ยังคงเป็นอาถรรพ์เสมอสำหรับการทำงานภาค 2 หลังจากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เพราะล่าสุดซีรีส์ฮิต ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ก็โดนอาถรรพ์นี้เล่นงานเข้าเต็มๆ
เริ่มแรกก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเซียลฯ ว่า ฮอร์โมนซีซั่นนี้ยังไม่ถึง ดูไม่เรียล เน้นการสื่อภาพเซ็กซ์เกินงามหวังขายแต่กระแส ที่สำคัญกับการโฆษณาแฝงที่ดูจงใจเกินไป จนสุดท้ายทำให้ ฮอร์โมน 2 ขาดความสวยงามของการนำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นที่ดู "จริง" มัวแต่ไปเน้นการขายคู่จิ้น ใช้กระแสนำทางเพื่อเอาใจวัยรุ่น มากกว่าการที่จะให้ตัวเนื้อหานำทางเหมือนอย่างที่เคยประสบความสำเร็จในซีซั่นแรก
และเมื่อกระแสแรกจุดติด กระแสที่สองก็ตามมาทันที ซึ่งก็สามารถจุดพรึบลุกโชนไปทั่วโลกออนไลน์ เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ทำไมช่างคล้ายกับซีรีส์วัยรุ่นจากเกาะอังกฤษเรื่อง Skins ถึงแม้จะมีการออกมายืนยันแล้วว่า ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ เคยระบุเองว่า Skins คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน ขึ้น แต่ก็ไม่วายเจอตั้งคำถามจากโลกออนไลน์ว่า ฮอร์โมน เกินคำว่า "แรงบันดาลใจ" จาก Skins แต่มันเข้าข่าย "ก๊อบปี้"
ก่อนจะเจอเหตุผลประกอบที่บอกว่าก๊อบปี้ร่ายยาวเป็นชุดทั้ง โปสเตอร์ ของทั้งสองซีซั่นที่คล้ายกันๆ งานนี้ถึงจะมีหลายคนให้ความคิดเห็นว่าโปสเตอร์ซีรีส์มันก็อย่างนี้ทั้งนั้น ซึ่งก็มีเสียงแย้งว่า ใช่มันก็อย่างนี้ทั้งนั้น แต่ทำไมโปสเตอร์ของ วัยว้าวุ่น จึงบังเอิญเหมือนซีรีส์ฝรั่งเรื่องเดิมทั้งสองภาค
และก็ตามมาด้วยการเปรียบเทียบคาแรกเตอร์ตัวละครที่ฝ่ายโลกออนไลน์ตั้งข้อสังเกต เริ่มกันที่ วิน พระเอกของฮอร์โมน ที่โขลกคาแรกเตอร์มาจาก โทนี่ จาก Skins คือหล่อ ป๊อป ตัวสร้างปัญหา มีเพื่อนสนิทที่ไม่เด่นดังอยู่เคียงข้าง (เพื่อนสนิทในฮอร์โมนคือหมอก ใน Skins ชื่อ ชิค) เพื่อนสนิทคนนี้บังเอิญมาชอบสาวคนเดียวกัน โดยตัวละครโทนี่ ในซีรีส์ฝรั่งจบภาคแรกโดยการที่ โทนี่ สร้างเรื่องจนเพื่อนแบน และโดนรถชนก่อนปิดซีซั่น ขณะที่ฝั่งของไทย วิน ก็สร้างเรื่องกับครูอ้อ จนไม่มีใครเอา จบซีซั่นด้วยการโดนซ้อมร่วง ก่อนที่ทั้งสองตัวละครต่างสัญชาติจะกลับมาในซีซั่น 2 ด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไป อ่อนลง เงียบขรึม เพราะได้ไปค้นพบตัวเองในโลกใหม่โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลง
อีกตัวละครก็คือน้องดาว ที่โดนเปรียบกับ แคซซี่ ใน Skins ที่ผูกเรื่องให้ผิดหวังกับความรักครั้งแรกจนสุดท้ายกลายเป็นเลสเบี้ยน อีกหนึ่งประเด็นเปรียบเทียบก็คือความรักชาย-ชายของเพื่อนรัก ภู-ธีร์ ที่เหมือนกับคู่ แม็กซี่-อันวา ใน Skins ที่มีหนึ่งคนไปรักผู้หญิง จนอีกคนเสียใจ ก่อนจะมีตัวละครเด็กผู้ชายมาทำให้คนที่ถูกทิ้งไปรู้สึกดี ซึ่งก็เปรียบได้กับ คู่ ภู-ธีร์-เต้ย-นนท์
และหลังจากมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องแรงบันดาลใจหรือก๊อบปี้ ของฮอร์โมน กับ Skins ขึ้น ย้ง ทรงยศ ในฐานะผู้กำกับซีซั่นแรกและโปรดิวเซอร์ซีซั่น 2 ก็ออกมาชวนคนที่เห็นว่าผลงานของเขาและทีมงานฮอร์โมนลอกเลียนต่างชาติมา ให้แสดงตนและออกมาดีเบตกันไปเลย โดย ย้ง ทวิตเตอร์ กล่าวว่า "อยากอธิบายให้คนที่ถามเข้าใจว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ทีมฮอร์โมนผ่านกระบวนการคิดอะไรมาบ้าง อย่ามาตัดสินกันด้วยคำพูดมักง่ายแบบนี้"
ซึ่งจากการทวิตเตอร์ดังกล่าวของผู้กำกับมากความสามารถครั้งนี้ก็เกิดกระแสจากโลกออนไลน์ว่า ย้ง กำลังตั้งใจท้าทายอำนาจของผู้ชม ในลักษณะของการไม่ยอมเปิดใจรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ ย้ง ก็อธิบายโต้ตอบว่า "ไม่ได้มีเจตนาท้าทาย แต่อยากทำความเข้าใจ ใครสนใจร่วมพูดคุย ส่งเบอร์ติดต่อมาในข้อความของผมได้เลยครับ"
งานนี้เรื่องราวยิ่งลุกลามบานปลาย เมื่อมีผู้กำกับชื่อดังหนังพันล้านอย่าง โต้ง บรรจง จากภาพยนตร์เรื่องพี่มากพระโขนง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับชาวเน็ต อย่างเผ็ดร้อน ก่อนที่ ย้ง ทรงยศ จะทวีต ขอบคุณผู้กำกับรุ่นน้องที่ยอมโดดลงมา "เปลืองตัว" ในเรื่องนี้
แต่แล้วคำว่า "เปลืองตัว" ของ 1 ในผู้กำกับแฟนฉันก็ถูกชาวเน็ตตีความว่าเป็นคำที่ประชดคนที่เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ สุดท้าย ผกก.คนดังจึงทวิตเตอร์ย้ำอีกทีถึงความตั้งใจให้เกิดการดีเบตขึ้นไม่ได้ต้องการท้าทายอำนาจคนดู แต่เพียงไม่ต้องการถกเถียงกันผ่านทางโลกออนไลน์ "เพราะนั่งอยู่หลังคีย์บอร์ดไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ใดๆ เลย"
ก่อนที่ ย้ง จะร่ายยาวอธิบายความในใจว่า "ในสังคมออนไลน์ยังมีคนอ่านไม่ครบ หลงประเด็นแล้วรีบแสดงความคิดเห็นอยู่มาก ผมชวนพูดคุยเรื่องลอกเลียนแบบ ไม่ได้ไม่รับฟังข้อติติงในเนื้องาน คนที่ตามอ่านทวีตผมอยู่จะรู้ว่าความรู้สึกของคนดูต่อ ฮอร์โมน ทั้งคำติและชมมีค่าต่อการทำงานของผมมาก ผมฟังและคิดตามตลอดเวลา คำติชมไหนที่ผมคิดตามและเห็นจริงด้วย ก็จะพยายามแก้ไขหรือหาทางทำมันให้ดีขึ้นให้เร็วที่สุดแล้วแต่กรณีว่ามันทำอะไรได้บ้าง ณ เวลานี้
แต่ในครั้งนี้มีคนกล่าวหาว่า ฮอร์โมน ลอกเลียนแบบซีรีส์ต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่การวิจารณ์หรือติเพื่อก่อ และที่สำคัญมันไม่ใช่ความจริง ผมในฐานะคนทำงานและตัวแทนทีมงาน ฮอร์โมน ทุกคนจึงตัดสินใจว่าจะแสดงจุดยืน ออกมาปกป้องงานของตัวเอง ด้วยการชวนคนที่คิดว่าเราลอกเลียนมาพูดคุย
การพูดคุยจะทำให้เกิดความเข้าใจมากกว่าการพิมพ์ข้อความสั้นๆ ไปมาแล้วมีการอ่านที่ตกหล่น อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ การบันทึกเทปหรือออกรายการก็เพื่อเปิดโอกาสให้คนดูท่านอื่นๆ ได้มีโอกาสทำความเข้าใจร่วมกันด้วย นี่คือเจตนาของผม ขอบคุณที่หลายคนที่เข้าใจและพยายามช่วยอธิบายแทนผม ทั้งๆ ที่มันดูยากเย็นเหลือเกินพวกคุณก็พยายาม ขอบคุณมากครับ"
งานนี้ต้องรอดูว่ามหากาพย์ฮอร์โมนครั้งนี้จะจบลงอย่างไร หลัง ย้ง ทรงยศ ส่งสารท้ารบถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่างานของเขาลอกเลียนแบบต่างชาติ โดยที่เขาเองยืนยันว่า "ไม่จริง"
คล้ายๆ จะบอกว่า "แน่จริงก็ออกมาสู้กันซึ่งๆ หน้า".