ลัดฟ้าสู่แดนซามูไร Aizu Wakamatsu
คู่มือลัดฟ้าฉบับโคตรง่าย สู่ Aizu Wakamatsu มันเป็นญี่ปุ่นครั้งที่สอง ตามหลังครั้งแรกมาเพียงซีซั่นเดียว หลังจากซัมเมอร์ที่ผ่านมาผมมาเพื่อพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ การกลับมาในครั้งนี้ซีซั่นฟอล ตั้งใจจะมาพิชิตหัวใจฟุคุชิมะ เตรียมวันมา 7 วัน ส่วนใจนั้นเตรียมมาเกินร้อย จะมาล่าใบไม้แดงเหลืองส้มที่กำลังบ่มได้ที่ เหตุการณ์ที่จะมาเล่าทั้งหมดเกิดในปลายตค. ต่อต้น พย. นี้เอง พีคแค่ไหนหรือไม่พีคแค่ไหน จะแบ่งเป็นตอนๆ สำหรับตอนแรกนี้ขอเล่าเป็นคู่มือฉบับพิชิตโตเกียวสเตชั่น สถานีต่อรถไฟอันน่าสับสนอลม่านให้เป็นฉบับปอกกล้วย ลากกระเป๋ากันอย่างเทพๆ ปะปะ ไปกัน เริ่ม ลัดฟ้าสู่ปุ่น มุ่งหน้าสู่ Aizu
ผมบินกับแอร์เอเชียเอ็กซ์ มีไฟล์ทบินไปนาริตะวันละ 2 ไฟล์ท ก่อนเที่ยงวันไฟล์ทนึง (11:15) และก่อนเที่ยงคืนไฟล์ทนึง (23:45) ผมเลือกไฟล์ทค่ำ เพื่อที่จะได้ไปถึงเช้าๆ แทนที่จะต้องหาที่พักทันทีในวันแรกที่ไปถึงกลางดึกกลางดื่น ใช้เวลาบิน ประมาณ 6 ชั่วโมง ไปถึงแปดโมงเช้า (เวลาญี่ปุ่น +9UTC) บ่ายแก่ๆ ก็ไปถึงเมืองไอสึ วาคามัตสึ ทันได้เที่ยวอะไรบ้างใน Day1
จาก take off สู่ landing จับเวลาได้ 5 ชั่วโมง 48 นาที เร็วหวือ ถึงก่อนเวลานิดหน่อย
ลงเครื่องแล้วสเต็บต่อไปก็คือนั่งรถไฟเข้าโตเกียว ไปต่อชินคันเซ็นที่นั่น วิธีนั่งรถไฟเข้าโตเกียวตามนี้ครับ หลังจากผ่านพิธีเข้าเมือง ลากกระเป๋าออกมา arrival hall ชั้น 1F ก็ follow รูปรถไฟแบบนี้กันไปเลย รถไฟอยู่ชั้น B1F ในท้องเรื่องผมมาลงที่ Narita Terminal 2 นะครับ ซึ่งถ้าคุณมาลงเทอร์มินอล 1 ก็ยึดหลักเดียวกันได้ ลงเครื่อง > ผ่านตม. > รับกระเป๋า > ผ่าน customs > Terminal arrival hall ( 1F) > เลี้ยวขวาลงชั้นรถไฟใต้ดิน (B1F)
ลงมาถึงชั้น B1f จะเจอแบบนี้ ตรงออกไปสู่โถงของระบบรถไฟ ภายในโถงก็จะมีห้องออกตั๋วรถไฟเครือข่ายต่างๆ ของใครของมัน มีทั้งมินิมาร์ทด้วย สำหรับในที่นี้ผมเองใช้ JR Pass มา เชื่อว่าเพื่อนหลายๆ คนส่วนใหญ่ก็คงซื้อเจอาร์พาสกันมาด้วย สำหรับ jr pass ที่ผมใช้ในครั้งนี้เป็น JR East Pass ชนิดใช้ได้ 5 วันใน 14 วัน คือบัตรจะมีอายุ 14 วัน ภายใน 14 วันนี้สามารถใช้สิทธิ์ JR East pass ได้ 5 วันนั่นเอง ดังนั้น ก่อนอื่นก็ต้องเลี้ยวไปห้องแลกตั๋ว JR Pass กันก่อน โดยห้องออกตั๋วจะอยู่ฟากซ้าย JR EAST Travel Service Center ต่อคิวยื่นเอกสาร E-ticket ที่ได้มาจากไทย จนท.ก็จะออกบัตรพาสเสร็จแล้วก็ใช้สิทธิ์ทันที โดยบอกให้เค้าออกตั๋วให้หน่อย แจ้งจุดหมายปลายทางว่าจะไป Aizu wakamatsu ง่ายๆ แค่นี้ เค้าก็จะออกตั๋วให้ ใครสนใจ JR EAST Pass แบบนี้ ซึ่งเรียกว่า JR EAST PASS (Tohoku area) แบบ Flexible 5-Day PASS สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ https://japanallpass.com/jr-east-pass-tohoku-area/
JR EAST Pass หน้าตาแบบนี้ พร้อมออกตั๋วรถไฟ สองท่อน 1) Narita Airport Ter.2 > NEX > Tokyo 2) Tokyo > Tohoku Shinkansen > Koriyama ส่วนท่อนที่สามให้เราไปออกตั๋วเองอีกทีที่ Koriyama Station 3) Koriyama > Ban-Etsu West Line > Aizuwakamatsu เราได้ NEX เที่ยว 9:48 ถึงโตเกียว 10:44 และได้ Shinkansen เที่ยว 11:36 ถึงโคริยามะ 12:56 จะมีเวลาอยู่สถานีโตเกียวร่วม 50 นาที เป็นการระบุให้พนง.ออกตั๋วเผื่อเวลาให้เราเดิน เพราะผมบอกไปว่าไม่ชำนาญ กลัวหลงแล้วจะตกรถไฟ ถ้าไม่บอกเค้าคุณอาจจะได้วิ่งกันนะครับ ถ้ารู้ทางแล้วก็วิ่งทันครับ ใช้เวลาเดินปกติก็ไม่เกิน 15 นาที
NEX เข้าโตเกียว มีวันละ 27 เที่ยว ต้นทางออกจาก Terminal1 และป้ายแรกก็คือ Terminal2 หลังจากนั้นก็ยิงยาว non stop สู่สถานีโตเกียว เที่ยวแรกที่เทอร์2 คือ 7:47 เที่ยวสุดท้าย 21:46 ใช้เวลาแล่นประมาณ 50 นาที ถือว่าทำเวลาดีที่สุด ขามาไม่เท่าไหร่แต่ขากลับนี่จำเป็นมากกรณีต้องเร่งกลับมาสนามบินให้ทันไฟล์ทบิน ปกติราคาบัตรขาละ 3,050 yen ซื้อสองขาได้ส่วนลดอีกหน่อย แต่เนื่องจาก NEX ก็เป็นบริการหนึ่งของ JR ก็เลยอยู่ในสิทธิ์ของ JR EAST Pass โดยปริยาย
ระหว่างนั่ง NEX ก็จะมีมอร์นิเตอร์ให้ดู information สำคัญๆ ต่างๆ นะครับ อาทิ รถแล่นถึงไหนแล้ว และจะถึงสถานีโตเกียวกี่โมง ข้อมูลที่สำคัญอีกตัวสำหรับมือใหม่ก็คือถึงโตเกียวแล้วจะหาทางไปต่อขบวนชินคันเซ็นยังไง จอนี้ครับ จ้องให้ดี เมื่อลงที่สถานีโตเกียวเราจะอยู่ชั้น B5F ก็ขึ้นๆๆๆมาที่ 1F อันเป็น Transfer floor แล้วไล่ตามโลโก้ชินคันเซ็นสีเขียวไป ระหว่างทางในสถานีโตเกียวให้เหล่ๆ มองๆ ข้อมูลบนจอมอร์นิเตอร์ที่แขวนตามที่ต่างๆ เหมือนกับในสนามบิน มองว่าขบวนของเรานั้นอยู่รางไหน (track no. อะไร) ชินคันเซ็นเขียวๆ หรือสายเหนือของเรานั้นจะมี 4 ราง no.20-23
ระหว่างทางสู่โตเกียวถ้าคุณเริ่มเห็นหอคอยโตเกียวแห่งใหม่ New Tokyo Tower หรือ Tokyo Sky Tree โผล่มาทางวิวหน้าต่างฝั่งขวาล่ะก็ แสดงว่าคุณอยู่ในโตเกียวและใกล้ถึงแล้ว หอคอยความสูง 634 เมตรแห่งนี้ (ปัจจุบันนับว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก) อยู่ห่างจากสถานีโตเกียวราว 6 กิโลเมตร เตรียมตัวลงได้อีกประมาณ 6 นาทีถึง
ความเรียบง่ายของภาพบนจอใน NEX ที่ดูไม่ซับซ้อนแต่เชื่อเหอะ ใครเข้าโตเกียวสเตชั่นครั้งแรกในชีวิตมีโอกาสงงเป็นไก่ตาแตกสูงมาก ต้องถามทางกันจ้าละหวั่น แถมหาคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีค่อนข้างยากด้วย วิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาการถามก็คือ เมื่อ NEX เทียบชานชลาชั้นใต้ดิน B5 ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ จนมาโผล่ชั้น B1 ที่แสนวุ่นวาย เจอ information ก็เลี้ยวขวาขึ้นบันไดไปชั้น 1F ผ่านเข้าสู่ทางตรง ซ้ายขวาจะเห็นบันไดและเลขชานชลารางทั่วไป ไล่เลขรางไป 1-2 3-4 5-6 7-8 พอพ้น 8 ปุ๊บจะเจอฟลอร์ยกพื้นขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นของชินคันเซ็นเขียวที่วงขาวซ้าย อันเป็น North Transfer Gate (ส่วนวงทางขวาเป็น South Transfer Gate ซึ่งก็เข้าได้เหมือนกันแหละ) ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณยังไม่หลงทางคุณจะยังเห็นโลโก้ชินคันเซ็นสีเขียวนี้ไปตลอดทาง จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อนสู่ชั้นพื้นดินชานชลาชินคันเซ็น รวมระยะทางทั้งหมดที่ว่ามานี่ 150-200 เมตร ถ้ารู้ทางก็ใช้เวลาไม่เกินสิบห้านาทีถึง แต่เผื่อเวลาสัก 20-30 นาทีก็ดีเพื่อความอุ่นใจ เผื่อแวะห้องน้ำด้วยเนาะ ภาพข้างล่างนี่ floor plan ที่ใกล้เคียงของจริงมากกว่าดูในจอ NEX
ใครไม่อยากขึ้นบันไดเลื่อนล่ะซึ่งต้องลากกระเป๋าเลี้ยวหลายหนล่ะก็ ที่ชานชลานี้แต่ละเสาจะมีเลขกำกับ ตั้งแต่ No.1 31 ที่เสาต้นที่ 16-17 จะมีลิฟท์นะ ลากเป๋าไปขึ้นลิฟท์ กด B1 ได้เลย พอออกจากลิฟท์ก็ยูเทิร์นขวา จะเห็น information มองไกลออกไปอีกจะเห็นบันไดและบันไดเลื่อนขนาบข้าง ตรงไปเลยครับ ขึ้นสู่ชั้น 1F แล้วฟอลโล่ไปตามทาง ไล่ตัวเลขเหมือนที่อธิบายข้างบน พอพ้นเลข 8 ก็จะเจอชินคันเซ็นเอง ง่ายมาก
ดูแล้วตาลายกันมั้ย สรุปคือฟอลโล่โลโก้ชินคันเซ็นเขียวนี้ไปโลด แล้วไปหาว่าขบวนของเราอยู่รางไหน
วิธีดูรายละเอียดบนตั๋วนะครับ สองใบนี้ออกพร้อมกันที่ตรงห้องแลก JR EAST PASS มีเวลาเถลไถลในโตเกียวสเตชั่นจาก 10:44 11:36 รวม 52 นาที เหลือเฟือมาก **reserved seat ticket หมายถึงตั๋วสองใบนี้เป็นชนิดสำรองที่นั่ง ขึ้นไปมีที่นั่งแน่นอน
มาถึงละ แทร็ค No.21 รถไฟหัวกระสุนหน้าเป็ดเขียวพุ่งเข้าเทียบชานอย่างตรงเวลาเป๊ะเว่อร์ สำหรับผมก็นี่แหละครั้งแรกที่เห็นชินคันเซ็นตัวเป็นๆ ตื่นเต้นชะมัดเลย ชินคันเซ็นที่จะไปลงโคริยะมะมีหลายขบวนนะ ทั้ง Tohuku, Hokkaido, Yamagata แต่ไม่ต้องไปจำพวกนี้หรอก คนออกตั๋วเค้าจะเลือกชินคันเซ็นตาม timetable เป็นหลัก
อีกหนึ่งวิธีที่จะเช็คว่าเราต้องไปรอที่ชานชาลาไหน หรือ Track No. เท่าไหร่ ง่ายๆ ด้วยการเข้าเวปนี้ https://www.hyperdia.com/ กดเช็คได้ระหว่างทางเข้าโตเกียวกันไปเลย สะดวกและแม่นยำมาก เพียงคลิกเข้าไปแล้วกรอกต้นทาง ปลายทาง วันเวลา แล้วกด Search มีเป็นแอฟให้โหลดด้วยทั้ง ios และแอนดรอย
แผนที่การเดินทางสู่ Aizu Wakamatsu
ไอสึวาคามัตสึเป็นเมืองเอกของ Aizu Region ซึ่งจังหวัดฟุคุชิมะนี้แบ่งเป็น 3 region คือ Aizu, Naka และ Hama โดย Aizu region กินพื้นที่เกือบครึ่งของจังหวัด ทางฝั่งตะวันตกทั้งหมด (สีเขียวแก่) ส่วนที่เหลือกินพื้นที่เขียวอ่อนแบ่งกันระหว่างอีกสอง region ที่เหลือ ถึงแล้วโคริยามะ สเตชั่น 12:56 น. ตรงเวลาเป๊ะเว่อร์อีกแล้ว
ขณะนี้เราก็อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดฟุคุชิมะเรียบร้อยแล้ว Koriyama เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของจังหวัด Fukushima เราจะเปลี่ยนขบวนสู่รถไฟสายท้องถิ่น Ban Etsu West Line กันที่นี่ เส้นทางจะออกจากสถานีแล้วทิ้งโค้งตรงยาวข้ามเทือกเขาสู่ Aizu region และปลายทางของเราก็คือ Aizu Wakamatsu หัวใจของภูมิภาคไอสึนั่นเอง
แต่ตอนนี้ขอปรับเข้าสู่โหมดบันทึกการเดินทางกันอีกหนหลังจากอธิบายวิธีเดินทางกันมายืดยาว เรามาถึงภายในสถานีโคริยะมะกันตอนบ่ายพอดี ก็ได้เวลาต้องกินมื้อ Branch กันแล้ว หิวมาก มื้อล่าสุดกินมาตอนอยู่บนเครื่อง ภายในสถานีเราเจอบูธราเม็งหยอดเหรียญ ตรงเข้าไปที่เครื่อง หยอดแบงค์ไปใบนึงไหงมันกลายเป็นแลกตังค์หว่า งงล่ะตรู เลยชี้รูปบอกคนขายแทน ว่าอยากกินไร เป็นร้านราเม็งยืนกินนะครับ ใครสนใจก็มาร์คจุดไว้เลย ร้านโดดๆ ในตัวสถานีโคริยะมะ รสชาติเชื่อว่าถูกปากคอราเม็งแน่นอน กินได้ไม่เลวร้าย
หน้าตาบูธราเม็ง เห็นชิดรั้วแบบนี้คือเสริฟลูกค้านอกเกตด้วย คือนี่เรายังไม่ได้ออกพ้นเกตเลยนะ พออิ่มแล้วก็เดินตามป้ายเส้นทางสู่ชานชาลารถไฟสาย Ban Etsu West Line ซึ่งจะอยู่ที่ราง No.1
ได้เวลาไปครับ เนื่องจากเป็นต้นทางของสาย Ban Etsu West Line รถไฟก็เลยจอดรอที่ชานอยู่ก่อนละ เวลาออก 13:48 นี่ขนาดก้าวขึ้นรถไฟตั้งแต่บ่ายครึ่งก็ไม่มีที่นั่งแล้ว ยืนยาวๆ ไป สำหรับตารางเวลาเดินทางสู่ Aizu wakamatsu หายห่วงครับ ไม่ว่าคุณจะมาจากโตเกียวเวลาไหน ที่นี่มีรถไฟแล่นไปไอสึ ทั้งวันทั้งคืน 18 เที่ยว จำง่ายๆ ชั่วโมงละเที่ยวนะครับ ตารางเวลาโชว์ให้ดูในภาพ และอันเนื่องจาก Ban Etsu Line เนี่ยก็เป็นเครือเดียวกันกับ JR อีก ก็ฉลุยลุยโลด โชว์บัตร JR Pass ที่ transfer gate แล้วสองเท้าก็ก้าวเข้าชานชลาเดินขึ้นรถไฟกันได้เลย
แน่นๆ หน่อย แม้แต่เด็กยังต้องยืน คิดดู
AIZU WAKAMATSU STATION 7 ชั่วโมง นับตั้งแต่เครื่องบินแลนดิ้ง 07:40 Landing at Narita Airport > ตม. > รับกระเป๋า > customs > NEX to Tokyo > Shinkansen to Koriyama > Ban Etsu Line to -> Aizu wakamatsu 14:56 ฟ้าแจ้งแจงแวง ทริปนี้ถ่ายภาพสนุกแน่ ถ้าไม่มีไต้ฝุ่นเฉียดญี่ปุ่นมาในวันรุ่งขึ้น _ _ อันที่จริงผมรับรู้เรื่องพายุลูกใหม่เมื่อตอนต่อคิวแลก JR Pass ที่หนามบินนี่เอง จากคนที่ยืนต่อคิว แล้วเค้าโชว์ภาพข่าวพายุให้ดู ซึ่งมันจะเฉียดฟุคุชิมะในวันพรุ่งนี้ แอบเซ็งนิดๆ นึกว่ารอดจากลูกที่แล้วซูเปอร์ไต้ฝุ่นแลงแล้วฟ้าจะโปร่งโล่งตลอดทริป ที่ไหนได้ ตามมาติดๆ แต่ยังดีว่าไม่ขึ้นเกาะตรงๆ แค่เฉียดไปในทะเล
Welcome to ไอสึวาคามัตสึ แดนซามูไร ในที่สุดก็มาถึง เย้
ลากกระเป๋าออกจากสถานีทันที ผ่านทางข้ามถนนลอดใต้ดิน เมินไปก่อนยกกระเป๋าลงไม่ไหว
เส้นทางสู่ที่พักเรายึดหลักใกล้สถานีรถไฟเข้าไว้ ซึ่งเห็นเพื่อนๆ นิยมมาพักกันที่นี่ Washington Hotel จองมาจากเวป booking agoda ตอนเห็นราคาครั้งแรกก็ 1800 นะ ทำไปทำมาตอนจองเนี่ยโดนมา 3500 หน่วยเป็นบาทนะ แพงเว่อร์ คงเพราะไฮซีซั่น แต่เวลาที่จองนั้นมันก็เป็นโรงแรมที่ถูกสุดและสะดวกสุดอยู่ดี ยอม
หลังจากข้ามถนนหน้าสถานีก็เดินตรงมาเพียง 200 เมตรก็ถึงที่พัก นับว่าทำเลสะดวก ส่วนห้องแคบกว่าราคาไปหน่อย อึดอัดนิดนึง แถมฟร้อนท์สื่อสารอังกฤษไม่ได้เลย เหอะๆ
วิวผ่านหน้าต่างห้องพักหันลงทิศใต้จ๊ะเอ๋กับปราสาทนกกระเรียนพอดี ว้าว เพิ่มคุณค่าให้ห้องพักแคบๆ ขึ้นมาหน่อย อิอิ ซูมๆ ยอดปราสาทนกกระเรียน Tsuruga Castle (ออกเสียงว่า ซึรุกะ) ดูกลุ่มต้นไม้รายล้อมปราสาทเพลานี้ดีดี ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีละ เย้
มุมมองกูเกิ้ลเอิร์ธของปราสาท Tsuruga เส้นสีฟ้าๆ นั่นคือถ้าเดินไปนะ 2.2 กิโลจากโรงแรม ส่วนเส้นเหลืองซีดๆ นั่นคือเส้นรถเมล์ที่เดี๋ยวเราจะนั่งไป กับรถเมล์สายท่องเที่ยว Town Bus ซึ่งมันจะวิ่งอ้อมๆ ลากยาวไปตั้งสี่โลกว่า ใช้เวลา 21 นาที ยังไงก็พอกันกะเดิน งั้นก็นั่งรถเมล์ดีกว่า
ดวงอาทิตย์ 27 ตุลา ที่นี่จะตก 16:48 และจะตกเร็วขึ้นประมาณวันละ 1 นาที ไปจนกระทั่งตกเร็วสุดต้นเดือนธค. ที่ 16:22 จากนั้นถึงจะย้อนกลับมาตกช้าลงๆ สำหรับวันนี้ดูเวลาแล้วก็พอมีให้เที่ยวสักที่นึงก่อนฟ้าจะมืด ก็เลยเลือกไปชมปราสาทนกกระเรียน กะว่าทันแสงทไวไลค์ก็ยังดี มายืนจุ๊ยเก๊กท่าประหนึ่งว่าจะปั่นจักรยานไปงั้น แล้วเราก็เดินลอดทางข้ามถนนไปโผล่หน้าสถานีรถไฟ ป้ายรถเมล์อยู่ตรงนั้น
ต้นไม้หน้าป้ายรถเมล์ เปลือกสวยสีเขียวเหลื่อมแปลกตา สีมันเหมือนต้นยูคา ก็ไม่รู้ว่าใช่ยูคาหรือเปล่านะ
ที่หน้าสถานีรถไฟ aizu wakamatsu station จะมีป้ายรถเมล์ใหญ่ มี 6 ป้าย ที่ป้าย 6 ตามภาพ จะมีรถเมล์สายท่องเที่ยว 2 สาย รถเขียวๆ กะรถแดงๆ ทั้งสองสายนี้จะมาเข้าป้ายนี้ อันถือว่าเป็นป้ายแรก แล้วจะวิ่งออกจากสถานีโดยคันเขียวจะวิ่งทวนเข็ม คันแดงจะวิ่งตามเข็มนาฬิกา วนรอบเมือง ผ่านหน้าทางเข้าปราสาททั้งคู่ แต่คันเขียวจะวิ่ง 14 ป้าย ส่วนคันแดงต้อง 27 ป้าย เรารอไม่นานรถเมล์ก็เข้ามา เขียวคาดเหลือง ซึ่งคันนี้จะมีนิกเนมว่า Haikara-San ปกติ Haikara-San ก็จะเป็นเขียวแบบนี้ แต่บางคันอาจมาเป็นสีอื่นครับ ผมขึ้นมาละ วิ่งแบบเขียวนี่แหละแต่ตัดป้ายบางป้ายออก ไว้จะอธิบายอีกทีตอนหน้าๆ ผดส.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมายืนรอขึ้นก็จะมีคนขับรถเมล์คนใหม่มารอเปลี่ยนมือด้วยเช่นกัน
วิธีจะขึ้นก็คือรอต่อคิวขึ้น และรอให้คนข้างบนลงมาเสียให้หมดก่อน ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย ผู้ใหญ่ 210 เด็ก 110 เยน ใช้ One Day pass และ Aizu Gurutto card ได้ ไว้จะมาขยายความตอนหน้าครับ ห้ามรับประทานอาหารทุกชนิดบนบัส
ตารางรถออกที่ป้ายนี้ สายเขียว Haikara-San ถือเป็นป้าย H1 สายแดง Akabe ถือเป็นป้าย A1 มีรถเที่ยวปกติวันละ 20 เที่ยว รถออกทุกครึ่งชั่วโมง ของ Haikara-San จะออกทุก x:00 กับ x:30 ส่วนของ Akabe จะออกทุก x:15 และ x:45 เที่ยวแรกเที่ยวสุดท้ายดูจากรูปเลย ส่วนเวลาสีฟ้าๆ น่าจะเป็นเที่ยวเสริม
ตารางเวลา Haikara-San หยิบตารางนี้ได้ที่ information ในสถานีรถไฟ หรือที่ bus terminal ตรงข้ามสถานี หรือโหลดได้ที่ https://www.aizubus.com/rosen/pdf/machinaka-shuyu-unkokeiro_201707.pdf ตย.ในภาพคือ ผมนั่งออกจากป้ายแรก เที่ยวรถที่ 18 ออกเวลา 16:30 ถึงป้ายเข้าปราสาท (H14 Tsurugajo Iriguchi [ Iriguchi แปลว่าทางเข้า ] ) 16:51 ส่วนขากลับผมต้องกลับมายืนรอป้ายเดิมก่อน 17:51 ส่วน Akabe นั้นไม่ต้องรอครับ มีรถน้อยกว่า มีแค่ 18 เที่ยวต่อวัน และเที่ยวสุดท้ายหมดไปตั้งแต่ 16:15
แถ่นแท้น เราอยู่บนรถเมล์ละ มินิบัสสไตล์ retro เก๋ๆ จุผดส. ได้ 21 คน นั่ง 13 ยืนได้อีก 8 และนี่เป็นการนั่งรถเมล์ญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา ^^
20 นาทีเศษๆ กับระยะทาง 4.4 โล เราก็มาถึงป้าย H14 เป็นศาลารอรถเล็กๆ เก๋ๆ รถวิ่งอ้อมจนมาไม่ทันแสงอาทิตย์อัสดง Y Y ลงแล้วก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม จะมีตรอกเล็กๆ เป็นทางเดินสู่ปราสาท มีป้ายตรงเสาเขียนว่า Tsurugajo Castle 100m. ( Jo แปลว่าปราสาท) เดินจริงๆ 250 เมตรครับจึงจะถึงสะพานข้ามเข้าสู่ตัวปราสาทซึ่งเป็นเกาะ ปากตรอกนี้ก็จะเป็นศาลารอบัสสีแดง Akabe A27 ตรอกเล็กๆ ที่โปร่งตา เดินเข้าไปโลด ไม่ไกล
มาตามทางไข่ปลาสีฟ้า
โผล่จากตรอกมาเจอถนน สำหรับใครที่ขับรถมาเองเส้นทางก็จะผ่านเข้ามาตรงนี้ เป็นวันเวย์ ตอนนี้บรรยากาศสวยๆ ของใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มปรากฏละ ต้นไม้ใหญ่ริมบึงสวยจริงๆ
บรรยากาศแบบนี้ กับอากาศเย็นเจี๊ยบ คนน้อยๆ น่าเดินมากนะว่ามั้ย
เดินผ่านใบไม้แดงแจ๋ที่เกาะอยู่ผนัง หูย สวยอ่า ชอบๆ
นั่นไง เห็นแล้ว ในที่สุดก็เห็นปราสาทนกกระเรียนโผล่อยู่ในสายตาใกล้ๆ ที่ตัดสินใจมาที่นี่ในช่วงเย็นๆ พลบค่ำแบบนี้ทั้งที่ปกติเป็นเวลาที่ปราสาทปิดไม่ให้เข้าไปแล้ว แต่อันเนื่องมาจากทุกๆ ปีในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงตั้งแต่ 20 ตุลา กระทั่งถึง 12 พย. สวนรอบๆ ปราสาทจะถูกจัดแสงสี และมีการฉายไฟส่องไปยังตัวปราสาทแบบมีแอนิเมชั่น เปลี่ยนสีแสงบ้างเล่นเงาบ้าง ก็เลยอยากมาชม ไฟจะเปิดไปกระทั่งประมาณสามทุ่ม
ชมแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ถือเป็นความประทับใจสำหรับการมาถึงถิ่นซามูไร เมือง Aizu Wakamatsu ในวันแรก เสียอยู่แต่อย่างเดียวคือ
ดูสิครับ บนท้องฟ้า เมฆหนามาก ผิดแผก
นี่ครับ เล่นแสงเล่นเงา เป็นรูปนั่นรูปนี่ รูปใบไม้บ้าง รูปดาวกระจายบ้าง บรรยากาศรอบๆ ปราสาทก็ไม่เปลี่ยวนะครับ มีตากล้องหญิงชายซุ่มอยู่ทั่วไป มีทั้งคนมาเดินชม มานั่งชม ไม่ถึงกับบางตาจนน่ากลัวครับ มากันได้สบายแม้ร้านรวงจะปิดหมดแล้วก็ตาม
ตามพุ่งไม้ใหญ่ๆ ก็มีซ่อนสปอตไลท์ฉาบไปทั่ว มันสวยมาก
จบบันทึกการเดินทางตอนที่ 1
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2560 12:02:21 น. |
|
8 comments
|
Counter : 3427 Pageviews. |
|
|
อ้าวคุณรินกับคุณหยีไปทริปเดียวกันเหรอเนี่ย