ลัดฟ้าสู่อุดร หนองคาย บึงกาฬ กับภารกิจพิเศษ!!
โลกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์คได้เปลี่ยนให้การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวไม่ใช่การเดินทางที่โดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป ยิ่งโลกที่ย่อทุกอย่างมาไว้บนสมาร์ทโฟน ยิ่งทำให้เหมือนโลกทั้งใบเดินทางไปกับเรา และนับวันความเร็วในการสื่อสารก็ยิ่งสำคัญ ประเทศไทยเราเพิ่งก้าวมาสู่ยุค 3G กันแหมบๆ กำลังตื่นเต้นสนุกกับความเร็วที่ก้าวกระโดดจากยุค Edge & GPRS ประเทศอื่นก็ทยอยเข้าสู่ 4G กันแล้วแม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านที่นำหน้าไปอย่างน่าอิจฉา เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ประเทศเรา ณ เพลานี้ส่งสัญญาณประกาศตัวจะเข้าสู่ 4G กันหล่ะ และเป็นที่มาของทริปเดินทางโดดเดี่ยวที่ไม่เดียวดายของนายน้ำฟ้าในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับทาบทามจาก TrueMove ผู้เปิดตัวบริการ 4G รายแรกของไทยในฐานะแทรเวลบล็อกเกอร์คนหนึ่งให้เดินทางพิสูจน์สัญญาณ 4G โดยเป้าหมายพื้นที่ทางทรูอยากได้คนอาสาไปจังหวัดชายขอบขวานไทย ซึ่งผมเลือกหนองคายเป็นจุดหมาย ภายใต้การสนับสนุนค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป โดยเดินทางได้อย่างอิสระ วันเวลาอิสระ จุดแวะอิสระ ทุกอย่างอิสระเสรีตามสไตล์บล็อกเกอร์แต่ละท่าน ขอขอบคุณทรูมูฟมา ณ โอกาสนี้
การเดินทางครั้งนี้จึงขอใช้วิธีลัดฟ้า บอกอย่างไม่อายนี่เป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินเองครั้งแรกในชีวิตด้วย อิอิ และด้วยความทันสมัยของเทคโนฯบนมือถือผมมี app ของเวปหาตั๋วเครื่องบินที่ไว้ใจได้อย่าง Skyscanner อยู่ในมือเรียบร้อย ก็ทำการเสริซหาและซื้อตั๋วทันที ได้สายการบินไทยไลอ้อน หรือไลอ้อนแอร์นั่นเอง เป็นเที่ยวบินสู่อุดรธานีสนามบินที่ใกล้หนองคายที่สุด ได้ตั๋วมาในราคาถูกเว่อร์ ไปกลับเพียง 1,8xx บาทเท่านั้น
พร้อมๆกับยุคมือถือรุ่งเรือง เราก็มาสู่ยุคสายการบินโลว์คอสรุ่งเรืองเช่นกัน ราคาตั๋วที่แพงกว่ารถทัวร์ของเจ๊เกียวนิดเดียว แถมใช้เวลาเพียงห้าสิบนาทีก็ลัดฟ้ามาลงจอดที่สนามบินอุดรเรียบร้อย มันช่าง!!! นี่ถ้าขับรถมาเองป่านนี้ยังไม่ถึงสระบุรี! ถูกและเร็วแบบนี้ผมคงจะหันมานิยมเดินทางด้วยเครื่องบินอีกคน รถเช่ามารอส่งกุญแจอยู่ที่หนามบินอุดรแล้ว โดยผม line จองล่วงหน้าด้วยการสุ่มเลือกใช้บริการด้วยข้อมูลจากกูเกิลว่าเจ้าไหนถูกสุด คำตอบมาตกที่ "โรจน์รถเช่าอุดร" ราคาในเวปถูกมาก เริ่มต้นเพียง 699บาทต่อวัน แต่ตอนโทรไปจองเค้าบอกว่าเป็นหน้า High ขอคิดค่าเช่าเป็น 1000/วัน (ทริปนี้เกิดขึ้น ณ ต้นเดือนธค.) ขั้นตอนการรับรถก็เตรียมบัตร 3ใบ ปชช. บขข. และบCr. ทางโรจน์รถเช่าก็เอาเครื่องมารูดบัตรเป็นค่าประกัน 5000บาท และจะทำ cancel ให้วันคืนรถ รับกุญแจแล้วไปโลด
สต๊าทรถแล้วก็ตั้งเข็มมุ่งหน้า อ.เมืองหนองคายทันที แต่ไม่ลืมที่จะพิสูจน์ความเข็ม ความเร็ว ความแรงของสัญญาณทรูแถวๆ หนามบินนี้เสียหน่อย ถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญล่ะ ต้องขอบอกว่า ณ เวลานี้ 4G ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศครับ ครึ่งประเทศก็น่าจะยังไม่ถึง คงได้เพียงพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพ และหัวเมืองในจังหวัดสำคัญๆ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตๆ สำหรับตรงนี้ 4G ครอบคลุมมาถึงครับ นับว่าไม่เลวเลย ความแรงของสัญญาณ 4G ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ใช้ app Speed Test วัดผลพบความเร็วดาวโหลด 36.4Mbps อุ๊ต๊ะเหลือเชื่อมาก ส่วนความเร็วอัพโหลด 6.88Mbps ผมลองถ่ายคลิปความยาว 1นาทีแล้วอัพโหลดดู ใช้เวลาเพียงสิบกว่าวิ.เท่านั้น เร็วใจหาย กับขนาดไฟล์ 13.8MB
มาถึงหนองคายในเวลาอึดใจ เนื่องจากอยู่ห่างจากอุดรเพียง 58 กิโลเมตร ขับรถประมาณชั่วโมงก็ถึง ภาพน้ำเบียร์สีอำพันที่เห็นนี้ฉากหลังของมันคือริมฝั่งแม่น้ำโขง แถวตลาดท่าเสด็จครับ อิอิ แวะกินข้าวมื้อแรกก็จัดเบียร์ซะแระ
อากาศไม่หนาวอย่างที่คิด ทั้งที่สอยุดกล่าวไว้ว่าอีสานตอนบนอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-3 องศาเนื่องจากมวลอากาศเย็นจากเมืองจีนจะแผ่ปกคลุม นั่นล่ะฮะทั่นผู้ชมครับ ที่เห็นแผ่ปกคลุมอยู่เต็มท้องฟ้าตอนนี้คือมวลมหาเมฆหนาเตอะ ที่ไม่มีวี่แววจะแผ่วบางลงเลย รายงานจากใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว อีกจุดหมายที่สัญญากับทรูมูฟว่าจะมายืนพิสูจน์สัญญาณ เมื่อผิดหวังกับท้องฟ้าที่ไม่แจ่มใสสไตล์ฤดูหนาวขนานแท้ก็เลยถ่ายมาแบบขาวดำซะเลยดูดีกว่า 555
คราวนี้ไปลองถ่ายคลิบทดสอบอัพโหลดบนสะพาน แม้คลิบจะยาว 1วิ เหมือนคลิบแรกแต่ขนาดไฟล์ใหญ่กว่าเดิมตั้งสี่เท่ากว่า ได้ไฟล์ไซค์ขนาด 61.9MB อัตราดาวโหลดตกฮวบๆ เหลือเม็กกว่าๆ แต่ความเร็วอัพโหลดเด้งรับที่ 9.77Mbps ใช้เวลาโหลดไฟล์ไป 8.4นาที เร็วเหมือนกันนะเมื่อเทียบกับขนาดไฟล์ที่ใหญ่โต ถ้าเป็น 3G เหรอ! ไม่อยากคิด คงกลับไปหา wifi โหลด ถือว่าผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ว่าแพ็กเกจลดฮวบหมดเร็ว อนาคตถ้าจะใช้ 4G จริงๆ ตามความเห็นผมนะต้องซื้อแพ็ค unlimited เท่านั้นถึงจะเวิร์ค!
มาหนองคายคราวนี้ไม่ได้ตระเวนเที่ยวในตัวเมืองแล้ว ต้องโทษฟ้าที่ไม่สดใสจูงใจพอ แต่ว่าข้างล่างนี่เป็นแผนที่แสดงแหล่งท่องเที่ยวจุดน่าแวะต่างๆ ในอำเภอเมืองหนองคายที่ผมทำเอาไว้ตั้งแต่มาคราวก่อน เอามาแปะไว้ให้ดูกันเป็นข้อมูลกัน หรือใครสนใจคลิกไปชมบล็อกหนองคายตอนเก่าได้ >> หนองคายม่วนซื่น บึงกาฬม่วนหลาย คักคัก
เมื่อตะวันก็ไม่มี ทไวไลท์ก็ดูท่าจะไม่งาม!! อย่ากระนั้นเลยหาข้าวเย็นกินดีกว่า ขับออกมาจากใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนึ่งโลหก ถึงแล้วชื่อร้านอาหารชายโขง ร้านในโครงการ True You บรรยากาศเหมาะที่จะนั่งกินไปพร้อมชมวิวน้ำโขงไปเห็นสะพานมิตรภาพจากตรงนี้ ส่วนทิศตรงข้ามก็เห็นไกลถึงพระธาตุหล้าหนองเปิดไฟสว่างอยู่ลิบๆ จะลงไปนั่งกินริมโขงเลยก็ได้ แต่ว่าเป็น side walk แหม่ นี่ คห.ส่วนตัวนะครับถ้าผูกแพลูกบวบลงไปในโขงหล่ะเริดสะแมนแตนกว่านี้อีกเท่าครึ่ง สำหรับสัญญาณมือถือ ตรงนี้ก็ 4G ทึ่ง เจ้าของร้านเดินมาบอกว่าจะไม่แรงได้ไงล่ะค้าเสาอยู่ใกล้ๆ นี่เองค่า ไหมล่ะ!
ร้านนี้เข้าซอยมานิดนึงตื้นๆ ละแวกนี้เห็นมีร้านอาหารสองสามร้าน แต่ว่าร้านนี้เก่าแก่สุด อยู่ยงคงกระพันได้เดาออกใช่มั้ยครับก็ต้องรสชาติอาหารล่ะสำคัญสุด
สั่งอาหารแล้วมาเดินเล่นชมวิวริมโขงฟ้าหม่นทำให้ไม่น่ายกกล้องเท่าไหร่ หันกลับมามองวิวร้านอีกที อ่ะ ทไวไลท์ร้านดีกว่า แสงสองแหล่ง ไฟประดิษฐ์บรรจบแสงสีน้ำเงินของธรรมชาติยังคงมีเสน่ห์เสมอ มองมุมนี้ร้านคลายเวทีคอนเสริตเลยนะครับ อิอิ หลังคาสูงชลูดโล่งโป่งตา
อาหารเซ็ทของผมมาแระ พร้อมเบียร์เย็นจัดไฮเนเก้น มาถึงหนองคายทั้งทีดั๊นลืมกินเบียร์ลาว เมนูที่ทางร้านแนะนำครับ มี ยำยอดมะพร้าว แกงคั่วหอยขม น้ำพริกลงเรือ เฟสบุ๊คร้านอาหารจ้า https://www.facebook.com/aoy.chaykhong
ค่ำลงได้เวลาพักผ่อน ขับรถกลับที่พัก หนองคายซิตี้โฮเทล รร.กลางเมืองห่างตลาดท่าเสด็จเพียงครึ่งกิโล โรงแรมราคาประหยัด จองผ่าน Agoda มาในราคาคืนละ ห้าร้อยบาท ตอนจองผ่านเวปเห็นรูปมุมนี้ปล่อยน้ำพุพุ่งๆ โอ้ว สวย รีบคลิกเลยทั้งสวยทั้งถูก แต่ของจริงน้ำพุไม่ยอมเปิดนะแหม่ ว่าจะถ่ายรูปน้ำพุพุ่งๆสวยๆเสียหน่อย ห้องน่าพัก ราคามิตรภาพมี free WiFi ด้วย
เช้าวันใหม่อากาศจะสดใสแป๊บๆ! หรือเปล่า วันนี้ตั้งใจแรงกล้าว่าจะขับไปบึงกาฬ จิไปปีนภูทอก เพราะว่าครั้งแรกที่ไปตอนนั้นผิดหวัง ไปตอนเทศกาลสงกรานต์ซึ่งไปตรงกับวันปิดประจำปีของทางวัดด้วย ! ( ปิดทุก 10-16เมษา ) รถพร้อมคนก็พร้อม แต่ฟ้าสิจะพร้อมหรือเปล่า ขับออกมานอกเมืองเจอแสงเช้าสีทองส่องมาอล่างฉ่างตา มีหรือจะไม่จอดเก็บบรรยากาศ เดินทอดน่องถ่ายรูปชิลๆ ก่อนบึ่งรถต่อ
ทางหลวงเชื่อมอ.เมืองหนองคาย สู่ อ.เมืองบึงกาฬ ระยะทางรวมประมาณ 137 กิโลเมตร ใช้เวลาขับประมาณ 2 ชั่วโมง
เป็นเช้าที่อากาศสดใสมาก เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรรีบเร่ง ชะลอรถมาล่วงหน้าหลายกิโลเมตร ที่สุดก็ได้จุดจอดถ่ายภาพ เดินเตร็ดเตร่ก้มๆ เงยๆ ข้ามถนนไปฝั่งขะโน้น แล้วก็ข้ามกลับมาฝั่งขะนี้ ข้ามไปข้ามมา อิอิ ถนนโล่งมาก รถราแทบไม่มี นานๆ จะแล่นผ่านมาสักคัน ก็ถือเป็นช่วงเวลาโดดเดี่ยวที่มีความสุข ได้อยู่กับตัวเอง ได้เก็บเกี่ยวภาพถ่ายแบบค่อยๆ คิดค่อยๆ ถ่ายไม่รีบไม่เร่ง ถ่ายเสร็จก็นั่งเล่นในรถแชร์ภาพอัพเฟสให้เพื่อนๆ ในสังคมเน็ตเวิร์คดู นั่งเล่นท่องเน็ตชมโพสเพื่อนสักพักตอบเมนท์ เขียนเมนท์ นี่แหละที่เรียกว่าความโดดเดี่ยวที่ไม่เดียวดาย มาถึงบึงกาฬแล้ว ก่อนเลี้ยวไปภูทอกขอเลี้ยวมาเลียบชายโขงชมวิวเสียหน่อย อยากมาชมบรรยากาศ ครั้งก่อนโน้นมาเมษาน้ำแห้งขอดมองไปมีแต่ดอนทรายกับแปลงผัก แทบมองไม่เห็นสายน้ำ มาคราวนี้คนละฤดูกาล บรรยากาศเป็นอะไรที่ช่างแตกต่าง
ขอเต๊ะจุ๊ยถ่ายคู่กะป้ายหน่อย แหม่ เดี๋ยวนี้ถนนริมโขงบึงกาฬปรับภูมิทัศน์สวยกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนั้นที่มาครั้งแรกบึงกาฬพึ่งประกาศเป็นจังหวัดน้องใหม่หมาดๆ มาคราวนี้เป็นจังหวัดเต็มตัวแล้ว
ขับรถวนหาข้าวกิน มาได้ร้านอาหารตามสั่ง กินง่ายๆ อาหารจานเดียว กินไปอ่านข่าวไป แหม่ อยากเก็บหนังสือพิมพ์ไปนอนอ่านข่าวต่อที่ห้องจัง 5555 กลืนน้ำลาย
อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าต่อสู่ วัดภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร) จากสี่แยกตัวเมืองบึงกาฬถ้ามาจากหนองคายก็เลี้ยวขวาครับ ขับไปอีก 45.7กิโล คอยสังเกตป้ายให้ดีด้วย เลี้ยวเยอะแยกเยอะ สำหรับผมเหรอ มั่นใจในจีพีเอสคู่ใจ on hand มาเลยเห็นป่าวนั่น อิอิ ถึงแล้วๆ วัดภูทอก พิกัด 18.132149,103.881118 ซุ้มประตูทางเข้าสร้างเป็นประติมากรรมหินใหญ่ปึ้กๆ อลังการมาก ขับรถผ่านเข้าไปให้ความรู้สึกราวกับกำลังจะผ่านไปอีกมิติหนึ่ง
เข้ามาในเขตวัดก็เจอป้ายทรูมูฟอีก แสดงว่ามาอัดสัญญาณไว้ทั่วที่นี่แล้วสินะ เพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมนี่เอง ขึ้นป้ายแบบนี้สัญญาณแรงชัวร์ อ่ะ เช็คสัญญาณจริงเสียหน่อย ขึ้น TrueMove H ครับ รายงานๆ มาเที่ยวภูทอกอัพโหลดภาพโหลดคลิปอวดโซเชียลสบายเชิบเชิบ แต่ว่าแต่ ท่านมาเที่ยวที่วัดนี้ต้องสำรวมหน่อยนะครับ เนื่องจากว่าไม่ใช่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะทีเดียว ลองยืนอ่านป้ายของทางวัดดู ป้ายบอกไว้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสถานปฏิบัติธรรม แม้ทางจังหวัดหรือททท.จะประชาสัมพันธ์ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ตาม ทางวัดก็มีกฏและข้อพึงปฏิบัติอยู่ลองอ่านกันดูนะครับ รายละเอียดผมครอบภาพมาให้ดูแระ
วัดภูทอก หรือชื่อเป็นทางการว่า วัดเจติยาคิรีวิหาร เป็นวัดสายพระป่า โดย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ตั้งอยู่ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคนพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย 43210 วัดเจติยาคิรีวิหาร หรือ ภูทอกมีขนาดความสูง โดยวัดจากฐานถึงยอด 460 เมตร มีบันไดเรียงขึ้นตามชั้นต่าง ๆ 7 ชั้น และฐานชั้นที่ 6 วัดโดยรอบได้ 800 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันมีที่ธรณีสงฆ์ 78 ไร่ 3 งาน 18 ตารางวา ทิศเหนือ ยาว 192 เส้น 15 วา ติดต่อกับภูทอกใหญ่ ทิศใต้ ยาว 190 เส้น 10 วา ติดต่อกับถนนบ้านนาต้อง-บ้านศรีวิไล ทิศตะวันออก ยาว 40 เส้น 10 วา ติดกับถนน ร.พ.ช. สายบึงกาฬ-บ้านโพธิ์หมากแข้ง ทิศตะวันตก ยาว 35 เส้น 15 วา ติดกับทุ่งนาบ้านนาคำแคน-บ้านนาสะแบง ข้อมูลบางส่วนจากเวป dhammathai.org
วัดภูทอกมุมมองผ่านสระน้ำหน้าวัด
เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ อันสวยงาม
ได้เวลาเดินขึ้นกันแล้ว สำหรับระยะทางที่จับมาจากจีพีเอสผมเดินขึ้นไปถึงชั้น 6 แล้วเดินต่อไปชั้น 7 หน่อยนึง แล้วเดินลงมาระยะทางรวมประมาณ 3 กิโลเมตรครึ่ง เส้นทางขึ้นช่วงแรกไต่บันไดแหงนหน้าตั้งบ่า จะเมื่อยมากก็ช่วงนี้แหละ แต่ว่าขึ้นไปถึงสักประมาณชั้น 5 ก็เดินสบายๆ แระ //สบายสำหรับคนที่ไม่เป็นโรคกลัวความสูงนะครับ
เส้นทางเดินสร้างขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ตามาก ตอกเสาเกาะยึดไปกับแผ่นผา ทางเดินกว้างเพียงประมาณเมตรเศษ หลายคนพยายามเดินทำตัวเอียงลู่พิงไปกันผนังชัน แต่ผนังหลายช่วงก็ไม่เป็นใจ เอนล้มออกมาเหมือนแกล้งผลักให้ร่างคนเดินไปชิดราวทางเดินโน่นเป็นการวัดใจ เวลามองด้านข้าง หรือมุมมองด้านนอก จะรู้สึกเสียวซู่ แต่เวลาเดินไม่ใคร่รู้สึกว่าจะน่ากลัวอะไรครับ เนื่องจากหัวสมองไม่ได้รับรู้ว่าใต้พื้นที่เราเดินนั้นรองรับด้วยอากาศ!
ร่องรอยของเส้นทางบางช่วงที่เป็นเส้นทางเดินเก่า ในสภาพผุพัง เห็นได้ชัดๆ ว่าการสร้างนั้นต้องใช้ความยากลำบากขนาดไหน กับโตรกผาที่สูงชันขนาดนี้
พักจิบน้ำก่อน อย่าลืมพกน้ำดื่มขึ้นมากันด้วยนะครับ บนนี้ไม่มีน้ำขาย ไม่มีร้านค้า หรือจะติดเสบียงขึ้นมากินเผื่อหิวระหว่างทางก็ดี
ทางเดินบนชั้นที่ 6
ชั้นนี้เป็นชั้นไฮไลท์ เส้นทางเดินได้รอบเขา วนเป็นวงใหญ่ ระยะทางยาวกว่า 800เมตร ทางเดินเสียวไส้เกือบตลอดเส้น มีบางช่วงค่อยยังชั่ว อย่างช่วงตรงนี้เส้นทางยังคงเกาะไปตามหลืบผนังผา แต่เริ่มทอดยาวผ่านภูมิประเทศป่า ร่มรื่นและไม่หวาดเสียว บนชั้นที่ 6 นี้มีประดิษฐานพระหมู่บูชาบนพื้นหินแกรนิตสีดำด้วย และถือเป็นชั้นสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด ยังมีชั้นที่สูงกว่านี้ขึ้นไปอีกคือชั้น 7 แต่จากป้ายที่ปักไว้บอกว่าข้างบนเป็นเพียงป่าดิบ และโปรดระวัง งู
นายน้ำฟ้าขอเดินสำรวจชั้นเจ็ดหน่อย สายตาก็สอดส่ายระวังงูอย่างเต็มที่ เปลี่ยวเอาการ เดินไปได้สักร้อยสองร้อยเมตรเจอทางแยกทางตัดอีกสองสามแยก ทางเริ่มรก และเริ่มไม่แน่ใจว่าควรเดินไปแยกไหน เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วนอกจากป่าธรรมดาเลยตัดสินใจเดินย้อนกลับ
พุทธวิหารชั้นที่ 5 ไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของภูทอก เดิมเป็นกุฏิของพระอาจารย์จวนเจ้าอาวาสองค์แรกของที่นี่ ภาพชุดนี้เป็นมุมมองพุทธวิหารยืนถ่ายจาก สะพานนรก-สวรรค์ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินชมวิวบนชั้นที่ 6
ถ่ายคลิบช่วงทางเดินสะพานนรกสวรรค์บนชั้น 6 มาให้ดู บางคนอาจคลิกดูเพื่อตัดสินใจก่อนก็ได้ว่าจะไปหรือไม่ไปดี อิอิ หลายคนที่เจอบนนี้ถอดใจหันกลับเพียงเดินได้ไม่กี่ก้าว รำพึงว่าเสียวเกินไป นั่นเพราะว่าจุดนี้เป็นจุดที่ดูหวาดเสียวที่สุดแล้ว แต่ว่าเสียวสุดก็สวยสุดนะ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรคกลัวความสูงก็เดินได้สบายครับ
ปชส.รองเท้าคีนหน่อย ได้รับสปอนเซอร์มาใส่ตอนย่ำยุโรป ขอขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้งมา ณ ที่นี้ คู่นี้ใส่แล้วชอบมากทริปปีนภูทอกก็ไม่พลาดแน่นอนที่จะเอามาใส่และถือเป็นรองเท้าออกทริปคู่ประจำกันเลย Keen รุ่น Durand รุ่นท๊อปในหมวด outdoor ด้วยเทคโนโลยีใหม่ million step comfort คือเคลมว่าเดินล้านก้าวรองเท้าไม่สึก และเท้ายังคงความสบายนั่นเอง โอ้ว! อยากจะบอกว่าใส่นุ่มสบายเท้า ชอบมาก ผลิตในอเมริกา สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Keen Thailand
แผนที่กูเกิลเอิร์ทแสดงภูมิประเทศวัดภูทอก เส้นสีส้มขยึกขยึยนั่นคือ Tracks เส้นทางเดินที่บันทึกจากจีพีเอส
จากภูทอกก็เดินทางกลับหนองคายครับ ไปกลับ 360 กิโลใช้เวลาขับรถไปครึ่งค่อนวัน มาถึงหนองคายเย็นย่ำตะวันไม่ต้องพูดถึงนะครัช แหม ไม่เห็นมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงแระ เมฆหมองมาก เศร้ากันไปสำหรับคนอยากถ่ายวิวสวยๆ อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงนี่ ไหนๆ ฟ้ายังไม่สิ้นแสงตะวันก็เลยมาชมพระธาตุหล้าหนององค์เดิมที่อยู่กลางลำน้ำโขง
และรอถ่ายทไวไลท์พระธาตุหล้าหนององค์ปัจจุบัน เสียดายมุมอีกด้านถ้าได้ตั้งกล้องตรงนั้นจะเห็นฉากหลังเป็นลำน้ำโขงแต่ว่าตอนนี้กำลังขึ้นนั่งร้านซ่อมแซมอยู่ เลนส์ซกมกจริงๆเลยเรา อร๊ายอราย อิอิ พระธาตุหล้าหนอง พิกัด 17.898994,102.768896
วันรุ่งขึ้น อันเป็นวันเดินทางสุดท้าย นายน้ำฟ้าตื่นแต่ไก่โห่ คืนห้องแล้วออกรถดิ่งลงอุดรทันทีทั้งที่นัดคืนรถเช่ากันตอนบ่ายสอง เรื่องของเรื่องก็คืออยากจิไปดูทุ่งดอกบัวแดงแป๊ดที่ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานีนั่นเอง จากหนองคายดิ่งมาอุดรชั่วโมงนึง แต่เสียเวลาจอดรถสอบถามเส้นทางไปทะเลบัวแดงอยู่นานมาก ถามคนนี้ก็ชี้ไปทางโน้น ถามคนโน้นก็ชี้ไปทางนี้ เสียเวลาไปครึ่งค่อนชม. กว่าจะได้ความว่าอยู่อ.ภุมภวาปี _ _"
จากตัวเมืองอุดรไปทะเลบัวแดง ซึ่งอยู่ที่หนองหานกุมภวาปี อำเภอกุมภวาปี เส้นทางมุ่งหน้าอ.กุมภวาปีครับ ระยะทาง 44 กิโล แต่ว่าถ้าเริ่มนับจากสี่แยกบาสพาสด้านใต้ก็ 37 กิโล โดยขับไปบนถนนใหญ่ 22 กิโลแล้วสังเกตป้ายทะเลบัวแดงทางซ้ายมือครับ เลี้ยวเข้าถนนย่อยตรงนี้ไปอีก 15 กิโล มีป้ายทะเลบัวแดงบอกตลอดทาง แต่ตอนขับบนถนนใหญ่จะมีป้ายแค่ตอนใกล้ถึงทางเลี้ยวแค่นั้น ในแผนที่ผมทำแสดงพื้นที่อำเภอเมืองกับอำเภอกุมภวาปีไว้ด้วย
ถึงทะเลบัวแดงจนได้ในที่สุด แต่กว่าจะมาถึงก็สายมาก มาคนเดียวทำไงดีอยากถ่ายเซลฟีคู่กะป้าย นึกขึ้นได้ขาตั้งกล้องของเรามันพิเศษนี่หว่าแปลงเป็น monopod ได้ จัดซะเลย เอา monopod มาเสียบกล้องเปลี่ยนเลนส์เป็นฟิชอาย โอ้ว ไม้เท้าเซลฟีหรือนี่ จ๊าบบมว้าก อิอิ
จุดลงเรือชมบัวแดง มีเต้นท์อำนวยการปชส.เชิญชวนให้ลงเรือ มีเรือสองแบบๆ แรกลำใหญ่มีหลังคาราคาเหมาเที่ยวละสองสามร้อย ผมมาคนเดียวจนท.เค้าเลยแนะนำว่าลองเดินหากลุ่มขอร่วมไปกับเค้า หรือไม่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็มีเรือเล็กหน่อย มีร่มกาง ราคาไปใกล้ๆ ร้อยนึง ไปไกลหน่อยรอบใหญ่ 150 จัดไป
เรือชมบัวทยอยออกจากฝั่งหันหน้าสู่ทะเลบัวแดงลำแล้วลำเล่าไม่ขาดสายแม้จะเป็นเพียงวันธรรมดา
ส่วนเรือลำนี้ของนายน้ำฟ้า เรือลำน้อยคอยรัก อิอิ นั่งไปกางร่มไปแดดเริ่มร้อน
และเพราะว่ากว่าจะมาถึงก็สิบโมงกว่านะครับ ไม่ทันบัวบาน บัวจะบานสวยเพียงช่วงหกโมงถึงแปดโมงจากนั้นก็จะทยอยหุบกันถ้วนทั่ว! นอกจากมาตอนเช้าๆ จะพบบัวงามบานสวนแล้วแดดเช้าๆ ยังงามกว่าแดดสายๆ แถมมีนกโฉบเฉี่ยวออกหากินมาเข้ากล้อง ดีกว่าทุกประการฉะนี้ยังไงใครจะมาก็ถ้ารักการถ่ายภาพมากันแต่เช้าๆ เด้อ ส่วนนายน้ำฟ้ามาเอาป่านนี้ก็ต้องทำใจรอซ่อมทริปหน้าอย่างเดียว ฮวี่
แม้บัวจะไม่บานก็ยังมีความงามอยู่นะว่ามั้ย จัดเลนส์กระบอกโตถ่ายเสียหน่อย เมฆหนาๆ ก็ดีไปอย่างทำให้แดดไม่ร้อน แสงเงาไม่จัด แสงแบบนี้เหมาะนักกับการถ่ายภาพดอกไม้ ช่วงเวลานี้เป็นอีกช่วงเวลาโดดเดี่ยวที่มีความสุข แม้ในเรือจะมีกันอยู่สองคนคือคนเรือกับผม แต่คนเรือก็ลอยลำ ดับเครื่องอยู่นิ่งๆ ท่าทีสงบ ปล่อยให้ผมอยู่ในโลกส่วนตัวของผมสาละวนกับการเฟ้นหามุม เปลี่ยนเลนส์ นอนถ่ายภาพในเรือแบบเพลินไปเลย ท่านอนถ่ายเหมือน ท ทหารนอนหมอบยิงปืนกลนั่นแหละเป็นท่าที่เหมาะที่สุดล่ะ
จากนั้นก็เดินทางกลับตัวเมืองอุดร วนรถไปเติมน้ำมันเต็มถังแล้วส่งรถคืนที่สนามบิน แล้วเช็คอินนั่งพักผ่อนที่เกตรอเวลาเครื่องบินกลับเที่ยวเย็นๆ จองที่นั่ง windos seat เกาะริมหน้าต่างฝั่งตามแสง กะจะได้เห็นวิวทางทิศตะวันออกและถ่ายภาพบนฟ้าเสียหน่อย
แม้ทริปนี้เมฆที่มองขึ้นไปจากบนพื้นจะกวนตามาก แต่เมฆที่มองไปจากบนนี้ช่างงามจับตา เห็นด้วยมั้ย พบกันใหม่บล็อกหน้า
ฝากคอมเมนท์ Like & share หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะครับ โย่ว
Create Date : 13 มกราคม 2558 |
Last Update : 13 มกราคม 2558 16:46:33 น. |
|
47 comments
|
Counter : 8065 Pageviews. |
|
|