.
สำนักงานพลังงานนานาชาติ (International Energy Agency / IEA) รายงานว่า สหรัฐฯ น่าจะผลิตน้ำมันได้มากกว่า ซาอุดีอาระเบียกับรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1, 2 ของโลกได้ในปี 2017/2560
.
ตอนนี้ทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐฯ-แคนาดา) นำเข้าน้ำมันน้อยลงไปเรื่อยๆ และน่าจะเป็นผู้ส่งออกได้ในปี 2030/2573
.
แคนาดาผลิตน้ำมันจากทรายน้ำมันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อใช้เอง และส่งออกไปสหรัฐฯ
.
สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการทำให้ชั้นหินน้ำมัน (shale gas) แตก (fracturing) และดูดแก๊ส-น้ำมันขึ้นมาใช้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา
.
ก่อนหน้านี้ IEA รายงานว่า ซาอุดี อาระเบีย น่าจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ไปจนถึงปี 2035/2578
.
การผลิตน้ำมันที่เปลี่ยนไปจะทำให้ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป คือ ตะวันออกกลางและสมาชิกกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เดิมจะมีอิทธิพลต่อสหรัฐฯ น้อยลง
.
.
IEA คาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะใช้ถ่านหินน้อยลง ใช้แก๊สธรรมชาติมากขึ้น โดยจะนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า และใช้ในอุตสาหกรรม เนื่องจากการผลิตแก๊สได้เองจะทำให้ต้นทุนแก๊ส และค่าขนส่งลดลงไปพร้อมๆ กัน
.
อ.ไบรอว (Birol) จาก IEA กล่าวว่า ปรากฎการณ์ชั้นหินน้ำมันบูม (shale oil boom) เป็นเรื่องใหม่ เทียบได้กับการปฏิวัติเทคโนโลยีการผลิตน้ำมัน-แก๊ส
- [ shale ] > [ เช่ว ] > //www.thefreedictionary.com/shale > noun = ชั้นหินน้ำมัน เกิดจากซากฟอสซิล (fossil) หรือซากสัตว์-พืชตายทับถมรวมกับโคลน (clay), จมลงไปลึก อัดแน่นเป็นชั้นหิน
- พระอาจารย์ท่านหนึ่งเปรียบไว้ดีมาก คือ ทุกวันนี้คนเราใช้น้ำมันพราย หรือ(น้ำ)มันข้นจากชั้นไขมันของซากศพในอดีต มาเป็นพลังงาน (ปิโตรเลียม)
- [ boom ] > [ บู้ม ] > //www.thefreedictionary.com/boom > noun = เสียงดังบู้ม เสียงระเบิด การแตกตัว-เติบโตอย่างรวดเร็ว; ฝรั่งได้ยินเสียงระเบิดดัง "บู้ม (boom)", คนไทยได้ยินเสียงระเบิดดัง "บึ้ม"
สหรัฐฯ น่าจะผลิตน้ำมันได้ถึง 10 ล้านบาร์เรล/วัน = 10 million bpd (million = ล้าน; bpd = barrels per day) ในปี 2015/2558
.
การผลิตจะถึงระดับสุงสุด = 11.1 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2020/2563 และลดลงเป็น 9.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2035/2578
.
.
กำลังการผลิต (หน่วย: ล้านบาร์เรล/วัน = million bpd) ของมหาอำนาจด้านน้ำมันแข่งกันดังนี้
- ปี 2015/2558 > สหรัฐฯ 10; ซาอุฯ 10.9
- ปี 2020/2563 > สหรัฐฯ 11.1; ซาอุฯ 10.6; รัสเซีย 10
- ปี 2035/2578 > สหรัฐฯ 9.2: ซาอุฯ 12.3; รัสเซีย 9
ทว่า... กลุ่ม OPEC จะยังคงมีอิทธิพลต่อโลกต่อไปอีกนาน เนื่องจากอัตราการผลิตของซาอุฯ ยังอยู่ในขาขึ้น อิรักจะเพิ่มการผลิตได้อีก = 45% ของกำลังผลิตน้ำมันรวมทั่วโลก
.
หลังปี 2020/2563, อิรักจะเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 2, รัสเซียจะเป็นอันดับ 3
.
สัดส่วนการผลิตน้ำมันโลกของกลุ่ม OPEC จะเพิ่มจาก 42% เป็น 48% = OPEC จะมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้น ยกเว้นเฉพาะสหรัฐฯ-แคนาดา-รัสเซียที่ผลิตน้ำมันได้มากขึ้น
.
IEA รายงานว่า ประเทศที่ทุกประเทศควร "ญาติดี" ด้วยให้ได้ คือ รัสเซีย เพราะรัสเซียจะเป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงานรวม = "น้ำมัน + แก๊ส + ถ่านหิน" อันดับ 1 ของโลกในช่วงปี 2011-2035/2554-2578
.
.
แคนาดา-สหรัฐฯ ลดการนำเข้าน้ำมัน... จะทำให้ทิศทางการค้าน้ำมันของโลกเปลี่ยนไป
.
ปี 2035/2578 น้ำมันจากตะวันออกกลางเกือบ 90% จะถูกส่งไปขายทางเอเชีย
.
IEA คาดการณ์ว่า โลกจะต้องการพลังงานมากขึ้นถึง 1/3 เนื่องจาก...
.
(1). เศรษฐกิจจีนโตเร็ว แม้จะไม่เร็วมากแบบเดิม
.
ผลผลิตรวมประเทศ (gross domestic product / GDP) ของจีนจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.7% ในช่วงปี 2011-2035/2554-2578 ทำให้จีนนำเข้าพลังงานมากกว่าสหรัฐฯ ในช่วงปี 2015-2020/2558-2563
.
(2). ประชากรโลกยังอยู่ในขาขึ้น
.
ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้น 1.8 พันล้านคนเป็น 8.6 ล้านคนในปี 2035/2578
.
.
IEA คาดการณ์ว่า ถ้าโลกยังหาพลังงานทดแทน (renewable energy) และลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้... โลกจะเสี่ยงราคาน้ำมันสูงมากในปี 2035/2578 ซึ่งสูงพอๆ กับ 4 ปีก่อน (2008/2551)
.
ประวัติศาสตร์โลกสอนเราว่า ถ้าน้ำมันขึ้นไปถึงระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ขึ้นไป... จะเกิดเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก (เกิดซ้ำมาแล้ว 5 รอบ)
.
แหล่งพลังงานอันดับ 1 ของโลก (primary energy) ทุกวันนี้จนถึงปี 2035/2578 คือ ถ่านหิน โดยประเทศที่ใช้ถ่านหินสะอาด จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับนานาชาติ เนื่องจากถ่านหินใช้ผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูกกว่าแหล่งพลังงานชนิดอื่น
.
การผลิตพลังงานจากฟอสซิล (น้ำมัน+แก๊ส+ถ่านหิน) เพิ่มขึ้น 30% ในปี 2011/2554 จากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง และอาฟริกาเหนือ (เรียกว่า เขตซะฮารา / Saharan Africa)
.
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังสงคราม ทำให้คูเวต อิรัก และต่อไป คือ ลิเบีย ผลิตน้ำมันได้มากขึ้น
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ