืองหลวงของจังหวัดคย็องกี่ ระหว่างทางเราผ่านเมือง Ansan และแวะเที่ยวที่นี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นที่สุดคือเป็นสวนที่ประดับตกแต่งไปด้วยดวงไฟเล็กๆ คอนเซ็บเป็นดวงดาว และนอกจากั้นจะตกแต่งด้วยผลงานศิลปะของศิลปินระดับโลกแวนโก๊ะ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นการจำลองผลงานมาแสดงครับ ที่นี่โชว์แสงไฟดาวบนดินนับล้านดวงก็แน่นอนว่าฟ้ามืดเมื่อไหร่ทั่วบริเวณจะต้องสวยสะพรั่งแน่ ค่าเข้าผู้ใหญ่ 5,000 วอน เด็ก 3-12 ปี 3,000 วอน
ระหว่างรอเวลาพลบค่ำเพื่อชมความงามของแสงไฟเราก็ทานข้าวกันก่อนครับ ร้านอาหารเกาหลีในวิลเลจนี้นี่เอง กินกันชั้นบนของร้าน มุมมองโอเพ่นวิวกินไปชมวิวไป และมื้อนี้เป็นมื้อแรกที่ได้ลิ้มชิมรสเมนูประจำชาติเกาหลีด้วย นั่นคือกิมจิ บอกเลยอร่อยมากกก ตักแล้วตักอีก อิอิ
ดาวบนดินนับล้านดวงพลันพลบค่ำ ทั่วทั้งวิลเลจก็สว่างสไว สวยมากครับ สวยจริงๆ ถ่ายรูประรัวๆมือเป็นลิงเลย 555 ผู้คนก็ทยอยมากันหนาตามากขึ้นด้วย เรียกว่าทริปวันแรกมาถูกใจที่สุดเอาจุดแวะสุดท้ายนี่แหละก่อนจะเดินทางสู่ที่พัก ibis hotel ณ เมือง Suwon โดยเราจะพักกันอยู่ที่ ibis นี้ 2 คืน
ป้อมฮวาซองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อายุเก่าแก่กว่า 200ปี เป็นกำแพงเมืองสร้างตามลาดเชิงเขา ล้อมเมืองชูวอนและพระราชวัง ความยาว 5.5 กิโลเมตร มีป้อมเรียงรายบนกำแพงกว่า 50 ป้อม ป้อมที่เป็นด่านประตูเมืองเนี่ยบางจุดล้อมด้วยกำแพงถึงสามชั้นกันเลย เรียกว่าป้องกันการโจมตีจากอริราชศัตรูอย่างแข็งแกร่ง จะใช้เวลาเที่ยวให้ทั่วอย่างน้อยคงต้องครึ่งวัน หรือไม่ก็นั่งรถบริการทัวร์ไปทั่วๆ เป็นรถหัวมังกร แต่ว่าแต่พวกเรามีเวลาไม่มากนักก็เลยเดินสำรวจเฉพาะป้อมที่ใกล้ๆ พอจะเดินไปถึง ท้องฟ้าแจ่มใสมาก อากาศก็ไม่ร้อน ค่อนมาทางเย็นนิดๆ เป็นการเปิดทริปวันที่ 2 ที่เลอค่ากว่าวันแรกมว้าก
ราคาค่าเข้าชม 1,000 วอน หรือซื้อตั๋วมรวม 3,500 เข้าได้หมดทุกที่ทั้งวังพิพิธภัณฑ์ เดินทางจากท่ารถบัสเมืองซูวอนมาเองด้วยการนั่ง taxi ไม่เกิน 10 นาที
นี่คือป้อมปราการรักษาเมืองอันน่าเกรงขาม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีชั้นยอดในสมัยนั้น นั่นคือใช้ปั้นจั่นในการช่วยสร้างเป็นครั้งแรก การออกแบบผสมผสานตะวันออกกับตะวันตก
มุมมองสวยๆ มองย้อนกลับจากป้อมสู่ป้อมที่เรียงรายบนกำแพงตามราดเชิงเขา สีสันของดอกไม้ปลายใบไม้ผลิกำลังเบ่งบานกลางพื้นหญ้าสีเขียว แสงแดดและท้องฟ้าสดใสในวันที่ยังไม่ร้อนจัดแบบฤดูร้อน ฟินครับ
ที่บริเวณข้างล่างพื้นราบมีสนามฝึกยิงธนูด้วย เห็นเด็กๆ ชาวเกาหลียืนเรียงหน้ากระดานมีครูฝึกคอยสอนท่าพื้นฐานให้ ได้ยินมาว่านักรบสมัยก่อนที่เฝ้ารักษากำแพงเมืองต้องมีความสามารถยิงธนูได้ระยะไกล ซึ่งต้องไกลถึงตรงกลางระหว่างป้อมสู่ป้อม เพื่อรับประกันว่าไม่ว่าข้าศึกจะปีนมาจากระยะไหนของกำแพงก็ไม่พ้นระยะยิงของธนู //ไกลมาก
ออกเสียงว่าพระราชวังฮวาซอง แฮงกุง ไกด์บอกว่าเป็นพระราชวังที่สร้างไว้เวลากษัตริย์ชองโจแปรพระราชฐานมาพำนักนอกเมือง ก่อนจะถึงประตูทางเข้าชมวังด้านหน้าจะเป็นลานโล่งมาก ชาวเมืองชูวอนมาทำกิจกรรมพักผ่อนกันเยอะ เด็กๆ ก็ขี่จักรยานไปมาเป็นที่เพลิดเพลิน สังเกตดูพื้นลานจะเห็นภาพเขียนภาพวาดเต็มไปหมด
วัง Hwaseong Hanggung Palace ค่าเข้าราคา 1,500 วอน หรือซื้อตั๋วมรวม 3,500 เข้าได้หมดทุกที่ทั้งป้อม พิพิธภัณฑ์
หน้าวังจะมีทหารเฝ้าประตู หนุ่มเกาหลีที่ผมเห็นไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบทหารโบราณแบบนี้ หรือเครื่องแบบตำรวจ ทหาร ดูน่ารัก เด็กเรียน ซ่อนแววความดุดันไว้มิดชิดเลย อิอิ
ได้เวลามื้อเที่ยง เข้าใจกลางเมืองชูวอนไปหม่ำอาหารเกาหลีอีกมื้อ เนื้อย่างเกาหลีมื้ออร่อยมากอีกมื้อหนึ่ง
วิธีกินเนื้อย่างเกาหลี เอาผักของเค้าแบแบใส่เครื่องเคียงนั่นนี่และเนื้อลงไป ห่อๆ แล้วขยุ่มเข้าปาก
อิ่มเที่ยงแล้วก็เดินทางออกจากเมืองชูวอน มุ่งหน้าไปเมืองใกล้ๆ กันนั่นคือเมือง YONGIN ในจังหวัดเดียวกันนั่นแหละ คือจังหวัดคย็องกี่ นั่งรถออกไปแค่สิบกิโลถึงแล้ว ที่นี่เราแวะมาเที่ยวคล้ายๆ กับเมืองโบราณบ้านเราแต่ไม่ได้สร้างมาเน้นจำลองโบรารณสถาน ที่นี่สร้างขึ้นมาให้เราได้ย้อนยุคไปดูวิถีชีวิตดั่งเดิมคนเกาหลีสมัยเก่าก่อน Korean Folk VillegeN37° 15.454' E127° 06.999'
Korean Folk Village ค่าเข้าผู้ใหญ่ 15,000 วอน เด็ก 10,000 วอน
ห้ามพลาดบอกเลย ย้อนยุคสุดๆ ผ่านประตูเข้าไปแล้วเหมือนนั่งยานย้อนเวลาหาอดีต ภาพซ้ายมือคือพวกเครื่องบูชาประมาณว่าตั้งหน้าหมู่บ้าน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางอะไรประมาณนั้น ถนนหนทางในนี้ทั้งหมดเป็นทางดินแบบยุคโบราณเลย บ้านเรือนสองข้างทางล้วนย้อนยุค แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือจะมีคนแฝงเดินปะปนมาในหมู่นักท่องเที่ยว บ้างเป็นคนเมา เป็นชาวบ้าน เป็นคนขายของข้างทาง เป็นจอหงวน เป็นเศรษฐี เป็นนักเลง ให้ความรู้สึกอินมาก เหมือนอดีตกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นักท่องเที่ยวก็สนุกสนานกับการไปขอถ่ายภาพรร่วมด้วย เซลฟีด้วยก็เยอะ ผมไปเจออีกคนแฝงมาเป็นจอมยุทธนะ โหย พี่แกดูตอนแรกนึกว่าแค่หนุ่มชาวบ้านหน้าตาดี อารมณ์ดีอีกต่างหาก สาวห้อมล้อมขอถ่ายรูปเพียบ เล่นกับกล้องสักพักแกก็โบกมือไล่นักท่องเที่ยวให้ถอยหน่อยๆ ขอพื้นที่หน่อย จากนั้นแกก็โชว์ลีลายุทธวิชา โหย ตื่นตามาก โชว์ไปหลายกระบวนเพลง เสียดายที่มัวแต่ตะลึงลืมถ่ายคลิบ
มาเรียนรู้จักหลักการสร้างบ้านของคนเกาหลียุคอดีตหน่อย บ้านเข้าจะมีประตูใหญ่แบบภาพทางขวา เดินเข้ามาจะมีบ้านหัวหน้าครอบครัวอยู่หลังแรกทางซ้าย ถัดเข้าไปข้างในสุดถึงจะเป็นเรือนสำหรับสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้หญิง ซึ่งตรงกลางลานบ้านจะปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้แขกที่ย่างเท้าเข้ามาในเขตบ้านมองเห็นผู้หญิงได้ถนัด สามีภรรยาก็แยกเรือนกันนะ สามีต้องมาอยู่เรือนด้านหน้า พ่อสามี หรือปู่ หรือลุง ไม่ว่าใครถ้าเป็นชายล่ะก็ต้องมาเรือนด้านหน้า ยกเว้นเด็กๆ ผู้ชาย ถ้ายังตัวน้อยๆ อยู่ ก็อาศัยกับแม่ในเรือนด้านในได้
ภาพกลางขวา ลักษณะเรือนห้องเจ้าบ้านยกพื้นสำหรับนอนเล่น ฐานที่นอนออกแบบให้ลมผ่าน แม้แต่หมอนข้าง (แขวนอยู่ตรงผนัง) ก็ทำเป็นคล้ายชะลอมให้นอนกอด โปร่งๆ ลมผ่าน
ภาพล่างขวา ลักษณะเรือนบางหลังจะทำยกพื้นเพื่อสอดฟื้นเข้าไปเก็บ และใช้ฟื้นสำหรับห้องครัว โดยออกแบบให้ความร้อนจากการทำครัวส่งผ่านทางท่อกระจายออกทั่วพื้นบ้าน เพื่อให้ความอบอุ่นเหมือนระบบฮีทเตอร์ยามหน้าหนาว
ภาพล่างซ้าย มุมถ่ายภาพเล่นกับเหล่าดาราแดจังกึม ที่นี่เคยเป็นที่ถ่ายทำของละครทีวีเรื่องนี้
จากนั้นเราก็ไปสถานที่แวะสุดท้ายของวันที่ 2 ยังอยู่ในเมืองเดียวกันครับ Yongin เมืองนี้ภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา และพื้นที่บนเขาที่เรากำลังจะแวะไปคือสถานที่ยอดนิยมอีกที่หนึ่ง นั่นคือสวนสนุก Everland ระยะทางจากหมู่บ้านเกาหลี ถึงเอเวอร์แลนด์ ประมาณ 19 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
EVERLANDN37° 17.633' E127° 12.152'สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ อารมณ์ประมาณสวนสนุกในบ้านเรามั้ย ทำไมต้องมาเที่ยวสวนสนุกถึงต่างประเทศ อย่างแรกเลยที่นี่อยู่กลางหุบเขา อย่างถัดไปที่สำคัญคือไม่ร้อนเหงื่อแตกเหมือนบ้านเรา แค่นี้ก็น่าเที่ยวกว่าแล้ว เพราะว่าสวนสนุกขนาดใหญ่กลางแจ้งแบบนี้อากาศร้อนเกินไปก็ไม่อยากเที่ยวนะครับ ว่าไปแล้วถ้าเข้าฤดูหนาวที่นี่คนคงมาเที่ยวแล้วร้องบรื๋อเหมือนกัน สวนสนุกเอเวอร์แลนด์นับเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ สมญาดิสนี่แลนด์แห่งเกาหลีเลยล่ะครับ เป็นของบริษัทซัมซุงที่กำลังจะครองโลกอยู่ทุกวันนี้แหละ มีใครใช้มือถือซัมซุงมั้ยครับ นั่นแหละ เค้าเป็นเจ้าของที่นี่และหุบเขาเป็นแถบๆ ย่านนี้เลย คือไม่ได้มีแค่สวนสนุกล่ะ รีสอร์ทอะไรก็มี
สามหนุ่มถูกพามาเที่ยวสวนสนุกนะครัช แหม่ มาแบบโสดๆ แฟนไม่มีให้ควงอย่างงี้จะไปเล่นเครื่องเล่นอะไรล่ะครับ เค้าปล่อยให้อยู่ที่นี่หลายชั่วโมงด้วย ก็เลยมามุมหมู่บ้านฮอลแลนด์นั่งจิบเบียร์ฟังดนตรีสดกัน ชมวิว ชมคนเดินควงแขนผ่านไปผ่านมา ใครมาเป็นคู่หรือพากันมาเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ล่ะก็แนะนำเลยที่นี่ สนุกทั้งวันยันค่ำแน่ๆ เครื่องเล่นเพียบ
//มีใครแอบเห็นพระจันทร์ยิ้มมั้ยครับ
แล้วเราก็อยู่ยันค่ำจริงๆ ครับ กินมื้อเย็นกันในนี้ เดินเก็บแสงเย็น แล้วปิดท้ายด้วยการชมขบวนพาเหรดโชว์อันตระการตามากตอนกลางคืน เหมือนกับพาเหรดนี้จะมีทุกคืนนะ พอพาเหรดจบผู้คนก็ทยอยเดินทางกลับ เรียกว่าได้เวลาปิดสวนสนุกพอดี สำหรับทริปเกาหลีผมขอแบ่งเป็น 2 ตอนนะครับ สำหรับตอนที่ 1 นี้ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ครับ พวกเราออกจากที่นี่ก็ตีรถกลับเข้าชูวอนไปนอน ibis กันอีกคืน
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะครับ พบกันใหม่บล็อกหน้าค้าบ
Create Date : 10 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2558 12:04:00 น. |
|
26 comments
|
Counter : 8184 Pageviews. |
|
|