''ตุ๋ย-มนฤดี'' พร้อมพี่สาวคนสนิทเข้าแจ้งความสน.หัวหมาก เผยมีคนขู่ตามปองร้าย
จากรณีข่าวคราวที่มีคนตามขู่ฆ่า และทำร้ายอดีตนางเอกชื่อดัง ''ตุ๋ย'' มนฤดี ยมาภัย ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย. 56 อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ''ตุ๋ย'' มนฤดี ยมาภัย พร้อมพี่สาวที่นับถือระหว่างบวชด้วยกัน ''นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์'' อายุ 54 ปี แม่ของ 2 ไฮโซชื่อดัง ''ณัฐพล สารสาส'' กับ ''ไหม'' วิสา สารสาส ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวว่าถูกขู่ฆ่า และทำร้ายร่างกาย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ทั้งนี้ ''นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์'' ได้เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าการที่ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อความสบายใจ เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ขอบอกไม่ได้มีเรื่องกับใคร ตำรวจจะได้สันนิษฐานว่าตนแค่คดีความกับ''ชินเวศ สารสาส'' อดีตสามีที่แยกกันอยู่กว่า 20 ปี กรณีการฟ้องหย่า และแบ่งสินสมรสเท่านั้น ซึ่งคดีความล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 56 ''นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์'' ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตสามี ''ชินเวศ สารสาส'' และพรรคพวกหลังพบว่าปลอมแปลงเอกสารสัญญาค้ำประกันเงินกู้ จำนวนเงินมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านบาท ฐานสมรู้ร่วมคิด จัดทำเอกสารปลอม และใช้เอกสารปลอม ในการที่จะให้เกิดความเสียหายแก่ตน
โดย ''นางเสาวณีย์'' อ้างว่า ''นายชินเวศ'' อดีตสามี กับพวกปลอมแปลงสัญญาค้ำประกัน ซึ่งมีลายมือชื่อและเอกสารปลอม ลงชื่อ นางเสาวณีย์ เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างโรงแรมป่าเกาะ จำนวน 500 ล้านบาทและโครงการของบริษัท เซ็นต์หลุยส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นจำนวนเงิน 900 ล้านบาท จึงทำให้นางเสาวณีย์ได้รับความเสียหาย และตกเป็นหนี้ร่วมกับนายชินเวศ ซึ่งก่อนหน้านี้ นางเสาวณีย์ซึ่งอยู่ในระหว่างฟ้องหย่ากับนายชินเวศ ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้ส่งเอกสารสัญญาดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และมีรายงานผลการตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นเอกสารปลอม ตนจึงต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี
เช่นเดียวกับทางด้าน ''ตุ๋ย-มนฤดี'' ก็ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าตนเองกับ ''นางเสาวณีย์'' ค่อนข้างสนิทกัน เพราะปฏิบัติธรรมด้วยกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งต่างคนต่างก็เป็นห่วงกันและกัน ไม่ว่าจะไปไหน หรือทำอะไรก็จะอยู่ด้วยกันตลอดและที่ตัดสินใจเข้าแจ้งความ ก็เพื่อความปลอดภัยในตัวเอง และ ''นางเสาวณีย์'' และตนเองก็ไม่อยากอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ต้องคอยระวังอันตราย
''พี่แหม่มกับตุ๋ยปฏิบัติธรรมด้วยกันก็อยู่ด้วยกัน ตอนแรกก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรงจนเหตุการณ์เริ่มแรงขึ้น เพราะเดินทางปฏิบัติธรรมบ่อยๆ ตอนนี้ที่วัดเริ่มอันตราย เวลาเดินทางไปด้วยกันอาจจะมีการลอบทำร้ายจำเป็นต้องแจ้งความเพื่อความปลอดภัยกับตัวเองหากเราเป็นอะไรก็ต้องฝากสื่อช่วยบอกประชาชนให้ทราบว่าชีวิตเราอยู่ยากขึ้นไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ คือเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพี่แหม่มรถโดนเจาะยางฝั่งที่พี่แหม่มนั่ง ซึ่งจริงๆไม่อยากให้เป็นข่าวแต่ก็ได้รับการแนะนำว่าต้องแจ้งความ จึงได้ไปแจ้งความที่สน.หัวหมากไว้เป็นหลักฐานจะได้รู้ไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นมีเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว นอกจากนี้มีคนบุกไปที่คอนโดฯ และมีรถกระบะไม่มีทะเบียนไปที่วัด ซึ่งโดนตามมาหลายครั้ง มาเจอกันที่วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นลูกน้องของชินเวศ มาขอพบแต่เราไม่สะดวกเพราะอยู่ในเขตแม่ชี เราจะพยายามอยู่ด้วยกันตลอด เป็นห่วงกันอยู่แล้ว ตอนนี้จะอยู่ไม่เป็นที่ต้องย้ายไปเรื่อยๆ เพราะไม่ค่อยปลอดภัยส่วนใหญ่จะอยู่วัดต้องอยู่ด้วยกัน หวังว่าการแถลงข่าวครั้งนี้อยากให้คุณชินเวศมาคุยเพื่อจบเรื่องนี้ไม่คิดจะเอาเรื่องอยากให้จบๆ กันไป''
หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น ''ตุ๋ย-มนฤดี'' และ ''นางเสาวณีย์'' พร้อมด้วยทนายความ ''นายสุวัตร อภัยภักดิ์'' ก็ได้ขึ้นรถเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก เนื่องจากถูกชายชุดดำตามข่มขู่คุกคาม ถึงสำนักชีสถานที่ปฏิบัติธรรมวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ซึ่งจำได้ว่าชายชุดดำเป็นลูกน้องของสามี โดยการข่มขู่เริ่มมาตั้งแต่การฟ้องร้องหย่ากับอดีตสามี และยิ่งหนักข้อขึ้น โดย ''นางเสาวณีย์'' ได้นำเอกสารสัญญาทั้งหมดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ ''ตุ๋ย-มนฤดี'' และ ''นางเสาวณีย์'' กำลังแถลงข่าวอยู่นั้น ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งมายืนแจกใบปลิวหน้าสน.หัวหมาก ซึ่งใบปลิวดังกล่าวเป็นคำชี้แจงของ ''ดร.ชินเวศ สารสาส'' โดยมีใจความว่า
''วันนี้ได้ทราบว่า คุณสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของ คุณเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ จะจัดให้มีการแถลงข่าว เกี่ยวกับกรณี การปลอมลายมือชื่อของ คุณเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ ทาง ดร.ชินเวศ สารสาส ก็คงจะไม่ประสงค์ แถลงข่าวตอบโต้ เพราะเห็นแก่ความรู้สึกและการใช้ชีวิตต่อไปของลูกๆ ทั้ง 3 คน เพราะเป็นเรื่องของพ่อแม่
ซึ่งคดีทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลและชั้นพนักงานสอบสวน ก็ขอให้ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันที่ศาลดีกว่า ซึ่งบางคดี เช่นที่จังหวัดอุดรธานี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้อง ดร.ชินเวศกับพวกไปแล้วและคดีที่เกาะยาวน้อย จ.พังงา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเกาะยาว ก็ได้สั่งไม่ฟ้องคดีแล้วเช่นกัน
ส่วนคดีกล่าวอ้างถึงธนาคาร ก็อยากจะขอให้นักข่าวไปสอบถามข้อมูล รายละเอียดจากทางธนาคารบ้าง จะได้ให้ความเป็นธรรมกับธนาคารด้วย''
| Create Date : 25 กันยายน 2556 |
| Last Update : 25 กันยายน 2556 10:11:18 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 2692 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
