องุ่นเปรี้ยวเคี้ยวปริญญาโท


ผมรู้ว่าจะต้องมีคนสงสัยว่า.. ภาพข้างบนเกี่ยวไรกะปริญญาโท หือ.. คุณแอสตัน?

เอาน่า.. อ่านไปให้จบแล้วผมจะเฉลย

บล็อคนี้มีที่มาจากคำถามที่มีคนไปหย่อนไว้ ดังนี้ครับ

ยังถามได้อยู่มั้ยคะเนี้ย..

เราอยากรู้มุมมองของคุณในเรื่องของเกรดอ่ะค่ะ
เกรดมันสำคัญกะชีวิตนักศึกษาปริญญาโทมากมั้ยคะ

คือเราไม่ค่อยสนใจเรื่องเกรดเพราะเราคิดว่าเรามาเรียนโทต่อเพื่อจะเอาความรู้ไปทำงานให้ดีขึ้น..แต่ดูในมุมมองของคนอื่นๆ..ดูมันสำคัญจัง..

เลยอยากรู้มุมมองของคุณบ้าง

โดย: วุ้นเส้นย้อมสี IP: 203.149.12.234 วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:9:28:07 น.


ตอบคุณวุ้นเส้นย้อมสีครับ

มนุษย์เราอาจมีจุดมุ่งหมายในการทำเรื่องเดียวกัน เหมือนหรือต่างกัน

เช่น บางคนไปวัดเพื่อขอหวย บางคนอยากไปทำทาน บางคนอยากได้กำลังใจ
บ้างก็อยากไปเรียนวิปัสสนา บ้างก็ไปสะเดาะเคราะห์ เสริมดวง บ้างอยากไป"ขอ"
บางคนไม่ต้องการอะไรนอกจากได้รู้สึกว่า ทำหน้าที่ของพุทธบริษัท ได้ทำบุญบ้างตามสมควร

เอาตัวอย่างทางโลกบ้างก็ได้.. สังเกตไหม ว่าคนไปสยามแสควร์ด้วยเหตุผลต่างกัน

บางคนไปเพราะอยากไปฆ่าเวลา บางคนอยากได้เสื้อชุดใหม่ บ้างอยากไปอัพเดทตัวเอง
บางคนอยากไปเหล่สาว บางคนอยากไปซื้อซีดี บางคนอยากไปเรียนกวดวิชา
บ้างก็อยากไปดูหนัง บ้างก็ไปเดินอวดชุดใหม่ บางคนไปเพราะแฟนบังคับ หรือนัดเพื่อน

ปริญญาโทก็เหมือนกันนั่นแหละ บางคนเรียนเพื่ออยากได้ความรู้ บางคนอยากได้แค่วุฒิ
บางคนอยากได้สายสัมพันธ์ใหม่ๆ บางคนอยากหาคู่ บ้างก็โดนหน้าที่การงานบังคับให้เรียน

บางคนเรียนเพราะไม่อยากอยู่ว่าง แต่ก็ไม่อยากทำงาน เลยเรียนเพราะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

ฉะนั้น ถ้าคุณวุ้นเส้นย้อมสีจะต้องการในสิ่งที่ต่างจากคนอื่น ก็ไม่น่าแปลกอะไร
แต่ขอให้เข้าใจคนอื่น อย่าไปตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์อะไร

คือถ้าถามคนที่เห็นว่าเกรดเป็นเรื่องสำคัญ มันก็สำคัญ ถ้าถามคนที่เห็นว่าไม่สำคัญ มันก็ไม่สำคัญ

ตอนเรียนปริญญาตรี ผมก็คิดแบบคุณนี่แหละ ผมได้เกรด 3.16
เวลาไปบอกใครๆที่ได้เกรดไม่ค่อยสวยว่า เกรดไม่สำคัญหรอก
เขาก็มักจะบอกว่า.. พี่ก็พูดได้สิ พี่เรียนเก่งนี่

อ้าว.. เก่งตายล่ะเอ็ง เกียรตินิยมอันดับสอง ฉันยังไม่ได้เลย
คือในมุมของผม พวกเรียนเก่งต้องโน่น 3.5 ขึ้นไป พวกชนฃั้นกลางแบบผม อย่าสะเออะ

แต่มุมของน้องเขา เขาก็คิดว่า ได้ 3 ขึ้นไปก็ถือว่าเก่งแล้ว

ทุกคนย่อมมีสิทธิทำในสิ่งที่คิดว่าดีกับตัวเองมากที่สุดนะครับ ตราบใดที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง และผู้อื่น

ผมเป็นมนุษย์เผ่าที่ไม่ได้เรียนปริญญาโท เคยคิด เคยอยากเรียน
เพราะผมอยากเป็นอาจารย์ อยากสอนหนังสือ ไม่มีวุฒิปริญญาโท มันลำบาก

แต่ผมก็ไม่เคยได้เรียน เพราะผมเป็นพวกคิดมาก
มัวแต่คิดว่าควรจะเรียน เมื่อรู้ว่าอยากเรียนอะไรก่อน

ไม่ใช่เรียนเพราะใครๆเขาก็เรียน MBA กัน ไม่ใช่เรียนเพราะอันนี้มันโก้ดี หรือเผื่อจะไปเจอลูกหนี้(รัก)

อีกอย่าง.. ผมสนุกกับการมีชีวิตของผมดีแล้ว คือได้ทำงานเต็มที่ พักผ่อนอย่างที่อยากทำเต็มที่
สิบปีที่ผ่านมา ผมทำงาน 7 วันมาเกือบตลอด มีเว้นอยู่ ปีเดียว
ฉะนั้น ก็ไม่รู้ว่า จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน แล้วกลัวจะไม่มีเวลาให้อดีตแฟนมากกว่ากลัวจะไม่มีวุฒิ

(ก็เลยหาแฟนไม่ได้ โสน้าหน้า)

ใครที่เรียนโทมาแล้ว หรือกำลังเรียนอยู่ ก็จงภูมิใจว่า ท่านมีอะไรเหนือกว่าผมอยู่
คือความอุตสาหะ ในเรื่องเรียนโท และฝาบ้านท่านก็จะเท่กว่าฝาบ้านผมอยู่ขั้นนึง

อันนี้พูดกันแค่ปริญญาโทนะ ผมเจอใครเรียนจบด็อกเตอร์มา ยิ่งอายุน้อยๆ ผมงี้แทบน้ำตาไหล
ไปเอาทรัพยากรอะไรจากไหนมากมายไปเรียนกันจนได้หนอ คนเรา
อันนี้ ชื่นชมนะครับ

ใครอ่านมุมมองผมแล้วไม่เห็นด้วย ก็อย่าเสียเวลาแปลกใจนะครับ
ให้คิดเสียว่า ผมเป็นพวกองุ่นเปรี้ยวคนนึง ที่ไม่มีปัญญาจะเรียน แล้วก็พูดแก้ตัวไปงั้นๆเอง

ส่วนเฉลยเรื่องรูป .. ผมเอามาเป็นตัวอย่างว่า โลกนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าปริญญาโทเยอะเลย 5555

ปล. ความติงต๊องเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว กรุณาอย่าดื่มเกินวันละสองขวด และควรปรึกษาแพทย์ เด็ก สตรี และคนชรามีครรภ์ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง



สุขสันต์วันที่อ่าน นะครับ



Create Date : 02 เมษายน 2550
Last Update : 5 เมษายน 2550 19:44:30 น.
Counter : 3851 Pageviews.

24 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
ฮ่าๆ ชอบคำเฉลยรูปจังค่ะ ฮ่าๆ นั่นสิ มันอยู่ที่ชีวิตนี้คุณต้องการให้ตัวเองได้อะไรเนอะ

ดีจัง เข้ามาอ่าน blog คุณ aston แล้วได้คิดทุกทีเลย อ่านแล้ว ไม่เห็นว่าจะองุ่นเปรี้ยวตรงไหนเลยนี่คะ ตาลว่ามีเหตุผลดีออก เหมือนที่พี่สาวเคยพูดไว้เลย :)

แต่คนที่ยังมีหน้าที่อยู่อย่างตาลก็ต้องเรียนกันไป :)

สุขสันต์เดือนเมษาค่ะ :)
โดย: Namtarn (ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา ) วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:9:14:58 น.
  
ผมว่าเกรดก็สำคัญนาครับ ถ้าไม่ถึง 3 นี่โดนไทร์เลยอ่ะ แต่คณะผมนี่ไปเรียนแบบไม่เอาเกรดก็ได้ด้วย หรือบางวิชาอยากเข้าไปเรียนเฉยๆ ก็เข้าไปขออาจารย์ได้อีกต่างหาก แต่ผมมันพวกขี้เกียจ
โดย: strawberry machine gun วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:10:22:42 น.
  
โห บล็อคนี้จี๊ดจริงๆ ค่ะ 555 นั่งแช่อ่านบ๊อกคุณแอสตันจนไม่เป็นอันทำงานแระ

เป็นพวกองุ่นเปรี้ยวเหมือนกันค่ะ อย่างเรื่องปริญญาโทเนี่ย ใช่เลย ตัวเองไม่มีปัญญาเรียนก็หาเหตุผลต่างๆ นานา เช่น ไม่เห็นจะต้องเรียนโทก็ทำงานได้(ฟะ) จบโทมาแล้วได้เงินเดือนเยอะกว่าคนอื่นเหรอ (เป็น ขรก. จบไรมันก็เท่ากันนี่หว่า) ปริญญาตรีก็ได้เกรดตั้ง 3.43 แล้ว (อันนี้อยากอวด) โทเทอไม่ต้องเรียนแล้ว แต่เหตุผลจริงๆ แล้วคือ ตัวเองขี้เกียจ กลัวว่าจะเรียนไม่จบอะ คงอายเขาตายห่_
โดย: Together In 80s Dream วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:10:29:52 น.
  
เกรดนั้นสำคัญไฉน นั่นสินะ.....

ผมว่าถ้าตอบตัวเองได้ว่าเรียนทำไม เรียนเพื่ออะไร ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ส่วนคนอื่นจะคิดยังไงก็สุดแล้วแต่

แต่ถ้าเรียนจนเกือบจะจบอยู่แล้ว ยังนึกไม่ออกว่าเรียนทำไม เรียนเพื่ออะไร แล้ววิชาที่เรียนชอบหรือเปล่า ผมว่าอันนี้อาจจะลำบากหน่อยแล้วละ

ปล.ผมส่งที่อยู่ทางหลังไมค์ให้พี่เอ๊ดแล้วนะครับ ขอบพระคุณมากครับ

อีก ปล. เมื่อวันอาทิตย์ผมกลับจากเที่ยวที่กาญจนบุรี แวะกินข้าวร้านอาหารตามสั่ง ได้ยินคุณลุงเจ้าของร้านเปิดรายการคุณพี่ ตกกะใจว่าที่นี่สัญญาณถึงด้วย โอ้ว รายการคุณพี่แรงถึงตลาดเมืองกาญจน์ทีเดียว 5555 เกือบจะส่ง SMS ฝากให้คุณพี่ทักทายคุณลุงเจ้าของร้านหน่อยแล้ว
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:14:03:58 น.
  
เข้ามาทักทาย หลังจากหายไปนาน มาอีกที

อะไรเนี่ย พี่เอ้ดอัพบล็อคตามอ่านไม่ทันเลย

แต่เพลงยังแจ่มเหมือนเดิมเลยนะคะ

คนอารั้ย...หาเพลงรัยมาก็เพราะ โดนไปหมด
โดย: อุนากัณ วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:14:24:33 น.
  
เข้าไปในเวบ wimutti.net ที่คุณแอสตันแนะนำแล้ว เป็นเวบที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ ตอนนี้ดูไปคร่าวๆ คงต้องใช้เวลาอ่าน ฟัง อย่างละเอียดอีกที แอดเวบไว้แล้ว

แถมยังได้ทราบคำแปลของภาพวอลเปเปอร์ในเครื่องตัวเองด้วยค่ะ (ได้มาจากเวบ 84000.org)

นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว ขอนอบน้อมแด่วิมุตติธรรมของท่านผู้หลุดพ้นแล้ว

ขอบคุณสำหรับธรรมทานอีกครั้งค่ะ
โดย: Together In 80s Dream วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:15:26:43 น.
  
ถ้ามีโอกาสก็อยากต่อโทนะคะ

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

แล้วตอนนั้นเราจะแก่เกินไปมั๊ยเนี่ย

ถ้าจบโทจะได้เงินค่าวิชาชีพเพิ่มขึ้น ความน่าเชื่อถือมากขึ้น

และที่สำคัญมีงานให้ทำมากขึ้น

อืม ข้อหลังสุดทำให้ลังเลที่จะเรียนค่ะ

แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
โดย: random-4 วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:16:42:54 น.
  
เคยอ่านเรื่องของคนที่เลือกขีดทางชีวิตตามสังคม ตามสิ่งที่ผู้คนเชื่อว่าควรจะเป็น..แล้วก็สะท้อนในใจค่ะ
เพราะในบั้นปลายชีวิต เค้ามีแต่คำว่า "ถ้าย้อนเวลาได้...ผมจะ" มากมายเต็มไปหมด

เกิดมาก็คนเดียว ไปก็คนเดียว มีเราคนเดียวนี่ล่ะค่ะที่จะรู้ดีที่สุดว่าอยากเลือกทางไหน แต่บ่อยครั้งที่ไม่ลงมือก็เพราะแคร์สังคมนั่นเอง

ปล. คิมแตฮีน่ารักจังเลยยยย
ซองเฮเคียวอีกคนค่ะ สองคนนี้นางฟ้ามากๆ
โดย: Hobbit วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:18:03:08 น.
  
ย้อนไปสมัยเรียนระดับปริญญาตรีส่วนตัวให้ความสำคัญกับเกรดพอประมาณเลยค่ะ เหตุจากตอนนั้นเห็นว่าคนที่จบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ล้วนมีโอกาสได้งานดีๆมากกว่า เราเองเลยตั้งใจว่าแม้ไม่ได้จบจากสองสถาบันดังแต่หากได้เกียรตินิยมพ่วงมาในใบปริญญาด้วยคงช่วยเป็นใบเบิกทางสว่างๆได้ ..

แล้วกระดาษใบเดียวนั้นก็เบิกทางให้เราได้จริงๆ

สำหรับปอโทเราคงจะเลือกเรียนเมื่อเจอสิ่งที่อยากจะเรียนจริงๆแต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอจริงๆค่ะ

ปล1 พูดถึงลูกหนี้นั้นอีกแล้วนะคะ
ปล2 อันนั้นเป็นมุขน่ะค่ะ(ที่ดูเหมือนคนเม้นท์เข้าใจคนเดียว555)บลอคก่อนเห็นหัวขอแล้วนึกถึง Four Weddings and a Funeral ขึ้นมาซะงั้นส่วนงานแต่งไปมาเฉียดๆยี่สิบงานได้แต่ถ้านับซองคงเยอะกว่านั้น และก็ทำใจแล้วค่ะว่าคงขาดทุนแน่ๆ
ปล3 "โลกนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าปริญญาโทเยอะเลย 5555" เห็นจะจริงค่ะ
โดย: azamiya วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:18:15:59 น.
  
ปล2 หัวข้อค่ะ
โดย: azamiya วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:18:20:35 น.
  
น้าอ้ะ ขี้เกียจล็อกอินอ้ะ อิอิ
โดย: แมวขี้บ่น วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:22:32:40 น.
  
ยืนยันว่าเป็นเด็กเรียนมาก่อน

แต่เรียน ป.โท แต่เรียนไปสักพัก มันก้อไม่ใช่ที่เราอยากได้เลยเลิกดีกว่าค่ะ

ใช้เวลาหลังจากนั้นอีก ปีสองปีเพื่อวิเคราะห์ว่าเราอยากรู้อะไรหนอ ระหว่างนั้นไม่ได้ทิ้งเรียนนะค่ะ เพราะอ่าน Text ของ MBA และเรี่อง Management ตลอด เพิ่มความรู้และฝึกคิดไปในตัว

แต่ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มอ่านเรื่องธรรมะ อันนี้เริ่มจาก งานที่บริษัทจัดและแจกหนังสือธรรมะ แล้วรู้สึกว่านี่แหละใช่เลย เป็นสิ่งที่เราต้องการ เป็นสุดยอดความรู้ที่จะต่อยอดในการศึกษาเรื่องต่างๆ

Blog ของคุณ Astron ก็มีส่วนให้ความรู้และจุดประกายด้วยนะค่ะ

จึงต้องเรียนขอบคุณมา ณ ที่นี้ จะขอเป็นแฟน Blog ไปเรื่อยเรื่อยนะค่ะ



โดย: nichaboon3000 (Nichaboon3000 ) วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:8:01:23 น.
  
ตอบด้วยได้มะ…(อารมณ์วัยรุ่น)
ขอตอบยาวหน่อยนะคะ…(นานๆทีจะพอตอบได้ topicปรกติคุณAston…Guiness สู้มะหวายยย)

เกรดมันสำคัญกะชีวิตนักศึกษาปริญญาโทมากมั้ยคะ -> เกี่ยวมากด้วย ยิ่งถ้าไม่ทำresearchนะ

การที่จะเรียนปริญญาโทนั้นGuiness คิดว่าคนๆนั้นน่าจะมี maturity แล้วในระดับหนึ่ง
พอที่จะmake decision ให้ตัวเองได้แล้วนะ

อย่างที่คุณAstonว่านั่นแหละ
“ปริญญาโทก็เหมือนกันนั่นแหละ บางคนเรียนเพื่ออยากได้ความรู้ บางคนอยากได้แค่วุฒิ
บางคนอยากได้สายสัมพันธ์ใหม่ๆ บางคนอยากหาคู่ บ้างก็โดนหน้าที่การงานบังคับให้เรียน”

Final decision คือคุณตกลง,ยอมรับและเลือกที่จะเรียน
Guiness Draft เชื่อว่าคนเราถ้าเลือกที่จะทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีทีสุด

Grade เป็นตัวevaluate ในสิ่งที่คุณเลือกที่จะทำว่าทำได้ดีขนาดไหน ถ้าในสิ่งที่คุณเลือกในสิ่งที่คุณสนใจคุณยังทำไม่ได้แล้วจะไปนับประสาอะไรกับเรื่องอื่นๆ

ยิ่งคุณพูดว่า “เรามาเรียนโทต่อเพื่อจะเอาความรู้ไปทำงานให้ดีขึ้น” Grade ยิ่งสำคัญ
ยอมรับว่าไม่ใช่คนที่ Gradeดีจะทำงานเก่งทุกคน บางคนเก่งแค่ทำข้อสอบก็เป็นไปได้ แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้าใจในสิ่งที่เรียนจนสามารถเอามาใช้งานได้ดีจะเกรดดี

ถ้าGuiness เป็นเจ้านาย ต้องเลือกคนเข้าทำงานก็คงดูเกรดด้วยแน่นอน เสี่ยงเลือกคนจากกลุ่มคนเกรดดี กับเลือกคนทั่วไป Guinessว่าเลือกคนที่gradeดี Guinessเสียงน้อยกว่านะ

Grade ไม่ได้วัดว่าฉลาดมากฉลาดน้อย แต่ Grade เป็นตัววัด consistency
.
.
“ฝาบ้านท่านก็จะเท่กว่าฝาบ้านผมอยู่ขั้นนึง” -> ไม่จริงอ่ะคุณAston บ้านGuinessยัดไว้ในลังเก็บของ กลายเป็นทำให้พื้นที่เก็บของๆที่บ้านเต็มเร็วขึ้นอีก…กรรม…เรียนแทบตาย

จริงๆเรียนมากๆก็ทุกข์นะคุณAston เหนื่อยแบบเหมือนโดนสูบวิญญาณเลย 24-7เหมือนกันอ่ะ
ก็คงเป็นแค่อีกหนึ่งstyleของการใช้กรรมมั้งคะ


บ่นซะยาว…สงสัยGuinessจะเก็บกดมากแฮะ

p.s. ทั้งหมดเป็นแค่ความคิดเห็นของGuiness Draftคนเดียว ต่างคนก็ต่างความคิดน้า
โดย: Guiness Draft ผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักตักสุรา(ใส่ปาก<img src=http://www.bloggang.com/emo/emo24.gif>) (Guiness Draft ) วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:23:17 น.
  
ขอกลับไปเรียนตรีอีกรอบได้มั้ย?

มีเรื่องราวความรู้อีกมากมายที่อยากเรียน
โดย: Q.NUH วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:44:04 น.
  
เขียนได้ดีมากค่ะ อ่านแล้วก็มายืนยันด้วยคน แล้วแต่ท่านจะคิดว่าเรียนเพื่ออะไร และคนที่คิดต่างก็ควรเคารพในความคิดของผู้อื่น ขอให้มีความสุขกับจุดยืนของตัวเองก็พอ
คุณค่าของคนไ่ม่ได้อยู่ที่ปริญญา แต่ิอยู่ที่การกระทำดี อิอิ

จริงๆเกรดแค่ตัวเลขเบิกทางในทางอาชีพเท่านั้น แต่บางแห่งถ้าได้เกรดสูงเกินไปกับไม่ชอบนักเพราะอาจเป็นพวกบ้าเรียนจนเข้าสังคมไม่ได้ ดังนั้นเกรดยังเป็นเพียงตัวเลขที่ิอย่ายึดติดนักก็ดีค่ะ

เขียนแบบนี้จะมีคนไม่ชอบหรือเปล่หว๋า อิอิ
ชีวิตคนมีิะไรมากกว่าปริญญา
โดย: law of nature วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:19:20:27 น.
  
จริงๆเกรดแค่ตัวเลขเบิกทางในบางอาชีพเท่านั้น
^^
พิมพ์ผิด

คิดว่าได้เกรดประมาณ และดูสายอาชีพที่สนใจ
เก่งบู๊อาจดีกว่าเก่งบุ้น (พิมพ์ผิด)ยิ่งเขียนยิ่งผิด ไปดีกว่า
โดย: law of nature วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:19:29:57 น.
  
เมื่อเย็นแวะมาอ่านรอบนึงแล้วค่ะ
แต่ว่าไม่ได้ล็อกอิน
ตอนนี้ล็อกอินแล้วเลยแวะมาอีกรอบ
แค่จะบอกว่า
ชอบที่พี่เล่าเรื่องวันนี้จัง
อ่านจบอย่างรวดเร็ว
อยากรู้จริงๆ ว่าภาพเกี่ยวยังไง
แล้วก็เกี่ยวจริงๆ ด้วย

มีหลายที่เลยตอนที่จบใหม่ๆ
จะรับหนูเข้าทำงานโดยบอกว่า
เห็นเกรดหรอกนะ (3.09)
เลยจะรับ
เพราะอย่างน้อยแปลว่ามีความรับผิดชอบ
ในระดับนึง
ก็แปลว่าเกรดก็ต้องมีความสำคัญอยู่บ้าง
ส่วนปริญญาโทก็เหมือนเดิมค่ะ
เรียนๆ เล่นๆ เย็นๆ ใจ
แหะแหะ
องุ่นบางลูกก็หวานนะคะ
^^
โดย: I am just fine^^ วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:22:56:19 น.
  
ขอบคุณนะครับ ทุกท่าน ที่แวะมา

โดยส่วนตัวผมยังคิดว่า สำหรับการเรียน เกรดไม่สำคัญแต่มีประโยชน์ครับ

ฉะนั้น ถ้าเรียนแล้วได้เกรดดี ประโยชน์ย่อมมีอยู่ อย่างที่หลายๆท่านว่า ช่วยในการสมัครงาน ทำให้เราภูมิใจ ฯลฯ

แต่ไม่ได้แปลว่าเราควรจะสนใจเรื่องเกรด มากกว่าจุดมุ่งหมายของการเรียนจริงๆ

เช่นถ้าคุณเรียนคหกรรม ผมจะสนใจอาหารที่คุณทำมากกว่าเกรด

เพราะเกรด A มันอาจจะมาจากการที่คุณเป็นหลานผู้อำนวยการ เพราะสนิทกับอาจารย์ เพราะลอกการบ้าน รายงานเพื่อน หรือฝีมือจริงๆ ใครจะไปรู้

แต่ถ้าคุณลงมือทำต้มยำเดี๋ยวนั้น แซ่บเดี๋ยวนั้น อันนี้มันแน่ใจได้ว่า คุณเข้าใจสิ่งที่คุณเรียน

ท่านอื่นๆ ที่มาอ่านและคอมเมนท์ทีหลัง
ผมยืนยันได้ว่า ผมเข้ามาอ่านทุกข้อความนะครับ ย้อนหลังไปถึงบล็อคแรก ผมยังอ่านเลย

โดย: aston27 วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:8:39:43 น.
  


ไปเจอรูปชีสเค้กในซีดี เลยเอามาฝากหลังอาหารค่า เป็นชีสเค้กบราวนี่ของร้านเชรูแบง อร่อยมั่กๆ

ปล.ที่ว่าเห็นแววเนี่ย ขอยอมแพ้ศิษย์พี่ค่ะ สถาบันคิงส์คอลเลจรับรองแล้วเรียบร้อยว่าฮอตจริง
โดย: Hobbit วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:13:35:28 น.
  
นำดอกไม้มาฝาก คุณ aston วันี้สีชมพูนะคะ วันหลังจะะเอาสีขาวมาฝาก อิอิ

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ




Dicentra ดอกไม้รูปหัวใจ
โดย: law of nature วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:14:13:54 น.
  
เพลงคุณเพลงนี้นี่...

เกินคำบรรยาย

ส่วนเรื่องเกรด เราห่วยแตกกว่าคุณอีก แต่การประสบความสำเร็จเนี่ย เกรดมันก็แค่องค์ประกอบนึงล่ะนะ และก็ไม่ได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดซะด้วยสิ

แต่มันก็เป็นสิ่งที่ใช้พิสูจน์ได้ง่ายที่สุดล่ะเนอะ ว่าเข้าใจสิ่งที่เรียนมาได้ดีแค่ไหน มีความขยันตั้งใจระดับไหน ฯลฯ และอย่างน้อยจบมาได้เกรดดีๆ ก็ไม่ต้องคอยเตรียมคำตอบสวยหรูไว้ตอบคนสัมภาษณ์งานนี่สิ ดีจัง...

องุ่นเปรี้ยวด้วยคน (ฮา)
โดย: MaRiMeKKo วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:23:07:53 น.
  
สงสัยองุ่นเราจะหวานจนน้ำตาแทบไหล

คิดเหมือนกันค่ะ ว่าความต้องการของคนเราแตกต่างกัน
ถ้าไม่เห็นความสำคัญ ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะสำคัญสำหรับคนอื่นก็ได้ในบางมุม และทำในสิ่งที่ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นก็พอ

สำหรับตัวเอง ตอนเรียนหนังสือ ขอแค่ผ่านก็พอ
แต่เวลาผ่านแล้วมันได้ A หรือ B ก็เออ... ดีแฮะ
ได้ C ก็ อืม...รอดก็บุญแล้ว
เพราะตอนอยู่ปี 1 สนุกสนานบานใจ มีอะไรใหม่ๆทำเยอะแยะไปหมด
ไม่ได้รู้เลยว่าอ่านหนังสือก่อนสอบหนึ่งอาทิตย์แบบตอนเรียนมัธยมไม่ได้

แต่พอขึ้นมาเรียนวิชาคณะ รู้แล้วว่าจะเรียนยังไง
ก็สบายขึ้น เกรดตอนปีท้ายๆดีแบบไม่ได้พยายาม

เพราะเป็นคนรักสบาย ก็เลยไม่เข้าใจว่าเพื่อนที่ยืมเล็คเชอร์เราไปลอก อ่านทบทวนที่ขาด ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม
แล้วตื่นมาตี 4 อ่านอีกรอบก่อนมาเรียน
ทำไมเขาพยายามได้ขนาดนั้น
เกรด 3 ของเขาเป็นเรื่องที่ต้องพยายามมาก
แต่หลังๆก็เข้าใจ ว่าความสามารถคนเราต่างกัน
เพราะเพื่อนอีกคนแค่ฟังอาจารย์ในห้องเล็คเชอร์ ไม่เคยไปทวน
เรียนสบายๆ ไปดูหนังก่อนสอบ ก็ได้เกรด 3 กว่ามาไม่ยาก มากกว่าคนขยันเสียอีก
เพียงแต่เพื่อนคนนั้นพลาด F Physics ตอนปี 1 ซะก่อน ก็เลยรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้เกียรตินิยมแน่ ทั้งที่เรียน 3 กว่ามาตลอด

ใครจะทำยังไงก็ทำเถอะ สบายใจมีความสุขอย่างไหนก็ทำ
เราไม่สามารถบอกได้ว่าเกียรตินิยมไม่สำคัญ ก็เพราะโดนย้อนแบบคุณ aston นี่แหละ
แล้วจะให้บอกว่า ไม่ได้ทำอะไร มันได้มาเองก็ยิ่งชวนหมั่นไส้หนักเข้าไปอีก
แต่ไม่ว่าจะเรียนอะไร สิ่งที่เราไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ
นิสัยแย่ๆแบบชอบทำอะไรวินาทีสุดท้าย
อ่านหนังสือคืนก่อนสอบ...
เตรียม present ตอนตีสาม เพื่อตื่นตีห้าครึ่งไป present ตอนแปดโมงครึ่ง

ตอนถูกเชิญไปพูดที่โรงเรียนเก่าหลังจากจบมาแล้วเป็นสิบปี อ้ำอึ้งมาก เพราะไม่รู้จะแนะนำวิธีเรียนได้ยังไง
แต่ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมาก็เล่าตามตรงว่า
สมัยเรียนอยู่เล่นวอลเล่ย์บอลตอนเย็นทุกวันจนอาจารย์เดินมาเรียกให้กลับบ้าน

สงสัยจังว่าทำไมเขาเชิญเราไปพูดหนนั้นหนเดียวแล้วไม่ติดต่อมาอีกเลย

โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:22:36:42 น.
  
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:13:36:50 น.
  
เพิ่งมาอ่านเจอเมื่อเวลาผ่านไปปีกว่าๆหลังจากพี่เขียน
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แม้จะช้าไปมากค่ะ
ส่วนตัว เรียนจบมาสองปริญญาแล้ว ไม่รวมพวกประกาศนียบัตรผู้เชี่ยวชาญ แล้วก็ที่กำลังเรียนอีก 1 ปริญญา
เกรดที่ผ่านมา ก็พอใช้ได้(ในความคิดตัวเอง)
แต่จะบอกว่า ปริญญาทั้งหมดเกือบจะช่วยตัวเองไม่ได้ ตอนเกิดทุกข์กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เมื่อสองปีก่อน
มานึกดูตอนนี้ ปริญญาทางโลก มีเอาไว้รักษาหน้าที่การงานเท่านั้นเอง ปริญญาทางธรรม (การรู้เท่าทัน)ต่างหากที่จะรักษาจิตใจเราได้ยามเกิดทุกข์
อย่างไรก็ดี มีประดับตัวไว้ทั้งปริญญาทางโลกและทางธรรม จะเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ
โดย: My Life as a Doc (อย่างไรก็ดี ) วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:4:50:15 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Aston27.BlogGang.com

aston27
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]

บทความทั้งหมด