ถ้าเราจะเชื่อว่า ชีวิตมันมีขึ้นมีลง มีขาวมีดำ มีได้มีเสีย
ก็น่าจะเชื่อได้ว่า เมื่อมีวันดี คืนดี ก็น่าจะมีวันร้าย คืนร้ายได้เหมือนกัน
สองสามวันมานี้ ผมได้รับรู้วันร้ายคืนร้ายของน้องอย่างน้อยสองคนที่คุ้นเคยกัน แบบมิได้นัดหมาย
รายนึงคือสาวสุดสวยรวยฉลาดแสนดีเพอร์เฟกต์ ที่ผมเล่าว่าไปทานข้าวกันที่เอ็มโพเรี่ยมในหลายบล็อคกระนู้น ในวันที่เขามีพลุที่ศูนย์สิริกิติ์น่ะครับ
เธอกำลังจิตตก เพราะอกหักรักคุด มาบ่นกับผมว่าเธอจะทำไงดี เธอเศร้า เธอเบื่อ เธอรู้ว่าวันนึงเธอจะหาย เธอแค่ไม่อยากรอ เธอไม่อยากเป็นแบบนี้ พี่อย่ามาเทศน์ให้ฟังนะว่าไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร ให้ทำใจ
ผมก็ออกตัวว่า.. ไม่ให้เทศน์ก็ไม่เทศน์ ก็ได้(วะ) แต่ถ้าถามว่าต้องทำไง จะบอกว่า ไม่ต้องทำอะไร เพราะที่เธอทุกข์อยู่เนี่ย ไม่ใช่เพราะเธอไม่ทำอะไร แต่เพราะเธอทำมากไปนี่แหละ
พูดแค่นี้ เธอก็งงสิครับ ผมเลยรีบขยายความต่อ.. ว่า.. คือมันเป็นธรรมชาติน่ะ มีคนมาด่าเธอ เธอก็โกรธ มีคนมาชม เธอก็ชอบ มีคนมาตีเธอ เธอก็เจ็บ จะไปห้ามตัวเองว่า ใครมาด่า ก็ต้องไม่โกรธ ถ้าชม ก็ต้องไม่ชอบใจ ถ้าโดนตี ก็อย่ารู้สึกเจ็บ มันก็ผิดธรรมชาติ
ผิดธรรมชาติไม่พอ ดันไปเกลียดความรู้สึกนั้นเข้าอีก คือเลิกกับแฟนจะให้คาดหวังว่าจะมีความสุขปลื้มปิติ งั้นเธอก็บ้าแล้วล่ะ
ผมบอกเธอต่อว่า.. พอเธอเห็นว่าความรู้สึกที่เกิดมันเป็นทุกข์ จิตมันก็ให้ค่า และพยายามเสือกไสไล่ส่งมัน แต่มันไม่ไปไหน เธอก็เลยอึดอัด อึดอัดแล้วทำอะไรไม่ได้ ก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง เจ็บใจแล้วก็เกิดไม่ชอบความรู้สึกอึดอัด เจ็บใจ อยากหายอีก แล้วก็หงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องร้องไห้ แล้วก็เกลียดตัวเองซ้อนขึ้นไปเป็นชั้นๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งหมดนี่.. เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ จิตมันทำงานของมันเองเสร็จสรรพ แล้วมันก็หลอกให้เราไปช่วยมันแบกอารมณ์ทั้งหมดไว้ ด้วยการบอกเราว่ามันคือเรา เราคือมัน
ผมเลยบอกว่า.. ในเมื่อรู้ว่า มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น ที่ต้องรู้ร้อน รู้หนาว รู้เจ็บ รู้สบาย รู้สุข รู้ทุกข์ ก็น่าจะรู้ด้วยว่า.. ไม่มีอะไรเลยที่มันมาแล้วจะอยู่อย่างนั้นสม่ำเสมอชั่วกาลนาน ทุกอย่างเป็นแค่ของชั่วคราวที่เกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่แป๊บนึง แล้วก็ดับไป
ถ้าไม่ไปยึด ไปแบก ไปเกลียด ไปผลักไสมัน แต่วางใจว่า เออ.. ตอนนี้เราอกหักเว้ย เราต้องเจ็บใจเสียใจ เป็นธรรมดา เมื่อห้ามไม่ได้ ก็อย่าไปห้ามมัน มันอยากเจ็บก็ให้มันเจ็บไป เรื่องของจิต ไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าวางใจได้อย่างนั้นจริงๆ ทุกข์จะหายไปครึ่งนึงทันที ที่เหลือก็จะเป็นไปตามเวลาของมันเอง
ผมบอกว่า.. เหมือนพระอาทิตย์ มันมีขึ้น ก็มีพระอาทิตย์ตก เป็นอย่างนี้มาไม่รู้กี่พันล้านวัน พันล้านรอบแล้ว ถามว่าทำไมเราไม่ได้ทุกข์เพราะพระอาทิตย์มันตกล่ะ
ก็เพราะเราเข้าใจ และยอมรับมันได้ใช่ไหม ว่ามันคือธรรมชาติ มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง มันมาแล้วก็ไป แล้วมันก็จะมาใหม่ พรุ่งนี้ตอนเช้า
ก็เหมือนพวกอารมณ์ทั้งหลายที่ผ่านมาเป๊ะเลย ขณะจิตนึง เหมือนกับวันนึง อารมณ์ก็เหมือนพระอาทิตย์ พระจันทร์ มันโผล่ขึ้นมาแล้วก็ตกไปในที่สุด แล้วก็เวียนมาขึ้นใหม่
คนเราถึงได้สุขบ้าง ทุกข์บ้าง สลับกันไปมา
ไม่มีอะไรให้แบก เพราะไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆสักอย่าง
น้องคนที่สอง เพิ่งคุยกันเมื่อค่ำนี้ .. เธอเล่าว่าเธอโดนโจรงัดรถแถวเอกมัย เมื่อวันที่ 25 โจรเอากระเป๋าไป มีมือถือ เงินนิดหน่อย แต่ที่น่ากลัวคือกุญแจ คียการ์ด เข้าคอนโดไปหมด
วันรุ่งขึ้น เธอต้องเปลี่ยนกุญแจล็อคประตูทั้งหมด และติดเพิ่ม วันเดียวกัน ที่บ้านโทรมาแจ้งว่า คุณตาเธอเสีย ต้องกลับ ต่างจังหวัด เธอต้องไปซื้อโทรเครื่องใหม่ โจรก็ช่างหน้าด้าน โทรมาชวนเธอคุย เพราะเห็นรูปเธอในมือถือ
น้องคนนี้ ก็สวยเข้าขั้นแหละครับ แต่ความสวยบางทีมันก็ชักนำภัยมาให้ได้เหมือนกัน ใครไม่สวยก็ดีใจด้วยนะครับ
ไปแจ้งความที่ สน.คลองตัน ดันไปเจอตำรวจผู้มีจิตใจดีงาม คือไม่ทำอะไรเลย ลงบันทึกแล้วก็ไม่คิดจะไปตรวจรอยนิ้วมือคนร้าย ไม่ใส่ใจเรื่องที่คนร้ายได้กุญแจ ได้คีย์การ์ดไป รู้ที่อยู่ เบอร์ห้อง เบอร์โทรเธอทุกอย่าง จนเธอนอนไม่หลับหลายคืน และต้องไปลุยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เธอบอกว่า ตำรวจที่สตช. ดีและน่ารัก ผิดกับสน.คลองตัน อย่างยิ่ง เป็นธุระช่วยเหลือให้อย่างดี
ผมแอบคิดอกุศลว่า ตอนเธอไปแจ้งความ สน.คลองตันเธออาจจะร้องไห้ตาบวม ขี้มูกย้อย ไม่สวยเหมือนวันนี้ ที่เธอไป สตช.
แต่ก็นั่นแหละ.. เธอขอให้ผมช่วยบ่นต่อไปหน่อย ว่าอย่าหวังพึ่งพาตำรวจมาก ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าคุณไม่ได้เป็นลูกท่านหลานเธอ ที่มีลุง มีพ่อ พอจะให้ตำรวจเขากุลีกุจอมาช่วยจัดการให้
ใครต้องมีธุระไปแถวซอยเอกมัย ให้ระวังมากๆนะครับ ช่วงนี้ไม่รู้ขโมยไปสุมหัวอะไรกันที่ซอยนั้น สองอาทิตย์ก่อนน้องคนนึงชื่อไอ้คุณหนุ่ย ก็เพิ่งโดนทุบกระจกเอากระเป๋าใส่โน๊ตบุ๊คไป
ถ้าจะไปควรขนข้าวของลงไปด้วยให้เรียบร้อย อย่าเหลืออะไรไว้ล่อตาประชาโจร ถ้าเป็นไปได้ จอดในที่ๆมีคนดูแล ยอมเสียค่าจอดไปเถอะ 50 บาท ร้อยนึง ก็ถือว่าซื้อความสบายใจ ดีกว่าต้องไปขึ้นโรงพักทีหลัง
วันร้ายคืนร้ายของคนเรานี่ มันจะมาเมื่อไหร่ไม่รู้
รู้แต่ว่า ถ้าสติยังแข็งแรง ก็น่าจะพอรับมือได้นะครับ
ขอให้พระคุ้มครองทุกท่านนะครับ
ถ้าเรามีสติมากพอ เรื่องร้ายที่ต้องเจอคงจะลดดีกรีลงบ้าง คงจะไม่ร้ายจนเกินไปนะคะ