“ไม่ครับ ถ้าเรามีธรรมะเรื่องนี้เป็นปกติครับ เพราะว่าผมเองก็ผ่านเรื่องราวนี้มาเยอะมาก ยึดธรรมะก็คือ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกอย่างต้องเป็นทุกข์ แต่ผมไม่ค่อยมองในความทุกข์เท่าไร วิธีคิดของเราเป็นคนโพสสิทีฟ แต่เนกาทีฟก็มีนะ ใครมาทำให้เราโมโหก็โมโห ผมว่าทุกคนเป็น นอกจากคนที่บรรลุเป็นนิพพานจริงๆ จนเขาไม่มีความโกรธ แต่เรายังเป็นอยู่ เพราะฉะนั้น ผมเองก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อยมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

แต่ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยเพราะผมสงสารลูกที่เกิดเรื่องราวแบบนี้ เพราะเราเองก็เป็นคนรักลูก จริงๆ ผมเป็นคนรักครอบครัวมากนะ แต่พอมันเกิดเรื่องราวอย่างนี้ขึ้น ก็ต้องจัดการให้มันเสร็จ อนาคตก็ต้องหย่ากัน ก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว อย่างเมื่อวานเรื่องที่เกิดขึ้นเขาเอง ก็มาสร้างสถานการณ์ มาจอดรถหน้าบ้านฝั่งนู้น มาถ่ายวิดีโอกัน มีคนนั่งในรถสองคน อันนี้ผมเพิ่งบอกที่แรกนะ เขาเอาลูกมาด้วย ซึ่งจริงๆ เขาไม่น่าเอาลูกมาใช้ในเรื่องอะไรอย่างนี้ เสร็จแล้วก็ให้คนถือมือถือในรถถ่ายวิดีโอผม ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในรถที่จอดฝั่งนู้น ผมนึกว่าเขามากันสองคนกับลูก ทีนี้ผมก็เลยถามลูกว่า ใครอยู่ในรถ ลูกเขาก็บอกว่ามีคนอยู่ในรถอีกสองคน ผมก็เลยวิ่งไปจัดการเลย

เรื่องก็ไม่มีไรมากหรอก เขาพยายามสร้างสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เอาภาพไปออกข่าว เพื่อให้คนอื่นคิดว่าผมมีความไม่ปกติ ซึ่งเวลาใครมาคุยกับผมจะรู้ว่าผมเป็นคนปกติทุกอย่าง เพราะว่าเรามีความคิดที่ค่อนข้างแตกต่างกับคนอี่น

มองว่าที่อีกฝั่งทำสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อต้องการฟ้องหย่า หรืออะไร

"ไม่ๆ เขาไม่ต้องการฟ้องหย่า แค่เขาต้องการในสิ่งที่เขาเคยได้ไปแล้ว เขาไม่รู้จักพอ ผมเองก็ไม่อยากไปซ้ำเติมเขา เพราะเขาเป็นคนน่าสงสาร ต่อนี้ไปเขาก็คงต้องลำบากขึ้น เพราะไม่มีผม ผมเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ผมว่าสมองเขาไม่ค่อยมีความคิดเท่าไร ตอนนี้คนอื่นๆ เขาก็ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่าไม่ควรมายุ่งกับเรื่องนี้เพราะเดือดร้อนไปด้วยอย่างมาก ผมขอบอกว่าให้หยุดกันเถอะ อย่ามายุ่งกันเลย ผมเองก็ทำงาน บอกสังคมผ่านเฟซบุ๊กเสมอว่าผมทำงานอะไรอยู่ ลูกน้องผมแต่ละคนก็ฉลาดมาก มีการศึกษา ถ้าผมทำงานไม่ได้เพี้ยน หรือเป็นบ้าไป คงไม่ทำงานขนาดนี้ อย่างคอนเสิร์ตนี้ 40 ปี เสก โลโซ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมก็เป็นคนจัดการเองทุกอย่าง เป็นบริษัทของผมเอง นอกจากนี้ ผมก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ แล้วคิดดูละกัน ถ้าเขาทำการเหล่านั้นที่เขากำลังพยายามอยู่สำเร็จธุรกิจผมจะล่มจมหมดเลย เพราะฉะนั้น ผมเองต้องเรียกค่าเสียหายให้เยอะ เพราะผมถือว่าทำให้ผมเสียชื่อเสียง”

ส่วนหนึ่งคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผลจากเรื่องยาเสพติดของ เสก
"โอ๊ย ผมก็บอกแล้วไงว่าให้มาตรวจเลย นัดกันมาแล้วก็มาตรวจเลย ซึ่งผมเองไม่จำเป็นต้องไปบอกว่า เฮ้ย คุณมาตรวจผมสิ แต่การที่จะมาขอตรวจผมคุณต้องทำหนังสือมา ต้องคุยกับทนาย ต้องติดต่อกันเข้ามา ไม่ใช่มาบุกรุกกันอย่างนี้ อันนี้เป็นพวกไม่มีความคิด แล้วผมเองเป็นคนที่มีความรุนแรงอยู่แล้ว ชัดเจนมากในทุกเรื่อง ถ้าทำไรผิดมาผมจัดการเลย ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งประชาชนคนไทยก็ต้องใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวด้วย ผมเชื่อว่าปัจจุบันคนไทยเข้าใจอยู่ การที่คุณสร้างข่าวขึ้นมาแบบนี้ ผมว่าคนเข้าใจนะ คนเขาไม่ได้โง่นี่ ผมไม่ได้ดูถูกคนที่มีความรู้ขนาดเป็นนักข่าวนะ แต่ก็มีบางส่วนที่นักข่าวพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย อย่างเช่นมาบอกว่าผมห้ามให้ลูกเข้าบ้าน อันนี้ไม่มีเด็ดขาดนะ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมรักลูกขนาดไหน แต่วิธีการที่กานต์ใช้ลูกเป็นเครื่องมือ ผมว่ามันน่าเกลียดมาก วันนี้เขาจะรู้ว่าที่เขาทำเนี่ย มันน่าเสียใจและเสียศักดิ์ศรีมาก”

เหตุการณ์ที่เคยมีเรื่องกันครั้งที่แล้ว เรื่องราวจบลงสวยงาม เคลียร์กันได้ ทำไมอยู่ๆ ถึงกลับมามีปัญหากันอีก ครั้งนี้ใหญ่โตกว่าเดิมด้วย มาถึงจุดนี้ได้ยังไงคะ
“คือเขาไปเที่ยวอาร์ซีเอ ลองไปดูในเฟซบุ๊กเขาสิ ผมน่ะไม่เคยไปดูในเฟซบุ๊กเขานะ จนผมสงสัยว่าเขาไปเที่ยวไหนนักหนาตีสี่ตีห้า ทำไมไม่กลับบ้านวะ จนรู้เรื่อง ผมเองก็เตือนละประมาณสี่ห้าครั้ง ก็ยังไม่เลิก อันนี้ละคือประเด็น (แต่ทางพี่กานต์บอกว่าเขาไม่ได้เที่ยวอะไรมากมายขนาดนั้น) พวกนี้เป็นพวกโกหกมาก ผมเองไม่โกหกหรอก เพราะไม่มีอะไรจะเสียละ สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริงหมด ไปถามได้ เอางี้ดีกว่า ไปถามแม่บ้านผมว่าเขาเที่ยวจริงมั้ย ลูกๆ ก็ถามว่าทำไมแม่ไม่กลับบ้านเลย ไปเที่ยวไหน ผมก็เลยบอกว่าถ้าไม่กลับจะจัดการ แล้วผมก็จัดการจริงๆ แต่เขาก็ไม่เข็ด เพราะงั้นเวลาเขาให้ข่าวหรืออะไร ผมก็ไม่ค่อยได้ไปสนใจ เพราะผมทำงาน มองว่าเป็นเรื่องไรสาระ เราอย่าไปให้ราคาเขามากเลย เขาจัดแถลงข่าวก็ไปฟังกัน ก็ลองดูกันว่าเขาพูดความจริงหรือเปล่า เขาเราพูดอะไรออกมาคนเช็กได้เสมอ”

ทางนู้นแถลงว่ามีเรื่องของการลงไม้ลงมือกัน
“ผัวเมียกัน เรื่องลงไม้ลงมือเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่ได้อะไรหรอก ถ้าไม่ถึงขั้นสุดๆ จริงๆ พูดไม่รู้เรื่องกัน อย่างเมื่อวานมาด่าผมอยู่นั้นล่ะ ด่าไอ้นู้นไอ้นี้ หน้าตัว... อย่างงั้นอย่างงี้ ในชีวิตไม่เคยมีใครมาด่าผมอย่างนี้ได้ แม้แต่ครั้งเดียว เสร็จผมหมด ผมว่าคนพวกนี้บางทีน่าจะไปเป็นนักแสดงนะ มาจอดรถตรงนี้ แล้วก็มาแอบถ่ายคลิปผมไป เป็นการกระทำที่น่าเกลียดมาก รับไม่ได้”

ดู เสก ไม่ถึงกับเครียดเลยกับเรื่องคลิปที่เกิดขึ้น
“ไม่ได้เครียดเลย ไม่ใช่ไม่ได้ถึงกับเครียด ต้องบอกว่าไม่เครียดเลยผมสนุกจะตาย คอนเสิร์ตก็ทำ งานก็มีมากมาย อีกอย่างผมรู้ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร ผมรู้ว่าประชาชนเขาไม่ได้โง่ แต่การที่มีคนเข้ามาด่าผมในเฟซบุ๊ก เพราะพวกนี้มันสนุก เรื่องนี้เป็นเรื่องเอนเตอร์เทนนะ ผัวเมียตีกัน มันสนุกยิ่งกว่าอะไรทุกๆ อย่าง ในเฟซบุ๊กใครก็ไม่รู้ใช้เฟซบุ๊กใส่รูปหมารูปแมวมาด่าเรา มันสนุก เฮ้ย วันนี้ได้ด่า เสก โลโซ ว่ะ เพราะฉะนั้นผมไม่สนใจหรอก

ผมก็ไม่เข้าใจว่า เขาพยายามสร้างข่าวขึ้นมาทั้งที่ผมก็ทำงานอยู่ตลอด ก็งงว่าจะมาหาเรื่องทำไม นับวันเขาจะบอบช้ำมาก เมื่อวานที่เห็นเขา เขาโทรมมากนะ ผมว่าเขานอนไม่หลับ การที่คนเรานอนไม่หลับเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเราได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ส่วนผมนอนหลับสบาย เพราะไม่ได้เป็นทุกข์อะไร ไม่ได้ทำอะไรผิด"

แต่พอล่าสุดเรื่องนี้มีลูกมาเกี่ยวข้อง ลงไม้ลงมือต่อหน้าลูก หลายคนก็มองว่ามันแรงไปหรือเปล่า
“โอ๊ย ก็ถ้าดูจากสิ่งที่เขามาด่าผมแล้ว บอกเลยว่าไม่รุนแรงหรอก เพราะด่าผมเสียหายมาก คือเขาวางแพลนมาเพื่อจะถ่ายคลิป ผมว่าเดี๋ยวผมจะให้เขาไปแสดงหนังหน่อย เขาจะได้ไม่ฟุ้งซ่านกัน เขาวางแผนกันว่าจะต้องถ่ายคลิปให้ได้ เขาก็เลยต้องมายั่วยุ แล้วเอาลูกมาด้วยเพื่อให้เกิดการมีภาพลูกอยู่ในนั้น ว่าขนาดต่อหน้าลูกยังทำขนาดนี้ บอกตรงๆ ทำไมผมจะไม่สงสารลูก แต่มันยอมไม่ได้”

ตอนนี้วางแผนกับเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้มีทางออกที่ดีที่สุด
“ทำตามกฎหมายครับ ก็คงจะฟ้องหย่า (จำเป็นต้องฟ้องเหรอคะ สามารถเซ็นหย่ากันธรรมดาได้มั้ย) ถ้าเขามาหย่าผมให้ก็โอเค แต่ที่ผมฟ้อง เพราะต้องการบอกให้รู้ว่าไม่เอาแล้ว จบแล้ว แล้วก็ว่ากันตามกฎหมาย เพราะถ้าไม่ว่ากันตามกฎหมาย ก็อาจจะมีกรณีฉันไม่ยอมไปเซ้นต์ แต่พอเป็นกฎหมายฝ่าฝืนไม่ได้”

ส่วนตัว เสก วางแผนเรื่องลูกยังไงต่อ
“ลูกผม ผมดูแลอย่างดี บ้านนี้ผมเป็นคนหาเงินคนเดียว ดูแลครอบครัว ซึ่งรวมถึงครอบครัวเขาด้วย น้องเขาสองคนผมก็เป็นคนดูแล ที่เขามีทุกอย่างกันวันนี้ เริ่มต้นจากผมทั้งนั้น ก็ไม่เข้าใจทำไมถึงมาทำกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ขนาดคนอื่นผมก็ยังดูแล ลูกผมเองผมดูแลอย่างดีมาก ลูกชายผมคนโตอายุ 17 ปี ผมพาไปดูบอลโลกรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง เรียนอังกฤษ 2 คน ค่าเทอมปีนึง 10 ล้าน ลูกชายคนโตผมมีเงินฝากที่ผมฝากเพื่อเขา 20 ล้าน เพราะฉะนั้น ไม่ต่องเป็นห่วง ลูกผมเป็นคนฉลาด แม้วันนี้จะเจ็บซ้ำน้ำใจ แต่ก็ดีกว่าซักวันหนึ่งพ่อแม่ต้องมาทะเลาะกันอีก เพราะฉะนั้น เลิกกันไปดีกว่า เอาให้จบ”

จะรับลูกๆ 3 คน มาอยู่กับเรามั้ยคะ
“ไม่ต้องรับ เพราะเขาต้องมาอยู่ๆ แล้ว เพราะนี่คือบ้านของพวกเขา ลูกๆ ผมไม่ต้องห่วงหรอก ผมดูแลเขาอย่างดี แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้ลูกๆ หวั่นไหวอยู่ แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเข้าใจดี เพราะเขารู้ว่าพ่อรักเขา ลูกผมเป็นเด็กฉลาด มีคุณภาพ เติบโตมากับครอบครัวที่ดี สังคมที่ดี เพราะฉะนั้น เขาไม่มีทางไปอยู่ในบ้านเล็กๆ ที่ไม่มีห้องส่วนตัวได้”

จะมีทางเป็นไปได้มั้ยที่จะลองมานั่งเคลียร์กันสองคนผัวเมียมั้ยคะ เผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น 

"ไม่มีแล้ว ไม่มีแน่นอน แตกหักเลิกกัน"

อีกประเด็น กานต์ เป็นห่วงอยากให้ เสก เข้ารับการบำบัด
“เป็นห่วงตัวเขาเองเถอะ เขาและครอบครัวต่างหากที่น่าเป็นห่วง ถ้าผมฟ้องเอาเงินคืนมาจะเอาอะไรกินกัน เดี๋ยวจะเหลือเอาไว้ให้ไปเปิดร้านส้มตำ เดี๋ยวจะไปสั่งกินด้วย ตำไทยใส่ปู ที่นะ (หัวเราะ)" 

อยากฝากบอกอะไรทางภรรยามั้ยคะ
“ไม่มีครับ ไม่อยากฝากบอกอะไร เพราะผมไม่อยากคุยอะไรกับเขา เพราะมันจบไปแล้ว”.

Create Date : 10 ตุลาคม 2557
Last Update : 10 ตุลาคม 2557 1:48:13 น.		0 comments
Counter : 2180 Pageviews.
Share Tweet