เมื่อคุณแขไข(โบว์ เบญจวรรณ) จากเพลิงฉิมพลี (ช่อง3) พักบทร้าย แล้วมาชิลสบายๆ @บาหลี
สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆท่านครับ วันนี้จะขอมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากทริปล่าสุด เพื่อให้เพื่อนๆได้ติดตามชมเพื่อความบันเทิงกันครับ ทริปนี้มีโอกาสได้เดินทางร่วมกับนักแสดงจากช่อง3 คุณแขไข(โบว์ เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) จากละครเรื่อง เพลิงฉิมพลี และผู้ร่วมเดินทางอีกท่าน เป็นนางแบบสาวประเภทสอง ที่ดังระดับโลก และเป็นสาวประเภทสองคนแรกของไทยและเอเชียที่ได้เป็นนางแบบนั้นก็คือคุณ ส้มโอ ยลรตี โคมกลอง วันนี้ทั้งคู่สลัดคราบความสวยและพร้อมจะไปชิวด้วยกันกับเรา หากทุกท่านพร้อมกันแล้ว มาออกเดินทางไปทัวร์บาหลีด้วยกันครับ
มาเริ่มต้นเช็คอินไปด้วยกันเลยครับ การเดินทางไปบาหลีในครั้งนี้ เราเดินทางโดยสายการบิน Garuda Indonesia อยู่ที่เคาร์เตอร์ Gไหนๆก็ได้มาเจอดาราตัวเป็นๆแล้ว ไม่ได้บ้าดารานะแต่ขอแชะภาพไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อยเถอะ อิอิ ก่อนขึ้นเครื่องเรามาเช็คกันก่อนดีกว่า ว่าเราได้อะไรกันมาบ้างมี Welcome Drink สามารถแลกเครื่องดื่มก่อนขึ้นเครื่อง และวอยเชอร์ส่วนลดจาก King Power ไว้สำหรับขาช้อปด้วยจ้า เสร็จฉันล่ะ และยังมีของพรีเมียมไว้ใช้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมอนรองคอ , Tag ติดกระเป๋า ที่สำคัญหัวแปลงปลั๊กไฟ สะดวกสบายไม่ต้องกังวลเมื่อเดินทางไปต่างประเทศจ้า ได้เวลาขึ้นเครื่องกันแล้วจ้า อย่ามัวแต่ฟินกับดารากันอยู่ (บอกตัวเอง) อิอิ แว่วมาว่า สายการบิน Garuda Indonesia ได้รับรางวัลต่างๆมามากมาย โดยปีล่าสุด 2014 คือรางวัล The Worlds Best Cabin Staff จาก Skytrax กับ Best Airline in Asia & Australasia จาก APEX มีรางวัลการันตีคุณภาพขนาดนี้ เลยต้องขอเก็บภาพบรรยากาศมาพิสูจน์กันหน่อย ว่าคู่ควรกับรางวัลที่ได้รับหรือไม่โดยเมื่อขึ้นเครื่องไปจะพบที่นั่งสำหรับ Business Class อยู่ด้านหน้า เป็นที่นั่งคู่เรียงกัน 3 แถว ดูกว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันคงนั่งสบายน่าดู แต่มันไม่ใช่ที่ของเรา 555+ เลยเดินต่อไปที่ด้านในของเครื่อง ก็จะเป็นที่นั่งสำหรับ Economy Class ถือว่าไม่เล็ก ไม่ใหญ่ พื้นที่ใช้สอยกำลังดีครับ ที่นี้เรามาต่อกันด้วยเรื่องของอาหารกันบ้างดีกว่า เค้ามีอาหารสำหรับให้บริการบนเครื่องด้วยครับหน้าตาอาหารหลายๆอย่างดูคล้ายอาหารใต้บ้านเราครับ รสชาติถือว่าโอเคเลย ถึงแม้จะไม่จัดจ้านเท่าอาหารบ้านเรา แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเครื่องเทศ และที่ชอบที่สุดคือซอสพริกครับ ขอบอกเลยว่าซอสพริกของเค้าอร่อยมาก ถึงขั้นต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมากินที่บ้านกันเลยทีด้วย โดยรวมแล้วถือว่ารางวัลที่ได้มานั้น เหมาะสมและคู่ควรกับสายการบิน Garuda Indonesia แล้วครับ ที่สำคัญ ราคาไม่แพงสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศอีกด้วย ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ โดยการเดินทางในครั้งนี้เรามุ่งหน้าจากสุวรรณภูมิ ไปยัง จากาตาร์ และต่อเครื่องมายัง สนามบิน Denpasar หรืออีกชื่อคือ Ngurah Rai International Airport ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชม. ก็เดินทางมาถึงบาหลีแล้วครับ หลังจากเดินทางมาถึงสนามบิน Denpasar @Bali กันแล้ว พวกเราก็เดินทางมุ่งหน้ามายังที่พักกันครับ โดยคืนนี้เราพักกันที่ Centara Grand Villas Nusa Dua แว่วมาอีกแล้วว่าเป็นโรงแรมหรู ระดับ 5 ดาวกันเลยทีเดียว (เสร็จฉันล่ะ) ปกติไม่ค่อยจะมีโอกาสได้นอนโรงแรม 5 ดาว วันนี้จะจัดให้หนำใจเบยยย โดยที่พักอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 15 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 - 15 นาทีเท่านั้นและเมื่อมาถึงห้องพัก ภาพแรกที่เราเห็นก็คือ...สระว่ายน้ำส่วนตัว และบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้น นี่มันใหญ่กว่าบ้านที่อยู่อีกนะเนี่ย ทราบภายหลังว่าห้องที่เราพัก คือห้อง Two Bedroom Luxury Pool Villa นี่มันวิมานของการพักผ่อนชัดๆ กว้างขวางใหญ่โต รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ด้วยอีก ถ้าไม่ติดว่าต้องไปไหนต่อนะ จะจัดซะให้เต็มเหนี่ยวกันเลยหลังจากจัดแจงเก็บของและสัมภาระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย จึงรีบจับกล้องคู่ใจ มาเก็บภาพบรรยากาศของห้องพักกันต่อ รู้สึกคันไม้คันมือจริงๆ คงได้ลั่นชัตเตอร์กันมันล่ะทีนี้ โดยมาเริ่มกันทีสระว่ายน้ำส่วนตัวกันเลยครับ หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศบริเวณริมสระว่ายน้ำกันแล้ว เชิญมาต่อกันที่ห้องนั่งเล่นหรือห้องโถงบริเวณชั้นล่างของตัวบ้านพักกันครับมีการตกแต่งด้วยไม้สไตล์บาหลีเพื่อให้คงความเป็นศิลปะและวัฒนธรรม ให้ผู้ที่ได้มาพักผ่อน ได้สัมผัสถึงบรรยากาศบาหลีอย่างแท้จริงห้องกว้างและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงเคาร์เตอร์บาร์ ยังสามารถหยิบดื่มและทานได้อย่างเต็มที่ ตรงนี้ฟรีหมดครับ แหม!! เกือบไม่ได้ไปต่อกันแล้ว ณ จุดๆนี้ มาฟินกันต่อที่ห้องนอนชั้นล่างกันก่อนครับ ห้องกว้างมาก เตียงใหญ่นอน 2 คน สบายชิวๆ แต่จริงๆนอนซัก 11 คน ตั้งทีมเตะฟุตบอล ผมว่าน่าจะได้อยู่นะครับ 555+ และอีกจุดหนึ่งที่รู้สึกฟินไม่แพ้กันต้องที่นี่เลยใช่แล้วจ้า ห้องอาบน้ำนั่นเอง โดยอ่างอาบน้ำจะแยกออกมาเป็นส่วนตั๊ว...ส่วนตัว จากอ่างล้างหน้าและห้องอาบน้ำแบบปกติ เห็นแบบนี้แทบจะวิ่งกระโดดพุ่งหลาวลงไปนอนแช่น้ำกันซะให้สบายตัวกันไปเลย แล้วเรามาต่อกันด้วยห้องนอนชั้น 2 กันครับ ห้องนี้กว้างใหญ่ ไม่แพ้ห้องชั้นล่างแน่นอนครับ มาตามไปดูกันต่อสไตล์การตกแต่ง สิ่งของที่ใช้ รวมไปถึงโทนสี เข้ากันได้ดี ทำให้รู้สึกได้ถึงความสบาย สะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวก คืนนี้นอนหลับกันยาวๆแน่นอนคืนนี้นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์จ้า เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาท้องก็ร้องจ๊อกๆ เราเดินไปหาอะไรทานกันดีกว่าครับ เดินจากห้องพักมาไม่ไกลนักก็ถึงห้องอาหารกันแล้วจ้าโดยห้องอาหารจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านนอกห้องแอร์และส่วนภายในห้องแอร์หรือเรียกว่าห้องอาหาร The Long Table ห้องนี้เปิดตลอด 24 ชม. หิวเมื่อไหร่ก็เดินมา แหม!! ยาวสมชื่อจริงๆครับมาดูหน้าตาอาหารของที่นี่กันบ้างดีกว่าครับ อาหารเช้าของที่นี่เราสามารถสั่งได้ตามใจชอบเลยจ้า ดูเมนูมาแล้วเลือกกันตามสบาย ด้วยความที่ภาษาอังกฤษค่อนข้างแข็งแรง เลยต้องใช้การชี้โน้น นี่ นั่น พนักงานก็ยิ้มรับออเดอร์กันอย่างงงๆ 555 รสชาติอาหารอร่อยใช้ได้เลยทีเดียวครับ ถึงแม้จะสู้อาหารบ้านเราไม่ได้ แต่ก็ทำให้รู้ถึงวัฒนธรรมและการปรุงอาหารสไตล์บาหลีกันไป หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เรามาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโรงแรมกันครับ โดยเริ่มจากด้านหน้าของห้องอาหารจะเป็นสระว่ายน้ำรวมหากท่านใดไม่อยากเล่นน้ำคนเดียว ก็สามารถมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำรวมได้ครับ จะได้มีเพื่อน มาดูห้อง Type อื่นๆของโรงแรมกันว่ามีห้องอะไรกันบ้าง เพราะจนท.แจ้งว่าแต่ละห้องจะมีสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกันออกไปเริ่มกันที่ Two Bedroom Luxury Pool Villa อีกห้องกันครับบริเวณด้านหน้าหลังจากเดินเข้าประตูมา จะพบกับสระว่ายน้ำส่วนตัวและมุมนอนชิวสบายๆริมสระกันด้านในจะประกอบไปด้วยห้องนอนขนาดใหญ่ 2 ห้องนอนและมีห้องน้ำ 2 ห้องเช่นเดียวกันครับ ต่อกันด้วยห้องสปา มีทั้งแบบ นวดอโรม่า และ สปาน้ำร้อนน้ำเย็น เหมาะสำหรับคนที่ชอบการพักผ่อน หลังจากเที่ยวกันมาจนเหนื่อยห้องถัดมา รับรองห้องนี้คุณผู้หญิงต้องชอบกันแน่ๆห้องเสริมความงามนั่นเองจ้า... เดินชมกันมาจนเหนื่อยแล้ว ก็เตรียมตัวมาทานอาหารกลางวันกันต่อเลยจ้า หลังจากทานอาหารกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวเดินทางออกไปเที่ยวบาหลีกันแว้วววว
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ Uluwatu Temple (วัดอูลูวาตู) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเล บนหน้าผาสูงชัน เห็นวิวที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกภายในบริเวณวัดมีฝูงลิงมากมาย ไกด์เตือนไว้ว่า ห้ามใส่หมวก แว่นตา เด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะโดนพวกลิงหยิบฉวยเอาไปได้โดยก่อนเข้าวัดบาหลีเค้ามีประเพณีกันว่า ไม่ว่าชายหรือหญิงจะต้องมีผ้ารัดที่เอวหรือใส่ผ้าถุงคลุมก่อนเข้าภายในบริเวณวัดด้วยวิวหน้าผาสูงภายในบริเวณวัดเป็นที่น่าเสียดาย ในวันที่เราไปนั้นมีการปิดปรับปรุงบริเวณตัววัด เลยทำให้ไม่ได้เข้าไปชมความสวยงามด้านในของวัดกันระหว่างตอนเดินกลับกันนั้น ก็ได้เห็นเจ้าลิงน้อยที่ไกด์เค้าเตือนไว้ตั้งแต่แรกออกฤทธิ์ หลังจากนั้นเราก็ดิ่งไปยัง หาดจิมบารัน (Jimbaran Beach) เพื่อรับประทานอาหารค่ำกัน พร้อมชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกกันครับร้านอาหารบริเวณนี้คนเยอะมาก เนื่องจากบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกสวยมากๆ ทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันมาโดยมิได้นัดหมายเหลือบไปเห็นรถเข็นขายข้าวโพดย่าง เลยอยากรู้ว่ารสชาติจะสู้บ้านเราได้ไหม เลยต้องพิสูจน์กันหน่อยปรากฏว่ารสชาติอร่อย หอม หวานไม่แพ้บ้านเราเลยครับ ทุกคนลงมติให้นี่ล่ะมันใช่เลย 555+โดยระหว่างรออาหารที่สั่งกันไป เราก็ได้เดินเก็บบรรยากาศสุดชิวริมหาดจิมบารันกันต่อ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาครับ บรรยากาศดีมาก เท่านั้นยังไม่พอ พวกเรายังมีดนตรีมาบรรเลงให้ฟังกันสดๆ ไม่รู้มาจากไหน 555+ เหมือนดนตรีเปิดหมวกบ้านเราครับ แต่เค้าเดินไปเรื่อยๆตามชายหาดบรรยากาศสุดโรแมนติคมากๆ ถ้ามากับคนรู้ใจ งานนี้ยังไงก็ต้องมีเคลิ้มกันบ้างแหล่ะน่า หลังจากที่เรารับประทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปยังที่พักกันต่อครับโดยคืนนี้เราพักกันที่ Centra Taum Seminyak Bali เมื่อเช็คอินและจัดเก็บสิ่งของเสร็จเรียบร้อย ก็รีบหยิบกล้องคู่ใจมาเดินเก็บบรรยากาศรอบๆ บริเวณที่พักกันครับทางเข้าด้านหน้าของโรงแรม จะตกแต่งด้วยสนามหญ้า ต้นไม้ และมีบ่อน้ำ เพิ่มความรู้สึกสดชื่นและได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติเมื่อเดินผ่าน Lobby Check in เข้ามาจะมีโซนนั่งพักผ่อนหรืออ่านหนังสืออยู่ด้านใน โดยตกแต่งด้วยโทนสีขาว ม่วง ชมพู สดใส น่านั่งทีเดียวครับส่วนด้านล่างบริเวณห้องนั่งเล่น บริเวณ Lobby Check in จะมีบันใดลงไปด้านล่าง ซึ่งด้านล่างประกอบด้วย ห้องอาหาร และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สระว่ายน้ำที่นี่ยาวววววมากและอีกฝั่งของสระก็มีการตกแต่งด้วยต้นไม้และพื้นหญ้าเล็กๆให้ความรู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นหากได้ลงเล่น คงรู้สึกผ่อนคลายและได้ดื่มด่ำกับการพักผ่อนเต็มที่ หลังจากสำรวจสถานที่กันเรียบร้อย ก็ได้เวลานอนพักผ่อนกันแล้วครับสำหรับคืนที่ 2 ของการเดินทางมาทัวร์บาหลีในครั้งนี้ Good Night
เช้าวันที่ 3 แล้ว ตื่นมาเราก็ต้องทานกันนะครับ ไปสำรวจบริเวณห้องอาหารกันดีกว่า ว่ามีอะไรให้เราทานกันบ้างเป็นอาหารบุฟเฟ่ห์ สามารถเดินตักกันได้ตามสบายครับ บริเวณห้องอาหารติดกับสระว่ายน้ำ แหม!! บรรยากาศมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ มีทั้งอาหารท้องและอาหารตาไปในตัว
หลังจากอิ่มจากอาหารตาและอาหารใจกันแล้ว มาสำรวจพื้นที่บริเวณอื่นกันบ้าง ว่าทางโรงแรมมีบริการอะไรไว้รองรับลูกค้ากันบ้างพื้นที่สำหรับนอนอาบแดดจ้า สำหรับลูกค้าที่ชอบอาบแอบ มีพื้นที่ไว้รองรับกันด้วย แต่สำหรับผมคงไม่ได้มาอาบแดด แต่คงมาแอบดูคนอาบแดดซะมากกว่า อิอิ
ได้เวลาออกไปเที่ยวกันแล้ว วันนี้เราจะไปไหว้พระกันที่ วัดเบซากีห์ (Besakih Temple) เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดบนเกาะบาหลี คนบาหลียกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple) เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของบาหลี ยังถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอีกด้วย
ใช้เวลานั่งรถจากที่พักถึง วัดเบซากีห์ (Besakih Temple) ประมาณ 2.30 ชม. เนื่องจากถนนที่บาหลีเป็นถนนแบบวิ่งสวนกันและค่อนข้างแคบทำให้รถติดและใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน และเราก็มาถึงกันแล้ว วัดที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์ที่สุดของบาหลีตามธรรมเนียมของวัดที่นี่ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังตอนแรกครับ ต้องผูกผ้าคาดเอวหรือนุ่งผ้าถุงคลุมให้เรียบร้อย โดยด้านหน้าบริเวณทางเข้าจะมีร้านขายเรียงรายกันให้เลือกมากมาย และหากซื้อแล้ว คนที่ไปด้วยก็สามารถยืมผ้าคาดเอวจากที่นี่ได้เช่นกันครับ คุณโบว์และคุณส้มโอ จัดการไปคนล่ะหลายผืน แต่ที่นี่ไม่ได้แอ้มตังค์ผมหลอก ผมเลยขอยืมผ้าคาดเอวจากร้านค้าบริเวณนี้ไป หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินชมความงามของศิลปะ วัฒนธรรมของวัดที่บาหลีกันแล้วครับวัดที่นี่สวยมากๆครับ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่แกะสลักด้วยไม้และเจดีย์ที่เรียงรายกันเป็นชั้นๆ ดูยิ่งใหญ่อลังการมากเห็นแล้วก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ และดีใจที่ได้มาสัมผัสด้วยตาตัวเอง แนะนำว่าถ้าใครมาบาหลี ไม่ควรพลาดวัดนี้เป็นอันขาดครับโดยในวันที่ไปก็ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านแถวนั้น โดยได้มีการนำของและสิ่งต่างๆมาไหว้และทำบุญกันอย่างมากมายหลังจากเดินชมกันจนเหนื่อย ก็ได้เวลาไปเที่ยวที่อื่นต่อกันแล้วครับ
ที่ต่อมาเราจะไปกันคือ Ubud Market คนที่มาบาหลี นิยมมาที่ตลาดแห่งนี้กันมาก เพราะว่าของถูก และเป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะที่บ่งบอกถึงบาหลีของที่ระลึก งานไม้แกะสลัก งานวาดเขียน งานศิลปหัตถกรรม งานแกลอรีมากมาย ทำให้พวกเราหลงใหลและเดินชมบรรยากาศอุบุดกันอยู่ครู่ใหญ่ ดูๆไปแล้วก็คล้ายๆกับถนนข้าวสารของบ้านเราเหมือนกันนะเนี่ย หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักของเรากันแล้วครับ ด้วยวันนี้เดินทางไปหลายที่เหน็ดเหนื่อยกันพอสมควร เมื่อถึงที่พักก็สลบกันเป็นแถว
เช้าวันสุดท้ายในบาหลีกันแล้ว เรามาลองสำรวจห้องพักอื่นๆกันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้างห้องแรกเป็นห้อง Private Pool Duplex ตรงตามชื่อเลยจ้า มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ในห้องนั่นเองห้องนี้จะมีโซนสระว่ายน้ำอยู่บริเวณชั้นล่าง และด้านล่างยังมีห้องโถงไว้สำหรับห้องพักผ่อนและมีโซนที่เป็น เคาร์เตอร์บาร์ ไว้สำหรับดื่มเครื่องดื่มชิวๆส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอน ห้อง Private Pool Duplex จะมี 1 ห้องนอน และ 2 ห้องน้ำ โดยห้องน้ำจะมีทั้งชั้นล่างและชั้นบนครับ
อีกห้องที่เราจะพาไปชมกันคือห้อง Deluxe Space ห้องนี้บริเวณด้านหน้าห้องจะมีพื้นที่สำหรับนอนอาบแดดด้วย และด้านในเมื่อเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น ไว้สำหรับพักผ่อนดูทีวีสบายๆบริเวณระเบียงด้านนอกจะเป็นพื้นที่สำหรับทำอาหาร และเป็นที่นั่งสำหรับดื่มเครื่องดื่มเบาๆห้อง Deluxe Space จะประกอบไปด้วย ห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง และห้องนอนเล็กอีก 1 ห้อง พร้อมกับ 2 ห้องน้ำ
ได้เวลาออกไปเที่ยวชายหาดเซมินยัค (Seminyak Beach) กันแล้ว โดยชายหาดอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ก็ถึงแล้วทะเลที่นี่คลื่นค่อนข้างแรง เหมาะสำหรับเล่นเซิร์ฟ ซึ่งนักเซิร์ฟส่วนใหญ่นิยมมาเล่นกันที่หาดที่บาหลีกันค่อนข้างมากแดดที่นี่ร้อน แต่ไม่เท่าที่บ้านเรา ทำให้อากาศกำลังสบายๆ เหมาะแก่การพักผ่อน เรามาเดินเก็บภาพบรรยากาศของหาด และเก็บภาพดาราเป็นที่ระลึกกันดีกว่า มาทะเลแล้วเค้าบอกว่าให้ถ่ายภาพกระโดด ถึงจะได้ชื่อว่าได้เก็บภาพถ่ายได้สมบูรณ์แบบ เลยขอจัดซักหน่อยส่งท้ายทริป
หลังจากเที่ยว ชม ช๊อป กันมาหลายวันแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับบ้านเราแล้ว รู้สึกยังเที่ยวไม่เต็มอิ่มยังไงไม่รู้ 555+ สงสัยต้องได้กลับมาอีกแหงๆ เราเดินทางกลับโดยสายการบิน Garuda Indonesia เช่นเดิมครับ และขากลับเราก็ได้นั่งริมหน้าต่างสมใจ ได้ชิมวิวระหว่างทางบินกลับ จาการ์ต้า ด้วยเลยเก็บภาพบรรยากาศของการเดินทางในครั้งนี้มาฝากด้วยครับณ จุดๆนี้ มีภูเขาไฟค่อนข้างเยอะ น่ามาเที่ยวมากๆ เห็นแค่ด้านบนแล้วยังสวยงามขนาดนี้ ถ้าไปเดินชมวิวด้านล่างคงฟินไม่น้อย ทำให้อยากกลับมาบาหลีอีกครั้งและต้องมาสร้าง LandMark ที่นี้ในครั้งต่อไปไม่พลาดแน่นอน นี่อาจจะเป็นข้อดีของการต่อเครื่องก็เป็นได้
สุดท้ายและท้ายที่สุดได้เวลาโบกมือลา บาหลี กันแล้วครับ เลยขอเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากทริปนี้คือการเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณีของบาหลี ทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาหาร วัด และได้ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆมากมายและยังมีที่เที่ยวอีกมากมายที่รอการค้นหาจากนักเดินทางทุกท่าน บาหลีเป็นเมืองที่สวยงาม ที่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย เหมาะสำหรับท่านที่อยากมาสัมผัสกับศิลปะ วัฒนธรรมในต่างแดนมากๆครับ มีอะไรที่บ้านเราไม่มีเยอะมากสำหรับทริปนี้ประทับใจและได้ประสบการณ์ในการเดินทางไปอีกก้าวหนึ่ง และจะต้องกลับมาเก็บที่ที่ยังไม่ได้ไปให้ครบและสุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึง ณ จุดนี้ และขอขอบคุณสถานที่ เพื่อนร่วมเดินทาง และทุกๆท่านที่เกี่ยวข้องผมตั้งใจทำรีวิวนี้ออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกท่านได้รับชมและได้เห็นในมุมที่อาจจะยังไม่เห็น และได้รับความบันเทิงไปพร้อมๆกันหากผิดพลาดประการต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านไม่มากก็น้อยและพบกันใหม่ทริปหน้าครับ
Create Date : 26 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2557 14:30:41 น. |
|
25 comments
|
Counter : 2962 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่แวะไป แล้วจะแวะมาอ่านอีกนะคะ