ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (41)

'เช้าแล้วสินะ'

ผู้ว่าลินคอนบอกกับตัวเอง ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมีเพียงความมืดมิด ห้องทำงานห้าเหลี่ยมยังคงเป็นห้องที่เขาคุ้นเคย แต่เขาไม่เคยตื่นขึ้นภายในห้องนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้นอนค้างคืนในที่นี้ อากาศภายในห้องนั้นเย็น แต่ก็น่าจะดีกว่าภายนอกมาก คงต้องรออีกพักใหญ่กว่าที่จะมีใครเข้ามาแล้วเริ่มจุดไฟให้กับระบบทำความร้อนภายในอาคารแห่งนี้อีกครั้ง

เขาบังคับตัวเองให้ลุกขึ้น เดินไปเข้าห้องน้ำ และหวังว่าหลังจากที่ได้ล้างหน้าแปรงฟันแล้วจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันก็พอจะได้ผล แต่ไม่มากเท่าที่เขาหวังเอาไว้

แสงสว่าง ความอบอุ่น น้ำ อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกนานาชนิด สิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์เท่านั้น ชีวิตที่มีทุกสิ่งเตรียมไว้ให้เกือบพร้อมสรรพเมื่อต้องการ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าในวันหนึ่ง เมื่อทุกคนตื่นขึ้นแล้วพบว่าสิ่งเหล่านี้ได้สูญหายไปหมดพร้อมๆ กัน เขานึกออกได้เพียงแค่คำเดียวเท่านั้น

'หายนะ'

เขายืนอยู่ในความมืดที่ข้างหน้าต่าง เหม่อมองขึ้นไปสู่ท้องฟ้าเบื้องนอก เขารู้ว่าสีเทาเงินที่เห็นอยู่เหล่านั้นไม่ใช่หมู่เมฆหนาหนักที่ลอยตัวต่ำจนบดบังทุกสิ่งเหมือนในฤดูหนาวโดยทั่วไป แต่พวกมันเป็นกองหิมะที่ทั้ง หนา และ หนัก ซึ่งถูกสุมทับกันอยู่บนบางสิ่งที่ทั้งเปราะบาง โปร่งใส และไร้รูป

มันคือความเป็นจริงที่ขัดแย้งกับความเป็นไปได้ภายในจิตใจของเขา แต่เขาก็ยังมีความเชื่อ และเขาไม่กล้าที่จะไม่เชื่อ เพราะบางทีมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของพลังที่ช่วยค้ำยันชั้นบางๆ ข้างบนนั้นเอาไว้

เขาหลับตาลงพร้อมกับนึกถึงภาพของสโนวบอลลึกลับลูกนั้น ไม่แน่ว่าครั้งหนึ่งภายในลูกบอลหิมะอาจเป็นเพียงหมู่บ้านในชนบท มีบ้านจำลองที่สร้างด้วยไม้หลังเล็กๆ ท้องทุ่งไร่นา ก่อนที่พวกมันจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปราวกับมีใครมากดปุ่มเร่งความเร็ว สถานที่ภายในลูกแก้วยังคงเป็นที่เดิม แต่นอกจากนั้นแล้วทุกสิ่งต่างเปลี่ยนไป สิ่งก่อสร้างต่างๆ เริ่มแพร่ขยายเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่พื้นที่สีเขียวค่อยๆ ลดลงจนเกือบจะสูญพันธุ์ เขาได้เห็นตึกนคราภิวัฒน์ กับตึกอื่นๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้น สูงขึ้นและสูงขึ้น พวกมันยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไปจนกลายเป็นหมู่อาคารสูงเสียดฟ้าที่เขาไม่เคยรู้จัก ส่องแสงไฟระยิบระยับราวกับเป็นเครื่องประดับชิ้นงามบนพื้นผิวโลก

ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงผงละเอียดสีขาวที่ตกลงมาไม่มีวันหมดเหล่านั้น นึกถึงเมื่อพวกมันทับถมกันสูงขึ้นและสูงขึ้น อาคารสูงเสียดฟ้ากับแสงสีงดงามของมันอาจไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้น ลมหายใจของนครที่ถูกถมทับค่อยๆ ผ่อนช้าก่อนที่จะหยุดนิ่ง เหลือไว้เพียงทุ่งสีขาวโพลนอันไร้ชีวิต
เหลือไว้เพียงลูกบอลน้ำแข็งที่เงียบงันในที่สุด

เขาลืมตาขึ้น และคิดว่ามองเห็นหิมะกำลังโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ตกลงบนทุกตารางนิ้วของมหานคร แต่มันก็เป็นเพียงแค่การเล่นตลกจากภายในจิตใจของเขาเท่านั้น ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาเงิน และหิมะทั้งหมดยังคงกองสุมอยู่ข้างบนนั้น เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่นึกถึงภาพของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมหานครแห่งนี้เมื่อพวกมันทั้งหมดตกลงมาพร้อมกัน

ยังคงไม่มีการติดต่อกลับมาจากสารวัตรโฮมหรือใครทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก เขายังพอมีเวลา กับปัญหาที่คาดว่าจะประทุขึ้นในไม่ช้ารออยู่

#####

'เช้าแล้วสินะ'

แอนตี้ ไจแอน แจ็ค นักสำรวจ ขยับตัวอย่างอึดอัดอยู่ภายในถุงนอน เขาคิดว่าตนเองฝันร้าย แต่ตอนนี้เมื่อตื่นขึ้นแล้ว เขากลับไม่แน่ใจว่ามันเป็นความฝัน หรือว่าเขานอนหลับๆ ตื่นๆ อยู่เกือบตลอดทั้งคืนกันแน่ เพราะความหนาวเย็นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจำได้อย่างชัดเจนจากในความฝัน และมันยังคงอยู่แม้แต่ในเวลานี้ที่เขาตื่นเต็มที่แล้วก็ตาม

'อากาศเลวร้ายลงอย่างที่คิด หรือบางทีอาจแย่ยิ่งกว่า'

เขาเคยเผชิญหน้ากับสภาพอากาศที่คล้ายกันนี้บนยอดเขาสูง แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกับอะไรแบบนี้ที่ภูเขาบีน เขาขยับตัวพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่หลังจากการลองอีกสองสามครั้งที่ล้มเหลว ความตื่นตระหนกก็ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ห้วงความคิดของเขา

'หรือว่าความเย็นจะเล่นงานร่างกายของฉันเข้าเสียแล้ว'

เขาลองใช้วิธีการหายใจอย่างที่เคยเรียนรู้มา ซึ่งแม้จะไม่ได้ช่วยอะไรแต่ก็ทำให้จิตใจของเขาสงบลง แล้วเขาก็ค้นพบว่าในความผิดปกติทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับร่างกายของเขาเลยก็เป็นได้

“ทศ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” แจ็คมองไม่เห็นเด็กหนุ่ม แต่คาดว่าเขาน่าจะยังอยู่แถวๆ นี้

หลังจากที่ความเงียบลอยค้างอยู่ไม่รู้ว่านานเท่าไร เขาคิดว่าประสาทสัมผัสในการรับรู้เกี่ยวกับเรื่องเวลาของเขากำลังถูกรบกวนอย่างหนัก 'ถ้ามันจะมีระบบที่ว่านี้อยู่จริง'

“...ขอโทษด้วย คุณแจ็ค” เสียงของเด็กหนุ่มดังตอบกลับมาจากทิศทางที่เขาหันไปไม่ถึง

“เธอมัดฉันไว้ทำไม” เขาถาม เขาคงถูกมัดในตอนที่กำลังหลับอยู่ ถูกมัดเอาไว้ในถุงนอนของตัวเอง เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมน้ำเสียงของตนให้เป็นปกติ เขารู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ และโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่สมควรที่จะต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้

“เราเข้ามาในสถานที่ที่ไม่ควรเข้า เราพบเจอกับสิ่งที่ไม่ควรมีใครได้พบเห็นอีก คุณก็เห็นสภาพอากาศข้างนอกที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็วนี้แล้ว”

“ไม่ เธอคิดไปเอง” เขาใส่ความมั่นใจเข้าไปในคำพูดของตน “มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เราค้นพบรูปสลักของเทพีโบราณ อากาศเลวร้ายแล้วมันก็จะผ่านไป มันไม่ใช่วันสิ้นโลกตามคำทำนายโบราณหรืออะไรแบบนั้นสักหน่อย” เขาพยายามที่จะระวังแล้วแต่ก็พูดคำนั้นออกไปจนได้

“มันไม่ใช่วันสิ้นโลก คุณแจ็ค โลกจะยังคงอยู่ไปอีกนาน แต่มันอาจไม่เหมาะกับพวกเราอีกแล้ว มันเป็นวันสิ้นยุค ยุคสมัยของมนุษย์กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว”

“เธอก็แค่กังวลและสับสน แก้มัดฉันแล้วค่อยๆ คุยกัน เราจะหาทางออกด้วยกัน”

“มันจำเป็นครับคุณแจ็ค” เสียงของเด็กหนุ่มค่อยๆ ดังห่างออกไป “แล้วคุณจะเข้าใจ”

“ทศ กลับมา ทศ เราต้องคุยกัน” เสียงของเขาค่อยๆ ดังขึ้น “ทศ” เขาร้องตะโกนก้อง แต่มันก็ได้แค่ดังสะท้อนไปมาอย่างว่างเปล่าเท่านั้น

#####

จากบ่ายคล้อยเคลื่อนเข้าสู่ยามเย็น นายอำเภอแฟรง กับทอยได้เปลี่ยนมาใส่ชุดเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เฒ่าเฮฟจัดหามาเพื่อไม่ให้ดึงดูดสายตาของผู้ใด ดาบเล่มใหม่นั้นถูกซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อผ้า ส่วนคุณนายวิกเซ่นนั้นได้ชุดมาจากมารดาของเกรท ซึ่งค่อนข้างจะคับในบางส่วน ทำให้นางจำเป็นที่จะต้องมีผ้าคลุมไหล่อีกผืนเพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดสนใจในอีกแง่หนึ่ง

“ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทุกคนต่างรู้จักกันดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแฟรงนำไป มันรู้ว่าใครพอที่จะไว้ใจได้บ้าง แล้วพวกเจ้าก็ต้องอยู่แต่แถวๆ นั้น อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของใครขึ้นมา และพยายามอยู่ให้ห่างจากพวกของเจ้าทอมเท่านั้นก็พอ” เฒ่าเฮฟบอกพร้อมกับสำรวจดูความเรียบร้อยในการแต่งตัวของทั้งสามคนอีกครั้ง

เกรทนั้นนั่งชมดูทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสนใจ พร้อมกับกัดกินแอปเปิ้ลสีแดงสดในมืออย่างเอร็ดอร่อย

“จากที่เกรทหลานข้ารู้มา พวกมันทั้งสิบสามคนจะไปรวมตัวกันอยู่ในงานทั้งหมด” น้ำเสียงของเฒ่าเฮฟนั้นมีความภูมิใจอย่างไม่ปิดบัง

“และจากการที่ข้ารู้จักกับเจ้าทอมมานาน” นายอำเภอพูดขึ้นบ้าง “เจ้านั่นคงจัดเตรียมที่นั่งเฉพาะไว้ให้กับสหายพิเศษคนใหม่ กับของตัวมันเองในงานนี้แน่” เฒ่าเฮฟพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าจะหาทางแอบเข้าไปใกล้ แล้วสยบเจ้าอาลีให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด”

“ให้เป็นหน้าที่ของฉันไม่ดีกว่าหรือ” คุณนายวิกเซ่นเสนอ “ฉันน่าจะแอบเข้าไปใกล้พวกนั้นได้ง่ายกว่าคุณ” นางขยับผ้าคลุมไหล่ด้วยความอึดอัด และทำให้ผู้ชายที่อยู่ภายในห้องทั้งหมดรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย

“นั่น นั่น ก็อาจจะจริง แต่ข้าคงไม่สามารถยกความรับผิดชอบครั้งนี้ไปให้กับคนอื่นได้ เพราะข้าคนนี้ เป็นนายอำเภอของที่นี่” เขายืดอกขึ้น

“เอ่อ” ทุกคนต่างพากันหันมาที่ทอยซึ่งเป็นผู้ส่งเสียงขึ้นมา “คุณคิดจะลงมือตอนไหนครับ เพราะจังหวะนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ทอยอธิบายต่อไป และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูมีความมั่นใจมากขึ้นตามลำดับเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตนเองรู้ดี
ในทุกเหตุการณ์ต่างก็มีจังหวะแห่งการดำเนินไปในตัวของมันเอง ทิศทางของสายตา ของความสนใจจากผู้คนที่หมุนวนไปราวกับกำลังเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนักเต้นรำคู่เอกภายในงานเลี้ยงที่วุ่นวายสับสน สิ่งที่ต้องทำก็คือ เฝ้าดู ติดตาม หมุนไปกับมันแต่อยู่ในด้านตรงกันข้าม อยู่ในจุดที่จะไม่มีสายตาคู่ใดจ้องมองมา ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้จนกว่าจะถึงตำแหน่งที่ต้องการ

สิ่งที่ทอยกำลังพูดถึงอยู่นี้คือหลักการพื้นฐานในการรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นหลัง การกลืนหายไปราวกับหายตัวได้ของมือสังหาร ซึ่งครั้งหนึ่งปู่แจ็คเคยเล่าให้เขาฟังว่า 'ในบางครั้ง มันอาจหมายถึงการที่มือสังหารคนหนึ่ง เดินเข้าไปในงานเลี้ยงอย่างเปิดเผย ตรงไปยังโต๊ะของเจ้าภาพ โค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะชักดาบออกมาแทงเข้าที่หัวใจ แล้วเดินจากไปก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้น' ทั้งหมดนี้ฟังดูเหลือเชื่อ แต่เมื่อออกมาจากปากของปู่แจ็ค เขาก็ไม่คิดเช่นนั้น

ทุกคนที่ได้ฟังต่างพากันนิ่งอึ้งไป “ข้า ข้า...” นายอำเภอคิดว่าเขาต้องพูดอะไรบางอย่าง “ข้าคิดว่ามันเป็นคำแนะนำที่ดี และ ข้า ข้า จะต้องเอาไปใช้แน่” ถ้าเพียงแต่เขาจะเข้าใจได้บ้างว่าทอยกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“ข้าคิดว่าช่วงเวลาตอนที่กำลังจะเริ่มการเต้นรำ น่าจะเป็นจังหวะดีที่เจ้าพูดถึง” เฒ่าเฮฟคิดว่าตนพอจะเข้าใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้นี้พูดออกมาอยู่บ้าง “เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ข้าจะมองไปที่นักเต้นเหล่านั้น คนอื่นๆ เองก็คงเหมือนกัน”

“ผมเห็นด้วย” ทอยสนับสนุน

“ข้าก็คิดว่าดีเหมือนกัน” นายอำเภอคล้อยตาม

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้” นายอำเภอสรุปอีกครั้ง “ในจังหวะนั้น ข้าจะเข้าไปจัดการกับอาลี ส่วนพวกเจ้าก็คอยดูท่าทีของโจรคนอื่นๆ เอาไว้” เขาหันไปทางคุณนายวิกเซ่น “ข้าเชื่อใจเจ้าได้ใช่ไหม ในการจัดการกับพวกเหล่านั้น”
นางพยักหน้า ทอยก็พยักหน้า “ข้าก็จะช่วยด้วยอีกแรง” เฒ่าเฮฟอาสา

“ข้าขอขอบใจทุกคน โดยเฉพาะพวกเจ้าทั้งสองที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”

“จะไม่ลองคิดทบทวนแผนของคุณดูอีกสักครั้งหรือคะ เพราะมันยังมีช่องโหว่อยู่มากทีเดียว” คุณนายวิกเซ่นลองพยายามโน้มน้าวนายอำเภออีกครั้ง

“ไม่ เราไม่มีเวลาแล้ว” ใบหน้าของนายอำเภอนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้ายืนอยู่ข้างของความถูกต้อง ยืนหยัดต่อสู้เพื่อชาวบ้านทุกคน แผนของข้าจะต้องสำเร็จแน่ ข้ามั่นใจ”

คุณนายวิกเซ่นจึงได้แต่แอบถอนหายใจเงียบๆ คนเดียว

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ ข้าจะแวะเอาเกรทไปฝากไว้กับเจ้าฮานที่บ้านลูกสาวก่อน ถ้าเกิดมีใครถามถึง ก็จะบอกไปว่าพวกเด็กๆ รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยให้นอนพักอยู่ที่บ้าน”

“แต่ว่า” เกรทแบะปากอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ เธอคิดว่าตนเองนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทีมเช่นกัน และต้องการติดตามดูไปจนกว่าจะถึงตอนจบ

“ตารักหลานสาวแสนน่ารักคนนี้มากนัก” เฒ่าเฮฟก้มลงกอดพร้อมกับลูบศีรษะเธอเบาๆ “ตาไม่อยากให้หลานได้รับอันตรายอะไรทั้งสิ้น ไปรออยู่กับพี่ชายของเจ้าเถิด” ชายชราลังเลก่อนจะพูดเบาๆ “...และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พี่ฮานจะคอยลูแลเจ้าเอง อย่าดื้อกับเขาเชียว รู้ไหม”

“...จ้ะ...” เด็กน้อยกอดตอบตาของเธอแน่น พร้อมกับจูบเบาๆ ที่แก้ม เฒ่าเฮฟหัวเราะออกมา “พอ พอ เดี๋ยวตาคนนี้ก็หายใจไม่ออกกันพอดี”

ฉากสั้นๆ กับบทพูดเพียงไม่กี่คำนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของความเป็นจริง ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ความตายที่ความจริงแล้วอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพียงแต่มีน้อยคนนักที่จะมองเห็นมันในแง่นั้น ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่ามันอยู่ห่างไกล อยู่ในอีกโลกหนึ่ง อยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรพูดถึง ทั้งทั้งที่มันเกิดขึ้นทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา ตลอดเวลา

“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเราไปกันได้แล้ว” นายอำเภอแง้มประตู มองซ้ายมองขวาก่อนก้าวออกไปเป็นคนแรก คุณนายวิกเซ่นส่งเสียงไปทางประตูห้องขังชั่วคราวที่เปิดอ้าทิ้งไว้ “ฉันไปก่อนนะ” ทอยเองก็มองไปทางประตูแต่ไม่กล้าพูดอะไร เฒ่าเฮฟค่อยๆ เดินขโยกเขยก โดยมีเกรทออกมาเป็นคนสุดท้าย


Create Date : 15 มิถุนายน 2557
Last Update : 15 มิถุนายน 2557 15:03:04 น. 0 comments
Counter : 554 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.