แคลเซียมในอาหารปลอดภัยกว่าในยาเม็ด
จุลสารข่าว Dr. Mirkin ตีพิมพ์เรื่อง 'Should I take calcium pills?' = "(ผม/ดิฉัน) กินยาเม็ดแคลเซียมดีไหม", อาจารย์หมอเมียคินได้อ้างอิงวารสารไว้ในต้นฉบับ ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ การศึกษาใหม่พบว่า การกินแคลเซียมในรูปยาเม็ดอาจเพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ และสโตรค (strokes = กลุ่มหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต) 15% . ถ้ากินยาเม็ดแคลเซียม 1 กรัม (1,000 มิลลิกรัม)/วัน มีแนวโน้มจะเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าขนาดต่ำ . การศึกษาหนึ่งทำในกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ให้ทั้งแคลเซียมและวิตามิน D นาน 5 ปี พบว่า ป้องกันกระดูกหักจากโรคกระดูกโปร่งบาง หรือกระดูกพรุนได้ 3 ราย . ทว่า... เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจและสโตรค (กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง) 6 ราย . กลไกที่เป็นไปได้ คือ แคลเซียมในรูปยาเม็ด (หรืออาหารเสริม) ทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดเพิ่มขึ้นเร็ว และอาจส่งผลต่อหลอดเลือดแดงดังต่อไปนี้ . (1). เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (2). ทำให้คราบไขมันที่ผนังหลอดเลือดหนาตัวมากขึ้น (3). แคลเซียมไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดมีความแข็งและเปราะมากขึ้น (ปกติหลอดเลือดควรจะอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นได้ดี ไม่แตกหรือเปราะง่าย) การศึกษาหนึ่งทบทวนผลงานวิจัย 11 รายงาน รวมกลุ่มตัวอย่าง 12,000 คนพบว่า การกินยาเม็ดแคลเซียมอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม/วัน = 0.5 กรัม/วัน เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจเกือบ 30% . การศึกษาเหล่านี้เป็นการศึกษาแรกเริ่ม จำเป็นต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนหรือคัดค้านต่อไป . ทว่า... บอกเป็นนัยว่า การกินแคลเซียมจากอาหารหลายๆ อย่าง หมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน เช่น นมไขมันต่ำ ถั่วพู ตำลึง ฯลฯ หรือกินยาแคลเซียมเม็ดขนาดต่ำ (ต่ำกว่า 500 มก./วัน) พร้อมวิตามิน D น่าจะปลอดภัยกว่าการกินยาแคลเซียมเม็ดขนาดสูง (500 มก./วัน หรือมากกว่านั้น)
. ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ . > [ Twitter ] - นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 21 สิงหาคม 2554. ยินดีให้ท่านนำบทความทั้งหมดไปใช้ได้ > CC: BY-NC-ND.
- ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.
Free TextEditor
Create Date : 25 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 23:15:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 712 Pageviews. |
|
|
|