**คำเตือน.. บางส่วนของบทความอาจทำให้คุณรู้สึกว่าผมแอบเฉลยอะไรในหนังไปแล้ว
ถ้าคุณเป็นเผ่าพันธุ์คนดูหนังที่ไม่ต้องการรับรู้อะไรก่อนไปดู ก็ควรข้ามบล็อคอันนี้ของผมไปก่อนนะครับ
ตั้งใจมาหลายวันว่าจะเขียนเรื่องหนัง เพราะมีคนเมล์ไปเรียกร้องให้ผมเขียนเรื่องหนังอีก
ผมอาจจะเหมือนใครหลายคน ที่เข้าใจว่า The Break upจะเป็นโรแมนติค คอเมดี้ (หนังรักขำๆแต่ซึ้งด้วย) ตามสูตรเดิมๆ อย่างที่เราชอบๆกัน
แต่ผมอยากบอกว่า ก็จริงครึ่งนึง ครึ่งไหน ต้องไปดูเองนะครับ แต่ในส่วนที่ไม่ขำของหนัง มันก็สมจริงและให้บทเรียนที่ดีแก่คู่รักอย่างมาก
ผมผ่านการแต่งงานมาหนึ่งครั้ง และยังลูกผีลูกคน ว่าจะแต่งครั้งที่สองไหม เคยมีแฟนมาหลายคน ผ่านการเริ่มต้นและสิ้นสุดความสัมพันธ์มาหลายรอบ
ผมไม่ได้ภูมิใจสลดใจอะไรกับเรื่องจำนวน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับความรักนะครับ เพราะผมเข้าใจว่าผมเป็น perfectionist บนความ imperfect ของตัวเอง
ฉะนั้น สิ่งที่เป็นไปก็ยุติธรรมดีแล้ว
ในขณะที่นั่งดูหนังไป ผมก็มองเห็นตัวเองผ่านตัวละครในนั้น และมองเห็นคนอีกหลายคนที่ผมรู้จัก ที่มาปรึกษาปัญหาความรัก ครอบครัว ชีวิตคู่กับผม และเห็นปัญหาเดิมๆ ที่มีคนผ่านมาเป็นล้านๆคู่
ผมเชื่อว่าหลายคู่ มีจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์แสนจะเหลือเชื่อ แต่สวยงามอย่างที่บรู๊ค พบกับแกรี่ และลงเอยในจุดจบอย่างเดียวกัน
ส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้คนที่มีคู่รัก หรือไม่มี แต่คิดจะมี
ไม่ว่าคุณจะแต่งงานแล้วหรือไม่แต่ง นี่คือหนังที่คุณควรดู และเรียนรู้จากมัน
หนังจะบอกคุณว่า.. ความร้าวฉานในชีวิตคู่ มักจะเริ่มมาจากจุดเล็กๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญ แล้วขยายออกเป็นปัญหาใหญ่ ด้วยการสื่อสารที่ล้มเหลวอันเนื่องมาจากอัตตาว่าฉันถูก เธอผิด
หนังจะบอกคุณว่า.. มีรายละเอียดเล็กๆที่เราเห็นว่ามันไม่สำคัญอะไรเลยสำหรับเรา เราจึงละเลยมันไป โดยไม่รู้ว่า มันทำให้อีกฝ่ายเสียใจ มันอาจจะมีความหมายกับอีกฝ่ายมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่า เราไม่เห็นความสำคัญของเขาเลย
หนังจะบอกคุณว่า.. ในช่วงเวลาแห่งความโกรธเคือง ความไม่เข้าใจกันของคนสองคน หลังการระเบิดอารมณ์ จงเชื่อว่า ร้อยละแปดสิบของผรุสวาจา คนพูดไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ
ที่หลุดออกมาเป็นเพราะอารมณ์ และมันมักทำให้คนพูดเสียใจเอง
หนังจะบอกคุณว่า.. หลังการทะเลาะกันใหม่ๆ มันจะมีช่วงนาทีทองที่รอใครสักคนพูดคำว่า "ฉันขอโทษ" เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า เรายังแคร์เขาอยู่
หนังจะบอกคุณว่า.. ให้ระวังคำแนะนำจากคนใกล้ตัว จำพวกเพื่อนสนิท ที่พร้อมจะเข้าข้างคุณแบบหัวชนฝา แต่ไม่มีทางเข้าใจคุณสองคน มากกว่าตัวคุณเอง บ่อยครั้งที่คำแนะนำแบบแฝงอคติทางเพศ มันทำให้ปัญหาแย่ลงมากกว่าดีขึ้น
ไอ้ความคิดประเภทผู้ชายเลวกว่าหมา ผู้หญิงบ้ากว่าชะนี มันสะใจดี แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรในทางสร้างสรรค์นะครับ
เชื่อเถอะว่า.. ผู้ชายคิดต่างจากผู้หญิง โดยพื้นฐาน ความขัดแย้งยังไงมันต้องมี เพียงแต่เวลามีความขัดแย้ง คุณเข้าข้างตัวเองมากกว่าเข้าข้างคนที่คุณเรียกเขาว่า "ที่รัก" หรือเปล่า
อันนี้เป็นศิลปะนะครับ ผมสอนไม่ได้ ว่าแค่ไหนคือการประนีประนอม แค่ไหนคือการเอาใจแฟนมากเกินไป
หนังจะบอกคุณว่า.. อาจจะมีเงื่อนไขหลายอย่างในชีวิตคู่ ที่อีกฝ่ายอยากทำ อยากให้คุณทำ แต่คุณยืนยันนั่งยันนอนยันมาตลอด ว่าทำไม่ได้ ทั้งๆที่ มันมีหนทางเสมอ ถ้าคุณยอมรับมัน และหาทางจริงๆ
อย่างที่บรู๊ค ยอมรับในที่สุดว่า ถ้าเอาโต๊ะกาแฟออกไปตัวนึง พร้อมโซฟาตัวนึง ก็จะมีที่พอสำหรับโต๊ะพูลที่แกรี่อยากได้มานาน แทนที่เธอจะยืนยันว่า เธอจะยอมให้มีก็ต่อเมื่อมีที่อยู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้เท่านั้น
หนังจะบอกคุณว่า.. บางที.. การแยกทางกันก็ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความเกลียดชังเสมอไป
แต่เพราะความเข้าใจ มันมาถึงในเวลาที่สายเกินไป
หนังคงจะเข้าโรงในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ถ้าอยากดู .. ขอให้ไปดูในโรง หรือจะรอดู DVD ก็ได้ แต่กรุณาอย่าซื้อแผ่นผีมาดูเลยนะ
ถ้าดูแล้วเห็นอะไรมากกว่านั้น ก็มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
เรื่องเพลงของคนแก่ ขอยกยอดไว้วันต่อไปละกันนะครับ