“กูงง” วลีฮอตที่เป็นชนวนเปิดปมเกาเหลาผ่านอินสตาแกรม หลังจากที่นักข่าวบันเทิงชื่อดัง “เต๋า ทีวีพูล” ได้ไปโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพพิธีหมั้นของสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” และแฟนหนุ่ม “โตโน่-ภาคิน”จนเป็นเหตุทำให้นางเอกสาวฟิวส์ขาดถึงกับตอกกลับด้วยถ้อยคำสมัยพ่อขุนรามคำแหง

ล่าสุดนักข่าวบันเทิงคนดังก็เลยร้องผ่านรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ลั่นมีหลักฐานว่าถูกตัดต่อคำพูดทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง เผยตอนนี้กำลังให้ทนายรวบรวมหลักฐานก่อนดำเนินการฟ้องร้อง ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ชี้พร้อมเคลียร์หากอีกฝ่ายติดต่อมา

“เกี่ยวกับกรณีอินสตาแกรม “กูงง” หลังจากนั้นก็มีการโพสต์มาด่าพี่ตลอด ไปดูอินสตาแกรมพี่ได้ว่าพี่ไม่เคยตอบโต้เพราะไม่เคยไประรานและไม่เคยเอ่ยชื่อเขาด้วย แต่ก็โดนมาโดยตลอด (ถ้าร่วมแสดงความยินดีกับเขาก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้) ยังไม่รู้ว่าเป็นพรีเวดดิ้งหรือหมั้น แต่งงานก็จะไปอวยพรมั่วๆก็ไม่ได้ แล้วพี่คุยในพื้นที่ของพี่ แล้วอยู่ๆก็มาด่าพี่ แต่ก็ยังเฉยๆอยู่ สักพักก็แท็กด่ามาเรื่อยๆ ทำไมไม่ขึ้นว่า “คุณแม่ไม่ต้อง งง หนูหมั้นเฉยๆ ยังรักคุณแม่เหมือนเดิม” จบไหมคะ”

“จริงๆไม่คิดว่ามันจะเป็นข่าวขนาดนี้ เราไม่นึกว่าโลกโซเชี่ยลมีเดียจะเยอะขนาดนี้ ส่วนตัวเราเคยแต่สัมภาษณ์คนอื่นและไม่เคยถูกสัมภาษณ์ ไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้ ตกใจเหมือนกัน เสียชื่อนะเพราะเขาเอาพี่ไปประจานเยอะและตัดต่อข้อความ พี่เสียชื่อมาก!! ทางนู้นเขาก็ขอเบอร์ไปแต่ยังไม่ได้โทรมา พี่เป็นคนตรงและไม่ใช่คนต่ำค่ะ โดรคุยได้ค่ะ”

“เรื่องการฟ้องร้องก็ต้องดูก่อน เลือดจะไปลมจะมา พี่ก็ให้ฝ่ายกฎหมายดูแล้วพี่ไม่ฟ้องหมิ่นนะ ถ้าจะฟ้อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เพราะมีการจำหน่ายจ่ายแจกรูปภาพพี่ในโลกโซเชี่ยลมีเดียแล้วทำให้คนเข้าใจผิด โทษด้วยการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณามันน้อย ที่เขาเอารูปพี่ขึ้น มีการคาดตาแล้วเอาเรื่องราวที่ไม่จริงมาประจาน ทุกวันนี้อินสตาแกรมพี่มีคนมาด่า วิพากษ์วิจารณ์และดูถูกอาชีพสื่อสารมวลชนเยอะมาก ว่าเป็นนักข่าวไม่ดี ไร้จรรยาบรรณ ไม่ใช่แค่ตัวพี่โดนแต่สื่อมวลชนทุกแขนงโดนหมดค่ะ ถามว่าจะมีผลกระทบต่อองค์หรือไม่ คิดว่าน่าจะมีเพราะมีคนดูถูกองค์กรมากขึ้นเพราะการกระทำที่ไม่รู้จักคิดค่ะ”

ถ้าเขางัดหลักฐานมาแฉล่ะ
“พี่ไม่เก่งโซเชี่ยลมีเดียค่ะ จะอยู่ของพี่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่เคยโพสต์ด่าใคร ไม่เคยแท็กหาใครเพราะพี่ทำไม่เป็น”

ก่อนหน้านี้ก็ดูรักกันดี
“ก็ใช่ไงคะ ยัง งงอยู่ว่าเลิฟๆกันดีแล้วทำไมต้องมาด่าฉันล่ะ น้องๆหลายคนก็เคยโดนไม่ใช่เหรอ”

เป็นการจับมือสร้างกระแสหรือเปล่า
“ ถ้าเป็น ญาญ่า-อุรัสยา,ขวัญ-อุษามณี,เจมส์-จิรายุ พี่ยินดีจับ เราสื่อมวลชนรู้ดีว่าเวลาเขียนข่าวต้องเขียนพระเอก นางเอก ใครจะมาจับกับนางร้ายคะ ขึ้นเวทีด่าคนนั้นคนนี้ป่าวๆ พอตัวเองถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้างกลับรับไม่ได้ กูงงค่ะ”

ถามถึงกรณีที่อีกฝ่ายออกมาแฉว่าเราถูกไล่ออกจากงาน
“พี่เสียมาก ถ้าพี่ไม่ได้ทำงานที่นั่นพี่จะมีเงินเดือนไหม พี่มีใบสแกนนิ้วของทีวีพูลนะ หมายเลขพนักงานที่ 41 แล้วก็มีใบรับรองเงินเดือนจากเจ้านาย เจ้านายคุยกับพี่ทุกเช้าและให้กำลังใจกันมาโดยตลอด กูงง ว่าโดนไล่ออกตอนไหน”

อยากให้เรื่องนี้จบยังไง
“ต้องถามเขาสิ เพราะพี่เองก็เปิดใจกับทุกคนอยู่แล้ว และก็รู้ด้วยว่าเรื่องมันจะจบยังไง”

แต่เหมือนตอนนี้คนก็มองว่าฝั่งนั้นเขาหยุดแล้ว
“ใช่ค่ะ แล้วพี่เคยตอบโต้เขาไหมคะ พี่ตอบโต้ไม่เป็น พี่อยู่นิ่งๆ ทุกครั้งค่ะ ไปดูได้เลยแท็กด่าพี่ตลอด ทั้งวันทั้งคืน ให้คนมาด่าพี่ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พักผ่อน”

แสดงว่าถ้าเขาหยุดไปก็คือเรื่องจบ
“ขอให้หยุดจริงนะคะ ไม่ใช่เลือดจะไปลมจะมา นั่งเช็กอินสตาแกรมอยู่ตลอดเวลานะคะ”

กลัวไหมว่าการมาออกรายการครั้งนี้คนจะมองว่าเป็นการตอกกลับเขาผ่านสื่อ
“เรื่อง นี้มันต้องผ่านสื่อแล้วค่ะ เนื่องจากพี่เสื่อมเสีย เขาเอาชื่อเสียงพี่ไปในโซเชียลมีเดีย จนมีคนเข้ามาด่าพี่เยอะ พี่อับอายมาก ย้ำนะคะอับอายมาก เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่พี่จะทำได้ก็คือพี่ต้องอาศัยสื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียงให้พี่ เพื่อชี้แจงว่าพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเขียน และพี่อายมากกับสิ่งที่เขาเขียนให้พี่ค่ะ”

เห็นในรายการพี่เต๋าบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลังโดยการให้ข้อมูลเขาออกมาแฉ
“ใช่ ข้อมูลพลาดหมดแล้วค่ะ เขาไปเชื่อคนคนนี้ ซึ่งคนคนนี้ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง จนข้อมูลเขาพลาด พอพลาดปุ๊บมันเลยทำให้มีผลกระทบกับเขาแล้วค่ะ”