ดอยพุ่ยโค ดอยโรแมนติก
ดอยพุ่ยโค ด อ ย โ ร แ ม น ติ ก
เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน หลังโซซัดโซเซเป็นมนุษย์กระหล่ำนั่งกระดอนกระเด้ง ยืนกระเด้งกระดอน บนรถขับเคลื่อนสี่ล้อบรรทุกพืชผลการเกษตรของหนุ่มมูเซอที่คณะเรานัดมารับที่ปลายดอยม่อนจองเพื่อเดินทางออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง เดิมทีทริปคืนที่สองเราตกลงกันจะไปนอนพักเมื่อยชิลชิลที่หุบอำเภอแม่แจ่ม แต่ทริปปลายกุมภาแบบนี้แม่แจ่มคงพ้นเวลาสวย ทีมงานจึงนำเสนอทางเลือกที่สอง นั่นคือไปลุ้นชมสุดยอดทะเลหมอก ณ ดอยพุ่ยโค อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน N18 00.288 E98 00.290 alt.1,400 และมติไม่เป็นเอกฉันท์ดอยพุ่ยโคชนะโหวตอย่างฉิวเฉียด เอาละหว่า ปะไปลุ้นกัน
ลงจากม่อนจอง เพื่อไปขึ้นพุ่ยโคเราออกเดินทางแต่เช้าเดินเท้ายาวสี่กิโลกว่าอีกครั้งแบบทำเวลา เพื่อให้ทันรถบรรทุกกระหล่ำที่นัดไว้ ณ ปลายดอย แปดโมงครึ่งแล้ว นัดรถสิบโมง จะทันรึป่าวฟร๊ะเนี่ย เอ็นเข่าขวาเจ็บสะสมมาตั้งแต่เมื่อวาน
กระโดดอำลาภูหินช่อผ่านมา ณ ภูหินช่ออีกครั้ง แลนด์มาร์คนี้บอกเราว่าลงมาถึงครึ่งทางแล้ว อะ หนูซุมแรงเหลือกระโดดสลายแรงกันหน่อย เดี๋ยวมันจะเหลือเยอะเกินไป
เห็นเนินชันทีไร ใจมันท้อสต๊าฟมันบอก พี่เร่งหน่อย เราเลยเวลานัดรถแล้ว ดูเวลา ป๊าดด สิบเอ็ดโมง _ _" ว่าแต่ว่าให้เวลาสี่กิโลกว่ากับชั่วโมงครึ่งเนี่ยมันไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเร่งยิ่งเหนื่อยแล้ว ไม่รู้ล่ะ เหนื่อยก็พัก หายเมื่อยแล้วค่อยก้าวต่อ
จุดนัดพบคนกับรถ ในที่สุดก็มาถึง เราช้าจากเวลาไปชั่วโมงเศษ แต่รถกระหล่ำมาช้ากว่าเรา ^^ เลยมีเวลาเหยียดแข้งเหยียดขารอรถ สักพักเสียงรถก็ก้องป่าและโผล่มา ได้เวลาแปลงกายเป็นมนุษย์กระหล่ำ ตะกุยทางภูเขาสู่หมู่บ้านมูเซอ กับอีกหนึ่งชั่วโมงบนระยะทาง 13 กิโล
ผู้ร่วมทางตัวน้อย เจ้าตั๊กแตนกิ่งไม้
ถึงแล้ว หมู่บ้านมูเซอเดินแทบไม่เป็น อรูยยยย~~~ โอยยย~~~ ปวดเมื่อยไปหมด โดนกิ่งไม้ฟาดหัวไปสองโช๊ะด้วย ยืนหลังรถต้องตาไวคอยก้มหัวหลบอุปสรรค์ แต่ก็ไม่วายโดนทั้งหัวทั้งแขน
มื้อเที่ยงครึ่งกับก๋วยเตี๋ยวมูเซอเหนื่อย เมื่อย และหิวครับ กระเด้งกระดอนลงมาถึงหมู่บ้าน พักจัดการเติมพลังกันด้วยก๋วยเตี๋ยวสุดอร่อยก่อนเดินทางเรียบต่ออีก 2 กิโลเท่านั้นก็จะถึงหน่วยพิทักษ์มูเซอจุดสลับกลับไปเอนหลังในรถตู้D4D VIP แอร์เย็นฉ่ำ
ลาแล้วม่อนจองวันฟ้าหมองมุ่งหน้าตามหาฟ้าใสกันต่อไป รถตู้สองคันของคณะเราย้อนออกจากหน่วยมาดักรอเราปากทางริมถนน อิ่มได้ที่ เมื่อยล้ากำลังดี นับจากจุดนี้ไปปากทางขึ้นดอยพุ่ยโคยังอีก 183 กิโลเมตร ยังต้องใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง จะใช้เวลานอนยาวพักผ่อนบนเบาะนุ่มๆ
เส้นทางคร่าวๆ จากนี้
ออกไป อ.อมก๋อย ด้วยเส้นทาง 1099 43 กิโลเมตร จากอมก๋อยออกสู่ปากทางหลวง 108 ฮอด-แม่สะเรียง 50 กิโลเมตร มุ่งหน้าทิศตะวันตกตามทางหลวง108 สู่แม่สะเรียง 64 กิโลเมตร จากแม่สะเรียงเปลี่ยนทิศมุ่งใต้เปลี่ยนเส้นทางสู่ทางหลวง 105 แม่สะเรียง-แม่สอด จุดหมายอำเภอปลายทางที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทางอีก 26 กิโลเมตร
ถึงแล้วสบเมย ถึงแล้วปากทางถนนขึ้นสู่เชิงดอยพุ่ยโคN17 57.931 E97 55.703 alt.190m. เรามาหยุดรถปากทางแยกขึ้นสู่บ้านอุมดาเหนือ ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าตัวอำเภอสบเมยพอดี รถกระบะสองคันที่นัดไว้มารอคณะของเราก่อนแล้ว ถนนขึ้นเขาสู่บ้านอุมดาเหนือนี้ระยะทางราว 10 กิโลเมตร นาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าโมงเย็นพอดี จีพีเอสแจ้งว่าพิกัดบริเวณนี้วันนี้ตะวันจะลับฟ้า ณ 18:30 น.
ยังคงต้องทำเวลา ไม่อย่างนั้นมืดกลางทางเดินขึ้นดอยแน่ เวลาเพียง1.5ชม.ก่อนตะวันแตะขอบฟ้า กับระยะทางที่ยังเหลืออีกสามช่วง ช่วงแรก 10Km.สู่รร.บ้านอุมดาเหนือ ช่วงที่สอง 4.5km.สู่จุดปล่อยเท้าก้าวขึ้นดอย ช่วงที่สาม 1km.ชันๆ เดินเท้าสู่แค้มป์ ณ ยอดดอยพุ่ยโค
ดูแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทันเก็บแสงขอบฟ้า ณ ยอดดอย
สู่ ดอยพุ่ยโค
เริ่มพบท้องฟ้าสีฟ้าแล้วแต่ยังต้องเก็บรอยยิ้มไว้ในเพราะว่าหนทางบางช่วงกรำฝุ่น ยิ้มกว้างไปฝุ่นจะเข้าปาก เทคนิคห่อหน้าสู้ฝุ่น จำไปใช้บ้างก็ได้นะครับ ^O^
ณ โรงเรียนอุมดาเหนือต.แม่คะตวน อ.สบเมย N17 59.743 E97 59.501 alt.855m.จุดตัดสินใจ จะอาบหรือไม่อาบน้ำ หกโมงเย็นแล้ว เหลือระยะทางอีกสี่กิโลครึ่งกับเดินเท้าขึ้นดอยอีกหนึ่งกิโล ทีมงานประกาศว่าใครต้องการลุ้นแสงพระอาทิตย์จับขอบฟ้าบนยอดดอยไม่ต้องอาบน้ำ เราแบ่งรถเป็นสองคันพาคนชุดหนึ่งมุ่งหน้าล่วงไปก่อน ทิ้งอีกคันไว้รอท่านผู้ประสงค์อาบน้ำ
ขอชื่นชมน้ำใจ เด็กๆแห่งบ้านอุมดาเหนือทันทีที่รถสองคันของคณะเราเทียบท่าข้างอาคารโรงเรียน เด็กกลุ่มนี้ที่กำลังเล่นตีปิงปองกันสนุกสนาน วางมือวิ่งหาน้ำเย็นๆมาให้กินกัน น่ารักจริงๆ
สำหรับผมและเพื่อนเกินครึ่ง โดยเฉพาะเหล่าสาวๆ เลือกอาบน้ำครับ
เพราะตั้งแต่เดินทางออกจากกรุงเทพกันมาปาไปวันที่สองแล้วร่างกายยังไม่ได้อาบน้ำกันเลย อีกอย่างดูเวลายังไงก็ไปไม่ทันอยู่แล้ว สู่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฟื้นร่างกายให้สดดีกว่า
ถึงซะทีจุดเริ่มต้นวางเท้าเดินN17 59.694 97 E59.916 alt.1188 m.เหลืออีกหนึ่งกิโล เหลืออีก 10 นาทีตะวันจะลาลับฟ้าไฟฉายคาดหัวเตรียมพร้อม เหนี่ยวเป้ขึ้นสะพายหลัง เอาล่ะ ออกเดินกันได้ โอ้ว! เพียงก้าวแรกก็ขาสั่นอีกแระ มันต้อนรับเราด้วยทางชันยาวเอาการ
เอ่อ คุณพี่พุ่ยโค จะชันไปไหนเห็นทางชันแล้วใจมันฮึกเหิม แต่ขามันไม่อยากก้าวเดินทุกที แต่รักจะเดินดอยแล้วนี่นาเน้อะ ความสวยงามรอเราอยู่บนนั้น ปะไป ก้าวกันต่อไป ฮึบ
ข้างล่างนี่เป็นภาพจากกล้องเพื่อน กลุ่มที่ล่วงหน้าล่าตะวัน ซึ่งทันเก็บแสงสุดท้าย ณ บริเวณใกล้ยอดดอย
photo by หนูภา post process by น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
วะวะว้าว... นาทีฟ้าอลังการ เมฆรูปนกแม้พวกเราจะเป็นกลุ่มหลัง และต้องพลาดหวังกับการล่าภาพดวงตาวันลาลับฟ้า ณ ยอดดอยแน่ๆ แต่ระหว่างทางเมฆที่ปรากฏจับท้องฟ้านั่น ดูสิ นกยักษ์ โอ๊ะโอ๊ะโอ้ว สวดยอดเลย สวยๆ มันตัวใหญ่มากจนเลนส์ของพวกเราส่วนใหญ่เก็บภาพไว้แทบไม่ครบตัว แถมด้วย เมฆริ้วคลื่น พลิ้วไหว อิ่มอกอิ่มใจกันจนลืมเมื่อย ลืมเหนื่อย
photo by ซุมมี่
ร า ง วั ล จ า ก ธ ร ร ม ช า ติ มลังเมลืองแห่ง สีสัน และ ลวดลาย
ช่ ว ง เ ว ล า ดื่ ม ด่ ำ ....ช่ ว ง เ ว ล า อ า บ สุ ข
ขณะนี้ พวกเราอยู่บริเวณแค้มป์ ณ ยอดสูงสุด ดอยพุ่ยโค กันแล้ว มันสูงราว 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นดอยสูงระดับต้นๆของแม่ฮ่องสอน เป็นภูเขาไฟเก่า คำว่าพุ่ยโคแปลว่าภูเขาไฟ อีกชื่อหนึ่งของมันคือดอยปุยหลวง หมายถึงว่าขุนดอยที่สูงใหญ่กว่าดอยใดทั้งปวงในระแวกนั้น สภาพบนยอดนี้เป็นเนินหญ้าสั้นลานโล่งกว้าง ทัศนียภาพเปิดรอบทิศทาง
คืนนี้เป็นคืนเดือนเสี้ยว พอเดินห่างกองไฟพลัน ก็ต๊กกะใจ โอ้วว้าว ดาวเดือนเกลื่อนฟ้าสุดฤทธิ์ชนิดไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
ภาพดาวเสกจาก PS นะครับ เจตนาชี้ให้เห็นว่าคืนนั้นดาวบนท้องฟ้าเกลื่อนกลาดประมาณนี้ แต่ไม่สามารถถ่ายได้เนื่องจากพลังแบตเตอรี่กล้องริบหรี่ทุกคนอ้าปากหวอ ครางฮือ ^^ ไมมันช่างเยอะอย่างนี้ เยอะเหมือนโกหก มีดาวตกด้วย แล้วไอ้คล้าวหนึ่งในทีมงานสุดไฮเทคประจำคณะก็งัด iPad โชว์โปรแกรมดูดาว Star Walk โอ้โห ทีนี้แหละ สนุกสนานกับการดูดาวกันใหญ่ ชูเจ้าไอแพดขึ้นเหนือหัวกวาดไปทั่วท้องฟ้าก็ปรากฏเส้นโยงเชื่อมเม็ดดาวและรูปกลุ่มดาวต่างๆ ขนาดกวาดลงพื้นยังเห็นดาวกลุ่มที่ยังไม่โผล่พ้นฟ้า พวกเราเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้กลุ่มดาวประจำมหาดาราจักรทางช้างเผือกกันมาก ดูดาวเสร็จก็ไปเล่นกองไฟครับ คืนนี้หนาวก็จริงแต่ไม่ถึงกับหนาวเหน็บ ลมสงบ มีพัดมาให้หนาวสะท้านบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้นั่งๆยืนๆนอกเต้นท์ไม่ไหว เอ้อ ภาพกองไฟขวามือนี่ผมแอบใส่ดาวลงไปอีกนะ ^^ แบบว่าอยากซ้ำให้รู้ว่ามันเป็นคืนที่ดาวเกลื่อนฟ้าจริงๆ
อรุณสวัสดิ์ ดอยพุ่ยโค
ต้นเดียวดาย
So .. R o m a n t i c
มีแต่ทะเลหมอกที่ไม่มาตามนัด นอกนั้นมาครบยกเซ็ท ไม่ว่าจะตาวันดวงกลมโตสุกใส เมฆบางๆหมอกจางๆลอยระเรี่ย แสงสีทองสาดส่องทุ่งหญ้าเพิ่มความเหลืองทองอร่ามตา อากาศห่อหุ้มที่โคตรเย็นสบาย เจ้าต้นเดียวดายที่เป็นฉากประกอบภาพ นับเป็นชั่วโมงทองของเหล่านักนิยมถ่ายภาพธรรมชาติอย่างพวกเราเสียจริงเลย
เหล่านักล่าความทรงจำ
^ photo by PK
Feel Free
หากหยุดเวลาไว้ได้ ฉันขอหยุดมันไว้ ณ ตรงนี้
แม้นหยุดไว้ไม่ได้ ก็อยากจะอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ สักหลายๆนาที แต่เวลาย่อมเดินหน้าเสมอ ไม่อาจเหนี่ยวรั้ง ใกล้ถึงเวลาต้องเดินทางอีกแล้ว
..photo by ซุมมี่
ได้เวลาอำลาดอย เป็นเวลาเดียวกันกับท้องฟ้าสีฟ้าที่เผยโฉม มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน้อะ ว่าแต่ เอ่อ เห็นแล้วอยากกรี๊ดดด อล่ามมากว่ามะ
ทริปตามล่าหาฟ้าใสวันฟ้าหมอง ณ ม่อนจอง และ พุ่ยโค เดินทางมาถึงบทส่งท้าย
ทริปนี้เกิดขึ้นกลางกุมภา ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ภาคเหนือของไทยเราเผชิญวิกฤตหมอกควันไฟ เนื่องจากการพร้อมใจกันเผาป่าอย่างมโหฬาร ทั้งจากประเทศพม่าเพื่อนบ้าน และพี่น้องคนไทยเรากันเอง จนฝุ่นควันพิษเกินค่ามาตรฐาน สุขภาพเสียหายกันไปหมด ตลอดทั้งทริปของเราจึงแทบไม่มีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวยสมดั่งเป็นทริปขึ้นเหนือปลายหนาวเลย แต่สุดท้ายเราก็เจอท้องฟ้าสีฟ้า ณ ดอยพุ่ยโค เวลานี้ทุกคนมีอากัปกริยาคล้ายกันหมด คือเดินลงดอยพร้อมเหลียวหลังกลับไปชมสีฟ้าของท้องฟ้า ที่มันแป๊ดซะอกอีแป้นแทบแตก สีสันมันตัดกับทุ่งหญ้าสีทอง จนเราสรุปกันว่าพวกเราประทับใจกับดอยพุ่ยโคแห่งนี้มาก
พบกันใหม่ฉบับหน้าจ้า เอ้า เฮกันหน่อย เย้ เย้
ฝากคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา ด้วยนะจ๊ะ
Create Date : 08 เมษายน 2555 |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 11:23:45 น. |
|
149 comments
|
Counter : 9313 Pageviews. |
|
|
ที่บ้านชอบเที่ยวแบบนี้เหมือนกันคะ บางครั้งขับรถไปเรื่อยๆ
ไม่มีจุดหมายค่ำไหนกลางเต็นท์นอนกันเลยคะ ตามอุทยาน
ที่สามารถเข้าไปกางเต็นท์ได้คะ แต่ดอยพุ่ยโคนี้ยังไม่เคยไป
เลยคะ ขอบคุณที่พาไปเที่ยวคะพี่